 |
ความคิดเห็นที่ 19 |
|
อ่านกระทู้ของคุณแล้วไม่ทราบว่าตอนนี้สามีของคุณได้รับการประกันตัวหรือยัง..ไม่ทราบว่าสามีของคุณอยู่ในเขตขอศาลที่ไหนคะ ใน กทม. หรือต่างจังหวัด เราในฐานะที่เป็นพนักงานคุมประพฤติของจังหวัดใหญ่จังหวัดหนึ่ง ..และมีหน้าที่ทำสำนวนของคดีตรวจพิสูจน์(ยาเสพติด)..ขอตอบข้อข้องใจของคุณเท่าที่จะทำได้แล้วกันนะคะ ไม่รู้ว่าจะช้าเกินไปหรือเปล่า .. ในการประกันตัว..ผู้ที่ประกันตัวได้จะต้องเป็นบิดา มารดา พี่น้องสายเลือดเดียวกัน โดยใช้สำเนาทะเบียนบ้านเป็นหลักฐานสำคัญ ส่วนสามีภรรยานั้น จะต้องจดทะเบียนกันแล้ว โดยให้ยื่นใบทะเบียนสมรสเป็นหลักฐาน..แต่สำหรับคุณ..สามารถยื่นประกันตัวได้ด้วยตนเองค่ะ..โดยใช้สูติบัตรของบุตรคุณที่มีชื่อของคุณและสามีคุณรับรองว่าเป็นบิดามารดา ..เป็นหลักฐานสำคัญ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของคุณและสามี ... มีบางครั้งค่ะ และที่สำคัญคุณจะต้องดำเนินเรื่องด้วยตนเอง ไปติดต่อที่สำนักงานคุมประพฤติเลยค่ะ ไม่ต้องติดต่อผ่านใคร เพราะว่ามีญาติของผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์หลายรายที่ถูกนายประกัน(นายหน้า)หลอกให้ทำสัญญากู้เงิน แล้วแอบอ้างว่าเป็นทนายความ จะดำเนินเรื่องให้ โดยคิดค่าใช้จ่าย 3,000 บาท 5,000 บาท ตามแต่จะว่ากันไป ทั้งที่จริงแล้วในการดำเนินการนั้น ญาติผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียวค่ะ.. 1.เสพ วงเงิน 10,000 บาท 2.เสพและมีครอบครอง วงเงิน 20,000 บาท 3.เสพและมีครอบครองเพื่อจำหน่าย วงเงิน 40,000 บาท ยกเว้นสารระเหยนะคะ วงเงิน 5,000 บาท
เพียงแค่วางเงินตามหลักประกันเท่านั้น เพื่อเป็นหลักประกันได้ว่าระหว่างที่พนักงานคุมประพฤติดำเนินการตรวจพิสูจน์..ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์จะไมมีพฤติการณ์ในการหลบหนี ซึ่งระยะเวลาในการตรวจพิสูจน์ตามกฏหมายจะใช้เวลา ไม่เกิน 45 วันค่ะ...หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว ก็จะได้เงินคืนทุกบาททุกสตางค์... และระหว่างที่ดำเนินการตรวจพิสูจน์ 45 วันนั้น พนักงานคุมประพฤติจะทำอย่างไรบ่าง? ก็คือ 1.ดำเนินการสอบปากคำเบื้องต้น โดยจะสอบถามประวัติเบื้องต้นก่อน ทั้งในเรื่องของประวัติครอบครัวและภูมิหลัง สถานภาพสมรส บ้านและสภาพแวดล้อม การศึกษา ประวัติการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 2.สอบปากคำพยานใกล้ชิด ซึ่งอาจเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา ก็ถามประวัติทั่วไปน่ะค่ะ อาจจะมีการหารือวิธีการบำบัด หรือพูดคุยปัญหาของผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ก็ได้(หากญาติเปิดใจนะคะ..เราสามารถแนะนำได้ค่ะ) 3.จากนั้นตรอจสอบประวัติการกระทำความผิดจากระบบสารสนเทศ 4.ออกพื้นที่ ไปสืบเสาะสภาพแวดล้อมที่ผูเข้ารับการตรวจพิสูจน์พักอาศัย 5.สุดท้ายก็เรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งค่ะ คร่าวๆก็แบบนี้ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน (ความจริงภายใน 15 วัน แต่ขยายได้ไม่เกิน 45 วัน โดยขยายครั้งแรกก่อนในวันที่ 30...งง มั้ยเอ่ย)
....จากนั้นเมื่อครบกระบวนการแล้ว..จึงจะเอาไปบำบัด.. การบำบัดมีอยู่คร่าวๆ 3 วิธีนะคะ คือ ..ควบคุมตัวแบบเข้มงวด อาจจะเป็นค่ายทหารในจังหวัดนั้นๆ(ถ้าต่างจังหวัด) ..ควบคุมตัวไม่เข้มงวด ศูนย์บำบัดฯ ...ไม่ควบคุมตัว แบ่งอีกเป็นผู้ป่วยนอก ที่โรงบาลใกล้บ้าน และโปรแกรมคุมประพฤติ(รายงานตัว) ทั้งหมดเนี่ย ใช้เวลาเบ็ดเสร็จ 180 วันค่ะ
หากปฎิบัติตามเงื่อนไขก็จะพ้นการฟื้นฟูฯด้วยดี แต่ไม่พ้นฟื้นฟฯ ก็จะมีการขยายการบำบัดไปอีก 6 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี ค่ะ หากเกิน2 ปีแล้วล่ะก็...ขึ้นศาลอีกครั้ง คราวนี้คดีอาญา จำคุกสถานเดียวค่ะ..ไม่รอลงอาญา ไม่ลดโทษกึ่งหนึ่งด้วย..
สำนักงานคุมประพฤติบางแห่ง..คดีเยอะมากค่ะขอบอก...ที่ที่เราอยู่นี่เฉลี่ยเดือนละ 40-50 คดีเลยนะคะ ดังนั้นการจัดลำดับคิวอาจล่าช้า แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ทุกๆรายภายใน 45 วัน แน่นอนค่ะ..หากเกินกว่านี้ถือว่าผิดกฏหมายค่ะ คุณสามารฟ้องพนักงานคุมประพฤติได้เลย...
แต่ก่อนอื่นนะคะ อยากให้คุณเห็นใจพนักงานคุมประพฤติ..นิดส์ นึง นะคะว่าพนักงานฯบางคนสำนวนคดีเยอะที่ดูแลอยู่เยอะมากกกกก.....ต้องนั่งพิมพ์รายงาน...ทั้งวันทั้งคืน....ประมาณว่ากลางวันสอบปากคำ ออกพื้นที่ กลางคืนต้งนั่งปั่นรายงานให้ทัน 45 วัน เฮ้อ!ขาข้างหนึ่งของเราก็อยู่ในคุกแล้ว..
แต่ยังงัยก็แล้วแต่เป็นกำลังใจให้นะคะ คนเราพลาดพลั้งกันได้ ....คุมประพฤติ..คืนคนดีสู่สังคมคะ
(คงช่วยได้บ้างเน๊อะ) ป.ล หากพนักงานคุมประพฤติคนไหนพูดไม่เพราะ หรือข่มขู่ตะคอก ไปหา ผ.อ ที่สำนักงานนั้นเลยค่ะ ...
จากคุณ |
:
พ.ค.ป
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ค. 53 23:01:09
A:118.172.17.244 X: TicketID:276886
|
|
|
|
 |