PANTIP.COM : U9583720 คุณเห็นด้วยหรือไม่ถ้านักเรียนนิติศาสตร์สามารถเอาประมวลเข้าห้องสอบได้? [กฎหมาย]

ความคิดเห็นที่ 1

ขอตอบในฐานะที่เคยผ่านการสอบมาเยอะมาก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังสอบอยู่ นะคะ อืมมมมมมมม จขกท จะเคืองมั้ย หากว่าตัวเลือกของคุณน้อยไปสำหรับเรา แล้วเราก็ไม่สามารถเลือกคำตอบที่เป็น 50/50 แบบนี้ได้ค่ะ น่าจะมีอีกซักสองสามข้อ เช่น ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ ..... ไม่ขอออกความเห็น หรือไม่แน่ใจ แล้วก็อื่นๆ ประมาณนี้ พร้อมทั้งบอกเหตุผล คือเรามองว่าหากทำแบบนั้นอาจจะทำให้ จขกท ได้คำตอบที่หลากหลายมากกว่าตัวเลือกแค่สองช้อยท์แบบนี้น่ะค่ะ แต่ก็ไม่ได้ตำหนิว่าผิดน๊า แค่เสนอแนะเฉยๆ นะคะ ^^

เอาล่ะ เข้าเรื่องที่ จขกท ถามดีกว่าเนอะ สำหรับเรานะคะ การท่องหลักกฏหมายแม้ว่าจะเป็นการท่องจำ ท่องเพื่อสอบ ท่องเพื่อให้ผ่าน นั่นก็แล้วแต่บุคคลค่ะ เราบังคับใครไม่ได้ แต่การจะรู้รายละเอียดอะไรนั้นก็ต้องรู้ให้หมด รู้ให้จริง รู้เท่าทัน ไม่ใช่รู้แต่ในตำรา หากการสอบซึ่งเป็นการทดสอบ เป็นการบอกถึงความรับผิดชอบของตัวนักศึกษาอย่างนึงแต่เรากลับทำไม่ได้ โดยอ้างว่าไม่รู้แนวข้อสอบ สำหรับเราฟังไม่ขึ้นค่ะ เพราะถ้าหากเราตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ตั้งใจเข้าเล็คเชอร์ ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่าน และพยายามทำความเข้าใจในแต่ละบท เราว่าแม้ข้อสอบจะออกพลิกแพลงมาแบบไหน ยังไง ถ้าหากเตรียมตัวมาพร้อม เตรียมมาดีแล้วล่ะก็ จะไปกลัวอะไรล่ะคะ จริงมั้ย???

ก็ใช่ค่ะ ที่ว่าบางคนอ่านเพื่อให้สอบผ่าน อ่านเฉพาะที่ออกสอบ แต่อย่างน้อยเค้าก็ยังได้อ่าน ได้ทำความเข้าใจ ได้เห็นแนวข้อสอบผ่านตาอยู่บ้าง ซึ่งแม้ตอนไปเจอข้อสอบแนวนั้นๆ เค้าก็ต้องทำได้เป็นธรรมดา แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าขีดความสามารถของคนนั้นจะเก่งเพราะเกรดผ่าน!! ผลการประเมินที่ออกมาไม่ได้แปลว่าคนที่จะไม่ได้คะแนนเลยจะโง่ ไม่เก่ง ปัญญาทึบ นะคะ แต่นั่นหมายความว่าเค้าอาจจะตีโจทย์ไม่แตกเอง หรือไม่ได้อ่านในส่วนที่จะออกสอบ หรืออาจจะละเลยเนื้อหาในส่วนนั้นไป เลยทำให้พลาดในการสอบก็เป็นได้ ถามว่าจะโทษอาจารย์ที่ออกข้อสอบเหรอ? โทษที่อาจารย์สอนไม่เข้าใจเหรอ? งั้นมองว่าโทษตัวเราเองที่ละเลยในส่วนนั้นจะไม่ดีกว่าเหรอ? เพื่อเราจะได้ไม่มองข้ามมันไป ในครั้งต่อๆ ไป เพราะในความเป็นจริงการใช้กฎหมายก็เพื่อช่วยคนนะคะ หากแค่ข้อสอบในหนังสือเรายังมองข้าม มองผ่าน แล้วแบบนี้เราจะไปช่วยชีวิตใครได้ล่ะ ไม่ใช่เล่นๆ น๊า อ้อ อีกอย่างการจะช่วยคนหากเป็นทนายความล่ะคะ เวลาลูกความถาม จะต้องกลับไปพลิกหนังสือดูทุกครั้งเหรอ? ก็ใช่ที่ ใช่มั้ยล่ะ?

สำหรับเรา ยังไงก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดีค่ะ อืมมมม เรายกตัวอย่างให้ก็ได้นะ ช่วงที่เราเรียนอยู่นี่แหละ มีครั้งนึงอาจารย์ต้องยอมให้พวกเรา เพราะพวกเราตั้งข้อแม้งั้นงี้ ข้อสอบยาก อ่านไม่ทัน บลาๆๆๆ (ที่จริงมันขี้เกียจนั่นล่ะ) อาจารย์เลยใจดียอมให้(พวกเราดีใจมาก) แต่ท่านก็ให้พวกเราเลือกระหว่างเล็คเชอร์เข้าไปได้ 1 แผ่นกระดาษ หรือจะเลือกวิธีเดิม คือไม่ต้องเล็กเชอร์เข้าไป สอบเพียวๆ นี่แหละ ซึ่งพวกเราก็ได้เลือกการจดเข้าไปทั้งห้องด้วยมติเป็นเอกฉันท์ค่ะ มีการแอบดีจว่าคงจะง่ายด้วยนะ หากแต่อีก sect นึง เค้าเลือกไม่ต้องนำอะไรเข้าไปทั้งนั้น อืมมม ก็ต้องดูผลกันต่อไป

รู้มั้ยคะผลที่ตามมาคืออะไร ข้อสอบยากมากกกกกกกกกกกกกกกก ยากจริงๆ ยากแสนอยาก คือ ห้องของเราเนี่ย พอออกห้องสอบมาแต่ละคนโอดครวญยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ คือทำไม่ได้เลย แถมผลคะแนนที่ได้ก็น้อยนิด ตกลงกันแบบฮวบฮาบ คะแนนน่ารักกันมากมาย ส่วนอาจารย์ท่านก็ได้ให้เหตุผลว่าเมื่อพวกเราเลือกเอง ก็ต้องยอมรับกับผลที่จะเกิดขึ้นด้วย เพราะอาจารย์ได้ให้ทางเลือกแก่พวกเราแล้ว ถามย้ำก็แล้ว บอกเหตุผลก็แล้ว ไม่ได้บังคับอีกต่างหาก เพราะงั้นอาจารย์ก็ต้องออกข้อสอบให้ครอบคลุม เนื้อหา ในอัตราส่วนเท่าๆ กับอีกห้อง แต่เป็นข้อสอบอีกชุดนึง(แต่อีกห้องคะแนนดีกว่าห้องเราพอสมควรเหมือนกันค่ะ)

ซึ่งการออกข้อสอบแบบนี้ มันทำให้พวกเราประมาทที่ว่า "หลายคนไม่ยอมที่จะอ่านหนังสือ"หรือ อ่านแต่เปิดผ่านๆๆๆ ไปซะ แทบไม่เห็นความสำคัญ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจดช็อตโน้ตแค่นั้น เทอมนั้นพวกเราเข็ดกันมากๆ ซึ่งพอมองกลับไปก็จริงนะ ระดับข้อสอบกับหนังสือที่เรียนมีเป็นร้อยๆ หน้า แต่ข้อสอบเราไม่รู้ว่าจะออกส่วนไหนจากสองสามร้อยหน้านี้ ซึ่งถ้าไม่แน่จริง กับการสอบทุกๆ วันติดกัน แล้วก็เป็นข้อเขียนล้วนเนี่ย แถมยังต้องนำทฤษฎีร้อยแปดพันเก้าที่เรียนมาตอบให้ได้อีกก็หนักหนากันแล้ว ที่สำคัญบางวิชาเก็บเพียวๆ 80 คะแนน แถมยังเป็นวิชาบังคับซะด้วย ซึ่งเทอมนึงเรียนๆ กันก็ปาเข้าไป 8-9 ตัวแล้วนะคะ กับแค่ตัวนี้ตัวเดียว เราบอกได้เลยว่าวิญญาณหลุดลอยตั้งแต่เจอข้อสอบแล้วล่ะค่ะ เหนื่อยกว่าเดิมอีกแบบว่าเยอะมากๆ อ่ะ

ยังมีอีกนะ อาจารย์เคยถามโดยที่ไม่ต้องเสนอรหือถกกันเลยว่า สอบครั้งนี้จะเล็คเชอร์เข้าไปมั้ย พวกเราก็พร้อมเพรียงกันอีกละ(รักกันจริ๊ง)ไม่เอาค่ะ คือแบบว่าจะสันหลังยาว จะขี้เกียจกันแค่ไหน ก็ไม่ขอจดเข้าไปเด็ดขาด ส่วนผลก็สอบพอได้ค่ะ โดยรวมดีกว่าช่วงกลางภาคเยอะเลยแต่ก็ช้าไปแล้ว ก็อย่างที่บอกไป .....

เพราะงั้นเราจึงมองว่าการท่องจำแบบที่ จขกท บอกไปนั้น อาจจะดูเหมือนนกแก้วนกขุนทอง แต่เราว่าการท่องอย่างน้อยก็ผ่านการอ่าน ผ่านสมอง ผ่านการพูด ก็ยังดีที่ทำให้จำในเนื้อหาได้ แต่ถ้าจะนำประมวลเข้าห้องสอบเนี่ย ก็เช่นที่คุณว่าหากไม่เข้าใจแล้วคุณจะแบกหนังสือเล่มเท่าบ้านเข้าสอบ แล้วไปนั่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจอีกเหรอคะ (อาจจะเป็นคนอื่นนะคะ) บางคนเปิดหนังสือเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในห้อง แล้วแบบนี้คิดว่าสมาธิจะเหลือเหรอ???

เพราะการสอบต้องอาศัยการประมวลผล การทบทวนความเข้าใจ การทดสอบความรู้จากสิ่งที่เราได้เรียนมา หากการจะทำเช่นที่คุณว่าก็ไม่ผิด แต่ถ้าทำแบบนั้น จขกท บอกว่าไม่ต้องมัวกังวลว่าจะเก็งข้อสอบไม่ถูก อ่านไม่ทัน สอบไม่ผ่าน แล้วก็ตก ใช่มั้ยคะ ตรงกันข้ามหากมีการอนุมัติให้นำประมวลเข้าไปได้นั้น คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าจะผ่าน อีกอย่าง ในเมื่อคุณบอกว่าหากให้นำหนังสือเข้าไปได้ คุณจะได้ทำความเข้าใจทั้งหมด ไม่ต้องกังวลใดๆ งั้น จขกท ก็ใช้วิธีนี้ทั้งๆ ที่ไม่ต้องนำหนังสือเข้าห้องสอบก็ได้นิคะ ไม่เห็นจะยาก ต่างกันก็ตรงแค่คุณไม่ต้องแบกหนังสือไปให้หนัก เพราะคุณจำ+เข้าใจ เนื้อหาไปหมดแล้ว เพราะงั้นจะกลัวอะไรอีก จริงมั้ย??

ถ้าเมื่อคุณตั้งใจจะทบทวนเรื่องราวให้เข้าใจรวบยอดทั้งหมดอยู่แล้ว งั้นคุณก็ทำแบบเดียวกันซะสิคะ ทบทวนให้เข้าใจถ่องแท้ ไม่ต้องกังวลกับแนวข้อสอบ เพราะเรื่องแบบนี้เราทำเราได้นี่นา แถมมีความรู้ติดตัวอีก แล้วก็ไม่ต้องแบกหนังสือไปเป็นภาระให้หนักอีกด้วย เพราะยิ่งเราเข้าใจ เรายิ่งทบทวน สมองของคนเราก็จะยิ่งใช้การได้ดีขึ้นค่ะ ส่วนใครเค้าจะอ่านเพื่อเกรด หรืออ่านเพื่อเก็งๆ ให้ผ่านไปนั้น ก็อย่าได้แคร์ เมื่อคุณก็ตั้งใจจะจดจำอยู่แล้วนี่นา เพราะงั้นอย่าให้ความตั้งใจนี้สูญเปล่าสิคะ แค่ที่ว่าคุณไม่ได้เก็งข้อสอบ/เก็งผิดที่ เพราะนั่นก็ไม่ต่างจากพวกที่อ่านเพื่อทำเกรด หากแต่พอข้อสอบพลิกแพลงไปอีกแบบก็ไม่รอดเช่นกัน ว่ามั้ยคะ

อ้อ แชร์นิดนึงนะคะ เพื่อนเราก็เรียนนิติเหมือนกัน เธอก็อ่าน อ่านหนังสือเยอะมากๆ อ่ะ น่าจะคล้าย จขกท นี่ล่ะ แถมยังดรอปเรียนไปปีนึง ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่พอเลือกเรียนนิติในปีถัดมา(ซึ่งเราอยู่ปีสองเพื่อนเราอยู่ปีหนึ่ง) แต่คุณเพื่อนของเราเธอเรียนจบภายในสามปี สอบเนผ่านจนได้ครบทุกขาเพียงในรอบเดียว/ขา ด้วยค่ะ ที่สำคัญเธอก็เป็นผู้หญิงเช่น จขกท นี่แหละแถมยังรียนจบก่อนเราอีกต่างหาก ถ้าจะถามว่าเธอคงเก่ง ไม่ใช่เลย ยิ่งช่วงเรียนมาด้วยกันนะคะก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แถมยังไม่ค่อยได้มาเรียนอีกต่างหาก แต่เค้าก็ไม่เคยสอบตกเลยนะคะ เพราะถึงไม่ได้มาเรียนแต่เค้าก็หาอ่าน เก็บความรู้ใส่ตัวช่วงที่พอมีเวลาได้ไงค่ะ อ่านเพื่อเข้าใจ อ่านเพื่อรู้ อ่านเพื่อตัวของเค้าเอง เค้าทำ เค้าอ่าน เค้าได้เองไงคะ ซึ่งเราว่าเป็นเพราะเค้าใช้ความขยันของเค้าให้เกิดประโยชน์ในทางที่ถูกมากกว่า

จขกท ก็เช่นกัน อย่าเพิ่งท้อนะคะ เพราะเราไม่สามารถที่จะทำอะไรตามใจเราได้ไปซะทุกอย่าง และเมื่อสังคมส่วนใหญ่ยอมรับแบบนี้ เราก็ต้องยอมรับด้วย แต่ถึงความเห็นเราจะต่างก็ใช่ว่าจะไม่ดีนี่นา เผลอๆ บางทีความคิดนี้อาจจะได้ใช้จริงในวันข้างหน้าก็ได้ใครจะไปรู้ นะคะ เพราะงั้น จขกท ก็ต้องตั้งใจแล้วก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีทึ่สุด แล้วความสำเร็จก็จะมาเยือน จขกท ได้ไม่ยากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เข้าใจว่าการเรียนค่อนข้างหนักแต่เมื่อเป็นสิ่งที่เลือกแล้วก็ต้องยอมรับ และจงอย่าท้อแต่ให้พยายามสู้ต่อไป ก้าวไปข้างหน้าให้ได้นะคะ สู้ ๆๆๆๆ

ปล.ตกลงช่วยอะไรเค้าได้รึเปล่าเนี่ย ^^

** ขออภัยจ้า แก้ไขคำผิดนะคะ **
แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 05:53:35
แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 05:10:10
แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 04:55:23

จากคุณ : หนูน้ำนะคะ (แฟนฉันเป็นลิง)

เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 04:38:36

ความคิดเห็นที่ 19

##13 อืมมมมม ค่ะ สงสัย จขทก จะเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อคลาดเคลื่อนไปแล้วมั้งคะ ที่เราพูดถึงแล็คเชอร์ของเรานั้น เราแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นค่ะ ว่าที่เราเรียนเราก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ก็อยากจะแชร์ร่วมกัน แล้วก็ยกเหตุผลที่มองให้เห็นภาพว่าการที่เราต้องการนำเล็กเชอร์เข้าห้องสอบด้วย (แต่คุณอยากนำประมวลเข้าห้องสอบด้วย??) ซึ่งคุณมองว่าเพราะคุณเรียนกฏหมาย ที่แยกหลายส่วนย่อยในการสอบ และยากต่อการจำ มีเนื้อหายิบย่อย อีกข้อที่เหมือนกับเราเลยคือขี้เกียจจำ

เราก็เช่นกันค่ะ เราก็ขี้เกียจจำทฤษฏีที่มีเยอะแยะไปหมด แต่ละทฤษฏีก็นะมีเนื้อหายิบย่อยเช่นเดียวกันกับคุณนั่นล่ะ จะต่างกันก็ตรงที่คุณเป็นเรื่องกฎหมาย แต่ของเราเป็นเรื่องของสังคมล้วนๆ ซึ่งสำหรับเราแล้วมันยากมากที่จะจำขนาดนั้น ไม่รู้ว่า จขกท คิดเช่นนี้มั้ย ^^ ใช่ว่าเราจะจำไม่ได้นะคะ แต่ถ้าสามารถนำเข้าสอบได้ มันก็จะช่วยทุ่นแรงให้เราไม่ต้องปวดหัวกับการจำทฤษฏีทางสังคมให้มากไปกว่านี้ ที่เราก็ไม่รู้ว่าข้อสอบจะพลิกแพลงแค่ไหน

ยังไง สำหรับเรานะคะ จากสิ่งที่เราประสบมาจริงๆ แท้จริงแล้วเราว่ามันก็ต้องแล้วแต่ตัวนักศึกษาเองมากกว่า ว่าจะสามารถประยุกต์ ทำความเข้าใจ ในเนื้อหาบทเรียนได้แค่ไหน พยายามมากน้อยเพียงใด ไม่ใช่แค่ทฤษฎีที่เราได้กล่าวไปก็ขี้เกียจแล้ว งั้นแบบนี้เราจะเรียนเพื่ออะไรกัน (นี่เราคิดได้หลังจากสอบเสร็จแล้วนะคะ) เพราะถ้าไม่เข้าใจในเนื้อหาหลักการและหัวใจในสิ่งที่เล่าเรียนไปแล้วนั้น ต่อให้คุณนำเล็คเชอร์ไปเป็นปึก นำเนื้อหาที่คิดว่าดีที่สุดเข้าไปหากแต่ขาดความเข้าใจที่แท้จริง เราว่าสุดท้ายมันก็สูญเปล่าเช่นกันค่ะ

เพราะงั้น เรื่องนี้เราจึงมองว่า การที่จะนำตำราเข้าห้องสอบได้หรือไม่นั้น เราว่ามันไม่สำคัญเท่ากับตัวผู้เรียนว่าคุณมีความใส่ใจ มีความพยายามผลักดันให้ตัวเองผ่านพ้นจุดนี้ไปให้ได้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า ก็อย่างที่ จขกท ได้ ไปตั้งแต่แรกอ่ะค่ะ ว่าเราไม่ได้เรียนที่เดียวกันแน่ๆ อืมม ไม่แน่นะคะ อาจจะเรียนที่เดียวกันแต่ต่างสาขาก็ได้นี่นาเนอะ ^^ อีกอย่างถึงเราจะไม่ได้เรียนนิติ แต่เราก็พอรู้อยู่บ้างว่ากระบวนการสอบหรือกว่าจะได้เกรดที่ผ่านนั้น ยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน สำหรับเราไม่ว่าจะเรียนอะไร สาขาไหน หรือว่าวิชาไหน การสอบต่างกันเพียงใด อย่างไร สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเราเองนั่นแหละว่าจะสามารถกอบเก็บความรู้จากการเรียนการศึกษานั้นไปได้มากน้อยแค่ไหนต่างหาก

สำหรับบทเรียนครั้งนี้ของเราเองนะคะก็คือความคิดตื้นสั้นๆ ของพวกเราเองนั่นแหละ ที่ขี้เกียจ อยากได้คะแนนเยอะๆ ทางลัด ไม่ต้องอ่าน จึงมีการเสนอเพื่อเจะนำเล็กเชอร์เข้าห้องสอบด้วย เพราะปกติอาจารย์ท่านนี้จะไม่ใช้หนังสือเรียนเลย ท่านจะใช้การนำเสนอเนื้อหาจากตัวนักศึกษาเองล้วนๆ ซึ่งถ้าใครไม่เข้าใจตั้งแต่แรกหรือแค่ท่องได้แต่ก็ไม่รู้ความหมาย ต่อให้นำเนื้อหาที่ดีที่สุดเข้าไป คุณก็ตายอยู่ดีค่ะ เราแค่อยากร่วมแชร์ว่าและนี่ก็คือบทเรียนของเราที่ได้ประสบมา เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าคุณจะเรียนกฏหมาย เราจะเรียนสังคมวิทยาการพัฒนา และแม้ว่าเนื้อหารายวิชาจะต่างกัน การสอบต่างกัน อย่าง จขกท มีสามส่วนในการสอบ เราก็มีค่ะ เผลอๆ อาจารย์ใจดี สอบปากเปล่าเป็นรายบุคคลให้ปวดหัวเล่นๆ กันซะอีก โชคดีบางคนอาจจะได้ที่ว่าให้พูดถึงเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่แรกจนล่าสุดดูซิ ว่าเป็นยังไง(สมมตินะคะ) ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าผลจะออกมาแค่ไหน ยังไง

สรุปก็คือ เราก็ต้องอ่านเพื่อทำความเข้าใจในหลักการทั้งหมดให้ครอบคลุมอยู่ดีค่ะ เพราะใช่จะมีแต่เรื่องนี้ ยังมีทฤษฏีอีกล่ะ หลักการต่างๆ ยิบย่อยอีก เพราะงั้นที่คุณบอกก็ใช่ค่ะว่าคุณกับเราเรียนแตกต่างกัน ก็จริงนะ แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะคะ เพราะหลักกฎหมายเป็นสถาบันหนึ่งของสังคมที่จะช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับคนในชาติ เมื่อคนในสังคมปลอดภัยก็จะส่งผลต่อโครงสร้างทางสังคมที่ดีในส่วนรวมนั่นเองไงคะ ^^

อืมมม เอาเป็นว่าเราเข้ามาร่วมแชร์กับ จขกท ละกันนะคะ แม้ว่าเนื้อหาจะไม่เกี่ยวหรือไม่ช่วยอะไร ต่อคุณเลย สำหรับ จขกท ก็ขอให้ผ่านตรงจุดนี้ไปให้ได้นะ เรา เอาใจช่วยค่ะ ^_____^

ปล.เล็คเชอร์ที่อาจารย์ให้นำเข้าไปได้ก็แค่หน้าเดียวของกระดาษ A4 เท่านั้นค่ะ แล้วก็มีการตรวจก่อนเข้าสอบด้วย เพราะงั้นอย่าหวังว่าจะทำได้หากคุณไม่เตรียมพร้อมมาก่อนหน้ามาอย่างเพียงพอ (ผลก็อย่างที่บอกไป ^^)

จากคุณ : น้ำเองจ้า (แฟนฉันเป็นลิง)

เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 17:51:51