|
ความคิดเห็นที่ 24 |
คุณป้อม- ยาม คะ เรื่องเข้าวัดปฏิบัติธรรม ดิฉันทำมาหมดแล้วค่ะ ทำบุญ ทำทาน ปล่อยสัตว์, ถวายสังฆทาน, ทำบุญโลงศพ. ทำความสะอาดลานวัด, ล้างห้องน้ำวัด, ล้างจนให้วัด ดิฉันปฏิบ้ติมาหมดแล้วค่ะ
อะไรที่ทำแล้วคิดว่าจะทำให้ดิฉันสบายใจขึ้น ดิฉันก็ทำหมดทุกอย่าง สวดมนต์ก่อนนอนวันละเป็นชั่วโมง ดิฉันก็ทำ สิ่งที่ดิฉันอธิฐาน มีเพียงสิ่งเดียว คือ ขอให้ดิฉันหลุดพ้นจากเคราะห์กรรมในครั้งนี้ เคราะห์กรรมที่เกิดจากความโง่ ของดิฉัน ที่ยอมให้เค้าทุกอย่าง จนบางคนแทบไม่เชื่อว่า ดิฉันทำอะไร ๆ ให้ได้มากมายขนาดนั้น เพราะแค่คำว่า "ครอบครัว" จริง ๆ หรือ แต่ดิฉันทำค่ะ สุดท้ายเลยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ สภาพที่ กฏหมาย และความถูกต้อง ความยุติธรรม ไม่สามารถช่วยอะไรดิฉันได้เลย
กฏหมายไทย บางทีก็เป็นเหมือนดาบแหลมคมคอยทิ่มตำคนบริสุทฺธิ์ เพียงเพราะคนนึง มีเจตตาที่จะช่วยเหลือ เกื้อกูลคนอื่น เช่นการเซ็นค้ำประกัน สุดท้าย กฏหมายก็กลับมาเอาผิดกับคนที่ไม่ได้อะไรเลยไปเลย มิหนำซ้ำ กลับต้องมารับผิดชอบหนี้สินมากมาย ที่ตนไม่ได้ก่อ ในขณะที่คนต้นเหตุ อยู่กินอย่างสุขสบาย
ดิฉันเคยอ่านกระทู้ของคน หลาย ๆ คนในห้องนี้ที่ต้องตกอยู่ในสภาพผู้ค้ำประกัน อย่างที่ดิฉันเป็นอยู่ ทำไม ไม่มีใครคิดที่จะเปลี่ยนแปลงกฏหมายข้อนี้ให้ยุติธรรมกับอีกฝ่ายบ้าง คนค้ำ ค้ำเพื่อรับรองว่าคนคนนั้นจะชำระหนี้ แต่ไม่ควรจะหมายความว่า คนค้ำต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด ถ้าผู้ที่เค้าค้ำหายตัวไป หรือเพิกเฉยต่อการชำระหนี้ คนค้ำ อาจจะมีหน้าที่ช่วยติดตาม ให้เบาะแส หรืออาจถูกพากษ์ทัณฑ์ ไม่ใช่ให้ต้องรับชะตากรรมอันโหดร้ายค่ะ
มีคนค้ำมากมายที่ต้องตัดสินใจคิดสั้น เพื่อหนีปัญหา หนีหนี้ และดิฉันก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ที่เคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่ดิฉันแค่เกือบตายค่ะ ยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจอยู่ต่อ เพื่อก้มหน้าก้มตาชดใช้หนี้ที่ตัวดิฉันไม่ได้ก่อ
จากคุณ |
:
life in Aus
|
เขียนเมื่อ |
:
14 มิ.ย. 53 21:16:29
|
|
|
|
|