|
ความคิดเห็นที่ 3 |
โศกนาฏกรรมที่บ้านพนา ที่ค่ายบ้านพนาตอนนั้นโรงเรียนปิดเทอมแล้ว เราจึงเข้าอยู่อาศัยที่โรงเรียนเป็นที่ฝึกอาวุธ มีนักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชกลุ่มหนึ่งซึ่งทราบพฤติกรรมของงานเสรีไทย เต็มใจเข้าฝึกอาวุธด้วยได้เดินทางมาที่บ้านพนา
ปกติการฝึกจะมอบให้แต่ละคนที่ถนัดอาวุธอะไรเป็นผู้ฝึกชนิดนั้น ตอนสายของวันนั้นผมจำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไร คุณเล็ก ขัมภรัตน์ ญาติครูโพธิ์ ขัมภรัตน์ เป็นผู้ฝึกสอนปืนกลจอห์นสัน ปืนส่องวิถีสำหรับยิงกลางคืนหาวิถีกระสุน ปืนนี้เป็นปืนอังกฤษ คอปืนเจาะรูลายตลอดเราเรียกมันว่า "บักคอลาย" แม็กกาซีนโค้งติดทางด้านซ้ายตัวปืน เวลายิงต้องเอาแม็กพาดแขนซ้าย กระสุน 20 นัด ทาสีแดงที่หัวกระสุนสลับสีดำทุก 5 นัด เพื่อเป็นเครื่องหมายว่า กระสุนสีแดงจะมีฟอสฟอรัส เวลายิงกลางคืนจะเห็นวิถีปืน เหมาะในการยิงเครื่องบินมาก ขณะนั้นใต้ถุนโรงเรียนมีผู้อบรมนั่งอยู่ในห้องเรียนราว 30 คน ทุกคนนั่งหันหน้าไปทางทิศใต้ ปากกระบอกปืนหันไปทางทิศตะวันตกและปืนวางไว้บนโต๊ะครู คุณเล็กยืนอยู่ทางทิศตะวันออกติดพานท้ายปืน หันหน้าไปทางทิศเหนือ มีคุณเสริญ ผู้ช่วยคุณเล็กยืนอยู่ข้างหลัง คุณเล็กอธิบายว่า "ขณะนี้ปืนขึ้นลำแล้ว ถ้าเหนี่ยวไกจะลั่นทันที"
ผมและคณะอยู่ชั้นบนของโรงเรียน กำลังฟังรายงานจากลูกน้องที่ไปทำข่าวว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นมุ่งเข้าตัวจังหวัดมาก มีกองร้อยทหารม้ากองหนึ่งพักอยู่ที่ถนน
เราปรึกษากันว่าจะเข้าโจมตีหรือไม่ แต่มีคำสั่งก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่ให้โจมตีญี่ปุ่น จนกว่าจะได้รับคำสั่ง
เสียงปืนใต้ถุนโรงเรียนรัวเป็นข้าวตอกแตก ผมเห็นผิดสังเกตเพราะการยิงปืนกลจะไม่รัวแบบนี้ จึงรีบวิ่งลงไปดู
ภาพที่เห็นเสรีไทยที่นั่งฟังคุณเล็กสอน แตกอลหม่านเพราะปืนที่วางอยู่บนโต๊ะ เกิดลั่นเอง แล้วตกจากโต๊ะลงไปพื้นดินส่ายปากกระบอกเองไปทางทิศเหนือมาตะวันออกลอดขาคุณเล็กและคุณเสริญ ซึ่งยืนตะลึงมาสงบโดยหันปากกระบอกไปทางทิศใต้โดยไม่มีใครไปเหนี่ยวไก ปืนจะเต้นฉับๆ ไปเองโดยอัตโนมัติ
มีผู้ถูกปืนตายคาที่ 4 คนและค่อยๆ ตายไปอีก 4 คน รวมเป็น 8 คน สาหัส 4 คน ไม่สาหัส 4 คน คนที่ตายส่วนมากจะหลบลงใต้โต๊ะติดพื้นดินซึ่งเป็นวิถีกระสุน
คุณเล็กและคุณเสริญบอกว่า ปืนบนโต๊ะลั่นเองและตกลงจากโต๊ะหมุน 3 มุมฉากโดยไม่มีใครไปเหนี่ยวไก
ค่ายแตกอีกครั้งหนึ่ง เราจัดการหีบศพฝังคนตายทั้ง 8 ศพ ซึ่งมีนักเรียนโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช 4 คน ครูประชาบาล 4 คน ในจำนวนนี้เป็นศิษย์เก่าทั้งหมดเดินทางไปที่อำเภอตระการพืชผล ต่อมาผมและครูอาจ บัวขาว ได้รับคำสั่งให้ติดตามอาวุธที่อำเภอตระการฯ ไปที่ค่ายบ้านขามค่ายเก่าอีกแห่งหนึ่งโดยด่วน ต้องวิ่งกันแทบตับแตกอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนคนป่วยเราทำแคร่หามส่งโรงพยาบาลในจังหวัด เสร็จสงครามเราขุดเอาศพมาทำการฌาปนกิจศฟทั้ง 8 ศพอีกทีหนึ่ง ที่วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) คุณเล็กโกนหัวบวชต่อหน้าศพเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
ญี่ปุนยอมแพ้
ต้นปี 2488 ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ ญี่ปุ่นคงจะรู้ว่าไทยคิดไม่ซื่อได้ระดมทหารจากทางเหนือลงมารวมกันในจังหวัดมีที่ท่าจะยึดหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ขณะนั้นโรงเรียนกำลังปิดเทอม ญี่ปุ่นขนทหารเข้ามาพักที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชจำนวนมาก เห็นมีขุดหลุมในบริเวณโรงเรียน บางทีจุดไฟโขมง บางแห่งคึกคัก เหมือนเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
วันที่ 6 สิงหาคม 2488 อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาเป็นลูกแรก วันที่ 9 สิงหาคม 2488 อเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่นางาซากิเป็นลูกที่ 2 วันที่ 14 สิงหาคม 2488 ญี่ปุ่นยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข ผลแห่งสงคราม ผู้แพ้ย่อมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ญี่ปุ่นถูกยึดครองและเสียหนี้สงครามที่ตนก่อเป็นเงินมหาศาล แต่ประเทศไทยไม่ได้ถูกยึดครองและไม่ต้องใช้หนี้สงครามแต่อย่างใด เหตุเพราะแสดงให้โลกทราบว่า เรายอมเป็นมิตรญี่ปุ่นเพราะเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็ต่อต้านญี่ปุ่นเป็นการลับๆ พร้อมจะทำการหักล้างญี่ปุ่นร่วมกับสัมพันธมิตรได้ทุกเวลา จึงทำให้เราพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้
บทสรุป
เพื่อแสดงว่าเรามีเสรีไทยจริง และอาวุธที่ได้รับเราไปใช้ในทางกิจการจริงๆ ดังนั้นราวเดือนสิงหาคม-กันยายน 2488 เสรีไทยทั้งประเทศนับรวมกันกว่า 8,000 คน ได้เดินทางไปสวนสนามที่กรุงเทพฯ พร้อมด้วยอาวุธต่างๆ ที่เราได้รับการฝึก ท่ามกลางความแปลกใจตื่นใจของคนในกรุงเทพฯ เพราะไม่เห็นและไม่ทราบว่า เบื้องหลังนั้นไทยเราได้ทำอะไรแค่ไหนในสงครามนี้
เสรีไทยย่อมเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงออกนี้ และสำหรับชาวอุบลราชธานีก็เห็นและเข้าใจในเหตุการณ์ที่เราได้กระทำมา นี่คือความเกี่ยวข้องของเสรีไทยกับเบ็ญจะมะมหาราช
จากคุณ |
:
aftertime
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ส.ค. 53 16:16:06
|
|
|
|
|