Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ภรรยามีชู้ กับ การกอบกู้ครอบครัวของผม  

ภรรยามีชู้ กับ การกอบกู้ครอบครัวของผม
ภรรยามีชู้ กับ การกอบกู้ครอบครัวของผม
.......ภรรยามีชู้ กับการกู้ครอบครัวของผม
.......ขออนุญาตโพสต์เรื่องส่วนตัว ซึ่งบางตอนอาจจะมีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ด้วยเจตนาที่
จะสื่อสารถึงพฤติกรรมและระดับความคิดของจิตใจของภรรยาที่กระทำผิดต่อครอบครัว อย่างร้ายแรง
.......โพสต์นี้ก็เพราะอยากระบายเรื่องราวของตัวเอง ที่คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตของคนๆหนึ่งที่เดินทางมาเกินครึ่งของชีวิตของผม

.....ผมกับภรรยาอยู่ด้วยกันมา 14 ปี จนมีลูกที่น่ารักด้วยกัน 3 คน
.....ผมเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมในระดับแถวหน้าภายในจังหวัดของตนเอง และเป็นคนที่ทำเพื่อครอบครัวมาตลอดชีวิต เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับหน้าที่การงาน
จนได้รับคำชื่นชมจากผู้บังคับบัญชา และ เป็นที่นับถือของคนที่รู้จักภายในจังหวัดหลายร้อย หรือ อาจจะหลายพันคน
.....พฤติกรรมของผมเป็นคนถึงลูกถึงคน เหมือนไม่กลัวตาย บางครั้งในหน้าที่การงานต้องปะทะกับผู้มีอิทธิพลสูงที่สุดในพื้นที่
ซึ่งทำให้ผมต้องมีบุคลิกส่วนตัวเป็นคนห้าวหาญ พูดไม่เพราะ และแสดงออกถึงความพร้อมในการใช้ความรุนแรงในการปฏิบัติงานในหน้าที่ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาของคนที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างผม เพื่อเป็นสัญญาณปกป้องตัวเองจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้น
.......แต่อีกมุมชีวิตส่วนตัวของผมที่ไม่มีใครมองเห็น ผมอาจเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เหงากับการต่อสู้ มีอารมณ์ศิลปิน เล่นดนตรี วาดรูป เขียนหนังสือ
และ ชอบนอนกอดลูกเพื่อชดเชยความว้าเหว่ในหัวใจจากข้องนอก
.....ผมไม่คิดว่า ใครจะกล้าทำร้ายครอบครัวของผม เพราะนั่นหมายถึงผมย่อมต้องเอาคืนด้วยชีวิต
.....แต่ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และ ที่ทำให้น้ำตาลูกผู้ชายแบบผมไหลออกแทบเป็นสายเลือด
จากการกระทำจากคนใกล้ตัวคนที่ผมคอยปกป้อง
.....ผมเริ่มระแคะระคายกับพฤติกรรมบางอย่างของภรรยาจากเรื่องในอดีตย้อนหลังไป 4 ปี
ว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีครอบครัวมีภรรยาและลูกแล้ว เป็นคนในอาชีพเดียวกันกับผม
ตำแหน่งระดับเดียวกันกับผม และ มีชื่อเสียงเหมือนกับผม
.....ผมเป็นคนที่มีความสามารถสูงโดยอาชีพ....สามารถวิเคราะห์
เหตุการณ์และสามารถปะติดปะต่อเรื่องราว และ สมมุติฐานได้เร็ว
หลังจากที่ผมได้รวบรวมหลักฐานบางอย่าง ประกอบกับการกู้ข้อมูล
ในการส่ง Sms ของภรรยาถึงชู้รักของตนเองทำให้ผม สามารถ
ประเมินสถาณะการได้ว่าเรื่องราวเหล่านั้น น่าจะมีมูลความจริง
.....ผมเรียกภรรยามาคุย และ ขอให้ยอมรับสารภาพสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
.....เราใช้เวลาทะเลาะและคุยกันเรื่องนี้อยู่หลายเดือน ซึ่งในท้ายที่สุด
ภรรยาผมสำนึกผิดจากถ้อยคำที่ผมบอกเธอว่า
"ถึงจะไม่มีใครรู้และเห็นด้วยจากการร่วมสมสู่ของคุณทั้ง 2 คนตามข่าวลือ เพราะถ้าหากเป็นจริง
ก็ย่อมต้องอยู่ในที่ลับตา แต่อย่างน้อยคุณทั้ง 2 คนย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจตัวเอง.... และโดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น
คุณลองคิดดูว่า เขาจะมองผมและลูกอย่างไร อย่างสมเพช หรือ อย่างรู้สึกตั้งคำถามใช่มั๊ย ว่าผมเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างไร
ที่ปล่อยใม่รู้ว่าเมียตัวเองไปพลีร่างกายให้ผู้ชายคนหนึ่งที่มีลูกเมียแล้วเชยชม"
.......พอผมพูดถึงตอนนี้ ภรรยาผมร้องไห้คล้ายกับถูกคำพูดของผมกระตุ้นความรับผิดชอบชั่วดี
......เธอสารภาพว่าแค่มีใจให้ผู้ชายคนนั้นบ้าง แต่ไม่ใช่ความรัก และ ไม่เคยมีอะไรกัน
.....ผมยกโทษให้ และ บอกเธอไปว่า ถึงตอนนี้ผมก้ยังไม่เชื่อคุณแต่เพื่อลูกๆ
ผมจะพยายามลืมเรื่องข่าวลือนี้ และอย่าทำอีกแล้วกัน
.....ภรรยาผมสาบานด้วยชีวิตว่าจะไม่ทำตัวให้เกิดข่าวลือขึ้นอีก จะทำตัวเป็นภรรยาและแม่ที่ดีกว่านี้
งดเที่ยวกลางคืน หากผมให้โอกาสกลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง

.......เมื่อเดือนก่อน ผมเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง เพราะแทนที่ข่าวลือจะซาลงไป กลับกลายเป็นข่าวยิ่งแรงขึ้น
แม้กระทั่งคุณพ่อซึ่งอยู่ต่างประเทศก็ยังโทรศัพท์กลับมาถามเรื่องภรรยาของผมด้วยความไม่สะบายใจ ว่า
ได้ยินและได้ฟังเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถรับได้ของภรรยาผม
ผมเรียกภรรยามาสอบถามเรื่องข่าวลือที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งภรรยาก็ทำท่าหัวเราะเยาะผม ว่าผมเชื่อคนง่าย ข่าวลือที่เกิดขึ้นก็เพราะอีนั่น หรือก็เพราะไอ้นี่
มันพูดนินทาแค่นั้นเอง
..... ภรรยาผมลืมคิดไปว่า " ถ้าไม่มีไฟมันก้ไม่มีควัน " ถ้าไม่ทำตัวให้มันอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่จะเกิดข่าวลือ
มันก็คงจบลงไปเอง

.....ผมใช้เทคโนโลยี่ชั้นสูงติดตามพฤติกรรมของภรรยาผม วางแผนหลายชั้น ทั้งเครื่องชี้พิกัดจีพีเอส
กล้องตัวหนอนสอดผ่านช่องแคบๆได้ เครื่องบันทึกเสียงฯลฯ จนในที่สุดเมื่อประมาณตี 3 ของวันเสาร์ที่ 20 ที่ผ่านมา
....ผมพบว่า ตัวเองกำลังนั่งอยู่หน้าบังกาโลม่านรูดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งผมติดสินบนเจ้าหน้าที่โรงแรมไว้แล้ว
จากเครือ่งมือทั้งหลายทั้งปวง ผมนั่งสูบบุหรี่มองภาพและเสียงจากหน้าจอเครื่องมือของผม
.......ภรรยาที่น่ารักและเป็นคนที่เรียบร้อยเรื่องผู้ชายในสายตาของผมกำลังพยายามดันประตูห้องน้ำภายในห้องม่านรูด
พร้อมกับน้ำเสียงกระเส่าเต็มไปด้วยความต้องการว่าขอเข้าไปภายในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำร่วมกับผู้ชายคนนั้น
......ผมมองภาพภรรยาผมขึ้นคร่อมร่างและโยกไปมาบนร่างผู้ชายคนนั้นบนเตียง ผมมองภาพทั้ง2คน
ต่างคนต่างทำออรัลเซ็กส์ให้กัน เร่าร้อนและแตกต่างจากที่ภรรยากับอยู่ด้วยดัน และที่สำคัญ
ผมเห็นว่าทั้ง 2 คนไม่ใช้ถุงยางอนามัย
.......ในขณะที่ภาพเหล่านั้นอยู่ที่จอ แต่ในสมองผมนั้นผมกลับมองเห็นภาพผมและภรรยา
กำลังขับรถพาลูกไปเที่ยวตามทุ่งนา มองเห็นภาพตอนที่ชีวิตคู่เราไม่มีที่ซุกหัวนอน ลำบาก ยากจน
แต่เราทั้ง 2 คนและลูกๆยังสามารถกอดกันนอนในกระท่อมหลังร้างอย่างมีความสุขได้

(ขอโทษครับที่ถ้อยคำไม่เหมาะสม เพียงแตอยากให้เห็นพฤติกรรม ซึ่งทำให้เราสามารถ
ประเมินระดับความชั่วร้ายภายในจิตใจของภรรยาผม จากพฤติกรรมบนเตียงนอนกับชายชู้)

.....ผมสูบบุหรี่หมดมวนที่ 3 หลังจากที่ทั้ง 2 คนเสร็จกามกิจและนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง
โดยภรรยาผมเป็นฝ่ายออเซาะฉอเราะ ในขณะที่ผู้ชายนอนนิ่งๆและไม่ค่อยมีปฏิกริยา
.....ผมลูบคลำปืนบาเร็ตต้าในกระเป๋าปืนที่สะพายอยู่ด้านข้าง และ โทรศัพท์แจ้งลูกน้องซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าโรงแรม
เตรียมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.....การเอาชีวิตคนในเวลานี้ทั้ง 2 คน และให้การณ์ว่าเป็นการบังเอิญมาพบเจอนั้น ศาลยกฟ้องมาหลายรายแล้ว
.....แต่ในที่สุดผมตัดสินใจ ไม่ฆ่าใคร เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดของลูกผมก็คือแม่ของเค้า
ดังนั้นผมจึงแฝงตัวในมุมมืดห่างจากประตูห้องนอนของทั้งคู่แค่ 6 เมตร ได้แค่มองดูแค่นั้นเอง
.....ผมปล่อยให้ทั้งคู่เดินออกจากห้องด้วยสีหน้าและท่าทางกระปรี้กระเปร่า แยกย้ายกันออกไป

....ตี 4 ครึ่งผมเดินทางกลับบ้าน (ถึงบ้านหลังภรรยาของผม) เพราะแวะหาซื้อเบียร์และนั่งกินข้างทางอยู่
น่าแปลกที่ผมไม่เกรี้ยวกราดอย่างที่เป็นตัวเอง น่าแปลกที่ผมเป็นคนที่สามารถเอาชีวิตศัตรูได้
เป็นคนที่ในวงการนักเลงภายในจังหวัดไม่กล้าตอแย แต่น่าแปลกที่ผมมานั่งกินเบียร์กระป๋องอยู่ข้างถนนด้วยรอยยิ้มบางๆ
เพราะคิดถึงอดีตที่ผมและลุกเมียเคยอยู่ด้วยกันมา แทนที่จะรีบกลับไปฆ่าใครสักคน หรือ เตลิดหนีออกจากบ้าน
.......ผมกลับถึงบ้าน ภรรยามองหน้าผมและทำน้ำเสียงตำหนิผมว่า ไปไหนมา
....ผมนิ่งเงียบไม่ตอบ และ ไม่ถามอะไร เพราะรู้ว่าครอบครัวของเราไม่เคยมีความจริงตลอด 14 ปี ที่อยู่กันมา

..........ผมจะกอบกู้ครอบครัวคืนอย่างไร และ ผมจะรักษาแผลในที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีวันหายอย่างไร...............

.......ถ้าผมทนอยู่อย่างนี้ต่อไปเพราะอยากให้ลูกมีแม่และอยู่กับแม่ ผมจะต้องตรอมใจและอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
จนผมเชื่อว่าแม้วันที่ผมตาย ดวงตาผมก็คงจะไม่หลับ แล้วผมจะเอาพลังจากที่ไหนมาเลี้ยงและผลักดันลูกๆ
.......ถ้าผมทนอยู่อย่างนี้ สักวัน ภรรยาผมก็ต้องไปร่วมหลับนอนกับชายชู้คนนั้นอีก
ซึ่งใจผมจะเย็นและมีสติเหมือนครั้งนี้หรือไม่ หากผมสังหารคนเพราะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีอย่างหนึ่งในวงการนักเลง
ผมจะตอบลูกอย่างไรว่าใครฆ่าแม่ของลูกๆ และ ทำไมต้องฆ่า
.....หากผมคุยกัยภรรยาตรงๆ เป็นไปได้หรือว่า ภรรยาผมจะเลิก เพราะเค้าทำชั่วมาขนาดนี้
(ถึงขนาดทำออรัลเซ็กส์ให้ชายชู้ ซึ่งน่าจะแปลว่า "รัก" ถึงขนาดยอมให้ชายชู้ไม่ใส่ถุงยางอนามัย
ซึ่งน่าจะแปลว่า "ไม่ห่วงครอบครัว"
ถึงขนาดลักลอบมา 4 ปีเต็ม ทั้งที่รู้ว่าหากถูกจับได้หรือระแคะระคายต้องตายแน่นอน ซึ่งน่าจะแปลว่า "ไม่มีสำนึกอีกต่อไปแล้ว")
ภรรยาผมเค้าจะเลิกจริงหรือ
.....ผมควรจะตัดขาด และ หาภรรยาใหม่ที่ดีหรือไม่ แต่ลูกผมล่ะเค้าจะต้องขาดแม่อย่างที่ผมเคยขาดมา จนทำให้ผมเป็นคนแบบนี้
.....ผมน่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ที่ผมจะมีพลังเลี้ยงลูกอีกต่อไป

จากคุณ : pppp240909

จากคุณ : pppp240909
เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 09:11:49 A:113.53.174.254 X: TicketID:262363




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com