ได้รับความไม่เป็นธรรมจากตำรวจ
|
|
ดิฉันเป็นคนกรุงเทพ แต่มาศึกษาอยู่ที่เชียงใหม่ มาเปิดร้านขายสินค้ากิฟช้อปเล็กๆอยู่ตลาดนัด เพื่อหาค่าเล่าเรียน เนื่องจากวันที่ 9 กันยายน 2553 โดนบริษัทลิขสิทธิ์ นำตำรวจเข้าจับกุมสินค้าลิขสิทธิ์เป็นพวงกุญแจรูปตุ๊กตาโดโมะ 14 ตัว ที่ซื้อมาจากสำเพ็ง โดยที่ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าเป็นสินค้าลิขสิทธิ์ โดยตอนที่เข้ามาจับกุมนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คนมาค้นในร้าน โดยที่ไม่มีการขออนุญาตสักคำเลย และได้ไปตกลงเจรจาที่ สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ในขณะนั้นมีผู้หญิงอีกคนนึง โดนจับกุมเช่นกัน ตอนแรกพาไปนั่งอยู่ตรงโรงอาหารด้านข้าง และรอให้เซ็นเอกสาร ดิฉันซึ่งเป็นนักศึกษา จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเอกสาร จึงถามเจ้าหน้าที่ว่าควรเซ็นว่าอย่างไร เจ้าหน้าที่จึงบอกว่า ถ้าเซ็นว่ารับสารภาพ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่บริษัทก็จะมาเจรจา แต่ถ้าเซ็นว่าปฎิเสธ ก็ต้องไปศาล ดิฉันเลยเลือกที่จะเซ็นรับสารภาพไป หลังจากนั้น บริษัทลิขสิทธิ์พาดิฉันเข้าพบร้อยเวร ชื่อ พ ต ท.เดชา เผ่าทอง ตำรวจบอกว่าต้องการคุยกันก่อนไหม ดิฉันเลยขอตกลงกันก่อน เรียกเงินจำนวน 2 หมื่นบาท ดิฉันจึงขอต่อรองว่าลดกว่านั้นได้ไหม ซักประมาณ 5 พันบาท เพราะว่าพวงกุญแจอันละแค่ 35 บาทเท่านั้น แต่บริษัทลิขสิทธิ์ไม่ยอม แต่ดิฉันเป็นแค่นักศึกษาไม่มีเงินจำนวนถึง 2 หมื่นบาท ทางบริษัทลิขสิทธิ์บอกว่าถ้าไม่จ่าย ก็ต้องไปขึ้นศาล ดิฉันเลยคิดว่าจะขึ้นศาล เพราะน่าจะถูกปรับน้อยกว่า 2 หมื่นบาท ทางบริษัทลิขสิทธิ์เลยพาเข้าพบ พ ต ท เดชา เผ่าทอง อีกรอบ ซึ่งตำรวจท่านผู้นี้ไม่ได้สอบปากคำและไม่อธิบายอะไรเลย บอกว่างั้นไปเข้าคุกเลย ระหว่างนั้นดิฉันก็ร้องไห้ บอกว่าขอรอสักครู่ได้ไหม เพราะคุณแม่(ของเพื่อน)กำลังเดินทางมาและคุณแม่(ของเพื่อน)อยากคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง แต่ตำรวจผู้นี้ไม่ฟังเลย และยังบอกว่าคุณแม่(ของเพื่อน) ซึ่งทำงานรัฐวิสาหกิจไม่สามารถประกันตัวได้ ซึ่งดิฉันได้แจ้งกับตำรวจท่านนี้ว่า คุณแม่กำลังเดินทางมา ขอรอบนโรงพักแป๊บนึงเท่านั้น เนื่องจาก คุณแม่กำลังขับรถมาอีกไม่ถึง 10 นาที แต่ตำรวจผู้นี้ได้ขู่บังคับและตวาดให้ดิฉันเข้าห้องขัง ทันทีค่ะ ถึงแม้ดิฉันจะร้องไห้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโดนด่าและตะคอกมากเสียงดังลั่นโรงพัก โดยตะคอกและตวาดว่า ถ้าเรื่องมากจะไม่ให้ประกันตัว ให้นอนในคุกไปเลย ระหว่างนั้นคุณแม่ก็โทรศัพท์เข้ามือถือตลอด เพื่อขอคุยกับตำวจท่านนี้ แต่ตำรวจท่านนี้ไม่ยอมคุยเลย ซึ่งการกระำทำของตำรวจผู้นี้เหมือนเป็นการบีบบังคับให้ดิฉันต้องยอมจ่ายเงิน 2 หมื่นบาทไปจะได้จบเรื่องจบราว โดยทในขณะนั้น บุคคลที่ถูกจับมาด้วยกัน ยังไม่มีใครขึ้นมาบนโรงพักเลย แม้แต่คนเดียว อีกอย่างการที่จะสู้คดี เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะชี้แจ้งอะไรบ้าง ว่าต้องทำอย่างไร แต่ตำรวจผู้นี้ไม่ได้ทำเลย ไม่ชี้แจ้งอะไรเลย ตวาดแต่ให้ไปเข้าคุก ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ถูกจับมาด้วยกัน ดิฉันยังไม่เห็นเค้าขึ้นมาบนโรงพักเลยค่ะ ซึ่งได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดกันว่า อีกคนที่ถูกจับมาด้วยกัน มีเส้นสายกับศาล และศาลได้โทรศัพท์มาหาตำรวจ เลยคุยกันได้ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที คุณแม่จึงได้เดินทางมาถึง และต่อรองกับบริษัทลิขสิทธิ์จึงยอมจ่ายเงิน 1 หมื่นบาท กว่าจะได้กลับบ้านคืออีก 4 ชั่วโมงหลังจากนั้น ซึ่งตอนที่ดิฉันกำลังดำเนินเรื่องเอกสารนั้น ดิฉันก็ได้ดูเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์ตลอด และ เห็นว่า พตท เดชา เผ่าทอง และเจ้าหน้าที่ลิขสิ์ทธิ์ เข้าไปคุยกันที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งตรงนั้นเป็นสถานที่ลับตาคน และได้ทำการยื่นอะไรซักอย่างให้กัน หมายความว่าอย่างไร ตำรวจบีบดิฉัน เพื่อรอรับส่วนแบ่งอย่างงั้นหรือ
การกระทำของ พตท เดชา เผ่าทอง ซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โต ไม่ต่างอะไรกับโจรที่ขู่กันโชกทรัพย์กันเลย เพียงแต่เอาตำแหน่งหน้าที่การงานและการเป็นตำรวจมาทำให้ดิฉันและยอมจ่ายเงินเท่านั้น ตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต ซึ่งจะตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้น่าจะมีความรู้มาก แต่กลับไม่เอาความรู้มาช่วยประชาชน ดิฉันเป็นเพียงนักศึกษา ซึ่งไม่เคยทำผิด ขึ้นโรงพักยังไม่เคยเลย ทำไมให้รอในสถานีไม่ได้ ทำไมต้องรอในห้องขัง เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง จะหลบหนีไปทำไม และจะหลบหนีไปเพื่ออะไร ทำไม 15 นาทีต้องไปรอแม่ในคุกด้วย เรียนท่านผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ ช่วยจัดการกับตำรวจไม่ดีด้วยเถอะ เห็นแก่เงินด้วยเถอะ จริงๆตำรวจต้องเป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่นี่ ตำรวจยังพึ่งไม่ได้เลย แล้วประชาชน จะทำอย่างไร
จากคุณ |
:
คนไทยคนหนึ่ง
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ย. 53 11:52:30
A:222.123.71.215 X: TicketID:286397
|
|
|
|