ความคิดเห็นที่ 1 การเหมารวมระวังจะเป็นประเด็นนะครับ... จากคุณ : ผ่านมา-ผ่านไป เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 05:58:02 A:59.189.245.34 X:218.186.10.240 TicketID:282558

ความคิดเห็นที่ 2 ในอนาคตอีกไม่นานนี้ คาดว่า Unesco จะประกาศให้ รฟท. เป็นมรดกโลกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ครับ ผมเป็นคนรักรถไฟ หลงเสน่ห์รถไฟ นั่งมาหัวเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ นั่งตั้งแต่หัวลำโพง ทะลุไปยัน KL ข้ามฝั่งเข้าไปสิงคโปร์มาแล้วหลายรอบ พอไปเปรียบเทียบกับม้าเหล็กของเพื่อนบ้านแล้วน้อยใจครับ น้อยใจที่เมืองไทยมีนักการเมือง และ สหภาพฯ ที่แสนห่วย การ "แปรรูป" มันไม่ง่ายหรอกครับ ตราบใดที่ยังมีสหภาพ เพราะนั่นคือ "กำแพง" มหึมา ถ้ามันง่ายจริงๆป่านนี้รัฐบาลก่อนหน้านี้เขาคงทำกันไปแล้ว อินเดียเคยมรีรถไฟที่ห่วยในระดับตำนาน แต่เขากัดฟันกลืนเลือด ยอมเจ็บครั้งเดียว เขาฮึดแปรรูป จัดการบริหารเสียใหม่ จนตอนนี้รถไฟเมืองโรตีสามารถทำกำไร และเริ่มมีชื่อเสียงในการให้บริการแล้ว ในบางสาย เช่น สาย"ราชธานี" คุณจะต้องจองกันเหงือกบวมกว่าจะได้นั่ง เพื่อนผมที่ไปนั่งมาแล้วเล่าว่าบริการดีมาก อาหารการกินรสชาติดีเยี่ยม ความสะอาดใช้ได้ ของไทยเรายังไม่มีอะไรเปลี่ยนครับ ยำเนื้อ และ ข้าวผัดรถไฟที่แสนชืด ยังเป็นเมนูนิยม ส่วนรถไฟเมืองผู้ดีก็ใช่ย่อย สมัยที่ "นางสิงห์เหล็ก" มากาเร็ต แธ็ทเชอร์ เป็นใหญ่ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่ง นางได้กระทำการในแบบที่ชายอกสามศอกยังต้องอาย แธ็ทเชอร์สั่งแปรรูปกิจการที่ล้าหลัง เป็นไขมันถ่วงประเทศ สหภาพก็สหภาพเถอะ... มาเจอนางสิงห์เหล็กเข้า ห ง อ ห ม ด ล า ย ไ ป เ ล ย !!!!!!!!!!!! แต่ที่ประเทศสารขัณฑ์ที่รักของเรา หากคุณคิดจะแปรรูปการรถไฟแล้วละก็ คุณจะเจอข้อหา "ขายชาติ" ในทันที บรรดาแกนนำสหภาพไดโนเสาร์ทั้งหลาย จะประสานเสียงกันว่า "นี่คือสมบัติของ ร.5" แต่พวกมันคงลืมไปว่า พระองค์ท่านคงไม่มีพระประสงค์ให้เราย่ำอยู่กับที่แน่ๆ เรามีขนส่งระบบรางเป็นประเทศในลำดับต้นๆของเอเชีย แต่ผ่านไปร้อยปี ชาวบ้านเขาไปถึงไหนแล้ว ส่วนเรากลับถอยหลังเข้าคลอง การแปรรูปไม่ได้หมายถึงการขายกิจการให้เอกชนไปทั้งหมด 100% แต่เป็นการจัดการระบบการบริหารให้พ้นจากการทำงานเช้าชามเย็นชาม แปรรูปแล้วรัฐอาจมีสัดส่วนในการถือหุ้นเท่าไรก็ว่ากันไป รัฐจะถือเท่าไร ,เอกชนจะผ้าป่าสามัคคีอีกเท่าไร..มันมีสัดส่วนอยู่ครับ ที่ไหนๆเขาก็ให้ความสำคัญกับขนส่งระบบรางทั้งนั้น เพราะสามารถขนคนเดินทางได้จำนวนทีละมากๆ และช่วยลดภาระการนำเข้าน้ำมันของชาติได้ ยังไม่ต้องคิดถึงไฮสปีดเทรนหรอกครับ เอาแค่รถไฟที่เรามีอยู่วิ่งเข้า-ออกให้ตรงเวลาก่อนก็พอ เพราะรถไฟความเร็วสูงนั้นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ผมก็เชื่อว่าหากเปิดให้เอกชนมาลงทุน ก็มีคนเอาแน่นอน แหมมม...บ้านเมืองอื่นเขาสร้างกันโครมๆ แล้วบริหารกันกำไรจนสะดือบวม เอกชนเขาไม่โง่ลงทุนในโครงการที่มองแล้วจะเจ๊งหรอกครับ เราอาจจะกำหนดไปเลยว่า เขาต้องจ่ายค่าเวนคืน ค่าวางราง วางระบบ ค่าขบวนรถ โดยเขาจะได้สัมปทานกี่ปี เมื่อครบระยะสัมปทานแล้วก็จะตกเป็นของรัฐโดยอัติโนมัติ ส่วนวิธีกำหนดค่าโดยสาร ก็อาจต้องโยงไปถึงตัวสัมปทานเพื่อจูงใจเอกชน โดยหลักการให้สัมปทานก็ต้องเปลี่ยนใหม่... วิธีคิดแบบเก่าต้องเลิกให้หมด...คิดใหม่ซะบ้าง จากที่รัฐเคยคิดแต่ว่า "ใครจ่ายสัมปทานให้รัฐสูงสุด ก็จะได้ดำเนินกิจการ" เปลี่ยนเป็น "ใครให้ผลประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ก็จะได้สัมปทาน" ผลประโยชน์สูงสุดที่ว่า ก็คือราคาค่าโดยสารที่ประชาชนรับได้ครับ ส่วนเรื่องค่าโดยสารที่ว่ากันว่าแพงไปจะไม่มีคนขึ้น อันนั้นผมมองว่าไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ เพราะรถไฟปกติก็ยังมีอยู่ รถไฟความเร็วสูงคุณจะเอามาวิ่งบนรางปกติไม่ได้อยู่แล้ว มันจะต้องเวนคืน และวางราง วางระบบใหม่ กันทั้งหมด การวางรางจะต้อง "ตรง" ให้มากที่สุด เพื่อที่รถไฟจะได้ใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ ทางโค้ง จุดตัดกับรถยนต์ จะต้องมีให้น้อยที่สุด อาจต้องทำสะพานข้าม หรือทำอุโมงค์ลอดก็ต้องทำ ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงไม่ได้จอดบ่อยครับ จาก กทม.อาจไปจอดนครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิถต์ ลำปาง แล้วเชียงใหม่เลย ส่วนรถไฟปกติก็ทำให้มันตรงเวลา คนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยก็ยังได้ใช้บริการอยู่ ที่ญี่ปุ่นเคยมีกรณีเกิดอุบัติเหตุทาวรถไฟ สาเหตุเพราะรถไฟขบวนดังกล่าวเกิดการล่าช้าไปประมาณ 5 วินาที แม่นแล้วครับ...คุณๆอ่านไม่ผิดหรอก...5 วินาที คนขับเห็นดังนั้นเลยเร่งความเร็วเพื่อชดเชย 5 วินาทีที่เสียไป จนรถเกิดการเหวี่ยงตัวในช่วงที่เข้าโค้งและเกิดอุบัติเหตุ เหตุครั้งนี้ทำให้ผู้ว่ารถไฟ และ รมต.ที่ดูแลลาออกจากตำแหน่งครับ นักการเมืองไทยเห็นข่าวนี้แล้วหัวเราะกันใหญ่ ค่าที่ว่านักการเมืองญี่ปุ่นทำไมหน้าบางกันเหลือเกิน ยังไม่นับกรณีของ สส. และ สว. ที่สภาฯให้สิทธิ์ในการใช้บริการรถไฟ ในการกลับภูมิลำเนาเพื่อลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ แต่ พณ หัวเจ้าท่านเหล่านี้ก็แทบไม่เคยมาใช้บริการรถไฟเลย ส่วนใหญ่จะนั่งกันแต่เครื่องบิน เพราะสภาจ่ายค่าตั๋วให้คนเหล่านั้นครับ เมื่อไม่เคยมาสัมผัสรถไฟ แล้วมันจะเข้าใจคนใช้รถไฟได้อย่างไร ??? แต่ไม่ว่าจะค่าตั๋วรถไฟ หรือ เครื่องบิน นั่นก็คือเงินภาษีของคุณๆที่รักทั้งหลายครับ กลับมาที่รถไฟความเร็วสูง ใครที่มีเงินแต่ไม่อยากนั่งเครื่องบินก็นั่งรถไฟความเร็วสูงซะ หาก กทม.-เชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ผมว่าคงมีหลายคนเปลี่ยนจากเครื่องบินมานั่งรถไฟ เพราะเครื่องบินอาจจะใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น แต่หากรวมเวลาที่คุณต้องออกจากบ้านไปสนามบิน ไปเช็คอินก่อนเวลาตามที่สายการบินกำหนด มันก็ถึงไม่ต่างกันเท่าไร แต่รถไฟนั้นพาคุณเข้าไปถึงในเมืองเลย ในขณะที่สนามบินจะอยู่นอกเมืองทุกสนามบิน รวมเวลาแล้ว ผมว่าสูสีกันมากจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ...สหภาพมันไม่ยอมหรอก ยกตัวอย่างกรณีที่ทุกวันนี้ รฟท.ให้เอกชนมาสัมปทานเดินรถในบางสาย เขาต้องจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐ และต้องมีค่าประกอบการต่างๆ แต่ทำไมรถด่วนพิเศษของเอกชนถึงสามารถทำกำไรได้ แถมยังมีอาหาร ของว่าง ผ้าเย็น เสิร์ฟอีกต่างหากด้วย ส่วนรถในสายอื่นๆที่ดำเนินการโดย รฟท.กลับบอกว่าขาดทุน เอาหัวแม่ทีนคิดก็คงพอมองออกกันนะครับ..ไม่ต้องถึงขนาดสมองหรอก.. ทุกครั้งที่สหภาพประท้วง ผมชอบสนับสนุนการประท้วงของสหภาพครับ เพราะเป็นโอกาสอันดีที่รัฐจะ "ไล่ออก" ให้หมด ถือโอกาสนี้เอาเหลือบพวกนี้ไปให้พ้นๆซะเลย แล้วสังคายนาการรถไฟเสียใหม่ทั้งหมด ยิ่งหากคุณๆได้รู้เห็นว่าคนอย่างอดีตแกนนำสหภาพบางคน ว่าร่ำรวย ล่ำซำ ขนาดไหนแล้ว...หึหึหึ...คุณๆคงหายสงสัยเลย ว่าทำไมพวกนี้ถึงไม่ยอมให้มีการแปรรูปการรถไฟแห่งประเทศสารขัณฑ์ นักการเมืองอกสามศอกของบ้านเรา หากทำไม่ได้ ก็กรุณาอายผู้หญิงอย่างมากาเร็ต แธ็ทเชอร์ บ้างเถอะครับ !!!!! เสียดายภาษีที่จ่ายไปทุกเดือนจริงๆ......ฮ่วยยยย... แม้มันจะแย่แค่ไหน  ผมก็ยังรักรถไฟไทย แต่ขอสาปส่ง ผู้บริหาร ,นักการเมือง และ สหภาพฯ จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 08:09:01

ความคิดเห็นที่ 3 แปรรูปก็ดีครับแต่คำถามคือจะมีเอกชนรายไหนอยากมารับอุนจิไปบริหารงานต่อ มันคงไม่ง่ายเหมือน ปตท. มั้งครับส่วนหนึ่ง... แต่ลึก ๆ ก็อยากให้เอกชนมาดำเนินงานหรือได้สัมปทนาในเรื่องการคมนาคมเหมือนกันนะครับ จากคุณ : ผ่านมา-ผ่านไป เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 09:10:32 A:202.172.242.86 X: TicketID:282558

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างว่าแหละครับ ผมก็เคยเจอ แบบว่ามันนอนทั้ง2เบาะเลย อีกเบาะก็วางของ ยืนขวางประตู เซ็งโคตร จากคุณ : มหาบุรุษแห่งกรุงสยาม เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 09:55:06

ความคิดเห็นที่ 5 คุณบุหงาราตรี คะ เราไม่เคยขึ้นรถไฟไกลๆ เลยคะ เคยอย่างมากนั่งไป ฉะเชิงเทรา แค่นั้นจริงๆ รถไฟสายนี้คนยังไม่เยอะอย่างที่คุณ บุหงาราตรี ถ่ายทอดประสบการณ์มา ยังไงขอบคุณมากเลยนะคะ จะได้รู้ไว้ว่าถ้าจะขึ้น ร.ฟ.ท. ควรระวังอะไรบ้าง ^_^ จากคุณ : noneonly เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 10:34:15

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ นี่เป็นการตอบกระทู้ที่ยาวที่สุดของคุณตุ้มหรือเปล่าคะ แต่ ไม่เป็นไร ดิฉันอ่านหมดทุกคำเลยค่ะ ความรู้ใหม่ทุกบรรทัดจริงๆ จากคุณ : มธุปายาส เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 10:45:47

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับ คห 2 ค่ะ เรารักรถไฟมาก ตอนเด็กเราชอบการเดินทางโดยรถไฟที่สุด เห็นวิวสวยๆ แต่หลังจากที่รถไฟมักจะช้ากว่ากำหนดการเสมออออออออไหนจะเรื่องบริการและความสะอาด เราอยากเห็นรถไฟพัฒนามากกว่านี้ค่ะ ถ้าเค้าสามารถทำ airport link ได้ ก็น่าจะสนใจที่จะพัฒนารถไฟธรรมดาระหว่างจังหวัดบ้างนะคะ หวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรถไฟในตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ค่ะ จากคุณ : livelyjammy เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 11:05:24

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยมาเรียนต่อกรุงเทพใหม่ ๆ  ก็ใช้รถไฟสายอุบลเป็นประจำเช่นกัน  แต่ก่อนจะไม่กล้านั่งรถทัวร์  เพราะกลัวไปต่าง ๆ นา ๆ   คือสมัยก่อนรู้สึกว่าตัวเองหัวโบราณ แล้วก็ชอบนั่งชั้น 3  ประหยัดดี  เดินทางก็มีเพื่อนหลายคนมาด้วย แต่ทุกครั้งก็เจอคนเมา  แถมยังโดนกวน แซว  จีบ  บางทีก็เอาน้ำอัดลมมาให้ เราก็ไม่รับ  ปรกติเราจะไม่พูดกับพวกนี้เลย  ทำหูทวนลม  หน้าบึ้ง ๆ ช่วยได้บ้าง   แต่มีครั้งหนึ่ง  เพื่อนเราไปต่อล้อต่อเถียงกับคนเมาที่พูดแซว  เราโมโหเพื่อน ห้ามไม่ให้พวกกับพวกนั้น   แต่พอพวกนายตรวจหรือตำรวจ ไม่แน่ใจจำไม่ได้  เดินมาก็มาจัดพวกนี้ไปนั่งแถว ๆ ทางขึ้นเพราะ พวกนี้ไม่มีตั๋วที่นั่ง  พอดึก ๆ เราและคนอื่น ๆ หลับ  เราหลับแบบเอี่ยวตัวตัวเกาะขอบหน้าต่างทั้งสองแขน   รู้สึกตัวเหมือนมีคนมาโอบหันไปเจอหน้าหนึ่งในพวกขี้เมา  คว้าถุงรองเท้าส้นตึกได้(สมัยนั้นฮิตส้นตึก) ฟาดหน้ามันเลย  ผู้ชายเบาะใกล้ ๆ มาดึงตัวมันไป  เราโมโหมากเลย  หลังจากนั้นก็ไม่หลับอีกจนถึงบ้าน   ต่อมาก็เริ่มนั่งรถทัวร์บ้าง  ถ้าไปรถไฟแล้วตั๋วไม่มีที่นั่ง  จนทุกวันนี้พ่อแม่เราจะนั่งรถไฟอย่างเดียว  ไม่นั่งรถทัวร์  ยังกลัวเหมือนเดิม  นอกจากถ้าพ่อขับรถมาเองจะมากับเพื่อน  จะไม่ให้คนในครอบครัว นั่งมาด้วย  พ่อออกแนวกลัวโน่นกลัวนี่   ส่วนกรณีที่ไม่มีน้ำใจ  มันก็ไม่เสมอไปหรอกคะ  ต้องเข้าใจด้วยว่าการเดินมันระยะไกล ใช้เวลามากกว่า  8  ชั่วโมง  บางคนเขาก็ซื้อตั๋วครบ  แม้แต่ของเด็กที่นั่งฟรีได้ยังซื้อเพราะตั้งการที่นั่งแต่ต้องมาเสียสละให้กับคนอื่น ๆ ที่ซื้อตั๋วแบบไม่มีที่นั่งเอาเด็กขึ้นมาด้วย  ถ้าเป็นคุณ ๆ ยอมมั้ยหล่ะ  มันก็เหมือนสิทธิ์ของเค้า  อันนี้เราเข้าใจนะ   ส่วนที่ว่าคนเยอะแล้วจะเก็บไว้นอนเป็นไปได้น้อยเพราะนายตรวจเค้าก็มาจัดที่นั่งให้ถ้าเค้ามาตรวจตั๋ว  เค้าก็จัด ๆ นะคะ  แต่ถ้าที่ว่างเยอะ  อยากนอนก็นอนไป   เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับคนไม่ค่อยเตรียมตัว  เช่น รู้ว่าจะกลับ อยากประหยัดนั่งรถไฟชั้น 3   ท้องหรือ มีเด็กเล็ก  เราก็ต้องรีบไปจองตั๋วให้มีที่นั่ง  คือคิดว่าเราก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง  ไม่ไปรบกวนคนอื่น  ไม่ใช่คิดว่า  เดี๋ยวก็มีคนเสียสละ  แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เสียสละ  สมัยนั้นยังไหวก็เสียสละเป็นประจำ นั่งที่พักแขน  แต่ตอนนี้ไม่ไหว  ไม่สู้กับรถไฟแล้ว ขอย้ำ !!  ทางไกล  ระยะเดินทางยาวนะคะ  ยิ่งรถไฟไทยยิ่งรู้ ๆ อยู่ ทั้งช้าและเสียเวลา   แต่ถ้าคนไม่มีตั๋วจะนั่งที่พักแขนก็ไม่เห็นมีใครห้ามนะคะ ยิ่งช่วงเทศกาล มานั่งพื้นต้องช่องว่างเบาะที่หันหน้าเข้าหากันยังได้เลย   ถ้าผิด น่าจะผิดที่ขายตั๋วไม่มีที่นั่งมากกว่า  แต่คนที่มีตั๋วนี้ น่าจะทำใจตั้งแต่ซื้อแล้วนะคะ ขออภัย หากความคิดเห็นไม่ตรงใจใครคะ จากคุณ : ซอโซ่...ล่ามรัก เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 11:54:45

ความคิดเห็นที่ 9 การรถไฟ แห่งประเทศไทย เป็นองค์กร ที่ห่วยแตกที่สุดในประเทศไทย ล้าหลังทั้ง อุปกรณ์ และผู้บริหาร เป็นหน่วยงานที่สามารถเบิกกันได้อย่างสนุกสนาน เป็นหน่วยงานที่ลูกสามารถเข้ามาทำงานต่อจากพ่อได้ จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 13:14:45

ความคิดเห็นที่ 10 1. ส่วนหนึ่งที่คนชอบนั่งตรงประตู เพราะมันเย็นสบายดีครับ+ยืดแข้งยืดขาได้+ที่กว้างกว่าปกติ+เป็นสถานที่ใช้อัดบุหรี่ได้ ทำให้มีคนนิยมไปเป็นทวารบาลจำนวนมาก แม้ว่าภายในขบวนรถจะมีที่นั่งว่างก็ตามที ผมเจอทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟหล่ะครับ บางทีไปกับรถเร็วเด่นชัย ข.107 พ่วง 9 ตู้ มีคนอยู่จริงๆนี่นั่งรวมกันครบทุกเก้าอี้ยังไม่เต็ม 4 ตู้ด้วยซ้ำ ตู้หลังๆบางตู้่นั่งกัน 10 คนก็มี แต่ก็ยังมีทวารบาลประจำประตู หุหุ ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าการนั่งตรงประตูนั้นกีดขวางทางขึ้นลงของผู้โดยสาร และยังก่ออันตรายแก่ตัวท่านเองอีกด้วย แต่ก็ยังมีคนทำกันเป็นประจำ (สารภาพว่า บางทีผมก็ทำ แต่ผมนั่งแบบมีสติคือ มีคนขึ้นลงก็จะหลีกทางเสมอ และถ้าข้างในว่างก็จะย้ายเข้าข้างใน) 2. เรื่องตั๋วมาขอที่นั่งนี่ บางทีก็ต้องเห็นใจคนที่มารอตั๋วฟรีแต่เช้าหน่ะครับ เพราะ ข.145 มันคนแน่นจริงๆ แน่นทุกวันไม่เว้นวันธรรมดา คนที่จะได้ที่นั่งคือคนที่มาขอตั๋วแต่เช้าตรู่หน่ะครับ ซึ่งเขาอาจจะนั่งไปไกลจริง เลยไม่ยอมสละที่นั่งก็ได้ ผมเคยสละที่นั่งให้คนอื่นตั้งแต่บางเขน และไม่ได้นั่งอีกเลยไปจรดลำปาง เพราะพอคนที่นั่งลงไป เจอคนใหม่มาขอนั่ง ไอ้ครั้นเราจะไม่ให้ เขาก็เป็น เด็ก สตรี คนชรา ไม่ให้ก็น่าเกลียดแถมรู้สึกบาปอีก เลยต้องยืนไปลำปางนี่แล ตอนหลังนี่ต้องทำใจแข็งครับ ช่วยถือของให้ได้ แบ่งที่เท้าแขนให้ได้ ถ้าตัวเล็กๆก็มีนั่งเบียดกันสามคนได้ หรือถ้าเป็นเด็กก็ให้นั่งตักและนั่งร่วมกันได้ แต่สละที่นั่งนี่ต้องขอเห็นแก่ตัวหน่อยหล่ะครับ (ยกเว้นพวกรถไฟสายสั้นๆ แบบไปลพบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, แปดริ้ว, ปราจีนบุรี มหาชัย แม่กลอง นะึครับ เพราะนั่งสั้นๆส่วนใหญ่ผมจะยืนถ้าที่นั่งเต็ม แต่ถ้านั่งยาวๆแบบไปลำปาง ไปอุดรธานี ไปสุรินทร์ ไปนครศรีธรรมราชนี่ ขอเห็นแก่ตัวหน่อยเถอะ) 3. กลุ่มที่นั่งตรงประตู แล้วมีเพื่อนกั๊กที่เอาไว้นี่ บางทีจะไปว่าเขาก็ไม่ได้ครับ เพราะเขาอาจจะแค่ไปอัดบุหรี่หรือยืนรับลมเท่านั้น ซักพักเขาก็กลับมา หรือบางทีก็ไปเข้าห้องน้ำก็มี ดังนั้นที่นั่งบางทีไม่มีคนนั่ง ก็มิได้แปลว่ามันไม่ว่าง เพราะเจ้าของที่ลุกไปทำธุระก็เป็นไปได้ครับ 4. ผมว่าสายอีสานเหนือ-ใต้ นี่ ผู้โดยสารค่อนข้างมีน้ำใจนะครับ ที่ชอบสุดคือสายเหนือ เพราะแบ่งกันนั่งได้เสมอๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 13:54:26

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านของคุณตุ้มทุกบรรทัดเลย โดนสุดๆ เห็นภาพมะเร็งเนื้อร้าย และผลประโยชน์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้มะเร็งมันไม่ได้ตายไปซักที จากคุณ : azur เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 17:47:56

ความคิดเห็นที่ 12 ปกติจะนั่งสายใต้บ่อย เวลาจะกลับบ้านจะจองล่วงหน้าและป็นรถนอนหรือรถนั่งแอร์ ชั้น 3 เคยนั่งมาหนนึงตอนมารายงานตัวที่มหาลัยเพราะชั้นอื่นเต็ม เข็ดค่ะ ไม่ไหวจริงๆ ขากลับถึงขั้นขอยกเลิกตั๋วชั้น 3 ที่ซื้อไว้  จะรอจนกว่าจะได้ชั้นอื่น ที่ใช้รถไฟเพราะว่าสถานีอยู่ใกล้มหาลัยและใกล้บ้านด้วย ตอนนี้ลาขาดจากรถไฟไปเลย ไม่เอาอีกแล้ว หันมาใช้รถทัวร์ ยอมนั่งรถตู้ไปขึ้นที่สายใต้ เมื่อไหร่รถไฟบ้านเราจะพัฒนาได้สักที ไม่ต้องถึงกับรถไฟความเร็วสูงหรอก แค่รางคู่  รถไม่เสียเวลาทีละ 1-2 ชม. ตู้แบบชั้น 3 นี่ยกเลิกไปเลย ห้องน้ำไม่เหม็น ก็พอแล้ว รู้สึกว่าชักจะขอเยอะ ^^ จากคุณ : โลกด้านที่หันหลังให้ดวงอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 19:57:30

ความคิดเห็นที่ 13 เราไม่เคยขึ้นรถไฟไทย และคิดว่าชีวิตนี้คงจะไม่ขึ้น แต่ ตั๋วชั้นสาม ได้ยินว่ามันห่วยมาก เหม็นด้วย ทำไมถึงยังกล้าขึ้นอ่ะคะ จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:44:34

ความคิดเห็นที่ 14 รถนอนปรับอากาศก็สกปรกตายห่าน สกปรกมาก แล้วเคยเห็นที่สถานีแห่งหนึ่ง เขาจะซ่อมหรือทำอะไรรถไฟสักอย่าง แทนที่เขาจะจอดโบกี้นั้นให้ห่างจากคนหน่อยแล้วค่อยลากสายไป (สายไฟยาว) พรรคพวกขี้เกียจเดินมั้ง เขากลับลากโบกี้มาจอดที่สถานี ผู้คนก็นั่งอยู่เต็มแถวนั้น ซ่อมไปปล่อยควันขโมงไป เห็นแล้วนึกออกเลยว่ามักฮ่ายเป็นฉันใด ใช้บริการมานานนม ไม่เคยเห็นการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 14:42:11

ความคิดเห็นที่ 15 ปล่อยให้มันเน่าไปเถอะครับ อีกสัก100-200 ปี จนชาวบ้านเขาบินได้กันหมดแล้วเดี๋ยวก็เจ๊งไปเอง แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 01:35:13 จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 01:34:56

ความคิดเห็นที่ 16 ปีก่อนมีเหตุด่วนให้ต้องเดินทางด้วยรถไฟชั้น3มาประจวบ ต้องยืนตรงปากทางใกล้บันไดตลอดเพราะคนแน่น เกิดปวดฉี่กลางดึกมองไปทางไหนเห็นคนนอนบนพื้นเต็มจนไม่มีช่องจะให้แทรก (คิด)จะยืนฉี่ที่บันไดก็มีคนนั่งหลับคาอยู่ ตัดสินใจเดินลุยข้ามหัวคนที่นอนอย่างทุลักทุเล กว่าจะได้เข้าห้องน้ำฉี่เกือบราด เปิดประตูห้องน้ำได้คนจามกันฟืดฟาด(กลิ่นหึ่งมโหฬาร)พอกลั้นใจทำธุระเสร็จน้ำไม่มีจะราดอีกต่างหาก ถ้าเป็นผู้หญิงจะลำบากขนาดไหน? แต่การรถไฟคงลำบากกว่า "หมดปัญญาพัฒนาให้ดีกว่านี้อีกแล้ว" จากคุณ : Satu-Haadyai เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 04:57:54

ความคิดเห็นที่ 17 ประเสริฐครับ จากคุณ : ขนมครกยกล้อ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 06:05:03

ความคิดเห็นที่ 18 ประเทศเราดีกว่า การรถไฟลาว เยอะ ครับ ไม่ได้ดูถูกเพื่อนบ้านนะครับ จากคุณ : zenzen เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 09:16:38

ความคิดเห็นที่ 19 คุณตุ้ม คห 2 ได้ช่วยอธิบายไว้อย่างกระจ่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงเวลาต้องปรับปรุงก็ต้องกล้าทำซะที กล้าเปลี่ยน   ต่อให้ตอนนี้ ผู้นำ นักการเมือง หรือ สหภาพ คิดได้ยอมทำยังช้าไปสิบปี คนที่เคยใช้บริการรถไฟสมัย ร.5 มาเจอยุคนี้เข้าก็คงร้องว่า "โอว เรารู้จักสิ่งๆนี้ ยังอยู่ดีหรือนี่  ทำไมไม่เปลี่ยนไปเหมือนอย่างอื่น" ลูกหลานจะตอบว่าอะไร.... จากคุณ : แก้มลิง (แก้มลิง) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 16:16:57