|
การตกเป็นบุคคลล้มละลาย จะยังสามารถทำมาหากินเลี้ยงชีพได้อยู่ (เว้นแต่รับราชการหรือวิชาชีพบางประเภท เช่น ทนายจะถือว่า ขาดคุณสมบัติ)
แต่ผู้ล้มละลายจะต้องถูกอายัดเงินที่ทำมาหากินนั้นๆในระหว่างล้มละลาย หรือ ผู้ล้มละลายจำต้องส่งเงินรายได้นั้นๆ ไปให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อกำหนดค่าเลี้ยงชีพประจำเดือนให้
เช่น ผู้ล้มละลายทำงานบริษัท มีเงินเดือนสองหมื่นบาท เขาจะต้องถูกอายัดหรือเขาต้องส่งเงินนั้นๆ ไปให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อ กำหนดค่าเลี้ยงชีพให้เขา ซึ่งทางปฏิบัติ จะกำหนดค่าเลี้ยงชีพ ร้อยละเจ็ดสิบของรายได้/เดือน อายัดมาสองหมื่นบาท/เดือน ก็จะให้ผู้ล้มละลายไปใช้เลี้ยงชีพ ประมาณ ๑๔,๐๐๐ข บาท/เดือน นั่นเองครับ
ตามหลักใน พรบ.ล้มละลายดังนี้ครับ
มาตรา ๖๗ เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้หรือพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย แล้ว และยังไม่ได้สั่งปลดจากล้มละลาย (๑) ลูกหนี้จะต้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดจำนวนเงินเพื่อใช้จ่าย เลี้ยงชีพตนเองและครอบครัวตามสมควรแก่ฐานานุรูป โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็น ผู้อนุญาตให้ลูกหนี้จ่ายจากเงินที่ลูกหนี้ได้มาในระหว่างล้มละลายและลูกหนี้จะต้องส่งเงินหรือ ทรัพย์สินที่เหลือนั้นแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนด พร้อมด้วยบัญชีรับจ่าย (๒) ทุกครั้งที่ลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับทรัพย์สินอย่างใด ลูกหนี้จะต้องรายงานเป็น หนังสือให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ โดยแสดงรายละเอียดเท่าที่สามารถจะทำได้ภายในเวลา อันสมควร และไม่ว่าในกรณีใด ลูกหนี้จะต้องแสดงบัญชีรับจ่ายเสนอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทุกระยะหกเดือน (๓) ลูกหนี้จะออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ได้ เว้นแต่ศาลหรือเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์จะอนุญาตเป็นหนังสือ และถ้าจะย้ายที่อยู่ ต้องแจ้งตำบลที่อยู่ใหม่เป็นหนังสือให้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบภายในเวลาอันสมควร
/////////
ขอร่วมแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ
จากคุณ |
:
อุบลแมน
|
เขียนเมื่อ |
:
6 พ.ย. 53 13:12:38
|
|
|
|
|