ความคิดเห็นที่ 1 กลัวแพะเดือดร้อนน่ะซิคะ จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:23:38

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่าก่อนเราจะบอกว่าควรหรือไม่ควรเราควรศึกษารายละเอียดก่อนนะครับ โดยเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับทัณฑวิทยา ซึ่งคนที่จะตอบว่าควรหรือไม่ควร ควรศึกษาอย่างมาก ไม่ใช่ตอบโดยอารมณ์ครับ สำหรับผมได้ศึกษาเรื่องพวกนี้มาแล้ว ผมตอบได้เลยว่าไม่ควรครับ เพราะการลงโทษสมัยใหม่ เขาไม่ประสงค์ที่จะลงโทษต่อเนื้อตัวร่างกายให้มากนะครับ(ติดคุกคือกระทำกับเสรีภาพนะครับ ไม่ใช่เนื้อตัวร่างกาย) เพราะการลงโทษในปัจจุบันเขาต้องการให้คนกลับตัวเป็นคนดีเข้าสู่สังคมครับ เพราะจากที่ผ่านมาได้ศึกษากันมาแล้วว่าลงโทษเพื่อให้หลาบจำ หรือให้เป็นเยี่ยงอย่างมันไม่ได้ผลครับ ทัณฑวิทยาสมัยใหม่เขามองว่าผู้กระทำความผิดเป็นผู้ป่วยที่สมควรจะได้รับการบำบัดครับ เพราะนั่นเป็นทางออกของสังคมที่ดีที่สุดครับ คุณเอาเขาเข้าคุกหรือเฆี่ยนอย่างที่คุณว่า ถามว่าคนเหล่านี้กลับตัวได้จริง ๆ เหรอครับ การที่ศาลใช้มาตราการรอลงอาญาหรือรอการกำหนดโทษนั้นก็เพราะเหตุนี้แหละครับ ไม่ต้องการให้เข้าไปเจอกับสังคมในคุก(ซึ่งเป็นยังไงไม่ต้องพูดถึง) ศาลต้องการให้สังคมช่วยกันบำบัดผู้กระทำความผิดไม่ใช่ช่วยกันซ้ำเติมผู้กระทำความผิดนะครับ เพราะยิ่งถ้าเราซ้ำเติมผลร้ายก็จะย้อนกลับมาตกอยู่กับสังคมของเราเองนั่นแหละครับ เพราะผู้กระทำความผิดไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้รับการบำบัด ยิ่งถูกซ้ำเติม โอกาสที่เขาจะย้อนกลับมากระทำความผิดก็ยิ่งมีมากขึ้นด้วยครับ จากคุณ : ElvisPresleyLiverpoolFC เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:32:03

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ elvis พูดได้น่าฟัง  แต่ทางมาเลเซีย พบว่า การลงโทษโดยการเฆี่ยน  สามารถลดพวกก่อกวนสังคม  และลดการทำผิดเนื่องจากการคึกคะนองได้ค่ะ  ที่เรายกกรณีที่เป็นข่าวดังตรงนี้  เพราะตรงกับเหตุผลอันหลัง   ความเป็นจริงในสังคมไทยมีอยู่ว่า  การเฆี่ยนแล้วปล่อยเขาไป  กับการให้เข้าคุกไปนั้น  การเฆี่ยนอาจเป็นการทำให้เขากลับตัวมากกว่า  เพราะคุกก็เปรียบเหมือนแหล่งโจร  คนที่ชั่วอย่างหนึ่ง  ได้วิชาขึ้นเทพในการเป็นโจร  จากการที่เข้าคุกนี่เอง  และคนที่เข้าคุกไปแล้ว  โอกาสที่จะได้ทำงานจะน้อยลง  เพราะเป็นประวัติเสีย   คนที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา  โทษรอลงอาญานั้น  ไม่เพียงพอในการให้ความเป็นธรรมแก่เหยื่อ  การเฆี่ยน  เพื่อให้เขาได้จดจำความทุกข์อันเกิดจากสิ่งที่เขาทำ  ซึ่งเหยื่อก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน การมีจิตเมตตานั้นเป็นเรื่องดี  แต่ขอยกพระราชดำรัสของในหลวงที่ว่า “ ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดีหากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...” จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:57:41

ความคิดเห็นที่ 4 เอ่อ ที่จริงเมืองไทยไมได้มีปัญหาตรงวิธีการทำโทษนะ ปัญหาจริงๆ อยู่ที่ผู้คนไม่เชื่อฟังขื่อแปของบ้านเมือง รวมทั้งความปวกเปียกของกระบวนการจัดการผู้ต้องหาก่อนถึงขั้นตอนการทำโทษต่างหาก ต่อให้มีกฏหมายเฆี่ยนไป ก็เท่านั้นใช้การกับคนไทยไมได้หรอก จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 18:30:37

ความคิดเห็นที่ 5 คืออยากจะแย้งคุณ nuch_tre นิดนึงนะครับ ความเป็นธรรมที่คุณว่าคืออะไรครับ เรื่องโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดมันไม่เหมือน 1+1 = 2 นะครับ จะบอกว่าความเป็นธรรมคือให้ผู้กระทำความผิดได้ลิ้มรสความเจ็บปวด หรือความรมานเหมือนกับเหยื่ออาชญากรรมนั้น ถ้าเราคิดแบบนั้น เราไม่ต้องกลับไปหายุคที่จับโจรที่ข่มขืนเขามาแล้วเอาญาติของโจรที่เป็นหญิงไปให้คนอื่นเขาข่มขืนทดแทนกันเหรอครับ ที่ผมพูดเหมือนดูจะเลยเถิดไป แต่ลองดูดี ๆ ถ้าเราเอาอารมณ์โกรธอยากจะแก้แค้นเป็นที่ตั้ง เราก็เหมือนอยู่ในยุคป่าเถื่อนนะครับ แน่ล่ะครับ ถ้าผมเป็นเหยื่อผมก็ต้องโกรธ แต่จะให้อารมณ์มาอยู่เหนือความสงบสุขของบ้านเมืองผมไม่เห็นควรนะครับ แล้วถ้าจะบอกว่าถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยผู้กระทำผิดไม่ถูกกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายแล้วล่ะก็บ้านเมืองย่อมไม่สงบสุข นั่นก็แสดงว่าเราเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งนะครับ ปล.ที่ผมแสดงความคิดเห็นนี้ไม่ได้จะลบหลู่ความคิดเห็นของคุณ nuch_tre นะครับ เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นมุมมองในหลาย ๆ ด้าน จากคุณ : ElvisPresleyLiverpoolFC เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 19:09:19

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วจับใครมาเฆี่ยนอีกล่ะ ผู้บังคับใช้กฏหมายยังเป็นคนเดิม กลุ่มเดิม แนวคิดเดิมๆ จากคุณ : R.Lani เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:00:17

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ เอลวิส  ในข้อที่คุณติเรามา  ถูกต้องดี  เราอาจอธิบายหยาบไปสักหน่อย  ในส่วนนี้นะคะ คนที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา  โทษรอลงอาญานั้น  ไม่เพียงพอในการให้ความเป็นธรรมแก่เหยื่อ  การเฆี่ยน  เพื่อให้เขาได้จดจำความทุกข์อันเกิดจากสิ่งที่เขาทำ  ซึ่งเหยื่อก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน ในตรงนี้  เราไม่ได้คิดว่าต้องทำเพื่อให้คนนั้นทรมาน   จริงๆแล้วควรจะเขียนอย่างนี้จะถูกกว่า คนที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา  โทษรอลงอาญานั้น  ไม่เหมาะสมในความผิดของผู้ต้องหา  การเฆี่ยน  เพื่อให้เขาได้จดจำความทุกข์ อันเกิดจากสิ่งที่เขาทำ  และเป็นเครื่องสอนใจ  ทำให้เกิดการเกรงกลัวต่ออาญานั้น  และจะไม่กล้าทำผิดอีก  จึงเกิดความระแวดระวังมากขึ้น  ในการทำสิ่งใดที่จะเป็นความเดือดร้อนต่อผู้อื่น   ขอบคุณที่แนะนำค่ะ    คุยกันได้ทุกเรื่องค่ะ  คุยกันด้วยเหตุผล  แม้ความเห็นจะไม่ตรงกัน  ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ  ไม่อย่างนั้น คงต้องโกรธเคืองกับคนทั้งโลก  เพราะแต่ละคนก็ต่างกันทั้งนั้น จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:45:02

ความคิดเห็นที่ 8 รู้ว่าสิงคโปร์มีเฆี่ยน แต่มาเลย์ไม่รู้ว่ามีรึเปล่า หรือว่ามีแต่เป็นกฏหมายทางศาสนาอิสลาม (เฉพาะคนที่ผิดข้อห้ามศาสนาเท่านั้น) ส่วนเรื่องเฆี่ยนดีหรือไม่ดี ผมว่าดีนะ การลงโทษบางอย่างมันต้องทำให้เป็นที่เข็ดขยาดและหลาบจำ เพราะบางคน(หรือหลายๆคน) ก็ชินชากลับการเข้าๆออกคุก กลายเป็นบ้านหลังที่สองไปซะงั้น (อ้างอิงจากหลายข่าวที่มีเนื้อข่าวว่า คนส่งยาบ้า รับคำสั่งมาจากคนในคุก) และผมคิดว่า การเฆี่ยนได้ผลดี เข้าหลักคำสอนการละอายใจต่อการทำบาป การละอายใจต่อการทำบาป ส่วนมากคือการละอายใจในการทำครั้งแรก ครั้งหลังๆชิน ส่วนการเฆี่ยน เปลี่ยนจะจากคำว่าละอาย เป็นคำว่า เจ็บนี้ฝังใจ และผมก็สนับสนุนคำโบราณ รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีครับ ไม่งั้น ลูกเทวดาคงไม่มาเป็นคำนิยมในสมัยนี้ จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 20:54:56

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหาอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย และ ผู้อยู่ใต้กฎหมาย ครับ ถึงจะออกกฎหมายมาแรงขนาดไหน ถ้าคนมันจะแหก มันก็แหกได้อย่างไม่สนใจอะไร จากคุณ : DramaLover เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 21:33:52

ความคิดเห็นที่ 10 โดยส่วนตัว เอาไม้เรียวกลับมาใช้กับเด็กดีกว่า เดี๋ยวนี้ลูกหลานเทวดาเยอะเหลือเกิน แทบจะกระโดดต่อยปากครูแล้ว พ่อแม่มันก็ไม่เชื่อ ส่วนผู้ใหญ่ เอาแค่กฏหมายทุกวันนี้ บังคับใช้ให้ได้เท่าเทียมกันก็พอแล้วครับ จากคุณ : หลบลี้หนีหน้า ไม่อาจสบตาผู้คน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 22:43:22 A:58.9.140.135 X: TicketID:298507

ความคิดเห็นที่ 11 ทำผิดครั้งที่  1  เฆี่ยน    5  ที   ทำผิดแบบเดิมซ้ำครั้งที่  2  เฆี่ยน   10  ที   ทำผิดแบบเดิมซ้ำครั้งที่  3  เฆี่ยน    20  ที   ทำผิดครั้งที่   4   ประหารเลย     เกิดเป็นคนแต่ชอบทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเป็นอาจิณ   ครั้งที่ 1  ก้อแล้ว  ที่ 2 ,3  ก้อแล้วววววว    เครื่องประหารหัวสุนัข  ไปเลยยยย จากคุณ : RANGER-SUPER64 เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 06:17:29

ความคิดเห็นที่ 12 กฏหมายนั้นเป็นข้อกำหนดที่คนเขียนขึ้นเท่านั้นเอง  ถ้าคนเรามีศีล รุ้จักเคารพสิทธิของคนอื่น การลงโทษไม่มีความหมายอะไรเลย    จขกท. ลองสังเกตดูครับคนเรานั้นเมื่อทำผิดขึ้นมาปุ๊บสิ่งที่คนเราจะทำก็คือทำตัวเองให้ใหญ่คับฟ้าก่อนเป็นอันดับแรก  ไม่ค่อยจะพิจารณาเลยว่าไอ้ที่ตัวเองทำนั้นมันผิดหรือเปล่า  ถ้ามันผิดจริงก็ยอมรับกล่าวขอโทษ หรือไม่ก็ยอมรับความผิดนั้น  แต่คนเราไม่ค่อยทำมักจะหาใครก็ได้หรืออะไรก็ได้ที่มาทำให้ตัวเองใหญ่กว่าคู่กรณีเสมอ  ส่วนเรื่องผิดหรือถูกว่ากันทีหลัง  ดังนั้นคดีความจึงล้นศาลไงครับ จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 07:06:50

ความคิดเห็นที่ 13 โทษมันดูโบราณจัง จากคุณ : rotoyo (rotoyo) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 06:04:19

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมคิดว่ากฎหมาย มาเลย์ ดีหนักหนา อยากเป็นแบบประเทศมุสลิมที่ใช้กฎศาสนาแบบจารีตหรือ สยามก็เคยใช้การลงโทษแบบนี้สมัยก่อนเลิกทาส งี้ต้องรื้อฟื้นกฎหมายที่มีทาส ในเรือนเบี้ยด้วยหรือเปล่า จากคุณ : moho เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 19:58:36