เห็นใจในปัญหาของน้องนะครับ
แต่อยากจะบอกว่า แม่ก็คือ "พระในบ้าน"
ท่านคือผู้ให้กำเนิดเรามา อุ้มท้องเราตั้ง 9 เดือน อยากกินอะไรก็กิน
ไม่ได้ บางคนแพ้ท้องอยู่นานมาก และวันที่เราเกิด ก็คือวันที่แม่เจ็บ
มากที่สุดในชีวิต และตอนเราเล็กๆ ท่านต้องตื่นตลอด คอยให้นม
ต้องป้อนน้ำ ป้อนข้าว เลี้ยงดูเราให้เติบโตมาทุกวันนี้ พระคุณของ
แม่แค่นี้เราก็ตอบแทนไม่หมดแล้วครับ
นอกจากนั้น อย่างน้อยแม่ก็ยังให้เิงนเราใช้เดือนละ 3,000 บาท
ถึงมันจะไม่มาก แต่ก็คงไม่มีใครเอาเงินมาให้เราทุกๆ เดือนได้หรอก
ถ้าเค้าคนนั้นไม่ได้รักเรา ดังนั้น ลองคิดดูดีๆ นะครับ
เข้าใจนะครับว่า เรียนปี 3 ปี 4 งานค่อนข้างเยอะ บางทีต้องออก Field
ด้วย แต่พี่ก็ยังเชื่อว่า ถ้าเราจัดเวลาดีๆ เราก็ยังสามารถหางาน Part Time
ทำได้ และการที่เราสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง มันน่าภูมิใจนะครับ
ซึ่งน้องก็เคยทำมาก่อน คงรู้ดีว่า เงินที่เราได้จากหยาดเหงื่อของเราเอง
มันมีค่าแค่ไหน
ท่านอาจจะมีเหตุผลของท่านก็ได้ เช่น อยากจะฝึกเราให้สามารถพึ่งตัว
เองได้ เลยพูดเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ หรือไม่ท่้านก็อาจมีปัญหาอะไร
สักอย่างที่เราไม่รู้
เราแน่ใจรึยังว่า "เราทำเต็มที่แล้ว" หากเราทำเต็มที่แล้วจริงๆ ก็คงต้อง
คุยกันกับแม่ครับ ไม่มีอะไรที่จะดีกว่าการพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล แต่
ต้องไม่ใช่ด้วยอารมณ์นะครับ
สุดท้าย ถึงแม้ว่าท่านจะทำอะไรไม่ถูกต้อง ท่านก็ยังเป็นแม่ของเรา
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ไปได้ อย่างน้อยเราก็โชคดีที่แม่
ยังเลี้ยงดูเรา ถ้าเทียบกับคนที่โดนแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก เราก็ดีกว่าคน
เหล่านั้นตั้งเยอะ อย่าท้อแท้นะครับ สู้ๆ ครับ เอาใจช่วย ขอให้ผ่านไปได้
ด้วยดีครับผม