ความคิดเห็นที่ 1 ประการแรก ให้ดูตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๔ วรรคสาม     มาตรา ๓๔  บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการเดินทางและมีเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร     การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน การผังเมือง หรือเพื่อสวัสดิภาพของผู้เยาว์     การเนรเทศบุคคลผู้มีสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้บุคคลผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราชอาณาจักร จะกระทำมิได้ จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:16:25

ความคิดเห็นที่ 2 ประการที่สอง ดูหมวด ๒ การเสียสัญชาติไทย ตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๒ การเสียสัญชาติไทย                     มาตรา ๑๓  ชายหรือหญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของภริยาหรือสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของภริยาหรือสามี ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทยให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง     มาตรา ๑๔  ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติของบิดาหรือมารดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือมารดา หรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๒/๑ (๒) และ (๓) ถ้ายังประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป ให้แสดงความจำนงสละสัญชาติไทยตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์     เมื่อได้พิจารณาความจำนงดังกล่าวแล้ว เห็นว่ามีหลักฐานเชื่อถือได้ว่าผู้นั้นอาจถือสัญชาติของบิดาหรือมารดาหรือสัญชาติอื่นได้จริงก็ให้รัฐมนตรีอนุญาต เว้นแต่ในระหว่างประเทศไทยมีการรบหรืออยู่ในสถานะสงคราม รัฐมนตรีจะสั่งระงับการสละสัญชาติไทยรายใดก็ได้     มาตรา ๑๕  นอกจากกรณีตามมาตรา ๑๔ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นหรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง     การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้สละสัญชาติไทย ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี     มาตรา ๑๖  หญิงซึ่งเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติไทยโดยการสมรส อาจถูกถอนสัญชาติไทยได้เมื่อปรากฏว่า    (๑) การสมรสนั้นได้เป็นไปโดยปกปิดข้อเท็จจริง หรือแสดงข้อความเท็จอันเป็นสาระสำคัญ     (๒) กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ     (๓) กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน     การถอนสัญชาติไทยตามวรรคหนึ่งให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรี     มาตรา ๑๗  ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวอาจถูกถอนสัญชาติไทยได้ เมื่อปรากฏว่า     (๑) ไปอยู่ในต่างประเทศที่บิดาหรือมารดามีหรือเคยมีสัญชาติเป็นเวลาติดต่อกันเกินห้าปีนับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะ     (๒) มีหลักฐานแสดงว่าใช้สัญชาติของบิดาหรือมารดาหรือสัญชาติอื่นหรือฝักใฝ่อยู่ในสัญชาติของบิดาหรือมารดาหรือสัญชาติอื่น     (๓) กระทำการใดๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐหรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ     (๔) กระทำการใดๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน     การถอนสัญชาติไทยตาม (๑) หรือ (๒) ให้รัฐมนตรีเป็นผู้สั่ง ส่วนการถอนสัญชาติไทยตาม (๓) หรือ (๔) เมื่อพนักงานอัยการร้องขอ ให้ศาลเป็นผู้สั่ง     มาตรา ๑๘  เมื่อมีพฤติการณ์อันเป็นการสมควรเพื่อความมั่นคงหรือประโยชน์ของรัฐ รัฐมนตรีมีอำนาจถอนสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคสอง     มาตรา ๑๙  รัฐมนตรีมีอำนาจถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ เมื่อปรากฏว่า     (๑) การแปลงสัญชาตินั้นได้เป็นไปโดยปกปิดข้อเท็จจริงหรือแสดงข้อความเท็จอันเป็นสาระสำคัญ     (๒) มีหลักฐานแสดงว่าผู้แปลงสัญชาตินั้นยังใช้สัญชาติเดิม     (๓) กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ     (๔) กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน     (๕) ไปอยู่ในต่างประเทศโดยไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทยเป็นเวลาเกินห้าปี     (๖) ยังคงมีสัญชาติของประเทศที่ทำสงครามกับประเทศไทย     การถอนสัญชาติไทยตามมาตรานี้ จะขยายไปถึงบุตรของผู้ถูกถอนสัญชาติไทยในเมื่อบุตรนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะและได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๑๒ วรรคสองด้วยก็ได้ และเมื่อรัฐมนตรีสั่งถอนสัญชาติไทยแล้วให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ         มาตรา ๒๐ (ยกเลิก)       มาตรา ๒๑  ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาหรือมารดาเป็นคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของบิดาหรือมารดาได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือมารดาถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ให้เสียสัญชาติไทย     มาตรา ๒๒  ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทย จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:26:03

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาสังเกตการณ์ผู้สังเกตการณ์ครับ .. ก็ว่ากันไป ..   จากคุณ : T-H-F-C เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:26:07

ความคิดเห็นที่ 4 ประการที่สาม ดู กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Optional Protocol to the international Convenant on Civil and Political Rights) ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามและให้สัตยาบัน ข้อ ๑๒     ๑. บุคคลทุกคนที่อยู่ในดินแดนของรัฐใดโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการโยกย้าย และเสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่ภายในดินแดนของรัฐนั้น     ๒. บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีจะออกจากประเทศใด ๆ รวมทั้งประเทศของตนได้     ๓. สิทธิดังกล่าวข้างต้นไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใด ๆ เว้นแต่เป็นข้อจำกัดตามกฎหมาย และที่จำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข หรือศีลธรรมของประชาชน หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และข้อจำกัดนั้นสอดคล้องกับสิทธิอื่น ๆ ที่รับรองไว้ในกติกานี้     ๔. บุคคลจะถูกลิดรอนสิทธิในการเดินทางเข้าประเทศของตนโดยอำเภอใจมิได้ จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:39:35

ความคิดเห็นที่ 5 รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิของผู้มีสัญชาติไทย ตามมาตรา ๓๔ วรรคสาม และมาตรา ๓๔ นี้ก็สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Optional Protocol to the international Convenant on Civil and Political Rights) ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามและให้สัตยาบัน และไม่เข้าข่ายการเสียสัญชาติไทย ตาม พ.ร.บ.สัญชาติอีกด้วย (บิดามาดาเป็นคนสัญชาติไทย) จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะบังอาจเนรเทศ ให้เสียสัญชาติไทย หรือไม่ให้เข้าประเทศไทยได้ นอกเสียจากว่าเจ้าตัวจะสมัครใจเอง จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 17:49:18

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปให้ง่ายๆครับ คนที่มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด และมีบิดามารดาเป็นคนไทย จะเสียสัญชาติไทยก็ต่อเมื่อ สละสัญชาติเอง ครับ จากคุณ : ใช่แล้ว.....ผมเองครับ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 18:42:03

ความคิดเห็นที่ 7 มาตรา ๒๒  ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทย   ย่อมเสียสัญชาติไทย มาตรา 22 น่าคิดนะครับ จากคุณ : up-to-date เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 19:26:32

ความคิดเห็นที่ 8 มาตรานี้ครอบคลุมกับคนที่ถือสัญญชาติไทยทั้งหมด ซึ่ง การที่จะเสียสัญชาติไทยตามมาตรานี้  ในแต่ละกรณี ก็ขึ้นอยู่ว่า บุคคลนั้นๆ ได้สัญชาติไทยมาทางไหน   อย่างกรณีถูกถอนสัญชาติไทย จะไม่มีทางเกิดขึ้นกับคนไทย ที่เกิดในเมืองไทย มีพ่อแม่สัญชาติไทยครับและได้สัญชาติไทย มาโดยกำเนิดครับ ส่วนเรื่องการแปลงสัญชาติ หรือสละสัญชาติ ก็ต้องสมัครใจที่จะเสียสัญชาติเองครับ ถึงจะเกิดขึ้นได้ จากคุณ : ใช่แล้ว.....ผมเองครับ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 20:22:09

ความคิดเห็นที่ 9 มาตรา ๒๒ นี่ก็น่าคิดจริง ๆ เหมือนกันนะ ข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ก็มีเพียงความเห็นของนักวิชาการ และมีคำพิพากษาศาลฎีกาบางฉบับเท่านั้น จะลองทยอยให้ดูความเห็นของแต่ละท่านเหล่านั้นกัน เริ่มจาก การเสียสัญชาติไทยเพราะแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ http://learners.in.th/blog/archanwell-right2nationality/365511 http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=512&d_id=511 ----------------------------------------------- ๓.          องค์ประกอบของข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุให้เสียสัญชาติไทยเพราะแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว --------------------------------------------     การแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวที่จะทำให้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒ จะต้องเป็นการแปลงสัญชาติที่สมบูรณ์ และเป็นการกระทำที่มีเจตนาเพื่อถือเอาสัญชาตินั้นอย่างแท้จริง     การแปลงสัญชาติเป็นต่างด้าวที่สมบูรณ์ ย่อมหมายถึงการแปลงสัญชาติที่มีผลสมบูรณ์แล้วตามากฎหมายสัญชาติของประเทศเจ้าของสัญชาติใหม่เท่านั้น มิใช่เพียงแต่ความพยายามที่จะขอแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวเท่านั้น ดังนั้น การยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นต่างด้าวไม่ทำให้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒     นอกจากนั้น  การแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวอันเป็นเหตุให้เสียสัญชาติไทยนั้น  จะต้องเป็นการกระทำที่เอกชนมีเจตนาจะถือเอาสัญชาติต่างด้าวนั้นอย่างแท้จริง  ตัวอย่างของข้อเท็จจริงที่ทำให้เข้าใจองค์ประกอบข้อนี้อย่างชัดเจนก็คือ  ฎ.๓๑๕/๒๕๐๗  ซึ่งมีข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้ กรณีศึกษานายใฝ่หลิ่ม  แซ่หลิ่วใน ฎ.๓๑๕/๒๕๐๗          นายใฝ่หลิ่ม แซ่หลิ่ว เป็นบุตรของนายซื้อและนางอากุ้ย เกิดที่ถนนตะนาว ตำบลศาลเจ้าพ่อเสือ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๘ นายใฝ่หลิ่มอ้างว่าตนมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดตามพระราชบัญญัติสัญชาติ          นายใฝ่หลิ่มเรียนหนังสือที่โรงเรียนตะละภัฎ ถนนแพร่งนรา และโรงเรียนวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) จนได้ประกาศนียบัตรของกระทรวงศึกษาธิการ          นายใฝ่หลิ่มได้ขึ้นทะเบียนทหารตามกฎหมายและมีบัตรประจำตัวประชาชน          ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๖ นายใฝ่หลิ่มมีอายุ ๑๙  ปี เขาได้หนีบิดามารดาไปประเทศจีนเพื่อการศึกษา โดยมิได้ทำหนังสือเดินทางให้ถูกต้องตามพิธีการ          เมื่อบิดามารดาส่งหมายเกณฑ์ทหารไปให้นายใฝ่หลิ่มที่เมืองจีนเพื่อให้กลับมาคัดเลือกเข้ารับราชการ นายใฝ่หลิ่มจึงไปติดต่อกับกงสุลไทยที่เมืองมาเก๊าเพื่อขอหนังสือเดินทางกลับประเทศไทย กงสุลไทยไม่ยอมออกหนังสือเดินทางให้          นายใฝ่หลิ่มจึงไปติดต่อขอแปลงสัญชาติเป็นโปรตุเกสแล้วจึงถือหนังสือเดินทางของโปรตุเกสเพื่อมาขออนุญาตเข้าเมืองไทย          นายใฝ่หลิ่มได้เดินทางเข้ามาเมืองไทยในวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๑ โดยทางเครื่องบิน เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายใฝ่หลิ่มได้ใช้หนังสือเดินทางเลขที่ ๑๕๔/๑๙๕๘ ซึ่งทางราชการของเมืองมาเก๊าออกให้ติดตัวมาโดยใช้ชื่อในหนังสือเดินทางว่า “นายเลาไวลัม” ซึ่งมีสัญชาติโปรตุเกส กองตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย อนุญาตให้นายเลาไวลัมเข้าเมืองได้ชั่วคราว          ต่อมาวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ นายใฝ่หลิ่มหรือเลาไวลัมได้ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นไทยต่อกองตรวจคนเข้าเมือง แต่เจ้าหน้านี้ไม่อนุญาตตามคำขอ          นายใฝ่หลิ่มจึงยื่นคำร้องขอเข้าเมืองไทยในโควตาของคนสัญชาติโปรตุเกส แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตอีกและมีคำสั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย          นายใฝ่หลิ่มจึงฟ้องกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นคดีต่อศาล  โดยมีคำขอให้เพิกถอนคำสั่งของฝ่ายปกครองที่ให้ออกจากประเทสไทยและยืนยันว่านายใฝ่หลิ่มมีสัญชาติไทย          จะเห็นว่า  ฎ.๓๑๕/๒๕๐๗  เป็นกรณีของคนสัญชาติไทยโดยการเกิดซึ่งได้ออกจากประเทศไทยไปโดยไม่ได้ทำหนังสือเดินทางประจำตัวคนสัญชาติไทย (passport) แต่ต่อมาต้องการจะเดินทางกลับประเทศไทยจึงไปขอทำหนังสือเดินทางจากกงสุลไทยประจำประเทศที่ตนอาศัยอยู่เพื่อกลับประเทศไทยและถูกปฏิเสธ          เพื่อที่จะสามารถเดินทางกลับมาประเทศไทย บุคคลดังกล่าวได้แปลงสัญชาติเป็นโปรตุเกส และขอวีซ่าเข้าเมืองไทยในฐานะของคนสัญชาติโปรตุเกส และทันทีที่มาถึงเมืองไทย เขาก็ได้ยื่นคำร้องขอพิสูจน์สัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่          ข้อเท็จจริงเช่นนี้ ศาลไทยฟังว่า เขามิได้แปลงสัญชาติเป็นต่างด้าวโดยเจตนาที่จะถือเอาสัญชาตินั้นอย่างแท้จริง การแปลงสัญชาติเป็นโปรตุเกสของเขาจึงไม่ทำให้เขาเสียสัญชาติไทยที่เขามีอยู่          นับจาก  ฎ.๓๑๕/๒๕๐๗ หลักกฎหมายสัญชาติในเรื่องนี้จึงปรากฏตัวอย่างชัดเจนว่า การแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวอันจะทำให้บุคคลเสียสัญชาติไทยได้จะต้องมีข้อเท็จจริงครบองค์ประกอบ ๒ ประการ คือ การแปลงสัญชาติจะต้องมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายต่างด้าวนั้นแล้ว และผู้แปลงสัญชาติมีเจตนาจะถือสัญชาตินั้นควบคู่ไปกับสัญชาติไทย จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 20:53:26

ความคิดเห็นที่ 10 บันทึกคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่อง  เสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว เรื่องเสร็จที่ ๑๑๓/๒๕๔๐ (ไม่พบข้อมูลนี้ในเว็บสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่พบในเว็บ http://www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/jud/th/deca/2540/c2_0113_2540.txt) ตรงนี้เขาบอกว่า การเสียสัญชาติไทย จะมีผลก็ต่อเมื่อได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาติไทยนั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมายและต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติไทยอยู่ ----------------------------------------------------- คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๕) ได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวและได้ฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) และผู้แทนกระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวง) แล้ว เห็นว่า เรื่องการเสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวนั้น กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๕ ได้เคยพิจารณาให้ความเห็นในปี พ.ศ.๒๕๒๖ กรณีนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์*(๑) ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้หารือมาแล้ว โดยเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๒๒ ได้บัญญัติไว้ว่า "ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลง สัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย" ซึ่งหมายความว่า ผู้มีสัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวแล้ว ย่อมเสียสัญชาติไทย แต่การ เสียสัญชาติไทยนั้นจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕*(๒) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และการเสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒ นั้น ก็อยู่ในหมวด ๒ ภายใต้บังคับตามมาตรา ๕ เช่นเดียวกัน  ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาตินั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติไทยอยู่ จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 21:00:27

ความคิดเห็นที่ 11 ข่าว ความเห็นของรศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://news.sanook.com/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%9E.%E0%B8%95.%E0%B8%97.%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-936728.html ----------------------------------------- นักวิชาการด้านกฎหมาย "สัญชาติ" ชี้หากใคร "แปลงสัญชาติ" ไปเป็นต่างด้าว ย่อมเสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.สัญชาติฯ แต่กรณีของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า เป็นการ "แปลงสัญชาติ" หรือไม่ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ "สำนักข่าวไทย" ถึงกรณีที่มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจเสียสัญชาติไทย เพราะไปเป็นพลเมืองของประเทศมอนเตเนโกร ว่า การที่บุคคลใดจะเสียสัญชาติไทย ต้องมีข้อเท็จจริงว่า ได้มีการแปลงสัญชาติไทยไปถือสัญชาติอื่นแล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.สัญชาติ ที่ระบุว่า "ผู้มีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรืออาจถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย" และการเสียสัญชาติดังกล่าว จะมีผลต่อเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 5 ของกฎหมายดังกล่าว และให้มีผลเฉพาะตัว รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าวว่า สำหรับปัจจุบันยังไม่สามารถตอบได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เสียสัญชาติไทยหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองของประเทศมอนเตเนโกรในลักษณะอย่างไร และต้องดูว่ากฎหมายประเทศมอนเตเนโกรในเรื่องการให้สัญชาติเป็นอย่างไร เพราะการมีหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของประเทศใด ไม่ได้หมายความว่า จะต้องมีสัญชาติของประเทศนั้น "แต่หากมีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่า สัญชาติประเทศมอนเตเรโกรที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มา เป็นการ "แปลงสัญชาติ" ตามกฎหมายประเทศมอนเตเนโกร ก็ถือเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จะประกาศการเสียสัญชาติในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 22 และมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ของไทย และจะส่งผลให้บุคคลที่แปลงสัญชาติกลายเป็นคนต่างด้าวสำหรับประเทศไทย" รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าว จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 21:22:04

ความคิดเห็นที่ 12 แต่ก็มานึกดูแล้ว มันน่าจะมีปัญหาของคำว่า "แปลง" ว่าควรจะมีขอบเขตอย่างไร กรณีนี้เจ้าตัวเป็นผู้ขอเปลี่ยนเองหรือไม่ หรือทางประเทศปลายทางเสนอให้เอง จะมีผลต่อการตีความหรือไม่อย่างไร ---------------------------------------- พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า แปลง ดังนี้ แปลง ๒ [แปฺลง] ก. เปลี่ยนสิ่งเดิมให้ผิดแปลกออกไป, เปลี่ยนรูปทั้งหมด ให้กลายเป็นอีกรูปหนึ่ง เช่น ยักษ์แปลงเป็นมนุษย์, จําแลง ก็ว่า, เปลี่ยนจากรูปเดิมแต่บางส่วน เช่น คนดีแปลงเป็นคนง่อย, เปลี่ยน จากรูปเดิมโดยแก้ไขเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย เช่น เรือนชั้นเดียว แปลงให้เป็น ๒ ชั้น, ดัดแปลง ก็ว่า; ทํา เช่น แปลงขวัญ. จากคุณ : ผู้สังเกตการณ์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 21:30:03

ความคิดเห็นที่ 13 อืม ด้วยความเคารพอาจารย์นะครับ  ในฐานะศิษย์เก่า แต่ความเห็นของอาจารย์พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร  มักจะสวนทางกะแนวปฏิบัติของหน่วยงานรัฐเสมอ  โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคง เว้นแต่กรณีนี้ ที่เห็นตรงกะหน่วยงานความมั่นคง (โดยเฉพาะตอนนี้ ) ที่เห็นว่าถอนสัญชาติได้ ผมว่า เราเอาแนวของอาจารย์มาเป็นทางเลือกในการพิจารณาได้ แต่เอาเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีเฉพาะทางเลือกนี้ คงไม่ได้ครับ  (อ่านแล้วไม่งงใช่ไหม) ทุกวันนี้ การถอนสัญชาติไทย  ก็ทำกันเป็นปกติแหละครับ โดยอำนาจของรัฐมนตรีมหาดไทย  ซึ่งไม่ได้รอให้เจ้าตัวขอสละเองแต่อย่างใด  แต่เป็นกรณีที่คนไทยขอแปลงสัญชาติไปเป็นสัญชาติอื่น  พอได้สัญชาติใหม่ปุ๊บ  ก็ถอนปั๊บเหมือนกัน แต่กรณีคุณทักษิณ  ผมว่าต้องดูยาวๆ  ทางโน้นมีทนายมือดีเป็นทีมเลยทีเดียว  จึงไม่ใช่งานง่ายเหมือนถอนสัญชาติคนทั่วไป แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 53 21:49:51 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 21:47:00

ความคิดเห็นที่ 14 ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่เข้ามาตอบกระทู้ด้วยความรู้เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ  แผนกคดีบุคคล  ว่าด้วยเรื่องสัญชาติ คำตอบของทุกท่านจะเป็นความรู้แก่สมาชิกพันทิพอีกมากมาย จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัด ปี 1 (Detente) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 21:43:56

ความคิดเห็นที่ 15 ผมมีคำถามนะครับ คือว่าตอนนี้ทำงานอยู่ที่นิวซีแลนด์มาสี่ปีแล้วแล้ว แล้วก็เป็น Permanent Resident ของที่นี่ได้สักพักแล้วด้วย อีกสี่ปี ผมสามารถขอนิวซีแลนด์ซิติเซน และจะได้หนังสือเดินทางนิวซีแลนด์ด้วย คือผมก็ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกินอะไรขึ้นในอนาคด ***สมมุติถ้าผมได้สัญญาตินิวซีแลนด์ ผมจะเสียสัญชาติไทยเลยหรือไม่ครับ*** เพราะไม่แน่ในอนาคต อีกสิบปี หรือยี่สิบปีข้างหน้า ก็อาจจะกลับไปอยู่ที่ไทย แต่ระหว่างนี้ เป็นผู้พักอาศัยที่นี่ เสียภาษีให้ประเทศนี้ ก็อยากจะใช้สิทธิ์ที่เค้ามีให้เต็มที่ ก็ทำเพื่ออนาคตนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : habu (Habu) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 13:53:19

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบคุณ habu (Habu) ความเห็นที่ 15 ขอเรียนตอบคำถามของคุณ สั้นๆ  ตรงประเด็น  ดังนี้ 1. หากคุณได้รับสัญชาตินิวซีแลนด์  คุณยังไม่เสียสัญชาติไทย ......... เพราะ ........ ไม่มีกฎหมายไทยฉบับใดบัญญัติห้ามคนสัญชาติไทยมี  หรือห้ามคนสัญชาติไทยถือหลายสัญชาติ ***  แปลความได้ว่า  คนสัญชาติไทย  จะถือ  หรือจะมี 10 หรือ  20   สัญชาติในขณะเดียวกัน  ก็ย่อมได้  ไม่ผิดกฎหมายไทย 2. สำหรับมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 ที่บัญญัติใจความสำคัญว่า " ผู้มีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว..........ฯลฯ.............ย่อมเสียสัญชาติไทย " นั้น  ขอเรียนว่า  กฎหมายมาตรานี้มิได้บัญญัติให้คนสัญชาติไทยที่ไปรับสัญชาติอื่น  จะมีผลในทันที  ทันใดทำให้เขาต้องเสียสัญชาติไทยโดยอัตโนมัติ  มันไม่ใช่จริงๆ  เพราะ  กฎหมายมาตรานี้เป็นเพียงคำอธิบายถึงทฤษฎีของ " การเสียสัญชาติไทย "  เท่านั้นเอง ทั้งนี้เพราะ   ยังมีกฎหมายมาตรา 5 ของฉบับเดียวกันนี้  ควบคุมกำกับไว้ว่า  " ผู้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 จะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายอย่างแท้จริง  ก็ต่อเมื่อได้มีการประกาศชื่อบุคคลนั้นในราชกิจจานุเบกษาให้เสียสัญชาติไทยแล้วเท่านั้น  " 3. แต่ในทางปฎิบัติ  ตามความเป็นจริงนั้น  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้  อยู่ดี ๆ ก็ยังไม่เคยใช้อำนาจหยิบยกเอาชื่อคนสัญชาติไทยผู้ใดที่มีหลายสัญชาติ  นำมาประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เขาเสียสัญชาติไทยเลย  ไม่เคยมีจริงๆ เพราะมีแต่คนไทยที่มีหลายสัญชาติจะยื่นคำร้องต่อกระทรวงมหาดไทยด้วยตัวเอง  ขอให้มหาดไทยประกาศให้เขาเสียสัญชาติไทย    เป็นความจริงที่จริงแท้  ทั้งนี้ก็เพราะคนไทยที่ว่ามีเหตุผลส่วนตัวบางประการ   เช่น  หากจะเข้าทำงานในหน่วยงานสำคัญ ๆ ของประเทศที่ให้สัญชาติใหม่  บางหน่วยงานเขาต้องการให้บุคคลผู้นั้นมีสัญชาติของประเทศเขาเพียงสัญชาติเดียว  เหตุผลเพื่อความมั่นคง  เช่น  คนไทยสัญชาติอเมริกันที่จะเข้าทำงานองค์การอวกาศ  NAZA เป็นต้น คนไทยผู้นั้นจึงต้องการหลักฐานแสดงว่าได้สละสัญชาติเดิม ( ไทย ) ของตนแล้ว เรื่องอย่างนี้ท่านสามารถสอบถามได้จากสถานทูต / สถานกงสุลไทยทั่วโลกดูได้ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา   คนไทยที่ต้องการสละสัญชาติไทยจะเดินทางมายื่นคำร้องถึงกระทรวงมหาดไทยโดยผ่านสถานทูต / สถานกงสุลไทยที่นั้นเสมอ  ๆ และสถานทูต / สถานกงสุลไทยในต่างประเทศก็ไม่มีหน้าที่รายงานชื่อคนไทยที่ไดรับสัญชาติประเทศนั้นๆ  มาให้มหาดไทยประกาศเสียสัญชาติไทย สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา   ปัจจุบันมีคนไทยสองสัญชาติ  ไทย/อเมริกัน  มากมายเป็นหมื่นๆ คน  และต่างถือหนังสือเดินทางทั้งไทย  และอเมริกัน  ( มีคนละสองเล่มเป็นเรื่องธรรมดา)  หลังจากทำงานหนัก  ก็นำเงิน  ยู เอส ดอลล่าร์เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยแผ่นดินแม่เป็นปรกติ  บางคนมากันปีละ  2  -  3 ก็มี  เรื่องนี้ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิทราบกันดี  ไม่ผิดกฎหมาย  หรือไม่มีต้องห้ามใด ๆ ทั้งสิ้น คนไทยส่วนใหญ่มาก ๆ ในอเมริกาที่มีสองสัญชาติ  เขาไม่ต้องการสละสัญชาติไทยกันหรอก  เขาได้  American  Citizen  มาก็เพื่อทำงานหากิน  หาโอกาสที่ดีกว่าในสหรัฐ ฯ  เท่านั้นเอง  ใจยังเป็นไทย  1000  เปอร์เซนต์ 4. ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า  ภายใต้กฎหมายไทย  คนไทยสามารถมี 10 หรือ 20  สัญชาติในขณะเดียวกันได้ ( หากเจ้าของสัญชาติอื่น ๆเขายินดีให้นะ ) และมหาดไทยก็ยังไม่เคยฉวยเอาชื่อคนไทยมีหลายสัญชาติมาประกาศให้เป็นบุคคลเสียสัญชาติไทยโดยพลการแต่อย่างใด โดยเฉพาะท่านที่เป็นคนสัญชาติไทยโดยกำเนิด  ไม่ว่าจะโดย  "หลักสายโลหิต   jus  sanguinis " หรือ  " โดยหลักดินแดน   jus  soli"  ย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในเรื่องสัญชาติไทยเหนือกว่าคนไทยที่แปลงมาจากสัญชาติอื่น ๆ เพราะเรื่องสัญชาติของบุคคล  เป็นสิ่งที่สำคัญที่มีค่าสูงสำหรับแต่ละประเทศ   ไม่มีรัฐบาลที่ไหนเขาจะมาถอนสัญชาติคนชาติของตนกันง่ายๆ หรอก   อย่างน้อย ๆ คนไทยเหล่านี้   ถึงแม้จะไปมีสัญชาติอื่น ๆ แต่ก็ยังเผยแพร่วัฒนธรรมไทยได้  หรือยังอุดหนุนสินค้าไทยในต่างแดน   หรือไม่อาจคิดหันปากกระบอกปืนใส่คนไทยหากเกิดสงคราม สุดท้าย  สถานะของ  "สัญชาติ"  มิใช่สถานะ " สมาชิก "  เช่นการเป็นสมาชิกสโมสรกอฟล์ นะท่าน   ที่สมาชิกผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงติดต่อกันสองปี  ก็ให้ถอดออกจากสมาชิกภาพ   แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 18:52:16 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 00:16:03 จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัด ปี 1 (Detente) เขียนเมื่อ : 1 มิ.ย. 53 23:57:59

ความคิดเห็นที่ 17 Khun นักกฎหมายฝึกหัด ปี 1 Thank you so much! Thanks for the chrystal clear explainations. I was afraid that I had to choose one or another. Living here is pretty good but I still, Im missing the relaxing life style in Thailand sometimes. As you know travelling with Thai passport could be a pain sometimes. All the immigration and visa matters. But if I had to choose I'd rather keep my Thai citizenship. Big Thanks again :) (sorry for not using Thai fonts, i'm replying your post at work). จากคุณ : Habu (Habu) เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 07:39:35

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแตกประเด็นออกไปเพื่อประโยชน์แก่คนไทยหลายสัญชาติ ที่ต้องการคงไว้ซึ่งสัญชาติไทย จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 19:11:12