ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อภาษีที่ดินต่ำ ค่าแรงย่อมจะขึ้นสูงไม่ได้ แม้จะเกิดความเจริญก้าวหน้า พลังความสามารถการผลิตจะสูงขึ้นด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี หรือแรงงานจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญสูงขึ้นเป็นการทั่วไป เพราะมันไปเพิ่มความคาดหวังว่าที่ดินจะยิ่งมีราคาสูงขึ้นไปอีก ก็ยิ่งมีการซื้อกักตุนที่ดิน ราคา/ค่าเช่าที่ดินยิ่งสูง ส่วนแบ่งผลตอบแทนต่อแรงงานและทุนจึงไม่เพิ่มหรือกลับลด  จนกว่าจะแก้ปัญหาถูกต้อง คือ ค่อย ๆ เพิ่มภาษีที่ดิน จนในที่สุดเท่าค่าเช่าที่ควรเป็น ขณะที่ลดภาษีการผลิตการค้า และภาษีเงินได้ ลงชดเชยกัน จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 08:25:20

ความคิดเห็นที่ 2 เก็บเอาแต่ภาษีที่ดิน แล้วประเทศจะหาเงินจากไหนล่ะครับ แล้วคนซื้อที่เก็บไว้ก็ไม่ได้เพราะภาษีต่ำหรอก แต่เขาต้องการที่ดิน ผมก็ต้องการที่ดิน ทุกคนก็อยากมีที่ แต่ไม่มีเงินเหลือพอซื้อก็แค่นั้น แถมเก็บแต่ภาษีที่ดิน ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา เขาต้องมีที่ดินไว้ทำกิน ในขณะที่คนเมืองประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องใช้ที่ดิน อย่างนี้ก็เป็นการผลักภาระ มาให้ชาวบ้านที่ผลิตอาหารสิครับ จากคุณ : gagigunggai เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 11:08:16

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษเ้จ้าของกระทู้นะครับ แนวความคิดของคนเมื่อ 130 ปีที่แล้วจะใช้กับปัจจุบันได้หรือครับ? ในเมื่อสังคมเมื่อ 100 กว่าปีก่อนมันเป็น Landlord ซะเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ในประเทศอย่าง USA ก็เถอะนะ อีกอย่างนะครับ ค่าแรงเนี่ยจะถูกจะแพงมันเกี่ยวอะไรกับภาษีที่ดินหรือครับ? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในประเทศ หรือ สถานที่นั้น ๆ หรือครับ? ลองคิดดูเล่น ๆ นะครับ ปัจจุบันผู้ที่ลงทุนไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เขาก็ได้รับรางวัลชนิดหนึ่งที่้เรียกว่า "กำไร" ไปแล้วเรียบร้อยครับ เพราะงั้นผมไม่เห็นด้วยที่ว่าจะต้องมีการให้รางวัลหรืออะไีรที่ใกล้ ๆ เคียงกันแก่คนกลุ่มนี้อีก อีกอย่างนะครับ การที่เขาขายสินค้าได้มาก ก็ใช่ว่าจะเป็นเพราะ สินค้าของเขาดีและราคาถูก เสมอไปนะครับ แต่มันมีปัจจัยอีกหลายอย่างมากมายที่จะทำให้คนซื้อซื้อสินค้านั้น ๆ ไปอีก ผมว่านะครับ แนวคิดของ เฮนรี จอร์จ ที่คุณยกมาเนี่ย มันก็ดีหรอกครับ แต่มันดีเมื่อ 100 กว่าปีก่อนครับไม่ใช่ปัจจุบัน ตอนนี้รัฐบาลเก็บภาษีจากรายได้ของประชากรมันไม่ดีตรงไหนครับ? ใครทำงานได้เยอะ มีรายได้เยอะ ก็จ่ายภาษีเยอะเป็นปกติ ในทางกลับกัน คนที่รายได้น้อย ก็เสียน้อย หรือ ไม่เสียเลย มันไม่ดีตรงไหนครับ? จากคุณ : chang_kung เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 16:32:32

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณท่านที่ถามหรือค้านมากครับ ตอบ #2 คุณค้านอย่างกระชับดี ทำให้ง่ายต่อการตอบครับ 1. "เก็บเอาแต่ภาษีที่ดิน แล้วประเทศจะหาเงินจากไหนล่ะครับ" ในสหรัฐฯ ปัจจุบัน ศาสตราจารย์ Mason Gaffney ได้ทำการศึกษาไว้ว่าภาษีที่ดินจะมากเกินพอสำหรับการปกครองทุกระดับ (http://economics.ucr.edu/papers/papers08/08-12old.pdf ) แต่ถึงหากไม่พอ ก็ลดภาษีเงินได้และภาษีการลงแรงลงทุนผลิตและค้าลงไปเท่ากับที่ได้ภาษีที่ดินชดเชยกันก็ได้ครับ 2. "แล้วคนซื้อที่เก็บไว้ก็ไม่ได้เพราะภาษีต่ำหรอก แต่เขาต้องการที่ดิน ผมก็ต้องการที่ดิน ทุกคนก็อยากมีที่ แต่ไม่มีเงินเหลือพอซื้อก็แค่นั้น" ถ้าภาษีที่ดิน (คิดตามอัตราส่วนกับค่าเช่าที่ดิน) สูงขึ้นปีละ 3.3 % จนในที่สุดครบ 30 ปีก็เท่ากับค่าเช่าที่ควรเป็น คนเราจะไม่ซื้อที่ดินถ้ายังไม่คิดจะใช้ประโยชน์ที่ดินได้คุ้มกับภาษีที่ต้องเสีย ถ้ามีที่ดินอยู่แล้วก็คงจะหาทางขาย ให้เช่า หรือรีบทำประโยชน์ให้คุ้ม สำนักงานเศรษฐกิจการคลังบอกว่าที่ดินของไทยถูกเก็งกำไรไม่ทำประโยชน์ 70 % เหลือทำประโยชน์ 30 % ดังนั้นปัจจุบัน ผลเสียคือ ที่ดินจึงหายาก ราคาสูง คนก็หางานทำยาก ค่าแรงต่ำ ผลผลิตของชาติต่ำ ซ้ำก่อวิกฤตวัฏจักรฟองสบู่เป็นระยะ ๆ เดือดร้อนทั้งส่วนตัวส่วนรวม คนรวยคนจน 3. "แถมเก็บแต่ภาษีที่ดิน ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา เขาต้องมีที่ดินไว้ทำกิน ในขณะที่คนเมืองประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องใช้ที่ดิน อย่างนี้ก็เป็นการผลักภาระ มาให้ชาวบ้านที่ผลิตอาหารสิครับ" ทุกคนที่ประกอบอาชีพย่อมต้องใช้ที่ดินทั้งนั้น รวมทั้งใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย อาจเป็นที่ดินของนายจ้าง ซึ่งเขาก็คิดเป็นต้นทุนของเขา ถ้าเป็นช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างที่ใช้ในการสื่อสาร ก็ถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งรวมอยู่ในคำ "ที่ดิน" ด้วย เดี๋ยวนี้ก็เก็บภาษีกันแล้ว แต่อาจไม่ได้เรียกว่าภาษีเท่านั้น ที่ดินในเมืองแพงกว่าที่ดินนอกเมืองมาก มันก็เป็นไปตามประโยชน์ที่น่าจะได้จากที่ดินนั้น ๆ แต่ปัจจุบันมันเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น เพราะมีการเก็งกำไรบวกเข้ามาครับ ในระบบภาษีที่ดิน ภาษีนี้จะขจัดความได้เปรียบเสียเปรียบกันเนื่องจากการได้ครองที่ดินมากน้อยดีเลวต่างกันออกไป จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 18:21:06

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบ #3 1. "ขอโทษเ้จ้าของกระทู้นะครับ" ผมกลับขอบคุณครับ ยินดีตอบเสมอถ้าเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อประเทศชาติประชาชนครับ 2. "แนวความคิดของคนเมื่อ 130 ปีที่แล้วจะใช้กับปัจจุบันได้หรือครับ? ในเมื่อสังคมเมื่อ 100 กว่าปีก่อนมันเป็น Landlord ซะเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ในประเทศอย่าง USA ก็เถอะนะ" ผมคิดว่าปัญหามันยิ่งทำความเดือดร้อนมากขึ้นทุกที ๆ และเป็นไปตามความเห็นที่ 1 (เมื่อภาษีที่ดินต่ำ ค่าแรงย่อมจะขึ้นสูงไม่ได้) ถ้าไม่แก้ที่การเพิ่มภาษีที่ดิน มัวแต่ใช้วิธีอื่น ๆ จะกลับยิ่งทำให้เดือดร้อนกันมากขึ้น 3. "อีกอย่างนะครับ ค่าแรงเนี่ยจะถูกจะแพงมันเกี่ยวอะไรกับภาษีที่ดินหรือครับ? มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพในประเทศ หรือ สถานที่นั้น ๆ หรือครับ?"" ค่าครองชีพเกิดจากอะไรล่ะครับ ลองคิดถึงราคาสินค้าก็แล้วกัน มันประกอบด้วยค่าการใช้ปัจจัยการผลิตสำหรับสินค้านั้น ๆ (ที่ดิน แรงงาน ทุน) ตำราที่ผมเรียนไม่แยกการประกอบการเป็นปัจจัยการผลิตต่างหาก โดยถือว่าคือแรงงาน ซึ่งอาจเป็นแรงสมองเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเราทำการผลิตได้ผลผลิตออกมา ก็แบ่งกันไปใน 3 ปัจจัยนั่น จะคิดเป็นเงินตราก็ได้ ถ้าเจ้าของที่ดินได้มาก ก็เหลือสำหรับแรงงานและทุนน้อย ถ้านายทุนเป็นผู้แบ่งให้แรงงาน ในสภาพปัจจุบันที่หางานทำยากเพราะที่ดินถูกปิดกั้นไว้มากมาย นายทุนจึงสามารถกดค่าแรงได้ (โดยเฉพาะคือแรงงานขั้นพื้นฐาน) คนทั่วไปไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างที่ดิน แรงงาน ทุน ก็คิดแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะระหว่างแรงงานกับนายทุน 4. "ลองคิดดูเล่น ๆ นะครับ ปัจจุบันผู้ที่ลงทุนไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ เขาก็ได้รับรางวัลชนิดหนึ่งที่้เรียกว่า "กำไร" ไปแล้วเรียบร้อยครับ เพราะงั้นผมไม่เห็นด้วยที่ว่าจะต้องมีการให้รางวัลหรืออะไีรที่ใกล้ ๆ เคียงกันแก่คนกลุ่มนี้อีก" ที่จริงให้รางวัลด้วยก็ดีนะครับ มันจะช่วยกระตุ้นการผลิตในยามเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะการผลิตการค้าในระบบตลาดเสรีนี้ เขาว่ากันว่ามันเหมือนกับมีมึอที่มองไม่เห็น (ของแอดัม สมิธ) ที่ช่วยให้การผลิตการแลกเปลี่ยนปรับแต่งตัวเองแล้วก่อประโยชน์แก่คนทั่วไป แต่ผมเขียนข้อนี้ไว้เพื่อแสดงความดีของระบบตลาดเสรี ที่มีผลดีแก่ประเทศชาติ และรัฐบาลก็ย่อมต้องการให้เกิดผลดีนี้ แล้วทำไมถึงได้ไปเก็บภาษี ราวกับเขาทำความผิด เดี๋ยวนี้มีคำพูดทำนอง Tax Bads Not Goods (Bads คือการก่อสิ่งที่เป็นผลเสีย เช่น ภาวะมลพิษ Goods คือสินค้าหรือสิ่งดี ๆ ) 5. "อีกอย่างนะครับ การที่เขาขายสินค้าได้มาก ก็ใช่ว่าจะเป็นเพราะ สินค้าของเขาดีและราคาถูก เสมอไปนะครับ แต่มันมีปัจจัยอีกหลายอย่างมากมายที่จะทำให้คนซื้อซื้อสินค้านั้น ๆ ไปอีก" ผมเห็นด้วยครับ 6. "ผมว่านะครับ แนวคิดของ เฮนรี จอร์จ ที่คุณยกมาเนี่ย มันก็ดีหรอกครับ แต่มันดีเมื่อ 100 กว่าปีก่อนครับไม่ใช่ปัจจุบัน" ตอบแล้วในข้อ 2 ครับ 7. "ตอนนี้รัฐบาลเก็บภาษีจากรายได้ของประชากรมันไม่ดีตรงไหนครับ? ใครทำงานได้เยอะ มีรายได้เยอะ ก็จ่ายภาษีเยอะเป็นปกติ ในทางกลับกัน คนที่รายได้น้อย ก็เสียน้อย หรือ ไม่เสียเลย มันไม่ดีตรงไหนครับ?" ผมคิดว่าผู้คนทั่วไปได้พบเจอกับระบบภาษีที่ไม่เป็นธรรมมาตั้งแต่เกิด จนเกิดความชาชิน มิได้ทันคิดถึงว่ามันอาจไม่เป็นธรรมก็ได้ หรือจะเรียกว่าได้รับความไม่เป็นธรรมโดยเท่าเทียมกัน ก็ดูจะเหมาะดี ผมอยากตอบสั้น ๆ โปรดลองอ่านแล้วคิดกลับไปกลับมา ก็คงจะได้คำตอบของข้อนี้ครับ (ที่จริงอ่านทบทวนกระทู้และความคิดเห็นที่ 1 ก็น่าจะได้) คำตอบสั้น ๆ มีดังนี้ครับ ความอยุติธรรมขั้นฐานรากที่ก่อความยากจน อาชญากรรม ศีลธรรมเสื่อม คือ ภาษีที่ดินต่ำไป ทำให้เจ้าของที่ดินได้มูลค่าที่ดินไปเป็นของส่วนตัว ทั้งที่มูลค่าที่ดินเกิดจากส่วนรวม จึงมีการเก็งกำไรสะสมกักตุนที่ดินกันทั่วไป แต่ใช้ประโยชน์น้อย ที่ดินหายาก ราคาสูง คนก็หางานทำยาก ค่าแรงต่ำ ผลผลิตของชาติต่ำ ซ้ำก่อวิกฤตวัฏจักรฟองสบู่เป็นระยะ ๆ แต่ที่ไม่ควรเก็บก็กลับเก็บภาษีเอาไปบำรุงส่วนรวม คือ รายได้จากการลงแรงลงทุนผลิต/ค้าขาย ซึ่งควรเป็นของส่วนตัว ทำให้รายได้ต่ำ สินค้าแพง แข่งต่างชาติยาก คนก็ยิ่งหางานทำได้ยากขึ้น (ที่ดินเป็นเงื่อนไขของชีวิต เป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ขาดที่ดินมนุษย์ตาย ที่ดินเป็นสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ มิใช่ผลผลิตหรือสินค้าที่เกิดจากแรงงานและทุน มูลค่าของมันก็เกิดจากการมีขึ้นของชุมชน จากกิจกรรมของส่วนรวม ที่กระทำระหว่างกัน เพื่อการทำมาหากิน แต่ยังได้เกิดมูลค่าขึ้นแก่ที่ดินในบริเวณนั้นและใกล้เคียงด้วย เราจะเห็นที่ดินว่างเปล่าในเมืองใหญ่ 100 ตารางวามีราคามหาศาลเป็นหลายล้านบาท ราคาของมันเกิดจากอะไร ? ) ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 53 00:46:01 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 53 00:46:01 จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 19:45:31