ความคิดเห็นที่ 1 เยาวราช นิวโอเดียนยามค่ำคืน เมื่อเสร็จจากการเล่นดนตรี สองปู่หลานก็พากันเดินกลับที่พำนัก ชายชราผู้เป็นเอี่ยเอี่ยเสียบขลุ่ยที่สายรัดเอว ส่วนดรุณีน้อยที่ผูกผมเปียทั้งสองข้าง โอบปี่แป่จีนไว้มั่น บ้านของผู้เป็นปู่และหลาน เป็นบ้านหลังเล็กๆ ฝาห้องด้านหนึ่งเป็นชั้นหนังสือ มีพัดลมทองเหลืองตั้งเด่น ต่อมาเป็นวิทยุรุ่นเก่าปุ่มสีงายี่ห้อบราวฟุ้ง  เหนือวิทยุคือภาพบรรพบุรุษอากง อาม่า ต่อจากภาพบรรพบุรุษเป็นภาพอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้   ฝาผนังห้องอีกด้าน แขวนไว้ด้วยหน้ากากจำนวนหนึ่ง เป็นหน้ากากไอ้มดแดง V 1 V 2 V 3 หน้ากากเสือ หน้ากากอุลตร้าแมน หน้ากากแบทแมน หน้ากากโดเรมอน หน้ากากเซอล่ามูน และหน้ากากฮีโร่ต่าง ๆ ที่ดรุณีน้อยชอบซื้อ เวลาไปเดินเที่ยวงานวัดที่สนามหลวงและงานภูเขาทอง ผนังด้านที่ติดหน้ากากต่าง ๆ นั้น ต่ำลงมามีข้อความลายมือที่ดรุณีน้อยใช้ภู่กันเขียนหวัดๆเอาไว้ว่า ........อย่าสวมหน้ากาก..เข้าหากัน...     อย่าสวมหน้ากากเข้าหากัน  ( ฮา ) จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:29:34

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าสวมหน้ากากเข้าหากัน อย่าสวมหน้ากากให้กัน... แต่ขอให้ถอดหน้าออกมารวมกัน แล้วนำไปแขวนไว้ที่ฝาบ้านใครฝาบ้านมัน ทำเช่นนี้แล้วชีวิตท่านก็จะพบแต่ความสุข ความเจริญ เทอญ...สาธุ สาธุ!!! จากคุณ : McDonough,Ga เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:48:20

ความคิดเห็นที่ 3 ป.ล อย่าโยนขี้กลากใส่กัน เพราะมันจะคัน (ขี้เกียจเกาวุ๊ยยย) จากคุณ : McDonough,Ga เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:50:08

ความคิดเห็นที่ 4 ป.ล 2 แก้ไขคำผิดค่ะ "แต่ขอให้ถอด หน้ากาก ออกมารวมกัน" จากคุณ : McDonough,Ga เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:52:26

ความคิดเห็นที่ 5 หลายๆคนต้องใส่หน้ากากเพื่อ... โลดแล่นไปตามบทบาทและหน้าที่ เพียงแต่.. ใจอย่าใส่หน้ากากด้วยก็พอ ราตรีนี้อีกยาวไกล ฟังเพลงกันเถอะ จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:56:17

ความคิดเห็นที่ 6 พบพานเท็กลื้อ   ( นักบวช )    ไม่พบ พบพาน จมูกโค  ( นักพรต )    ไม่พบ เหตุใดดึกดื่นมาพานพบท่านแม่ชี   ( ฮา ) ยุทธจักร ยิ่งมา เหล่าแม่ชีในสังกัดซือไถ่มิกจ๊กไต้ซือแห่งง่อไบ้  ยิ่งนอนดึกกันมากขึ้น คิดไม่ถึงว่า เกินเที่ยงคืนแล้ว ยังพร่ำสวดมนต์เคาะไม้บักฮื้อ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ไม่หลับไม่นอน ( ฮา ) ผู้น้อยขอน้อมคารวะ ท่านสุภาพสตรี คุณ  McDonough,Ga ครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 00:57:57

ความคิดเห็นที่ 7 555 นาง she ตนนี้ชอบนอนกลางวันจ้าท่านจอมยุทธ์ จากคุณ : McDonough,Ga เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:02:59

ความคิดเห็นที่ 8 ขอน้อมคารวะพี่ท่าน ( ความรักมาทักทายแล้วหายไป ) ที่นับถือครับ ผู้น้อย ขอขอบคุณในน้ำใจพี่ท่าน อย่างยิ่งครับ การมาของพี่ท่าน ทำให้ผู้น้อยปรากฏเงาร่างของ ลี้คิมฮวง ผู้ใช้มีดสั้นแกะสลักท่อนไม้ ทุกๆครั้งที่คมมีดกรีดสลักลงบนท่อนไม้นั้น คล้ายดั่งดวงใจโดนคมมีดกรีดเฉือนไปด้วย ชายกลางคนที่สวมชุดที่ผ่านการซักจนซีดจาง ก้มลงไอ ไอครั้งแล้วครั้งเล่า ไอจนเอวบิดตัวงอ กระทั่งไอออกมาเป็นลิ่มเลือด กระนั้นยังเอื้อมมือไปหยิบไหสุรา มันยังคงร่ำสุรา รอจนไหสุราว่างเปล่า จึงหยิบมีดสั้นเล่มน้อย ลงมือแกะสลักรูปจากท่อนไม้ในมือ แกะเป็นรูปของสตรีนางหนึ่ง ! สตรีผู้ที่แทบจะไม่เคยได้อยู่ชิดใกล้ เคียงกายเคียงคู่กันเลยในชีวิต แต่นางอยู่ในใจลี้คิมฮวงตลอดมา ! ...................................... ความหลังดังเมฆหมอกสายหนึ่ง   ผ่านมาแล้วลาลับ เหลือไว้เพียงความทรงจำ ขอพี่ท่าน  ( ความรักมาทักทายแล้วหายไป )   ถนอมตัวด้วยครับ ผู้น้อยขอคารวะครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:09:27

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อประคองกาน้ำชา รินน้ำชาให้ผู้เป็นเอี่ยเอี่ยแล้ว  ดรุณีน้อยก็หยิบหนังสือกำลังภายในเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน  เมื่อเปิดอ่านถึงหน้าที่ 111  อันมีข้อความว่า.... ............... ( เนื้อความในหนังสือกำลังภายใน หน้าที่ 111 )     สายฝนซาลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมรสุมเพียงใด ย่อมมีวันจางหาย.. เสียงเอะอะด้านนอกโรงเตี๊ยมดังสับสน เถ้าแก่ถลันออกไปดูความเรียบร้อย แต่แล้วก็ชะงักตัวสั่นงันงก เพราะภาพที่พบเห็นภาพนอกคือ ขบวนอันยิ่งใหญ่ ของสำนักช้วนป๋วยปี่แป่กอ  อันปรากฏเงาดำมะมึนครอบคลุมของ เทพเทือก และบุรุษหน้าขาววอก บนหลังม้า ที่ชายตาชม้อยไปมา ซ้ายทีขวาที มันคือบุรุษหนุ่มหน้าขาว อันดับหนึ่งในยุคนี้ คุณชายม่อย้งมัค ! ( ม่อย้งคือแซ่ มัคคือนาม ) ชายร่างสูงเพรียว มีใบหน้ายาวปานม้า  มีจุดเด่นอันยากแก่การลืมเลือนของผู้พบเห็นคือ มันมีริมฝีปากห้อย เดินออกมา จากการเคียงข้างเทพเทือกทมึน ท่ามกลางบรรยากาศอันอับชื้น มันมีสีหน้าเรียบสงบ คล้ายชาชินกับสรรพสิ่งที่เปลี่ยนแปรที่แท้ มันคือ เนวินเอี๊ยะ ม่อย้งมัคเมื่อพบเห็นมัน คล้ายมีความเกรงใจ 10 ส่วน คล้ายดังต้องย่อตัวให้ต่ำเตี้ยลงกว่าเดิม    มันขบริมฝีปากเอ่ยทักขึ้นด้วยสำเนียงออกฟอร์ดว่า " โต ( ไป ) เสียมเรียม โตพระตะบอง หรือ โตพนมเปญ ? " บุรุษใบหน้ายาว ริมฝีปากห้อย แสยะยิ้มพูดอย่างลำพองขึ้นว่า " โต ( ไป ) ตึกจันทร์ส่องหล้าเจิดจ้า ! " ม่อย้งมัค และเทพเทือกทมึน เปล่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างลำพอง เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก แล้ว เพ่งสายตาไปยังปลายทางของตรอก ซึ่งคือกำแพงและตัวตึก ฉับพลัน เทพเทือกทมึนชะงักเสียงหัวเราะที่ยิงฟันขาว   มันเอ่ยถามอย่างดุดัน หน้าดำทมึนตึงขึ้นว่า " ในตึกจันทร์ส่องหล้าเจิดจ้า เก็บซ่อนอะไรไว้ ? " " มันคือความลับสุดยอดของยุทธจักร ! " จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:13:41

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดี ยามดึก ๆ  กับท่านอาร์ต ฯ           และ แม่นาง  McDonough,Ga         ท่าน  ความรักมาทักทายแล้วหายไป ...... ด้วยครับ จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:14:45

ความคิดเห็นที่ 11 " เคล็ดวิชาทำลายล้าง คัมภีร์ทานตะวัน ได้ถูกเก็บซ่อนไว้ในตึกจันทร์ส่องหล้าเจิดจ้า " " มีแต่คนของตึกจันทร์ส่องหล้าเจิดจ้า " มันหยุดหอบหายใจ คล้ายเหนื่อยล้า ก่อนพูดขึ้นต่อว่า " มีแต่คนของตึกจันทร์ส่องหล้าเจิดจ้า เท่านั้น ที่จะทำลายวรยุทธของ ตงฟานปุ๊ป๊ายได้ ! " " ท่านผู้นำอ้อก๊ก จบสิ้นแล้วไม่ใช่เหรอ จะมีน้ำยาอะไร มาต่อกรกับตงฟานปุ๊ป๊าย " มันผู้มีใบหน้ายาวปานม้า กรามใหญ่ ริมฝีปากห้อย ขบกรามนูนจนเป็นสัน พูดเสียงรอดไรฟันว่า " กับคนอื่นๆข้าพเจ้าไม่สงสัย แต่กับคนๆนี้ ท่านผู้นำอ้อก๊ก ข้าพเจ้ารู้ว่า ท่านไม่มีวันที่จะพ่ายแพ้ เพราะคนๆนี้มีความลับอย่างหนึ่ง ที่เก็บซ่อนไว้ เป็นไพ่ตาย " "  ความลับที่เป็นไพ่ตาย   ท่านรู้ ? " "  ใช่ ข้าพเจ้าย่อมล่วงรู้  " " ใคร "    มันคำรามลั่น ชายผู้มีใบหน้ายาวปานม้า  ครุ่นคิดสักครู่ คล้ายบังเกิดความยำเกรงขึ้น ก่อนที่มันจะพูดว่า " ฮูหยินอ้อ " " ฮูหยินอ้อ ? " " ใช่ ฮูหยินอ้อ สตรีท่านนี้คือสตรีผู้อยู่เหนือบุรุษ   สตรีท่านนี้ ดวงชะตาตั้งแต่วันตกฟากถือกำเหนิด คล้ายดังสวรรค์ส่งลงมา เพื่อปราบตงฟานปุ๊ป๊ายโดยเฉพาะ ! " " ท่านหมายถึง.........." " ไม่เคยมีหมอดูคนไหน กล้าดูดวงชะตาสตรีท่านนี้  ตงฟานปุ๊ป๊าย อาจจะปราบบุรุษชายชาติทหารมาทั้งแผ่นดิน แต่กับสตรีท่านนี้ หมอดู ปิดตำรา " " เพราะว่า............ ? " จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:20:31

ความคิดเห็นที่ 12 สตรีผู้ที่แทบจะไม่เคยได้อยู่ชิดใกล้ เคียงกายเคียงคู่กันเลยในชีวิต แต่นางอยู่ในใจลี้คิมฮวงตลอดมา ........................................................... ความหลังดังเมฆหมอกสายหนึ่ง   ผ่านมาแล้วลาลับ เหลือไว้เพียงความทรงจำ .......................................................... คำกล่าวนี้ช่างสุดยอด  กินใจ ข้า.. เหลือเกินจะกล่าวใดๆได้อีก  ทำให้หวลคิดถึงใครคนหนึ่งที่อยู่แสนไกล..... แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 01:28:20 จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:22:34

ความคิดเห็นที่ 13 เลข 9 นี่เป็นเลขดี เลขมงคลกับความเชื่อของแต่ละบุคคล แล้วท่าน จขกท.เชื่อในเลขมงคลนี้หรือไม่??? ว่า คห.ที่ 9 จะคงอยู่ หรือจะโดนอุ้มยกกระทู้อีกคะ??? สวัสดีท่านว่าวฯ ในเช้าวันใหม่ด้วยค่ะ และสวัสดีทุกท่านที่กำลังจะตามมาค่ะ จากคุณ : McDonough,Ga เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:25:18

ความคิดเห็นที่ 14 ขอน้อมคารวะ พี่ท่าน ว่าวปักเป้า ที่นับถือครับ ผู้น้อย ขออนุญาตมอบภาพคุณ เจ้าหย่าจือ จากภาพยนต์เรื่อง   ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์  เป็นกำลังใจยามค่ำคืน ที่พี่ท่านว่าวปักเป้า ต้องทำงานดึกๆครับ ผู้น้อยขอน้อมคารวะครับ  พี่ท่านว่าวปักเป้า จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:30:11

ความคิดเห็นที่ 15 ขอคาราวะท่านอาร์ต ^^ มาลงชื่อไว้ก่อน เนื่อจากง่วงนอนมากๆ ท่านเป็นเช่นใดบ้าง ห่างหายจากยุทธภพศาลาไปหลายเพลา ในฐานะที่ท่านเป็นแฟนพันธ์แท้แม่นางอี้เฟย ข้าพเจ้าอยากทราบข้อเท็จจริงว่า นางใช่เชื้อสายจีนแท้ๆหรือไม่ ได้ยินคำร่ำลือว่านางมีเชื้อสายอเมริกันปะปนด้วย ข้าพเจ้าสงสัยยิ่งนัก จากคุณ : คืนทะเลหนาวและดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:34:12

ความคิดเห็นที่ 16 ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี คุณคืนทะเลหนาวและดาวพันดวง เท่าที่ผู้น้อยไปค้นมาให้ท่านแม่นาง ก็พอได้ประวัติคร่าวๆ ของคุณหลิวอี้เฟย ดังนี้ครับ หลิวอี้เฟย (Liu Yifei, 劉亦菲) ดาราสาวจีนแผ่นดินใหญ่      "  สัญชาติอเมริกัน  " มีชื่อเดิมว่า อันฟง (安风) เมื่อคุณพ่อคุณแม่แยกทางกันจึงเปลี่ยนชื่อเป็น หลิวซีเหม่ยจื้อ (刘茜美子) และชื่อเล่นว่า ซีซี (茜茜) (เนื่องจากคุณแม่ชอบดูภาพยนตร์เรื่อง Sissi ซึ่งชื่อเรื่องภาษาจีนเรียกว่า ซีซีกงจู้ (茜茜公主) มีการเข้าใจผิดเรื่องชื่อเล่นของซีซีว่าเป็นเชี่ยนเชี่ยน เพราะตัวอักษณจีนนี้อ่านได้สองแบบ แต่ที่ถูกต้องคือ ซีซี) และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Crystal หลิวอี้เฟย เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่ออายุ 8 ขวบ ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดนางแบบรุ่นจิ๋ว พออายุ 10 ขวบต้องตามพ่อแม่ไปอยู่ที่สหรัฐฯ และเพิ่งเดินทางกลับประเทศจีนเมื่อช่วงต้นปี 2002 เธอจบการศึกษาจาก Beijing Film Academy (BFA) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนการแสดงชื่อดังของจีนด้วยวัยเพียง 15 ปี ความสามารถพิเศษของเธอคือเต้นรำ บัลเล่ต์ และเล่นเปียโน เธอมีนักแสดงในดวงใจสองคนคือ Audrey Hepburn และ Vivien Leigh ซีรีส์ The Story of Noble Family แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เซียนกระบี่พิชิตมาร มังกรหยก ภาค 2 ตอนตำนานศึกเทพอินทรี ภาพยนตร์ I love how you love me แสดงกับหลินจื้ออิงอีกครั้งหลังจากแปดเทพฯ Love of May แสดงกับเฉินป๋อหลิน The Forbidden Kingdom ผลงานระดับฮอลลีวู้ด ร่วมงานกับ Jet Li และ Jackie Chan เข้าฉายในไทย 18 เมษายน 2551 ในเครือมงคลเมเจอร์ ปัจจุบันนี้ หลิวอี้เฟยได้เซ็นสัญญากับบริษัท William Moris Agency ซึ่งเป็นเอเจนซี่ของฮอลลีวู้ด เพลง หลิวอี้เฟยออกอัลบั้มเพลงกับค่าย Sony BMG ของญี่ปุ่น ซิงเกิ้ลแรก Yifei อัลบั้มเต็มภาษาญี่ปุ่น Yifei All My Words อัลบั้มเต็มภาษาจีน Liu Yifei (มี Limited Edition เป็น CD+DVD ด้วย). .......................... หากนอกเหนือจากนี้ คงต้องรบกวนถาม พี่ท่าน ต๋องกอกอ  ซือเฮียคุณ ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันครับ   ท่านแม่นางคุณคืนทะเลหนาวฯ เพราะ พี่ท่านต๋องกอกอ คือ แฟนพันธิ์แท้ คุณอี้เฟย ครับ  ( อมยิ้ม )   ผู้น้อย ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี คุณคืนทะเลหนาวและดาวพันดวงครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:45:55

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาดูนักกวีเขาคุยกัน.. เหอะๆ สวัสดีครับคุณอาร์ต.. ตอนเด็กๆผมจำได้ว่าชอบเรื่อง ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ มากๆเลย นี่ก็คิดไว้ว่าจะหา ดีวีดี มาดูซะหน่อย คุณอาร์ต เล่าเรื่องย่อให้หน่อยไม่ได้หรือครับ ผมจำได้คราวๆว่า พระเอกกับนางเอก ต้องอยู่ห่างกัน แล้วมันมีต้นไม้ใหญ่ๆอะไรสักอย่าง แล้วในต้นไม้มันมีเป็นแอ่งน้ำอะไรประมาณนี่ หรือเปล่าครับ กับดาบวงจันทร์ที่มันแยกได้ แต่จำได้ว่าชอบมากจริงๆ ชอบมากกว่า ฤทธิ์ดาบมีดสั้นซะอีก จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:50:45

ความคิดเห็นที่ 18 อ้าว.. อยู่ดีๆ ได้ตำแหน่ง ต๋องกอกอ จากคุณอาร์ต ไปเสียแล้วอ่ะ.. 555 ผมอ่ะแค่ชื่นชอบแม่นางหลิว.. แต่คุณอาร์ตนั้นแหละแฟนพันธ์แท้.. 555 จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:55:18

ความคิดเห็นที่ 19 ชายชราเคาะเถ้าเก่าจากไปป์ออก แล้วใส่ยาเส้น จุดไฟจ่อ แล้วสูบจนสว่างจ้า เดินมาเอ่ยถามดรุณีน้อยหลานสาวอย่างอาทรว่า " อ่านหนังสืออะไรหรือ ในเวลานี้ ? " ดรุณีน้อยพับปกหนังสือเข้าหากัน  แม้ว่านางกำลังอ่านถึงตอนสำคัญ นางพริ้มดวงตากลมโต  กระพริบตาถี่ มองผู้เป็นเอี่ยเอี่ย แล้วยิ้มสดใสตอบว่า " นี่คือ ความลับ ของบทกลอนที่ว่า จะมีหนึ่งนารี ขี่ม้าขาว ค่ะท่านปู่   นี่คือความลับอย่างยิ่ง ที่จะเฉลยว่าคือใครในบทกลอนนี้ค่ะ   "   " จะมีหนึ่งนารี ขี่ม้าขาว   ที่เป็นคำเล่าลือกันในยุทธจักร ในบทกลอนอย่างนั้นหรือ ? "    ผู้เป็นปู่อุทานขึ้น ฉับพลันนั้น   เสียงโฆษณา ในทีวี ก็ดังขึ้นว่า.... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 01:57:57

ความคิดเห็นที่ 20 เต็งพ้ง จอมยุทธ์ยอดฝีมือท้าประลองกับหลิวเยียกซ้ง เจ้ายุทธจักรแห่งยุทธภพ แล้วพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะแพ้แก่อุบายอันเจ้าเล่ห์ ต่อมาเขาได้พบกับแชแชแล้วเกิดความรักชอบพอกัน แชแชมอบดาบวงพระจันทร์ให้เต็งพ้ง ซึ่งใครก็ตามใช้ดาบเล่มนี้จะไม่มีวันพ่ายแพ้ ..... ........................................ ....เคยมีใครบางคนสังเกตได้และพูดเอาไว้ว่า ในพื้นผิวคมดาบโค้งราวจันทร์เสี้ยวของ เต้งพ้ง ( ในเรื่อง ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ ) จารึกอักษรเอาไว้ว่า ...สายฝนรินปรอยๆ ฟังเสียงฝนบนหอน้อยเพียงเดียวดาย ! ความรักระหว่าง เต้งพ้งกับแชแช แตกต่างจากความรักระหว่าง เลี๊ยบคิมฮวงและลิ่มซีอิมอย่างสิ้นเชิง แล้วความรักระหว่าง สี่เหวินเฉียงกับ ฟงฉิงฉิงในเจ้าพ่อเซียงไฮ้เล่า? แล้วความรักระหว่าง หลี่ถัง กับฝั่นยุอิ๋ง ในเหยี่ยวถลาลม เล่า ? ........................... แชแชรับบทโดยท่านสุภาพสตรี คุณเจ้าหย่าจือครับ  พี่ท่านต๋องกอกอ  ผู้น้อยเล่าเพียงย่อๆ เนื้อเรื่องสนุกมากครับ คุณเจ้าหย่าจือ โด่งดังมากในยุคสมัยนั้น   คุณเจ้าหย่าจือรับบทเป็น โซวหยงหยง   สตรีของชอลิ่วเฮียงด้วยครับ   แชแชคือตัวอย่าง สุภาพสตรี ผู้เป็นสายลมใต้ปีก ที่คอยหนุนส่ง บุรุษที่นางรัก ให้ได้บินสูงครับ พี่ท่านต๋องกอกอ   ใครที่ดูเรื่องนี้ แล้วจะอดคิดถึง อึ้งย้ง   หรือ ย้งยี้ ในเรื่องมังกรหยกไม่ได้ครับ เพราะย้งยี้ คือสายลมใต้ปีกคนที่นางรัก อย่างแท้จริงครับ ผู้น้อยนำเรื่องราวบางตอนมาฝากครับ ตั่วกอต๋อง ( พี่ใหญ่ ) ... บทประพันธ์ เรื่องนี้ ทำให้ยุคหนึ่ง คนไทยที่ไม่เคยอ่านนิยายกำลังภายในมาก่อนเลย ก็ได้มีโอกาสอ่านนิยายกำลังภายในจนติดงอมแงม สืบเนื่องมาจากเมื่อ สามสิบปีก่อน นั้น บ้านเมืองของเรา ก็ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น และทางการมีนโยบายให้หนังสือพิมพ์ งด ลงข่าวเกี่ยวกับการเมือง รวมไปถึงบทวิจารณ์ต่าง ๆ ส่งผลให้ หนังสือพิมพ์แต่ละสำนักพิมพ์ ต้องพากันกุมขมับ เนื่องจากจะต้องหา เรื่อง มาลงในหนังสือพิมพ์ มิเช่นนั้น หากหนังสือพิมพ์บางลงเพราะไม่มีเนื้อหาจะลง ก็จะมีผลกระทบต่อยอดขาย และในที่สุด นสพ.ไทยรัฐ ก็สามารถผ่าทางตันได้ ด้วยการเชิญ คุณ น.นพรัตน์ ให้นำเอานิยายกำลังภายในมาลงแทนข่าวการบ้านการเมือง คุณ น.นพรัตน์ จึงประเดิมด้วยนิยายเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า ซึ่งก็คือเรื่องเดียวกับต้นฉบับบทประพันธ์ของซีรีย์ชุดนี้นั่นเองแหละครับ และปรากฎว่า ผลตอบรับของผู้อ่านสูงเกินคาด ส่งผลให้หลังจาก อินทรีผงาดฟ้า จบลงแล้ว ก็มีการนำเอานิยายกำลังภายในเรื่องอื่น ๆ มาลงต่อเนื่องอีกหลายปี จนกระทั่งหนังจีนชุดฮ่องกงเป็นที่นิยม จึงได้มีการนำเอา บทโทรทัศน์ มาเขียนลงแทนนิยายกำลังภายใน ซึ่งในยุคนั้นประเดิมด้วยเรื่อง ศึกสายเลือด ครับ และก็กลายเป็นธรรมเนียมที่มีการลงเรื่องย่อหรือนำเอาบทโทรทัศน์มาลงในหนังสือพิมพ์นับแต่บัดนั้นครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 02:11:23

ความคิดเห็นที่ 21 เต็งพ้ง เป็นชื่อภาษาจีนแต้จิ๋ว   ส่วนภาษาจีนกลางคือ ติงเผิง ครับ ชื่อ เต็งพ้ง หรือ ติงเผิง นั้น คำว่า เต็ง หรือ ติง เป็น แซ่ ส่วนคำว่า พ้ง หรือ เผิง แปลว่า อินทรี ดังนั้น คุณ น.นพรัตน์ จึงได้ตั้งชื่อนิยายแปลเรื่องนี้ว่า อินทรีผงาดฟ้า ก็อาศัยจากชื่อของตัวเอกนี่แหละครับพี่ท่านต๋องกอกอ จะว่าไปแล้ว นิยายเรื่อง อินทรีผงาดฟ้า หรือ ฤทธิ์ดาบวงพระจันทร์ นั้น โก้วเล้ง น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมเรื่อง เคาน์ ออฟ มองเต คริสโต ที่กล่าวถึง ชายที่ถูกใส่ร้าย ต่อมาด้วยโชคชะตา ทำให้เขากลับมาพร้อมกับทรัพย์สินเพื่อการล้างแค้นผู้ที่ใส่ร้ายเขา เฉกเดียวกับ ติงเผิง หรือ เต็งพ้ง ที่ถูกใส่ร้ายจนไม่สามารถยืนหยัดอยู่ในยุทธจักรได้อีก สุดท้ายคิดสั้น หมายจะฆ่าตัวตาย แต่ได้ สตรีลึกลับนามว่า ชิงชิง หรือ แชแช มาช่วยเอาไว้ ซึ่งในตอนแรกนั้น ติงเผิง ก็คิดตัดใจจากทางโลก คิดจะอาศัยอยู่ในดินแดนอันสวยงามกับ ชิงชิง ตลอดไป แต่แล้วเมื่อ ติงเผิง ได้มีโอกาสร่ำเรียนสุดยอดวิชา ดาบโค้ง ก็ทำให้ไฟแค้นโหมขึ้นมาอีก และหมายจะสืบทอดอุดมการณ์ของบิดาที่ต้องการสร้างชื่อให้ระบือ ดังนั้น ติงเผิง พร้อม ชิงชิง จึงได้กลับเข้าสู่วงการยุทธจักรอีกครั้ง เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีและล้างแค้นครับ   ซึ่งในนิยายเรื่องนี้ รวมไปถึงซีรีย์ชุดนี้ นอกจากตัวละคร ติงเผิง หรือ เต็งพ้ง แล้ว โก้วเล้ง ก็ยังได้กล่าวถึงตัวละครอีกผู้หนึ่งคือ ซาเสียวเอี๊ย เจี่ยเฮียวฮง ประมุขแห่งหมู่ตึกกระบี่เทพเจ้า ซึ่งเป็นตัวละครในนิยายอีกเรื่องหนึ่งของ โก้วเล้ง คือ ซันเส้าเอี๊ยเตอเจี้ยน หรือในชื่อไทยว่า ซาเสียวเอี้ย นั่นเองครับ ผู้น้อยขอน้อมคารวะครับ ตั่วกอต๋อง  พี่ท่าน ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน ครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 02:21:12

ความคิดเห็นที่ 22 ศาสตราวุธ หรือ แพรพรรณ       ผมกลับนึกถึง คำว่า...................       " จะดื่มสุราคารวะ หรือจะดื่มสุราจับกรอก "       มันน่าจะเข้ากับสถานการณ์เวลานี้ นะครับ       เราควรจะยอมเป็น  กระเบื้องที่สมบูรณ์ หรือ หยกที่แตกละเอียด  ดี จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 02:24:53

ความคิดเห็นที่ 23 ขอน้อมคารวะซือเฮีย ศิษย์ผู้พี่ ท่านว่าวปักเป้าครับ ผู้น้อยเข้าใจเจตนาพี่ท่าน ว่าวปักเป้าครับ ผู้น้อยขออนุญาตยกเหตุการณ์ที่ ท่านขงเบ้ง ถอนตัวไปทำไร่ ทำนา และเหตุการณ์ ที่ท่านเล่าปี่ แสร้งเอาแต่ปลูกผัก เพื่องำประกายความคิด เพื่อเบี่ยงเบนจุดสนใจ ของโจโฉ ในตอนโจโฉเล่าปี่ ถกเรื่อง วีรบุรุษ ในเรื่องสามก๊กครับพี่ท่าน ว่าวปักเป้า หรือเอาง่ายๆ ในเหตุการณ์ที่พระเฑียรราชาได้แสร้งทรงออกผนวชเพื่อเลี่ยงภัย ส่วนพระสุริโยทัยครองพระองค์อยู่ในวัง โดยมีขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเส่หานอกราชการ หลวงศรียศ คุ้มกันภัยให้  ในเรื่อง พระนางสุริโยไทครับ   ถือกำเหนิดเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง   ชื่อเสียงเกียรติยศก็คือ ขื่อคา ลาภยศก็คือขื่อคา อุดมการณ์ก็คือ ขื่อคา แม้แต่ความฝันก็คือขื่อคาพี่ท่าน ว่าวปักเป้าครับ ผู้น้อยขออนุญาตชื่นชมท่านพี่ และขออนุญาตประคองรินสุราคารวะพี่ท่านว่าวปักเป้า พร้อมคำพูดที่ว่า " แพ้เราก็จะเป็นถ่าน   แต่ผ่านเราจะเป็นเพชร " กัมเปย ดื่มคว่ำหมดจอกพี่ท่าน ว่าวปักเป้าที่นับถือครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 02:36:49

ความคิดเห็นที่ 24 กว่าจะเป็นเพชร.......ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด      ผมไม่มีเวลารอได้นานอีกแล้ว.................      เวลา และ วารี  ไหลผ่านไม่คืนกลับ..........นะครับ      ขอบคุณ ในสุราคารวะ เช่นกัน ครับ จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 02:51:49

ความคิดเห็นที่ 25 อาร์ตน้อย มีคนเค้าถาม ลี้คิมฮวง อายุเท่าไหร่ อาฮุยอายุเท่าไหร่ ลิ้คิมฮวง ซัดมีดไปกี่ครั้ง แล้ว ที่ซัดออกไป คนตายกี่คน ปล เรากับพี่ป๋วยรออ่านกำไลหยกและป๋วย อยู่นะ จะได้อ่านไหมเนี่ย จากคุณ : อั้งเพ้าฮูหยิน (หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 06:51:56

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านที่ ท่านว่าวถาม และ อาร์ตน้อยตอบ ยังรู้สึกว่า เรายังห่างชั้นจากท่านทั้งสองมากมายนัก ท่านว่าวฯ เราคาดเดาว่าท่านคงยังมิแก่ชรามากมาย ยังสามารถทำงานกะดึกได้ เข้าใจว่าคงเป็นนายช่างอยู่ที่ใดที่นึงเป็นแน่แท้ เวลาสำหรับคนบางคนเราว่าเหลือน้อยกว่าท่านว่าวอีกนะคะ (จะโดนลบไหมเนี่ย ฮิ ฮิ) เพราะฉะนั้น พวกเราต้องผ่านเวลานี้ไปให้ได้เพื่อเป็นเพชรบลูไดมอนด์ด้วยกัน ฮิ ฮะ ปล เราเข้าใจในกุศลเจตนาของท่านว่าว ที่มีต่อทู้อาร์ตน้อยเสมอมา ถึงการจำใจ ตัดแขนขา เพื่อรักษาชีวิต ฮา ฮา ส่วนเราบางครั้ง(และหลายครั้ง) ก็เผลอเอาแต่ความสะใจอย่างเดียว ไม่เคยทัดทานมีแต่จะยุยงส่งเสริมให้มันเสี่ยงตาย 5555 ด้วยความเคยชินและนิยมชมชอบให้มันเล่นบทบู๊ ต่อไปนี้ ข้าพเจ้าคงจะทำตัวเรียบๆ ร้อยๆ นั่งฟังมันเล่านิทานในโรงเตี๊ยมท่าจะดีกว่า อย่างมากก็คอยฝนหมึกให้มันใช้ขีดเขียนตัวอักษรหรือวาดภาพให้ชาวยุทธได้เสพกัน :) จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 07:10:33

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีครับแม่นาง ฉิงฉิง   กระผมไม่ได้ทำงานสายช่าง มานานหลายปีแล้ว   เวลานี้ก็ทำสายบริหารอยู่ เพียงแต่ดูแลในกะดึกทั้งโรงงานเท่านั้น   อันตัวข้าพเจ้านั้นก็เลยหลักห้า ไปแล้ว ขอรับ จึงบอกว่าเวลามีไม่มากแล้ว   แอบเห็น login ของแม่นางในห้องกำลังภายในบ่อยๆ นะครับ   แต่ที่หายไปไม่ค่อยเห็น คือแม่นางหวาน สงสัยว่าจะมีภาระมาก แวะเข้ามาบ้าง นะครับ จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 07:37:22

ความคิดเห็นที่ 28 อันคนเรามีเกิดก็มีดับ ดั่งนอนหลับไม่ตื่นไร้ลมหาย สิ่งติดตัวไปได้มีไม่มากมาย ที่ไม่คลายไม่สิ้นคือความดี สวัสดีเหล่าจอมยุทธทุกท่าน จากคุณ : คุณชายทหารไทย เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 07:44:16

ความคิดเห็นที่ 29 ผมยังรออ่านส่วนที่เหลือของ Reply 11 นะครับคุณอาร์ต...แหม่ ค้างคา ๆ =================== คุณฉิงฉิงครับ ทั้งเรื่อง ถ้าผมจำไม่ผิด ลี้คิมฮวง ทั้งเรื่องพี่แกซัดมีดไม่กี่ครั้งหรอกครับ แต่ทุกครั้งที่ซัดออกไป ไม่มีใครรอดซักที ผมนึกถึงคำถามในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้นเรื่องนึง ลี้คิมฮวงมีมีดกี่เล่มกันแน่? จากคุณ : chang_kung เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 09:46:50

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วเข้าใจเลยว่า กำลังภายใน มีอานุภาพมากจริงๆ ดูจากเม้นท์ของทุกท่านแล้วไม่ แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กถึงได้ชอบกระโดดโลดเต้นไปตามเรื่องของหนังจีนกำลังภายในกัน มากๆเพราะผู้ใหญ่ยังติดตรึมขนาดนี้ อ่านแล้วก็ให้ขำและสนุกสนานไปด้วยค่ะ พระเอก นางเอก  ทั้งหล่อและทั้งสวยมากๆๆค่ะ จากคุณ : กิ่งฟ้า เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 09:47:05

ความคิดเห็นที่ 31               ....ซา-หวัก-ลี...ท่านจอมยุทธอาร์ตน่อ....อิอิ...                         ..เข้ามาอ่านไปฮาไปทั้งที่ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้หนังจีน...555...       .....แต่ที่ชอบมากมายคือประโยคเด็ด....ประโยคนี้นั่นเอง.....เจ้าค่ะ.......     “ ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่ายังมีคนที่ฉันรัก ” .......ว้ากกกกกกกกกกกกก.........โดนนนนนนนนนนนนนน.....เจง ๆๆ......อิอิ..   และ....บัดนี้.....คงสมควรแก่เวลา....ข้าน้อยขอทูลลาท่านจอมยุทธอาร์ต......ก่อนนะคะ.......ไปหล่ะฟิ้ววววววววววววววววววววววววววววว........ จากคุณ : ...I'm ลั้นลา... (~AcareMom~) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:06:56

ความคิดเห็นที่ 32 กระบี่ไร้เทียมทาน    ดังมากสมัยข้า.. ยังศึกษาอยู่ มศ. 3   มาฟังเพลงเพื่อ.. จิตใจจะได้คึกคัก  กับภาระกิจในวันนี้ จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:08:58

ความคิดเห็นที่ 33 ติดลม.. นี่ก็ไพเราะเสนาะหูจริงๆ จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:10:37

ความคิดเห็นที่ 34 ข้าพเจ้าเพิ่งเดินทางมาึถึงออฟฟิส อาร์ตน้อยข้าพเจ้าขอยืมพื้นที่ทู้ท่านคุยกับท่านผู้อาวุโสและสหายหน่อยนะคะ ต่อไปนี้ ขอเรียก ท่านอาว่าว ละกันนะคะ บุรุษวัย ห้าสิบ ขึ้น ใครว่าชรา ข้าพเจ้าคนนึงล่ะ ชมชอบคบหากับบุรุษที่ผ่านโลกมา มากด้วยวัยวุฒิและประสบการณ์ ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นท่านเข้ากะบ่อยๆ ในใจนึกถึงอาชีพที่ข้าพเจ้าเองก็เคยประกอบสมัยเรียนจบใหม่ๆ คือเป็นนายช่างหญิงค่ะ ช่วงนั้นข้าพเ้จ้าควงกะ ซะแทบไม่เป็นผู้เป็นคน หมดสวยไปหลายกอง ^_^ ข้าพเจ้าชมชอบนิยายกำลังภายในและหนังจีนมาตั้งแต่ยังเยาว์ รวมถึงนิยายสืบสวนสอบสวนด้วย หนังสือหนังหาหลายเรื่องที่ข้าพเจ้าโปรดปรานก็ได้หาซื้อเก็บสะสมไว้ ถึงแม้ไม่มากมายก่ายกองทุกเรื่องที่มีในยุทธภพ ก็มีเรื่องที่ข้าพเจ้าชมชอบ ยิ่งสมัยนี้การสื่อสารล้ำยุค ได้ชักนำให้ข้าพเจ้ารู้จักบอร์ดต่างๆ ที่เกียวกับกำลังภายในเลยแวะเวียนเข้าไปค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ได้พบเจอสหายรสนิยมเดียวกัน เอาไว้พูดคุย ซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ยามว่างๆ คุณ Chang_Kung - คำถามที่ว่าไม่ใช่เราเป็นคนถามเองหรอกค่ะ เพราะเราคิดว่าสาระเรื่องฤทธิ์มีดสั้นไม่ได้อยู่ที่จำนวนมีดที่เซี่ยวลี้ปวยตอซัดออกไป พอดีมีโกวเนี้ยน้อยท่านนึงมีทีท่าสนอกสนใจเรื่องนี้เลยถามมา เราเองอ่านมานานเรายังบอกไม่ได้เลย ทั้งลี้คิมฮวงทั้งเอี๊ยบไค เก็บมีดสั้นไว้ที่ไหน 555 (และไม่เคยสนใจด้วย รู้แต่ว่าถ้าซัดออกมาแล้วไม่เคยพลาดเป้า ฮา ฮา)พูดในทู้อาร์ตน้อยแล้วเด๋วจะยาว แหะ แหะ คุณ ความรักมาทักทายฯ - เราไปโหลดบิทหนังเรื่องกระบี่ไร้เทียมทานมาค่ะ ชัดแจ๋วแหววดีด้วย ดีใจมากๆที่ได้เรื่องนี้มาเก็บไว้ ตอนนี้ก็ซื้อแผ่น ยอดยุทธจักรมังกรฟ้า (ภาคต่อกระบี่ไร้เทียมทาน) มาด้วยแล้ว ก็ดูได้ค่ะ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ค่อยชัดหรือสะดุด มีหนังจีนดีๆ อีกหลายเรื่องที่กำลังตามเก็บอยู่ ไม่รู้ว่าจะหาได้หรือเปล่า คุณครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน - เรื่อง อินทรีผงาดฟ้าถ้าอ่านหนังสือจะจบแบบ happy ending แต่ถ้าดูหนังจะจบแบบเศร้าสร้อยคือนางเอกและครอบครัวโดนสังหารหมดสิ้น ถ้าจำไม่ผิด เหลือเต็งพ้งกับลูกน้อย ออกพเนจรต่อไป (น้ำเน่ามากค่ะ ไม่อยากให้ดูเลย) แต่เพลงประกอบเพราะมากมาย เป็นหนึ่งเพลงในดวงใจของเราเลยค่ะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 10:39:13

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ หวัดดีจ้ะ.. ฉิงฉิง  ทำให้เราอยากดูกระบี่ไร้เทียมทานขึ้นมาทันที  ยิ่งภาพชัดแจ๋วยิ่งอยากดู   แต่โหลดบิทไม่เป็น  คุณฉิงฉิง ทำเป็นแผ่นหรือเปล่า  ไรท์มาขายเราก็ได้นะ  ขอซื้อ   ชอบตั้งแต่ฉายใน tv  ดาราคุ้นเคยหลายคน  แม้กระทั่งผู้ร้ายยังหล่อเลย จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 11:27:36

ความคิดเห็นที่ 36 ขอสารภาพด้วยคนว่า .... เรากลายเป็น "แฟนพันธุ์แท้คุณอาร์ต" ไปซะแล้วล่ะค่ะ อิอิ ปล. ขอบคุณคุณฉิงฉิงค่ะ รออ่านค่ะ รออ่าน จากคุณ : พิงคาน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 11:42:43

ความคิดเห็นที่ 37 วันนี้ได้ฟังเหล่าจอมยุทธ์ เขาคุยโต้ตอบกัน นับได้ว่าเป็นวาสนายิ่งนัก เป็นบุญของข้าน้อยแล้ว จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 12:58:42

ความคิดเห็นที่ 38 ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี คุณฉิงฉิง ในยุทธจักร ไม่ได้มีเพียง บู๊ ครับท่านแม่นาง   แต่ในอีกมิติหนึ่ง  ยังมี บุ๋น เป็นภาพทับซ้อนคู่ขนานครับ การต่อสู้แบบโลหิตพุ่งกระฉุด แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อาจจะดูสะใจ แต่แก่นแท้ของวิชาบู๊ ผู้น้อย คิดว่า ไม่ใช่เพียงเท่านี้ครับ กระบวนความคิดที่ลึกซึ้งในตรรกะนี้ ในเรื่อง " จริยะวีรชน "   ของท่านอุนสุยอัน ที่เขียนไว้เมื่อปี 1988  นั้น แทรกความหมายไว้ชัดเจนครับ หากท่านเคยผ่านตาภาพยนต์เรื่อง " ฮีโร่ "   คงจะพอนึกภาพ   การต่อสู้ใน " ความคิด " ออกครับ ในหนังนั้น เหมือนจะบอกเรานัยๆว่า   การต่อสู้แต่ละครั้งนั้น  สิ่งที่ควรจะเป็น  นั่นคือควรจะแทบคาดคำนวณกระบวนท่า ต่อไปของศัตรูออก  รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ...มั่นใจจึงทำครับ ? การชนะที่แท้จริง  คือการชนะโดยไม่ต้องรบครับ ........... .. เซี่ยงกัวกิมฮ้งเน้นทีละคำ "มีดของท่านเล่า ?" คนผู้นั้นพลิกมือวูบ ปลายนิ้วมีมีดสั้นอยู่เล่มหนึ่งทันที เซี่ยวลี้ปวยตอ !! พอเห็นมีดเล่มนี้ คนทั้งหลายจึงได้ทราบว่ามิได้คาดเดาผิด เป็นลี้คิมฮวง ! ในที่สุด ลี้คิมฮวงก็มาแล้ว !! ..... เซี่ยงกัวกิมฮ้งลุกขึ้นช้าๆ เดินช้าๆ มายืนประจันหน้าลี้คิมฮวง บัดนี้ ทั้งสองมีระยะห่างกันไม่ถึงสี่วา แต่ทว่า มือของเซี่ยงกัวกิมฮ้งยังคงอยู่ในแขนเสื้อ สองห่วงหงส์มังกรของเซี่ยงกัวกิมฮ้ง สยบแผ่นดินจนระย่อตั้งแต่เมื่อยี่สิบปี่ก่อนนั้นแล้ว ในตำราอาวุธของแป๊ะเฮี่ยวเซ็ง ถูกวางอยู่อันดับสอง ยังสูงกว่าเซี่ยวลี้ปวยตออีกอันดับหนึ่ง ! ร่วมยี่สิบปี ยังไม่เคยมีผู้ใดเห็นสองห่วงของมันหลุดจากมือ มาตรแม้นทุกผู้คนต่างทราบ สองห่วงของมันน่าสะพรึงกลัว แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าน่ากลัวถึงระดับใดกันแน่ ?! บัดนี้ ห่วงของมันอยู่ในมือหรือไม่ ? จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:12:24

ความคิดเห็นที่ 39 สายตาของแต่ละคน ต่างเบือนจากมีดที่ปลายนิ้วลี้คิมฮวงไปยังมือของเซี่ยงกัวกิมฮ้ง ในที่สุด มือเซี่ยงกัวกิมฮ้งก็ถูกชักออกจากแขนเสื้อ เป็นมือเปล่า ! ลี้คิมฮวงกล่าว "ห่วงของท่านเล่า ?" "ห่วงอยู่" "อยู่ที่ใด?" "อยู่ในหัวใจ" "อยู่ในหัวใจ ?" " ในมือเราแม้ไม่มีห่วง แต่ในใจกลับมีห่วง " แก้วตาลี้คิมฮวงหดเล็กลงทันที ห่วงของเซี่ยงกัวกิมฮ้งถึงกับมองไม่เห็น ! เนื่องเพราะมองไม่เห็นนั่นเอง ดังนั้น จึงอยู่ในทุกแห่งหน ไม่มีที่ใดไปไม่ถึงได้ ! มันอาจบางทีอยู่ที่เบื้องหน้าสายตาท่าน อยู่ที่คอหอยท่าน อยู่ในวิญญาณท่านแล้ว จวบจนตลอดร่างของท่านถูกมันทำลายย่อยยับ ยังคงไม่เห็นอยู่ในที่ใด 'ในมือไร้ห่วง ในใจมีห่วง' ..... เซี่ยงกัวกิมฮ้งกล่าวช้าๆ "ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน ในมือเราก็ไม่มีห่วงแล้ว" "นับถือ" "ท่านเข้าใจ ?" "เลิศล้ำปานเนรมิต ไร้ห่วง ไร้เงา ไม่มีร่องรอยพอสืบสาว ไม่มีความแกร่งกร้าวพอทนทานได้" "ประเสริฐมาก นับว่าท่านเข้าใจจริงๆ" ..... จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:15:06

ความคิดเห็นที่ 40 เซี่ยงกัวกิมฮ้งจับจามองลี้คิมฮวงแน่วนิ่ง พลันถอนหายใจยาวกล่าวขึ้น "ลี้คิมฮวงเป็นลี้คิมฮวงจริงๆ" "เซี่ยงกัวกิมฮ้ง ไหนเลยมิใช่เป็นเซี่ยงกัวกิมฮ้ง" "ท่านความจริงเป็นถ้ำฮวยมาสามชั่วคน รับราชการในตำแหน่งโอ่อ่าภาคภูมิ มีเกียรติยศสูงส่ง ไยต้องมาเป็นคนเสเพลพเนจรในวงการนักเลงอันโสมมนี้ ?" ลี้คิมฮวงยิ้มพลางกล่าวเสียงราบเรียบ "คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป" "ท่านยังสามารถไปได้ ?" ลี้คิมฮวงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จึงถอนหายใจยาวกล่าวขึ้น "เป็นไม่คิดจะไป และก็ไม่อาจจะไป" "ประเสริฐมาก เชิญใช้กระบวนท่าออกมา" " กระบวนท่ามีอยู่แล้ว " เซี่ยงกัวกิมฮ้งต้องโพล่งโดยไม่รู้ตัว "อยู่ที่ใด ?" ลี้คิมฮวงกล่าวเสียงราบเรียบ "อยู่ในหัวใจ มีดข้าพเจ้าแม้ไม่มีกระบวนท่า แต่ในหัวใจกลับมีกระบวนท่าอยู่" แล้วตาเซี่ยงกัวกิมฮ้งพลันหดเล็กลงบ้าง ! จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:16:51

ความคิดเห็นที่ 41 ทุกผู้คนต่างไม่เห็นห่วงเซี่ยงกัวกิมฮ้งอยู่ที่ใด ? และไม่เห็นกระบวนท่าจู่โจมของลี้คิมฮวงอยู่ที่ใด ? แต่ห่วงอยู่แล้ว กระบวนท่าก็ใช้ออกไปแล้ว ทุกผู้คนต่างคล้ายรู้สึกว่ามีมันอยู่จริงๆ ทุกผู้คนแม้ยังยืนสงบนิ่งในที่นั้น แต่กลับคล้ายตกเข้าไปในสถานการณ์คับขัน ที่จะเป็นตายร้ายดีได้ทุกขณะ ชีวิตร่อแร่ปานแขวนอยู่บนเส้นด้าย ! ทุกผู้คนแม้ล่าถอยจนถึงมุมตึก แต่ยังคงสามารถรู้สึก มีรังสีอำมหิตที่น่าสะพรึงกลัวคุกคามเข้ามาหา ! ..... พลันมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้น "เคลื่อนไหวก็เท่ากับไม่เคลื่อนไหว ไม่เคลื่อนไหวก็เท่ากับเคลื่อนไหวแล้ว เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ ?" เป็นเสียงของชายชรา ทุกผู้คนต่างได้ยินชัดเจน แต่กลับมิทราบมันซ่อนตัวอยู่ที่ใด ? อีกเสียงหนึ่งกล่าวกลั้วหัวร่อ "ในเมื่อเช่นนี้ ต่อสู้ก็เท่ากับไม่ต่อสู้ ไม่ต่อสู้ก็เท่ากับต่อสู้ แล้วพวกมันไยต้องต่อสู้กันอีก" เป็นเสียงสดใสไพเราะจนเสนาะหู ดุจดั่งเป็นสกุณาระเริงไพร แต่ร่างของนาง ยังไม่มีผู้ใดได้เห็นเช่นกัน เสียงชายชรากล่าว "ที่พวกมันต่อสู้ เนื่องเพราะพวกมันความจริงไม่รู้แก่นแท้ของหลักวิชาบู๊เลย" ดรุณีหัวร่อคิกคิกกล่าว "ท่านว่าพวกมันไม่รู้จัก แต่พวกมันกลับยังเข้าใจว่า ตัวเองรู้จักมากอย่างยิ่ง" สองประโยคนั้นพอกล่าว นอกจากลี้คิมฮวงกับเซี่ยงกัวกิมฮ้งแล้ว ทุกผู้คนต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ถึงกับมีคนกล้าว่าทั้งสองไม่รู้จักหลักวิชาบู๊ ! หากกระทั่งทั้งสองไม่รู้จัก ในโลกยังจะมีผู้ใดรู้จัก ? จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:23:10

ความคิดเห็นที่ 42 ชายชรากล่าวขึ้นอีกครั้ง "พวกมันเข้าใจว่า ในมือไร้ห่วง ในใจมีห่วง ก็นับว่าถึงสุดยอดของแก่นวิชาบู๊แล้ว ความจริง ยังห่างอีกไกลนักดอก" "ห่างไกลเท่าใด ?" "อย่างน้อยยังห่างอีกสิบหมื่นแปดพันลี้" "ต้องอย่างไรจึงนับว่าถึงจุดสุดยอดของวิชาบู๊จริงๆ" "ต้องให้ในมือไร้ห่วง หัวใจก็ไร้ห่วง เมื่อถึงระดับห่วงก็คือเรา เราก็คือห่วง จึงนับว่าพอจะใช้ได้" "พอจะใช้ได้ ! หมายความว่ายังด้อยอยู่อีกเล็กน้อย ?" "ใช่ ยังด้อยอยู่อีกเล็กน้อย" หยุดชั่วขณะแล้วชายชราจึงกล่าวช้าๆ "สุดยอดของหลักวิชาบู๊ที่แท้จริง จะต้องสามารถเลิศพิศดารปานปาฏิหาริย์ถึงระดับไร้ห่วงไร้เรา ลืมห่วงลืมเราไปสิ้น นั่นจึงจะบรรลุในทุกสรรพสิ่ง ทำลายในทุกสรรพสิ่งได้" ..... ผู้น้อย ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี คุณฉิงฉิง จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:26:16

ความคิดเห็นที่ 43 ขอน้อมคารวะครับพี่ท่าน เคน คุณ คุณชายทหารไทย ที่นับถือครับ ผู้น้อยขออนุญาต ร่วมดื่มสุรา แต่งต่อเติมบทกวีกันครับ นับเป็นบทกลอนที่ดีมากครับ ที่พี่ท่านเคนแต่ง อันคนเรามีเกิดก็มีดับ ดั่งนอนหลับไม่ตื่นไร้ลมหาย สิ่งติดตัวไปได้มีไม่มากมาย ที่ไม่คลายไม่สิ้นคือความดี สมัยเด็กๆ เวลามีงานศพที่วัด ก็วิ่งเล่น คอยแย่งกัลปพฤกษ์  ที่เจ้าภาพสอดเหรียญเงินสตางค์แล้วหว่านบนเมรุ   พอต่อมาเติบโตขึ้นเป็นวัยหนุ่ม เวลาไปงานศพที่วัด ก็ได้ช่วยพยุงคนแก่ หรือเดินเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟข้าวต้ม เสิร์ฟกระเพาะปลา   ดึกๆก็เป็นเจ้ามือวงไฮโล หรือเป็นเจ้ามือไพ่ป๊อกเด้ง  เล่นในงานศพ ( ฮา ) พออายุมากขึ้นมีธุรกิจ เวลาไปงานศพ ก็ได้นั่งฟังพระสวดอภิธรรม  ได้กวาดน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับ พออายุมากขึ้นมีครอบครัว มีหน้าที่การงาน  มีหน้ามีตาในสังคม เวลาไปงานศพ ก็ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้ร่วมชักผ้าบังสุกุล อาจจะได้ชักผ้ามหาบังสุกุล หากได้เล่นการเมืองแล้วมีตำแหน่งใหญ่คับบ้านคับเมือง พออายุมากขึ้นอีก มีอำนาจ มีวาสนา   เวลาไปงานศพ ก็จะได้นั่งเก้าอี้ แถวหน้าสุด ได้นั่งโซฟา ร่วมกับแขกผู้ใหญ่ นักการเมือง ผู้ว่าราชการ รัฐมนตรี ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาไปงานศพ ก็ยิ่งได้นั่งใกล้โลงศพ เข้าไปทุกทีครับพี่ท่านเคน ( ฮา ) พออายุมากขึ้น มากขึ้นจากนั่งใกล้โลงศพมากๆ สุดท้ายก็เข้าไปนอนเองในโลงครับ( .... ) มายิ้มเย้ยยุทธจักรกันครับ พี่ท่านเคน  คุณชายทหารไทย ที่นับถือครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:30:40

ความคิดเห็นที่ 44 ขอน้อมคารวะครับพี่ท่าน คุณ chang_kung ที่นับถือครับ ขอขอบคุณมากครับ ในน้ำใจไมตรี ที่พี่ท่านสละเวลาเข้ามาอ่าน และทักทายกันครับ ดึกคืนวานผู้น้อยนิ่งดู ภาพฝันซ้อนภาพฝัน เหมือนความฝันที่ซ้อนทับกันสามชั้น ฝันซ้อนฝันที่ซ้อนความฝัน เหมือนหนังเรื่อง อินเชฟชั่น เพื่อรอให้กระทู้ อยู่รอดและดำรงมาถึงบ่ายของวันนี้ก่อนครับ  ด้วยการโพสต์ทิ้งค้างไว้ ผู้น้อยจะเริ่มลงต่อ ตามที่พี่ท่านต้องการครับ ผู้น้อยขอน้อมคารวะครับพี่ท่าน  คุณ chang_kung ที่นับถือครับ  ขอขอบคุณน้ำใจพี่ท่าน  อีกครั้งครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:33:48

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาน้อมรับคำสั่งสอนของกุนซืออาร์ต เจ้าค่ะ (โดนเทศน์ซะ 5 โพสท์รวด 555 แหม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ฮิ ฮิ) อ่ะ เอาสาเกมาคารวะท่านกุนซือด้วยค่ะ ปลาดิบจะตามมาทีหลัง ก็ข้าพเจ้าได้พยายามปรับปรุงตัวแล้วไง หรือว่าท่านไม่เห็น ฮึ (นอกจากนี้ เลิกทำหน้างอ และก็ คิ้วข้าพเจ้าเลิกผูกโบว์ และก็ ข้าพเจ้าเข้านอนแต่หัวค่ำแล้ว พอใจท่านหรือยัง 5555) สงสัยเราต้องไปอ่าน จริยะวีระชนใหม่ อีกรอบ (นี่อ่านเกือบจบแล้วอ่ะ เหลืออีกไม่กี่หน้า)แล้วค่อยมาถกกันถึงแก่นแท้ของความหมายที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด (ข้าพเจ้าค่อนข้างชอบเหมือนกันนะเรื่องนี้ ไม่ใช่ชอบเฉพาะเรื่องประโลมโลกย์อย่างที่ท่านกล่าวหา อิอิ) กับข้าพเจ้าเรื่องนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ออกจะสนุกในช่วงครึ่งหลัง (ที่ข้าพเจ้าได้บอกต่อท่านไปก่อนหน้านี้แล้ว) แต่จะให้เข้าใจหลักแก่นถ่องแท้อย่างท่าน ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเส้นสมองบนฝ่ามือข้าพเจ้า สั้นกว่าของท่านมากมายนัก 55 ปล ท่านเล่นบรรยายลี้คิมฮวงซะจนข้าพเจ้าอยากอ่านอีกแล้วอ่ะ อาร์ตน้อย ทำไงดีๆๆๆๆๆ ปล พี่ป๋วย พี่ป๋วยไม่ได้เป็นแค่ "แฟนพันธุ์แท้คุณอาร์ต" หรอกค่ะ แต่คุณอาร์ตเค้าจัดให้เป็น VIP เลยจะบอกให้ ฮิ ฮิ (แซวแค่นี้พอล่ะค่ะ เด๋วอาร์ตมันมาเขกกระโหลกเรา หาว่ามาป่วนทู้อีก แหะ แหะ)เราเรียบๆ ร้อยๆ ตามที่อาร์ตบอกแล้วนะ นี่เห็นเป็นพี่ป๋วยเลยแซวเล่น เป็นคนอื่น เราไม่กล้าร้อกกกกก ปล เพิ่มเติมค่ะ ฟังเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน แล้วเศร้าค่ะ น้ำตาจะร่วง รู้สึกมันเป็นเพลงอกหักไงก็ไม่รู้นะคะ แบบผู้หญิงไปรักผู้ชายแล้วผู้ชายเค้าไม่รักตอบ ทำนองนั้นค่ะ (แต่จริงๆ ความหมายเป็นไงก็ไม่ทราบได้นะคะ เพราะเราไม่รู้ภาษาจีนแม้แต่น้อย 55) แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:23:03 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:09:30 จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:39:18

ความคิดเห็นที่ 46 ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี ผู้อาวุโส ท่าน กิ่งฟ้า ท่านกวี ที่นับถือครับ ........กิ่งฟ้าช่อนี้หรือมีคนปอง กิ่งทองเจ้าสูง เปรียบไม้ยางยูงเจ้าสูงลอย หลงเฝ้าเพ้อมอง อยากปองเอื้อมสอย แต่บุญพี่น้อยจึงพลอยระทม ..กิ่งฟ้าช่อนี้หรือมีราคา หากพี่จะคว้า พี่คงได้มาแค่เพียงลมๆ ได้แต่แหงนมอง ยิ่งปองยิ่งตรม อกต้องขื่นขมได้ชมเพียงเงา ..จนปัญญาพี่แล้ว กิ่งแก้วทูนหัว รักเจ้าเผลอตัวมัวเมา เพราะรักโง่งม หลงชมเพียงเจ้า จึงปวดใจร้าวอยู่ชั่วนิรันดร์ ..กิ่งฟ้าเจ้าเอ๋ยเจ้าเลยไกลพี่ สิ้นกันเพียงนี้ บุญพี่ไม่มีพอเทียมทัน รักเจ้านั้นปาน ประหนึ่งชีวัน แต่พรหมเท่านั้นกั้นรักเราเอย ...................... ผู้น้อย ขอน้อมคารวะครับ  ท่านสุภาพสตรี ท่านผู้อาวุโสกิ่งฟ้า   สุภาพสตรีที่ข้าพเจ้าผู้น้อย ให้ความรัก ความนับถือ เป็น ท่านกวีหญิง ผู้มากด้วยความสามารถครับ   ขอน้อมคารวะครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:40:59

ความคิดเห็นที่ 47 ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ เวลาไปงานศพ ก็ยิ่งได้นั่งใกล้โลงศพ เข้าไปทุกที พออายุมากขึ้น มากขึ้นจากนั่งใกล้โลงศพมากๆ สุดท้ายก็เข้าไปนอนเองในโลง ......................................................................................................... คำกล่าวของจอมยุทธอาร์ต  ไม่ผิดไปจากนี้จริงๆ  555 มีเกิดย่อมมีดับ  เป็นสัจธรรมของปุถุชน   ฉะนั้นเร่งทำความดีเสียเพื่อจะได้เป็นที่จดจำของลูกหลานสืบไป จากคุณ : .. (ความรักมาทักทายแล้วหายไป) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:51:59

ความคิดเห็นที่ 48 การต่อสู้ของเซี่ยงกัวกิมฮ้งกับลี้คิมฮวงทางวาจา บางคาบบางคราวทำให้ข้าพเจ้านึกถึงการต่อสู้ระหว่างโค่วจงและหลี่ซื่อหมิน ช่วงที่หลี่ซื่อหมิ่นส่งสารเชิญโค่วจงไปหารือในกระโจม ตอนก่อนทำศึกที่ช่องเขา อะไรข้าพเจ้าก็จำไม่ได้แล้ว หนังสือไม่ได้อยู่ใกล้ตัว หาที่อ้างอิงมิได้เจ้าค่ะ) เป็นการต่อสู้ทางจิตวิทยา ด้วยวาจา (ที่ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่า การต่อสู้ลักษณะนี้ หลี่ซื่อหมิ่นเป็นต่อโค่วจงประมาณ 2 ส่วน ไม่มีควบหรือครึ่งลูกแต่อย่างใด) นี่อาจจะเป็นตัวอย่างนึงพอได้กระมัง ที่อาร์ตน้อยกล่าวว่า "การชนะที่แท้จริง  คือการชนะโดยไม่ต้องรบ" ในมือไร้ห่วง ในมือไร้มีด เปรียบเสมือน สภาวะคนกับดาบหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไร้คน ไร้ดาบ นี่จึงเป็นสุดยอดวิชาที่แท้จริง (ดาบสวรรค์ซ่งเซวีย กล่าวสอนโค่วจง)ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงคล้ายๆ กัน 555 ถ้าข้าพเจ้าบรรลุสภาวะ คีบอร์ดอยู่ที่ใจ อาร์ตน้อยเห็นว่าเป็นอย่างไร ^_^ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 14:57:50

ความคิดเห็นที่ 49 คุณโอ๋ ...I'm ลั้นลา... (~AcareMom~) ครับ ...“ม.ร.ว.กีรติ” ผู้เคยงามสง่า ขยับริมฝีปากซีดเซียวเอ่ยถามชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้าว่าเขาจำได้หรือไม่ ว่า “ภาพ” ที่เธอวาดเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เขา คือสถานที่ใดและมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง “นพพร” คือชายหนุ่มผู้นั้น เขามองหน้าคุณหญิงผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยรัก สุดหัวใจแล้วตอบว่า “ที่มิตาเกะ ความรักของผมเกิดขึ้นที่นั่น” “ความรักของเรา...นพพร” “ความรักของเรา...นพพร” “ความรักของเรา...นพพร” คุณหญิงตอบด้วยน้ำเสียงปวดร้าว .......... “ความรักของเธอเกิดขึ้นและตายที่นั่น แต่ของอีกคนกำลังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ” ชายหนุ่มงงงันความกับความจริงในใจของคุณหญิงที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาคิดแต่เพียงว่าหญิงสูงศักดิ์ผู้นี้ไม่ได้มีใจให้เขาแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่า ม.ร.ว.กีรติ จะแสดงทีท่าอย่างไร เธอก็ไม่เคยปริปากบอกคำว่า “รัก” แก่นพพร มิตรน้อยอันเป็นที่รักของเธอ จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต หากเธอยังมิมอบคำว่า "รัก" ให้กับเขา นพพรก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเธอรักเขา และความเคลือบแคลงใจนี้เองทำให้ความรักของนพพรที่มีต่อเธอเสื่อมคลายจนหมดใจในท้ายที่สุด และกว่านพพรจะเรียนรู้ถึงวิธีการตีความนัยประหวัดของคำพูดทุกอย่างก็สายเกินไป เขาได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่อยู่ "ข้างหลังภาพ" มีมากกว่ากระดาษ ก็ต่อเมื่อเจ้าของผลงานภาพชิ้นนี้สิ้นชีวิตไปแล้ว โดยมีประโยคสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้คือ “ ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่ายังมีคนที่ฉันรัก ” คุณโอ๋ ท่านสุภาพสตรี ผู้ร่าเริง สดชื่นเบิกบานครับ หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนที่มีความรัก โดยเฉพาะคนที่ผิดหวังในความรัก ซึ่งอาจจะได้อารมณ์หนังมากกว่าคนที่ไม่มีความรักครับ ความรักในปัจจุบันก็ยังเหมือนกัน มันเริ่มต้นในวิถีทางของของมันและสิ้นสุดลงอย่างมีพลังของมัน ทำไมความรักที่ดูเหมือนจะราบรื่น แต่มันกลับไม่ราบรื่นเพราะอะไร เรื่องนี้อยากให้ดูว่า คุณหญิงกีรติชอบนพพรตอนไหน นพพรรักคุณหญิงตอนไหน อะไรทำให้ลงรอยได้แต่ไม่ลงรอยกัน อะไรทำให้เกิดเหตุการณ์ข้างหลังภาพ............. ภูเขา " มิตาเกะ " แห่งนี้ จึงเป็นสถานที่ที่คุณหญิงอิ่มเอมใจเหลือเกินในความรักที่นพพรมอบให้ การที่นพพรยืนยันกับคุณหญิงอย่างหนักแน่นว่าเขาจะมั่นรักเพียงเธอไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งทำให้ภาพของภูเขามิตาเกะแจ่มชัดขึ้นในความรู้สึกของคุณหญิงกีรติ โดยเธอถอดหัวใจวาดภาพนี้เพื่อสื่อถึงความรักระหว่างเธอและนพพร ชายหนุ่มที่เธอรัก....            ม.ร.ว.กีรติ เป็นลูก " เจ้านาย " ในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ถูกเลี้ยงดูอยู่ในโลกที่แยกออกจากสามัญชนและเป็นที่หวงแหนจากครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยท่านพ่อของคุณหญิงต้องการให้เธอเป็นหญิงสูงศักดิ์และเพียบพร้อม จนทำให้ไม่มีชายใดมีโอกาสเข้าถึง กีรติจึงไม่เคยมีชายใดรักและขอแต่งงาน ในขณะที่น้องสาวที่ไม่ได้สวยสง่าเท่า กลับได้แต่งงานกับคนรักโดยไม่มีข้อแม้จากครอบครัวเท่ากับเธอ กีรติเฝ้าคอยความรัก ตั้งแต่เริ่มรุ่นสาว จนกระทั่งอายุ ๓๔ ปี เมื่อรู้สึกว่าสิ้นหวัง จึงยอมแต่งงานกับพระยาอธิการบดี ซึ่งเป็นคนดีแต่สูงวัยกว่าเธอมาก เมื่อเจ้าคุณอธิการฯ พากีรติไปประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ เธอจึงได้พบกับนพพรซึ่งเป็นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยริคเคียวและเป็นลูกชายของเพื่อนท่านเจ้าคุณ ในขณะที่นพพรอายุ ๒๒ ปี แต่เธอมีอายุ ๓๕ ปี หากแต่ในสายตาของชายหนุ่ม คุณหญิงคือสาวสะพรั่งที่ต้องตาต้องใจเขาเหลือเกิน ขออนุญาตจบสั้นๆครับคุณโอ๋ ท่านสุภาพสตรี คุณโอ๋ คุณ ...I'm ลั้นลา... (~AcareMom~)   มันเต็มตื้นครับ   ( ฮา )   “ ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่ายังมีคนที่ฉันรัก ” จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:06:25

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามานั่งฟังด้วยคนนะคะ จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 51 ขอน้อมคารวะครับ พี่ท่าน ( ความรักมาทักทายแล้วหายไป )   ที่นับถือครับ ผู้น้อย ขอขอบคุณมากครับ ในน้ำใจพี่ท่าน ที่นำเอาบทเพลงเก่าๆที่ทรงคุณค่าต่อจิตใจ ในอดีต กระบี่ไร้เทียมทาน มาฝากครับ ว่าไปแล้ว กำลังภายในเรื่องนี้ ผู้น้อยขอสารภาพตามตรงว่า ติดงอมแงมเลยครับ ( ฮา ) ภาพการสำลอกใยไหม ในกระบี่ไร้เทียมทาน   ภาพของฮุ้นปวยเอี้ยง  ท่านอี้ชงเทียน   มีอิทธิพลต่อความคิดผู้น้อยในกาลเวลาต่อมา ..ภาพของดักแด้ที่ค่อยๆสำรอกใยไหมสลัดออกเป็นผีเสื้อโบยบินสวยงามนั้น  แฝงเคล็ดกระบวนท่า เปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด เหมือนสูงสุดคืนสู่สามัญ ! ผู้น้อยเชื่อมโยงตรรกะความคิดนี้ ยามเมื่อได้ดูภาพยนต์เรื่อง " คนเล็กหมัดเทวดา "  ที่คุณโจวฉิงฉือ เล่นในกาลเวลาต่อมา   เปรียบเหมือนอี้ชงเทียน และฮุ้นปวยเอี้ยง "ค้นพบ "  พลังไหมฟ้า  ด้วยเส้นทางที่ต่างกัน แต่จุดหมายเดียวกัน ลองเปรียบเหมือน 2500  กว่าปีที่ผ่านมา  สมเด็จพระพุทธองค์ ค้นพบเส้นทางพ้นทุกข์  แล้วได้จารึกบทบันญัติขึ้นเป็นพระไตรปิฏก   อันว่าด้วยอริยสัจ หรือจตุราริยสัจ หรืออริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ หรือความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะ มีอยู่สี่ประการ คือ 1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น 2. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ 3. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ 4. มรรค   คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ แต่ว่า ความสำเร็จ  " ถ่ายทอด "  ให้กันไม่ได้จริงๆ  ท่านองค์พระพุทธเจ้า  ค้นพบ ก็ค้นพบเจอ คนเดียวของท่านจริงๆครับ   ดังคำพูดของ  มอเฟียซ ในหนังเรื่อง  " แมทริกซ์ "  ครับ ที่ว่า "  เทพพยากรณ์เป็นเพียงผู้ชี้ทาง  แต่จะเดินเข้าไปหรือไม่ ก็แล้วแต่คุณ " .................................... เมื่ออ่าน   กระบี่ไร้เทียมทาน  ภาค 1 จบ ผู้น้อยเห็น ถึง 2 แนวทาง  นั่นคือ แนวทางของ อี้ชงเทียน และแนวทางของ ฮุ้นปวยเอี้ยง พอมาอ่าน   " ไหมฟ้าปาฏิหาริย์ "   อันเป็นภาค 2 ของกระบี่ไร้เทียมทาน  ผู้น้อยก็พบว่า มีแนวทางที่ 3 ของพลังไหมฟ้า เหมือนบอกอะไรกับเรานัยๆว่า อย่ายึดติดรูปแบบเดิมๆ ที่คร่ำครึ ( ฮา )   ..................... เขียนๆไปจะยาวทุกทีครับ พี่ท่าน ( ความรักมาทักทายแล้วหายไป )     ผู้น้อย ขอน้อมคารวะครับ และขอขอบคุณพี่ท่านอีกครั้ง  ในน้ำใจครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:29:37

ความคิดเห็นที่ 52 ขอน้อมคารวะครับ ท่านซือไถ่เจ้าสำนักท่านป้าลายคราม แห่งสำนักง่อไบ๊ครับ ท่านซือไถ่ มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง ไปมาไร้ร่องรอย   คล้ายใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา สิบแปดเท้าไล่จั๊กจั่น หรือ วิชาตัวเบา เหยียบหิมะไร้ร่องรอย ก็ไม่ปานครับท่านซือไถ่ ( อมยิ้ม ) ลมอันใด ถึงได้หอบท่านซือไถ่ผู้อาวุโส ท่านป่าลายครามมาถึงที่นี่    ท่านสุภาพสตรี ผู้ที่ข้าพเจ้าผู้น้อย ให้ความรัก ความนับถือว่า ทรงไว้ด้วยความงดงาม ที่ท้าทายต่อความผันผ่านของกาลเวลายิ่งนักครับ ผู้น้อยขออนุญาต  คารวะท่านซือไถ่ป้าลายคราม ด้วยชาอู่หลงก้านอ่อน ที่ผ่านการชงด้วยน้ำสองครับ ผู้น้อยขอคารวะครับ ท่านซือไถ่เจ้าสำนักง่อไบ๊  สำนักที่มากมายด้วยศิษย์สตรี ที่ฝึกกระบี่เจื้อยแจ้วปานนกไนติงเกลครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:37:57

ความคิดเห็นที่ 53 ^..^" แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 15:53:13 จากคุณ : ยายซิ่ง..............มาแย้ววว! (ยายซิ่ง) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 15:52:35

ความคิดเห็นที่ 54 ---เสียดายที่มีเวลาน้อย..มิอาจอยู่ร่วมวงกับเหล่ายอดฝีมือได้ ---เรื่องอื่นข้าฯไม่ติดใจ...มีเพียงเรื่องแม่นางหลิวของท่าน..กับแม่นางลี่ของข้าเท่านั้นที่ยังคาใจข้าอยู่ ---วานเหล่าผู้มากฝีมือช่วยดูหน่อยเถอะ..แม่นางลี่ของข้า พอจะเทียบแม่นางหลิวของท่านอาร์ตได้หรือไม่ ---เบิ่ง....(แปลว่า..ดู..ยล...ฯ) แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 53 16:12:06 จากคุณ : กำนันเปล่ง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:01:39

ความคิดเห็นที่ 55 ---ชีวิตเหมือนฟ้าลิขิต...เกิดมาเพื่อเป็นนางเอก...สาวงามทั้งเมือง..มีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับเลือก ---อีกทีเถอะ จากคุณ : กำนันเปล่ง เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:09:58

ความคิดเห็นที่ 56 ขอน้อมคารวะครับ ท่านสุภาพสตรี  ท่านยายซิ่ง   ขอน้อมคารวะครับ ท่านพี่กำนันเปล่ง ผู้อาวุโสที่เคารพนับถือทั้งสองท่านครับ   ตลิ่งของสองข้งทางน้ำของ แม้ยืนมองดูยังคอตั้งบ่า เขาหาบน้ำตามขั้นบันไดมา แต่ตีนท่าลื่นลู่ดังถูเทียน เหงื่อที่กายไหลโทรมลงโลมร่าง แต่ละย่างตีนยันสั่นถึงเศียร อันความทุกข์มากมายหลายเล่มเกวียน ก็วนเวียนอยู่กับของสองฝั่งเอยฯ .................... บทกวีของ นายผี หรือ ท่านอัศนี พลจันทร์ บทนี้เป็นบทกวีชั้นครู เทียบได้กับมหากาพย์แห่งลำน้ำโขง  ขออนุญาต มอบกำนัลแด่ท่านพี่ท่านเคารพนับถือ พี่ท่าน กำนันเปล่งครับ ส่วนเรื่องความงดงามของท่านสุภาพสตรี ทั้งสองท่านนั้น ผู้น้อยไม่สามารถที่จะใช้มาตรวัดใด มาวัดเพื่อเปรียบเทียบความเหลื่อมล้ำ ต่ำสูง ของกันและกันได้ครับ ผู้น้อยพูดได้เพียงแต่ว่า  นับว่าเป็นความโชคดี  ที่ข้พเจ้าผู้น้อย มีรสนิยมไม่ตรงกันครับ กับพี่ท่านกำนันเปล่งครับ ในเรื่องอิสตรี ( ฮา ) ผู้น้อยขอน้อมกายคารวะครับ พี่ท่านกำนันเปล่งที่เคารพนับถือครับ จากคุณ : อาร์ต โฟล์คสวาเกน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 16:25:33

ความคิดเห็นที่ 57 คุณฉิงฉิงคะ VIP ที่ว่า ไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิกใช่ไหมคะ รับค่ะ รับ ^^ ปล. อ่านที่คุณอาร์ตเขียนให้คุณฉิงฉิงไม่เข้าใจอ่ะค่ะ แฮๆๆ จากคุณ : พิงคาน เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 53 19:22:33