Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยิ่งพัฒนาเจริญก้าวหน้า ยิ่งเกิดความเหลื่อมล้ำ คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง  

ความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายช่วยให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็จริง
แต่กลับทำให้คนจนที่เป็นฐานล่างของสังคมยิ่งเดือดร้อนในระบบภาษีปัจจุบันซึ่งเก็บภาษีน้อยเกินไปจากที่ดิน
และเก็บภาษีมากเกินไปจากการทำงานและการลงทุนผลิตสินค้าและบริการ (รวมทั้งการแลกเปลี่ยนซื้อขาย)
Henry George (ค.ศ.1839-1897) เจ้าตำรับภาษีเดี่ยว เป็นคนแรกที่อธิบายสาเหตุของความยากจนได้ดียิ่ง

“ …พลังใหม่ ๆ นั้นถึงแม้จะมีลักษณะที่จะช่วยปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่ก็มิได้กระทำต่อโครงสร้างของสังคมมาจากเบื้องล่างดังที่ได้หวังและเชื่อกันมานานแล้ว หากได้อัดแทรกเข้าที่จุดกึ่งกลางระหว่างยอดกับฐาน เปรียบเสมือนมีลิ่มอันใหญ่โตตอกแทรกเข้าไปในระหว่างสังคม มิใช่หนุนสังคมขึ้นจากเบื้องล่าง ผู้ที่อยู่เหนือจุดแบ่งแยกนั้นถูกยกขึ้น แต่ผู้ที่อยู่ใต้จุดนั้นถูกบดขยี้ลง
คนโดยทั่วไปไม่แลเห็นผลร้ายอันนี้ เพราะว่ามันไม่ปรากฏชัดเนื่องจากได้มีชนชั้นที่พอจะประทังชีวิตอยู่ได้เท่านั้นเช่นนี้มานานแล้ว…” (เฮนรี จอร์จ. ความก้าวหน้ากับความยากจน หน้า 9 http://www.utopiathai.webs.com/PP-p001-088bk01.doc )

ปัจจัยที่ทำให้ที่ดินมีราคา (ทั้ง 7 ข้อนี้ มีเพียงข้อ 7 ที่เป็นการกระทำของเจ้าของที่ดิน แต่เป็นข้อที่ก่อผลเสียร้ายแรงที่สุด คือทำให้ที่ดินหายากและราคาสูงเกินกว่าที่ควรเป็น)
1. ความอุดมสมบูรณ์ของที่ดิน
2. ประชากรเพิ่ม ราคาที่ดินก็สูงขึ้น
3. เทคโนโลยีก้าวหน้า สามารถผลิตของกิน ของใช้ ของโชว์ ของเล่นคลายเครียดเพิ่มความสุขสนุกสำราญได้ประณีตพิสดารขึ้น (ล้วนต้องมาจาก “ที่ดิน”) ยิ่งเพิ่มความกระหายสำหรับผู้มีโอกาสมีความสามารถ ราคาที่ดินก็สูงขึ้น
4. เมื่อคนเราทำงานมากขึ้นเป็นการทั่วไป (รวมทั้งแม่บ้านออกทำงานด้วยจากเดิมที่พ่อบ้านทำงานคนเดียว) ก็เกิดผลเช่นเดียวกัน คือ ราคาที่ดินสูงขึ้น
5. การมารวมกันเป็นชุมชนเมือง ประชากรหนาแน่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้การร่วมมือกันด้วยการแบ่งงานผลิตสินค้าและบริการแล้วเอามาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันเป็นไปโดยรวดเร็ว ที่ดินก็แพงขึ้น
6. ราษฎรเสียภาษีให้รัฐเอาไปใช้ดูแลความสงบเรียบร้อยปลอดภัยไร้โจร คอยป้องกันอัคคีภัย สร้างถนน ท่อระบายน้ำเสีย มีพนักงานเก็บกวาด ตรวจตราป้องกันการก่อมลพิษ และบริการประชาชนด้านอื่นๆ อีก ก็ทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้นหรือแม้เพียงดำรงความน่าอยู่เดิมไว้ ราคาที่ดินก็สูงขึ้นหรือดำรงราคาเดิมอยู่ได้
7. การเก็งกำไรสะสมที่ดินเป็นการทั่วไปก็ทำให้ราคาที่ดินยิ่งสูงขึ้นไปอีก

ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามให้เกิดความสะดวกสบาย เจริญขึ้น แก่ส่วนรวม
จะมีแต่ทำให้ผู้มีสิทธิ์ถือครองที่ดินเป็นฝ่ายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น
ทุกคนที่พอมีกำลังทรัพย์ มีปัญญา เห็นดังนั้น ก็เอาอย่างกัน
เกิดการรวมหัวผูกขาดโดยไม่ได้นัดหมาย แสวงหาที่ดินกันเอาไว้มาก ๆ เท่าที่จะทำได้
เป็นการเก็งกำไรที่กว้างขวางที่สุดของโลก ขนาดที่ไปไหน ๆ ก็เจอที่ดินว่างเปล่ามีเจ้าของแล้วหรือใช้ประโยชน์น้อยเกินไป
ผลผลิตของชาติจึงต่ำ เกิดการหางานทำยาก ค่าแรงต่ำ
คนยากจน ด้อยโอกาส ไร้ความสามารถที่จะร่วมแข่งขันหาที่ดินมาเป็นของตนเอง จึงเดือดร้อน
ที่ดินต้องเช่า ซึ่งแพงขึ้นๆ ภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ต้องเสียในรูปของราคาสินค้าที่สูงขึ้น

และยังก่อวิกฤตวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่ที่ทั้งคนรวยคนจนเดือดร้อนอย่างมากเป็นระยะ ๆ ตลอดมา

การซื้อที่ดินมิใช่การลงทุนผลิตสินค้าหรือบริการ แต่คือการซื้อสืบต่อสิทธิ์ที่จะเรียกราคา/ค่าเช่าที่ดินสูงขึ้น
เจ้าของที่ดินไม่ได้มีส่วนในการผลิต แต่กลับมีสิทธิ์เรียกส่วนแบ่งของผลผลิตจากผู้ทำงานและผู้ลงทุนผลิต
สิทธิ์นี้จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัย 7 ข้อที่กล่าว ภาษาอังกฤษเรียก unearned increment ส่วนเพิ่มที่ได้โดยไม่ต้องลงแรงลงทุน

ทางแก้ก็คือเพิ่มภาษีที่ดิน และลด/เลิกภาษีอื่นๆ ที่เป็นภาระแก่ผู้ผลิต รวมทั้งภาษีเงินได้
นี่คือวิธีดีที่สุดในการค่อยๆ ทำให้ที่ดินกลายเป็นของส่วนรวมร่วมกันตามที่ควรจะเป็น
ความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายจึงจะกลับมาเป็นประโยชน์แก่ผู้คนในสังคมโดยทั่วหน้า.

จากคุณ : สุธน หิญ
เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 00:44:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com