ความคิดเห็นที่ 1 อืม์... ใช่ ผมก็สังเกตุเหมือนกัน (ในจุดอื่นๆ) ภาพแบบนี้  สะท้อน สภาวะเศรษฐกิจ,สังคม ได้หลายแง่หลายมุมครับ คนตกงานเยอะขึ้น เลยต้องหาเลี้ยงชีพ ด้วยการค้าขายเล็กๆ้น้อยๆ ?? การเกษตรรายได้ไม่ดี เลยต้องทิ้งนาทิ้งไร่ มาขายของในกรุง ?? สำนักงานเขต,กทม. บริหารจัดการพื้นที่ไม่ดี ปล่อยให้หาบเร่แผงลอยเกะกะลูกตา ?? หรือ สภาพเศรษฐกิจดี ดีมากๆ(ไม่ได้ประชดนะ) ทำให้มีกำลังซื้อมาก  เมื่อมีกำลังซื้อมาก เลยต้องมีคนขายมากขึ้นตาม ??? เหอๆๆ เป็นอย่างไหน ก็ลองมาดูกัน... จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 23:54:25

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นครับ....     แต่จะทำอะไรได้สักเท่าไร     ผมไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะเข้าไปจัดการได้     ในขณะที่คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงก็ละเว้นที่จะทำหน้าที่     ผมทำได้แค่ไม่ซื้อของจากแผงลอยเหล่านี้ และบอกคนในครอบครัว     ไม่ให้ซื้อด้วยเช่นเดียวกัน จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 23:56:18

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านะ...กะเขา หารายได้เสริม อ่า...แต่ว่า ไม่เข้าใจอะ ที่อื่นมะมีขายหรา ... จากคุณ : มหิงสาอาโป เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 00:55:13

ความคิดเห็นที่ 4 คือผมอยากให้มองเป็นสองส่วนนะครับ.. ส่วนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ดูแล.. ไม่เข้าไปจัดการ.. ปล่อยปะละเลย.. ส่วนผู้ค้า.. ก็ไม่อยากจะให้มองพวกเขาเลวร้ายมากจนเกินไป เพราะส่วนมากเมื่อก่อนเขาก็ทำงานออฟฟิดแบบพวกคุณนั้นแหละ พอโดนปลดออก.. มันก็จะไม่มีจะกินอ่ะครับ.. ตั้งแผงขายของง่ายที่สุด จะให้กลับไปทำไร่ทำนา.. จะทำอย่างนั้นได้มันจะมีสักกี่คนครับ ดีกว่าให้เขาไปปล้นไปจี้เขากินนะครับ...ด้วยความเคารพ จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 01:06:19

ความคิดเห็นที่ 5 ดิฉันไม่ได้รู้สึกตำหนิอะไรกับคนค้าขาย คนเขาพยายามทำมาหากินสุจริต ถึงแม้จะทำให้คนใช้ทางเดินเดือดร้อนบ้าง  ก็ให้อภัยค่ะ  รู้สึกเห็นใจเขามากกว่า ถ้ามั่งมีเงินทองไม่เดือดร้อน เขาจะมาทำอย่างนี้ทำไม แต่ทำให้รู้สึกหดหู่ใจ  ที่พวกเขาต้องดิ้นรนกันขนาดนี้แล้วหรือ ทำงานในสำนักงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องมาเร่ขายของเป็นอาชีพเสริมหรือ  หรือว่าตกงานต้องมาเร่ขายของ ก็หดหู่อีกเหมือนกัน   ดิฉันไม่มองว่าเพราะเศรษฐกิจดี คนมีกำลังซื้อเลยมาขายกันเยอะหรอกค่ะ    ประเทศที่เศรษฐกิจดีเขาไม่มีมาเร่ขายของกันเต็มสองข้างทางแบบนี้อ่ะ  เขาไปซื้อในห้างในร้านกันหมด จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 01:45:06

ความคิดเห็นที่ 6 เหมือนว่าเคยได้ข่าวผู้ว่าฯคนก่อนเค้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ก็เงียบไปเพราะสาเหตุหลายๆอย่าง  มันนานมากแล้วจำไม่ได้ จากคุณ : สวยERROR เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 01:45:53

ความคิดเห็นที่ 7 ในชนบทก็เริ่มมี จากคุณ : U เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 06:56:41 A:61.19.66.24 X: TicketID:259615

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแยกเป็นสองประเด็น.....     เรื่องการค้าขาย หารายได้เสริม ผมไม่ติดใจ และสนับสนุนด้วย     แต่เรื่องการใช้บาทวิถี ที่เป็นที่สาธารณะ มายึดเป็นพื้นที่ค้าขายส่วนตัว     และเอาเปรียบคนเดินถนนทั่วไป จนต้องลงไปเสี่ยงอันตราย     เดินบนถนนที่ให้รถวิ่ง  อย่างนี้ผมไม่เห็นด้วย     และยิ่งเมื่อจะจัดระเบียบให้ใหม่ จัดที่ค้าขายให้ใหม่ เป็นที่เป็นทาง     เพื่อคืนพื้นที่บาทวิถีให้คนทั่วๆไป ก็ไม่ยอมไป มีเหตุข้ออ้างของตนเองต่างๆนา     เพื่อไม่ยอมรับกติกาของสังคม จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 09:18:23

ความคิดเห็นที่ 9 บอกตรงๆนะครับ พวกขายตรง แอมเวย์ เอมสตาร์ เฮอร์บาไลฟ์ ยังน่ารำคาญน้อยกว่าพวกขายของบนบาทวิถีซะอีก พวกนี้ คือพวกทำนาบนหลังคนตัวจริง จากคุณ : Schweissnaht เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 09:40:21

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าขายบนฟุตบาทข้างนึงเหลือที่ให้เดินได้มันก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่พวกขายสองข้างจนเดินไม่ได้เนี่ยมันน่านัก พวกเค้าไม่ใช่จนๆกันนะ รายได้ดีกว่าทำงานบริษัทอีกหลายๆคน จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 19:34:33

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อยืนยันได้พวกขายของตามลานเมืองหรือตามฟุตบาตไม่จนนะครับ จากคุณ : left 4 dead เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 22:41:10

ความคิดเห็นที่ 12 ก็ยังดีกว่านัก...เมือง จากคุณ : witpk2 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 22:54:09