ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าบ้านและที่ดิน เป็นของเจ้าของคนเดียวกัน การขายที่ดิน บ้านจะรวมไปด้วย ตามหลักส่วนควบ แม้ว่าจะมิได้ระบุว่าขายบ้านด้วยก็ตาม แต่ถ้าบ้านและที่ดิน มีเจ้าของคนละคน การขายที่ดิน จะไม่รวมบ้านไปด้วย เพราะบ้านไม่ใช่ส่วนควบ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 08:08:38

ความคิดเห็นที่ 2 ^^^^^^^ เห็นแย้งครับ *****ถ้าบ้านและที่ดิน เป็นของเจ้าของคนเดียวกัน การขายที่ดิน บ้านจะรวมไปด้วย ตามหลักส่วนควบ แม้ว่าจะมิได้ระบุว่าขายบ้านด้วยก็ตาม ..........  กรณีของ จขกท ระบุว่า ซื้อที่ดินอย่างเดียว ไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง บ้านไม่โอนไปด้วยนะครับ ในกรณีที่ซื้อที่ดิน แต่ไม่ระบุให้ชัดเจนว่าไม่รวม สิ่งปลูกสร้าง จึงจะถือว่าไปทั้งที่ดิน ทั้งบ้าน ****แต่ถ้าบ้านและที่ดิน มีเจ้าของคนละคน การขายที่ดิน จะไม่รวมบ้านไปด้วย เพราะบ้านไม่ใช่ส่วนควบ .............  กรณีนี้ ก็เห็นแย้งครับ การที่บ้านจะเป็นส่วนควบของที่ดินหรือไม่ ไม่ได้พิจารณาจากชื่อเจ้าของบ้านกับชื่อเจ้าของที่ดิน การที่บ้านจะเป็นส่วนควบของที่ดินหรือไม่ ไม่ได้พิจารณาว่า บ้าน กับ ที่ดิน เป็นคนละเจ้าของ หรือไม่ แต่ต้องพิจารณาว่า ผู้ปลูกบ้านเป็นผู้มีสิทธิในที่ดิน ของผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเจ้าของบ้านปลูกโดยมีสิทธิ เช่นสิทธิตามสัญญาเช่า บ้านนั้นก็ไม่เป็นส่วนควบ แต่ถ้าเจ้าของบ้านปลูกโดยไม่มีสิทธิ บ้านนั้นก็เป็นส่วนควบ ของที่ดิน แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 53 01:12:03 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 53 00:25:18 จากคุณ : up-to-date เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 00:23:49

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่า คุณ up-to-date อาจจะสับสนอะไรบางอย่างเรื่องส่วนควบก็ได้นะครับ บางทีคุณไปเอาเรื่องปลูกโรงเรือนโดยสุจริต และ เรื่องไม่สุจริต ลงบนที่ดินของผู้อื่นมาวินิจฉัยเรื่องส่วนควบ มันไม่ถูกต้องนะครับ จะเป็นส่วนควบหรือไม่ดูที่แม่ทรัพย์เป็นหลักก็จริง แต่กรณีเป็นที่ดิน ต้องดูเรื่องสิ่งปลูกสร้างด้วยว่าเจ้าของที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างเป็นเจ้าของคนๆเดียวกันหรือไม่ ถ้าเป็นเจ้าของคนเดียวกัน...แน่นอนบ้านเป็นส่วนควบ ถ้าไม่ใช่เจ้าของคนเดียวกัน แม้ว่าจะปลูกโดยไม่มีสิทธิแต่สุจริตหรือไม่สุจริต มันก็ไม่ทำให้บ้านนั้นตกเป็นของเจ้าของที่ดินไปได้ เพราะมันต้องไปบังคับเรื่องปลูกโรงเรือนโดยสุจริตหรือไม่อีกกรณี (ถ้าผมจำมาตราไม่ผิดน่าจะเป็น ม.๑๓๑๐ กับ ๑๓๑๑ ) ความเข้าใจของคุณที่เห็นแย้ง มันไม่ผิดครับ แต่การปรับข้อกฎหมายมาบังคับในเรื่องนี้นั้น มันคนละเรื่องเท่านั้นเอง จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 07:26:59

ความคิดเห็นที่ 4 ^^^^ จากความเห็นที่ 3 ของ น้าออด จะเป็นส่วนควบหรือไม่ดูที่แม่ทรัพย์เป็นหลักก็จริง แต่กรณีเป็นที่ดิน ต้องดูเรื่องสิ่งปลูกสร้างด้วยว่าเจ้าของที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างเป็นเจ้าของคนๆเดียวกันหรือไม่ ถ้าเป็นเจ้าของคนเดียวกัน...แน่นอนบ้านเป็นส่วนควบ ----- ถ้าไม่ใช่เจ้าของคนเดียวกัน แม้ว่าจะปลูกโดยไม่มีสิทธิแต่สุจริตหรือไม่สุจริต มันก็ไม่ทำให้บ้านนั้นตกเป็นของเจ้าของที่ดินไปได้ เพราะมันต้องไปบังคับเรื่องปลูกโรงเรือนโดยสุจริตหรือไม่อีกกรณี (ถ้าผมจำมาตราไม่ผิดน่าจะเป็น ม.๑๓๑๐ กับ ๑๓๑๑ ) ^^^ จากข้อความตรงนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับ น้าออด เพราะ การที่ ชื่อเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง เป็นของคนหนึ่ง และเจ้าของที่ดิน เป็นอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน เสมอไป แต่ต้องพิจารณาความตาม มาตรา 146 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินหรือติดกับโรงเรือนเพียงชั่วคราว ไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือโรงเรือนนั้น ความข้อนี้ให้ใช้บังคับแก่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้าง อย่างอื่น ซึ่งผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธินั้น ปลูกสร้างไว้ในที่ดินนั้นด้วย จะเห็นได้ว่า ตอนท้ายของมาตรา 146 ถ้าเจ้าของ สิ่งปลูกสร้างปลูกสร้างโรงเรือนโดยมีสิทธิในที่ดินนั้น สิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน แต่เจ้าของสิ่งปลูกสร้างปลูกสร้างโดยไม่มีสิทธิ แม้เจ้าของสิ่งปลูกสร้างจะเป็นคนละชื่อกับเจ้าของที่ดิน สิ่งปลูกสร้างนั้นก็เป็นส่วนควบของที่ดิน ซึ่งความเห็นตอนท้ายของผมนี้ มีฎีกายืนยัน ฎีกาที่ 788/2531 ว.เป็นผู้เช่าที่ดินจากจำเลยในฐานะส่วนตัว มิใช่เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ แม้โจทก์จะเข้าไปประกอบกิจการโรงแรมในที่เช่าและก่อนสัญญาเช่าครบกำหนดเวลา ว. ได้แสดงเจตนาขอต่ออายุสัญญาเช่าก็ไม่ก่อนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับโจทก์ โจทก์ไม่อาจอ้างสิทธิประโยชน์ใด ๆ จากสัญญาเช่าได้ การที่โจทก์ปลูกสร้างโรงแรม สระว่ายน้ำ ภัตตาคารในที่เช่า จึงเป็นการปลูกสร้างโดยไม่มีสิทธิในที่ดินของจำเลย สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบกับที่ดินและตกเป็นของจำเลยโจทก์ไม่อาจฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้. จากฎีกาข้างต้น ชัดเจนเลยว่า เจ้าของสิ่งปลูกสร้างคนหนึ่ง เจ้าของที่ดิน คนหนึ่ง สิ่งปลูกสร้างนั้นยังเป็นส่วนควบของที่ดิน ความเห็นแย้งของผม ตามความเห็นที่ หนึ่ง จึงถูกต้องแล้ว  จึงยืนยันมา ณ ที่นี้ (ไม่เกี่ยวกับมาตรา 1310 1311 เลย ขอร้องน้าออด ถ้าความเห็นไม่เหมือนน้าออด แล้ว อย่าว่าคนนั้นสับสนเลย เพราะบางครั้งผมไม่ได้ติดตาม กระทู้ คนจะเข้าใจว่าผมสับสน และเข้าใจว่าความเห็น ของน้าออดถูกต้อง แล้วจะจำไปแบบสับสน) จากคุณ : up-to-date เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 16:15:44

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณ คุณ up-to-date ที่แนะนำและชี้ทางสว่างให้ ผมได้ไปค้นฎีกาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ - ๒๕๕๑ ซึ่งมีอยู่ในมือ ปรากฎว่า  ฎีกาที่ ๓๓๙/๒๕๕๑ อธิบายเรื่องนี้ไว้ชัดเจน ซึ่งอสังหาฯใดจะตกเป็นส่วนควบหรือไม่ ให้ดูที่ผู้สร้างนั้นมีสิทธิเหนือพื้นดิน หรือสิทธิอย่างอื่นหรือไม่.. ถ้าไม่มีสิทธิใดๆเลย การสร้างอสังหาฯ ลงในที่ดินผู้อื่น อสังหาฯนั้น จะตกเป็นส่วนควบของเจ้าของที่ดิน ตาม ม.๑๔๔ ทันที คือจริงๆ ฎีกานี้ผมก็เคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้ว และจำ(ผิด)ได้ว่า มันมี ม.๑๓๑๑ บอกว่าถ้าสร้างโดยไม่สุจริต จะตกเป็นส่วนควบ แต่ผมลืมไปว่า การที่จะไม่ตกเป็นส่วนควบตาม ม.๑๔๖ ต้องอาศัยสิทธิโดยชอบในที่ดินด้วย ก็ขออภัยที่แย้งไปและอาจใช้คำไม่เหมาะสม และก็ขอขอบคุณที่ทำให้ผมต้องกลับไปค้น เพื่อหาความจริงครับ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:46:52

ความคิดเห็นที่ 6   รับ ฝาก ขาย บ้านและที่ดิน สนใจติดต่อ มล 083-5484943,083-5488485 จากคุณ : มล 083-5484943,083-5488485 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 53 14:29:03 A:115.87.81.86 X: TicketID:258817