ความคิดเห็นที่ 1 เยอะครับ ถ้ายังไม่มีลูกมีหลาน ก็ยังโอเค จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:12:04

ความคิดเห็นที่ 2 ผม กับแฟน อยู่ด้วยกัน พ่อแม่ผม และฝั่งเค้ารับทราบตลอดครับ... จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:13:05

ความคิดเห็นที่ 3 เราคนนึงค่ะ ที่อยู่ก่อนแต่ง อยู่กันสามปี พอหาทำงานหาเงินพร้อมที่จะแต่งก็กลับไปแต่งงาน พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าไรน่ะค่ะ แรกๆๆแกอาจเสียใจบ้าง แต่เราสัญญาว่ายังงัยจะกลับไปแต่งแน่นอน และเราก็ทำตามสัญญานั้น จากคุณ : การินดา เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:15:02

ความคิดเห็นที่ 4 รถยังต้องทดลองขับ บ้านยังต้องลองเดินเข้าไปดูในบ้านตัวอย่าง คนแต่งก่อนอยู่น่ะ ประหลาด จากคุณ : Schweissnaht (Schweissnaht) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:20:56

ความคิดเห็นที่ 5 พูดยากค่ะเรื่องแบบนี้... ถ้าเราเป็นแม่ แล้วลูกสาวอยู่ก่อนแต่งกับ ช เราคงเสียใจและอึ้ง ๆ เหมือนกันนะคะ ถ้าลูกมาบอก แต่ถ้าเรามีลูกชาย แล้วเขาพา ญ มาอยู่ด้วยก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ลูกเราพาลูกสาวคนอื่นมาอยู่ด้วยแบบนี้ นึกถึงหัวอกพ่อแม่ผู้หญิงแล้วก็นะ...คงรู้สึกไม่ต่างจากเราเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไมว่ากรณีไหนก็ตาม...เราขอให้ลูกเรารับผิดชอบตัวเองให้ได้ก่อน และต้องจัดการปัญหาในทางที่ถูกที่ควรได้ด้วย เมื่อเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรได้...พลาดท้องขึ้นมาพอรับได้ แต่ถ้าติดโรคขึ้นมาคงล้มทั้งยืน ที่นี้ถ้าพูดถึงถ้าเป็นตัวเอง เราเองก็เป็น ญ ทั่วไป เรายังคิดเลยว่าเราคนนึงล่ะอยากจะอยู่ก่อนแต่ง แต่พ่อแม่รู้คงจะรับได้ยาก เพราะพวกท่านหัวโบราณ...ถ้าถามว่าทำไมอยากอยู่ก่อนแต่งล่ะ ก็เพราะว่าเราไม่คิดจะแต่งงานน่ะซิ ฮ่าาาา ๆๆๆๆๆๆๆ ต่อให้รักปานจะแหกตูดดมก็ไม่อยากจะแต่ง เพราะก็ไม่รู้จะเลิกกันวันไหน ไม่อยากวาดฝัน หรืออนาคตกับใครทั้งนั้น อยู่ให้ได้ด้วยตัวเองดีกว่า ถ้ามีคนรัก รักกันจริงก็รักกันไปวันต่อวัน...เพราะไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้ใจเขาอาจจะเป็นอื่นก็ได้ เหอ ๆ พูดกันตรง ๆ เลย...ถ้าไม่พลาดท้อง เราคิดว่าชีวิตนี้เราคงไม่มีงานแต่งงานให้พ่อแม่เห็นแน่ ๆ ค่ะ - -" เพิ่มเติมค่ะ ลืมบอกไปว่า เราไม่ได้คิดว่าการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรทำนะคะ แต่ถ้าคิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ เราต้องแน่ใจว่าจะรับผิดชอบผลของมันได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งครรภ์ ก็คือต้องเลี้ยงเด็กที่จะเกิดมาได้ เพราะไม่คิดจะทำแท้ง หรือแม้กระทั่งเรื่องโรคติดต่อ ถ้ามันเกิดขี้นมาแล้วเราต้องยอมรับมันอยู่กับมันให้ได้ ในกรณีเรื่องโรคติดต่อเนี่ย เราว่าแต่งงานหรือไม่แต่งงานผลของมันเลวร้ายพอกัน เพราะนั่นหมายความว่าคุ่ของเราไปสมสู่กับคนอื่น หุหุ ส่วนเรื่องบอกพ่อแม่...แน่นอนค่ะ ญ คนไหนอยากจะบอกพ่อแม่ล่ะคะ จริงไหม ?? แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 19:29:03 จากคุณ : Blue Syrup เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:20:56

ความคิดเห็นที่ 6 ให้ 3 แต้มคุณน้ำเชื่อมชมพูเลยค่ะ โทษฐานจัดเต็ม จากคุณ : ดาหลารัศมี เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:27:00

ความคิดเห็นที่ 7 ความรักความเข้าใจ ใครจะมีเหมือนฉันบ้าง ร่างอันโดดเดี่ยว ลุยมาโด่ๆ ไม่ใหญ่โตอย่างใครเขา โหนรถเมล์เรื่อยไป แฟนก็บ่นว่าลําบาก อยากจะขี่เก๋ง ให้มันดูโก้ โธ่จะกินยังไม่มี ความรักเริ่มสุกงอม สู้ถนอมรักไม่จืด ยืดระยะยาว บ้านอีกหนึ่งหลัง ถ้าไม่มีไม่แต่งงาน ทาวน์เฮาส์ก็ยังดี กว่าที่เราเช่าเขาอยู่ แถมด้วยเงื่อนไข ห้ามมีเมียน้อย ถ้าจับได้แม่จะลุย ลําบากยากเย็นช่างเข็ญใจ อุตส่าห์พาไปซื้อรถเซ็คเกิ้นแฮนด์ ลําบากลําบนไม่สนใจ อุตส่าห์พาไปซื้อรถเซ็คเกิ้นแฮนด์ เพราะว่ารักจริง รักและเข้าใจ อดยังไง ก็จะดาวน์ ลําบากยากเย็นไม่เป็นไร ทําโอเวอร์ไทม์ ผ่อนบ้านจัดสรร ลําบากลําบนไม่สนใจ ทําโอเวอร์ไทม์ ผ่อนบ้านจัดสรร เพราะว่ารักจริง รักและเข้าใจ อดยังไงก็จะดาวน์ ความรักคืออะไร ใครตอบได้ช่วยตอบที รักจนหลังอาน ดอกเบี้ยบานเบอะ ผ่อนทั้งบ้านทั้งรถยนต์ กว่าจะได้แต่งงาน เหนียงแทบยานเนื้อแทบย่น เธอจึงเห็นใจ รักบริสุทธิ์ ให้บวชก่อนแล้วค่อยเบียด     จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:31:25

ความคิดเห็นที่ 8 เรานี่ไง  อยู่ก่อนแต่งมาสี่ปี พ่อแม่รู้ทุกอย่าง ไม่เร่งแต่ง ไม่ห้าม เพียงแต่เวลาไปเที่ยวไหนไกล ให้โทรบอก   บางทีแม่มาเที่ยวหาเราที่ห้อง เราไปนอนห้องแฟน แม่เราก็นอนห้องเรา ตอนเช้าค่อยกลับไปหาแม่   เวลาพาไปเที่ยวบ้านหาแม่ เอาแฟนไปด้วย ที่บ้านไม่มีที่นอน เราก็ไปนอนโรงแรมกัน  แม่ก็ทำกับข้าวให้กิน ไปเที่ยวด้วยกัน  ทั้งบ้าน   พอดีว่าแม่เราให้อิสระเต็มที่ อ่ะ จะทำอะไรก็ได้ตามใจ พอบอกว่าจะแต่งงาน แม่บอกว่า อ่าว เค้ายังเอาอีกหรอ?? สินสอดแม่ก็ไม่เอา   ถึงคราวที่มีลูกสาวก็คงจะให้อิสระเค้าเหมือนกับที่เราเคยได้รับอ่ะ จากคุณ : jtsunod7 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 18:46:44

ความคิดเห็นที่ 9 หวายย เราตัวประหลาดอ่ะ หัวโบราณบานบุรีมากมาย ไม่คิดเรื่องอยู่ก่อนแต่งเลย เพราะไม่รู้จะอยู่ด้วยกันก่อนไปทำไม หรือเรียนรู้อะไร ไม่อยู่ด้วยกันก็พอเรียนรู้ได้นะ กรณีจะหย่า อยู่หรือไม่อยู่ก่อนแต่ง เราคิดว่าก็หย่าได้อ่ะค่ะ ส่วนเรื่องบนเตียง ไม่ได้คิดว่า ทั้งเราทั้งเขา ผิดปกติมากมายอะไร ตลอดเวลาที่คบกันมา เค้ามีความต้องการ เราก็เอาตัวรอดไปแบบฉิวเฉียดได้ทุกครั้ง (เซ็นเซอร์ค่ะ) แล้วก็คิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาด้วยเรื่องแบบนี้ ถ้าสองคนพร้อมใจกันปรับ แต่ถ้าสมัยนี้ ลูกสาวเราทำ ก็คงทำความเข้าใจได้ แต่ก็ต้องอธิบายอะไรๆ กันซักหน่อย จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:05:17

ความคิดเห็นที่ 10 พ่อแม่   ไม่มีใครชอบ    แต่มันจำเป็นก็เลยยอม จากคุณ : ชัย (lakdee) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:07:14

ความคิดเห็นที่ 11 รู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่เธอไม่ว่าอะไร ในใจพ่อแม่อาจจะร้อนรุ่มหรือไม่พอใจไปถึงไหนแล้ว แต่เมือ่เหตุการณืพาไป หรือมองเห็นสภาพความเป็นจริงของสังคมรอบข้าง ประกอบกับเห็นว่าลูกก็โต มีการมีงานทำ ก็เลยต้องทำใจและปล่อยไปแบบไม่สู้เต็มใจนัก จะให้ลุกขึ้นมาฉุดกระชากลากถู ถือปืนลูกซอง ควงกระบองเอาลูกสาวกลับบ้านเหมือนสมัยก่อน หรือพร่ำบ่นลูกทุกวันจนสติแตกไปข้างหนึ่งคงไม่ช่วยอะไร เชื่อเถอว่า หัวอกคนเป็นพ่อแม่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยอมรับง่ายๆ จากคุณ : แป่วววว เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:13:18 A:88.77.195.142 X: TicketID:285439

ความคิดเห็นที่ 12 ผมกับเมียก็อยู่ก่อนแต่งครับ...ประหยัดดี.. อยู่คนเดียวก็แกงถุงหนึ่ง สองคนก็แกงถุงนึง แต่หารสอง... ตอนนั้นผมบอกแม่ผม ท่านบอกว่าหากเอ็งกล้าทำกันอย่างนั้นก็ทำ.. แต่หากพ่อแม่ฝ่ายหญิงรู้...แม่จะไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นแก้ปัญหากันเอง..โตเป็นควายแล้ว ส่วนเมียผมไม่บอกพ่อแม่เขาแน่นนอน และแล้ว...ก็มีผู้หวังดีต่อชีวิตรักของผม... ด้วยความห่วงใยในการอยู่ก่อนแต่งของผมและเมีย... กอร์ปกับมานคงไม่มีไรทำด้วยกระมัง ไปคาบข่าวไปบอกพ่อแม่เมียผม....เรื่องราวใหญ่โต... ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย..แล้วก็ถูกบังคับแต่ง เอ๊า..แต่งก็แด่ง ไอ้โตขี้ฟ้องมานก็มาในงานด้วย.. มาแสดงความยินดี...ดูมานสิ.. แต่งกันประกาศให้โลกรู้ว่าตรูจะอยู่ด้วยกันแล้วนะโว๊ย พวกเมิงอย่าเจือก... หมดไปหลายตังคฺ์เหมือนกันค่าประกาศว่าตรูจะอยู้ด้วยกันนี่...เอิ๊กๆๆๆ ดาวน์บ้านในยุดนั้นได้เป็นหลังๆ... วันนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว... แต่ไม่ได้เพราะเราแต่งงานกันหรอกที่อยู่กันมาได้... ผมมั่นใจ...ผมว่าเพราะเรารักกันต่างหาก...ที่อยู่มาได้ยาวไกตามควรอย่างนี้.. ไม่เห็นมีใครมาห่วงใยชีวิตรักของผมแม้แต่โตเดียว... จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:16:25

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้ชายไม่เสียครับแต่ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่เสียแน่ๆ ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงไม่บอกพ่อแม่หรอกครับไปดูตามหอพักได้มีเยอะ ทั้งวัยเรียนวัยทำงานนะครับ จากคุณ : เท็นโคจิ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:21:31

ความคิดเห็นที่ 14 เราก็อยู่ก่อนแต่งค่ะ  คบกันมาตั้งแต่เรียนปี 3 พอเรียนจบทำงานกันไปซักพัก  ก็ตัดสินใจเข้าไปบอกพ่อแม่ทั้งฝ่ายเราและเค้า ว่าเรา 2 คนจะอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง  ตอนแรกพวกท่านก็อึ้งๆค่ะ  แต่คงเห็นว่าเราโตแล้ว เค้าก็ถามเหตุผลว่าทำไมถึงอยากออกมาอยู่ด้วยกัน  เราสองคนก็ให้คำตอบพวกท่านว่า ชีวิตคู่มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก  ถ้าได้อยู่ด้วยกันมันจะเห็นนิสัยหลายๆอย่างที่เราไม่เคยเห็น พวกท่านก็ไม่ว่าอะไรค่ะ  เพียงแต่แม่เราบอกว่า  อนาคตมันมีทั้งสมหวังและผิดหวัง เค้าห่วงแค่ว่าเราจะรับได้มั้ยถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดไว้  เราก็บอกท่านว่าเราไม่รู้อนาคต แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะมีสติให้มากที่สุด แล้วทุกอย่างก็แฮปปี้ดีค่ะ  ช่วยกันทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่ 5 ปี จนตอนนี้ก็แต่งงานไปตามระเบียบเรียบร้อยแล้วจ้า..   แต่ยังไม่มีเจ้าตัวน้อยขอทำงานเต็มที่อีกซัก 2 ปีแล้วค่อยมีลูกค่ะ จากคุณ : เกล็ดขนมปัง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:29:02

ความคิดเห็นที่ 15 อยู่กันก่อนเกิดเบื่อ  เลิกกัน ผู้ชายก็ไม่เสียหายแต่หญิงนี้ดิ เสียไปเต็มๆ ถ้าคนใหม่ไม่คิดอะไรก็แล้วไป การอยู่ก่อนแต่งจึงเป็นอะไรที่พ่อแม่ไม่อยากให้ทํานะ เพราะมันอาจจะผิดพลาดได้ เพราะผู้ชายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 19:41:34 จากคุณ : PredatorNeverdie เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:36:22

ความคิดเห็นที่ 16 บอกค่ะ ก็คงดีกว่า ถือกระดาษใบเดียว กับจัดงานพิธี  แต่ไม่ได้อยู่กับคนรักเหมือนสามีภรรยาน่ะ แบบหลังเนี่ย บอกไม่ออกค่ะ คงหน้าชื่นอกตรมกันเลยทีเดียว จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:38:08

ความคิดเห็นที่ 17 คิดว่า หัวใจของเรื่องนี้คือการอยู่่ด้วยกันแบบเปิดเผยมากกว่าอ่ะค่ะ  ครอบครัว,สังคมของตัวเอง(เช่น เพื่อนสนิท,ญาติใกล้ชิด)รับรู้ว่า เราสองคนเป็นครอบครัวแล้วนะ  พ่อแม่สองฝ่ายรับรอง นี่ลูกเขยฉัน นี่สะใภ้ฉัน    แค่ยังไม่มีงานแต่งงานกัน  จริงๆไม่ต้องแต่งไปเลยยังได้  ไม่สำคัญอะไรซะหน่อย   คิดว่า ปัญหาการอยู่ก่อนแต่ง คือ การอยู่กันแบบปิดบังไม่ให้ครอบครัวรู้  กว่าจะรู้..โน่นนนมีปัญหา เช่น ท้องแต่ไม่พร้อม,เลิกกัน,มีหนี้สินร่วมกัน  ฯลฯ จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:42:39

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่กล้าบอกอ่ะค่ะ ตอนเรียนก็อยู่หอหญิง3ปีปีสุดท้ายก็อยู่คอนโดแต่ก็อยู่คนเดียว มีบ้างที่แฟนมาหา มากินข้าวหลับงีบนึงกลับ กว่าจะอนุญาตให้มาค้างก็เกือบจะเรียนจบแล้วค่ะแล้วก็แนะนำให้แม่รู้จัก แต่โดยปกติมีอะไรก็ไม่บอกที่บ้านอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะบอกไปทำไมด้วยค่ะ ไม่ไปรับปริญญาก็ไม่บอก ท้องก็กะว่าจะไม่บอก จดทะเบียนก็ไม่ได้บอก ไม่เคยบอกอะไรเค้าเลยค่ะ จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 19:53:23

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องนี้ไม่เคยพูดถึงกับที่บ้านผมและที่บ้านแม่น้องเมครับ เพราะไม่มี ผู้ใหญ่ฝ่ายไหนที่ยอมรับได้ ช่วงเวลา 2 ปี เมื่อ 8-9 ปีก่อน ที่ต่างประเทศ มันนานมาแล้ว แต่ยัง คิดถึงอยู่เสมอ เวลาแห่งความสุขของสองเรา... จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 20:37:33

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่อยุ่เเน่ๆค่ะ รักให้ตายยังไงก็ไม่อยู่ค่ะ จากคุณ : อ่านไม่ได้ (อ่านไม่ได้) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 20:38:04

ความคิดเห็นที่ 21 ถามคนที่อยู่ก่อนแต่ง อยากทราบว่า ถ้าในอนาคต คุณมีลูกสาวล่ะ แล้วลูกสาวทำแบบนั้นเหมือนกับคุณบ้าง คุณคงเข้าใจและยอมรับได้ใช้ไหม ? จากคุณ : เด็กน้อย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 20:42:02 A:183.89.138.243 X: TicketID:284193

ความคิดเห็นที่ 22 #21 ถ้าผมมีลูกสาว (ซึ่งคงไม่มีแล้ว เพราะแม่น้องเมมีลูกอีกไม่ได้ ส่วนน้องเมผม ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปสอนเขา เพราะอยู่ที่แม่น้องเม) จะสอนเรื่องการระมัดระวังตัวเอง และการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าครับ เพราะการแต่งงานไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่งไปแต่ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อคนรัก ก็ไม่รู้จะต้องแต่งไปทำไม จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 20:53:37

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้ามอง จากที่เคยรับรู้มาต่างๆและตัวเอง ผมว่า อย่างไรแล้ว สังคมไทยรับเรื่องนี้ได้น้อยมาก แต่ความจริงคือความจริง เพราะทุกวันนี้ การเลิกกันสูง ถ้าเกิดแต่งงานไปแล้วเลิกกัน เสียยิ่งหว่า อยู่ก่อนแต่งชะอีก (ตามกลักความจริงนะครับ) ส่วนตัวผมเอมก็อยุ่ก่อนแต่ง ซึ่งไปเรีนยรู้อะไร ต่างๆเยอะแยะไปหมด กว่าจะปรับจูน เจอความต้องการของแต่ละคนได้ จนสุดท้าย ก็มาแต่งงานกันตั้งแต่นั้นมา เห้อๆๆ แต่ก็อยู่แบบ ห่างๆอยู่ดีตอนนี้ แต่งเหมือนไม่ได้แต่ง  งงดีแท้ อิๆๆ จากคุณ : เพื่อพ่อแม่ลูกเมีย เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:04:04

ความคิดเห็นที่ 24 เรากับแฟนก็อยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน แฟนเราตอนนั้นก็เรียนจบมีงานมีการทำ เราตอนนั้นยังเรียนไม่จบ อยู่ปี3 ก็บอกที่บ้านทั้งสองฝ่ายเปิดเผยเลย ตอนแรกก็แอบเกรงๆ อยู่ แต่ทางบ้านเราจะออกแนวให้อิสระลูก เค้าก็ไม่ได้จะมาอะไรมากมาย จะแต่งก็ได้ไม่แต่งก็ได้ สินสอดก็ไม่เอา พ่อกับแม่เราก็ไม่เคยแต่งงานกัน จนลูกโตป่านนี้ แค่จดทะเบียนกันเฉยๆ จดทะเบียนก็เพิ่งมาจดกันเมื่อสี่ห้าปีที่แล้วนี่เอง แล้วก็เคยคุยกันแล้ว แม่เราก็บอกว่าถ้ารับผิดชอบตัวเองได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่รักกันจริงตั้งใจทำมาหากินสร้างเนื้อสร้างตัวก็พอแล้ว ทางบ้านแฟนเราก็ไม่ว่าอะไร เพราะแฟนเราก็ออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว ตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้ว ก็ถือว่าต่างคนต่างรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ยิ่งตอนนี้เรียนจบโตๆ กันแล้วก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้ก็ช่วยกันทำงาน มีบ้านมีรถ แต่งงานค่อยคิดอีกที (เพิ่มเติม) แถวซอยบ้านเราส่วนใหญ่ คู่หนุ่มสาวที่ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ก็ยังไม่มีใครแต่งงานกันนะ แปลกดี แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 21:17:40 จากคุณ : ขวดโหลใส่ลูกอม เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:13:51

ความคิดเห็นที่ 25 # 21 อย่างที่เราบอกใน คห 5 ค่ะ ว่าถ้ามีลูกสาวคงเสียใจเหมือนกัน ไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้หรอกค่ะ แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยค่ะว่า...เราจะให้ทุกสิ่งอย่างเป็นอย่างที่เราคิด ที่เราต้องการมันไม่ได้ เพราะโลกนี้เราไม่ใช่ผู้ควบคุม ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง รวมถึงลูกเราก็เช่นกันค่ะ เคยได้ยินใช่ไหมคะว่า ลูกน่ะ เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว..อันนี้เราเห็นด้วยนะคะ วันนึงเขาก็ต้องมีอนาคตของตัวเอง ทางที่เขาเลือกเอง ตัดสินใจเอง แม้ว่ามันจะไม่ถูกใจเราเลยก็ตาม ไม่มี ญ คนไหนหรอกนะคะ อยากมีผัวหลายคน..หรืออยากจะโดนผู้ชายฟันฟรี ๆ อันนี้พูดกันตรง ๆ ถ้าลองตัดสินใจคบใครแล้วก็อยากให้ ช คนนั้นเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของขีวิตเช่นกันค่ะ แต่อย่างที่บอกทุกสิ่งอย่างมันไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของเรา เราควบคุมมันไม่ได้...รวมถึงแฟนเราด้วย วันนึงเขาอาจจะมีคนใหม่ ใจเขาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้...หรืออาจจะตายจากกัน ชีวิตคู่ก็จบลง และอาจจะมีการเริ่มต้นใหม่ หรือจะหยุดก็แล้วแต่คน ทำไมสังคมถึงคิดกันแต่ว่า ถ้า ช และ ญ มีอะไรกันแล้ว...ญ จะเสียหายเสมอ อันนี้เราไม่เถียง เพราะสังคมไทยเขาคิดกันแบบนี้ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อแม่โดยเฉพาะ ญ รับไม่ได้ ถ้าอยู่ก่อนแต่ง เพราะประเพณีและสังคมเรามันเป็นแบบนี้ไงคะ เรื่องนี้นานาจิตตังค่ะ ความคิดใครก็ของคนนั้น แต่น่าจะคิดบ้างนะคะว่า ญ ต่างหากอาจจะเป็นฝ่าย "เขี่ย" ช ทิ้งเองก็ได้ เราว่าสมัยนี้เยอะด้วย สำหรับเรานะคะ จะทำอะไรก็ทำ...แต่อย่าทำให้ใครเดือดร้อน อย่าไปแย่งผัวเขา เมียเขา อย่าผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย...อยากทำอะไรก็ทำ เราไม่ได้สนับสนุนให้คนอยู่ก่อนแต่ง หรือเอาประเพณีของบ้านเมืองอื่นมาใช้ และเราก็ไม่ได้คิดว่าถ้ามีแฟน จะคบกันสองสามปีก็หอบผ้าผ่อนมาอยู่ด้วยกันเลย...ก็เปล่า ถ้าเราจะตัดสินใจอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกับใคร เราก็ต้องเลือกแน่นอนค่ะ เราไม่ใช่คนฉาบฉวย เรามั่นใจ แต่ถ้าวันนึงเราเลือกพลาดก็ไม่เป็นไร ถือว่าโง่เอง...ก็เลือกเอง และจะไม่ให้กระทบถึงครอบครัวด้วยค่ะ ถึงจะกระทบก็ให้น้อยที่สุด แต่เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวง มันเป็นเรื่องขออนาคตค่ะ เพราะตอนนี้เราเองก็ยังไม่มีใคร ยังไม่คิดจะคบใคร เพราะเรามีความสุขกับตัวเอง และเป็นคนรักตัวเองมากหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเห็นแก่ตัวนั่นเอง เพราะฉะนั้นยังไม่พร้อมจะแบ่งใจให้ใครทั้งนั้น ก็ได้แต่ภาวนาขออย่าให้ตัวเอง "พลาด" ค่ะ เพิ่มเติม เห็นด้วยกับ #22 "แต่งไปแต่ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อคนรัก ก็ไม่รู้จะต้องแต่งไปทำไม" เราคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญของชีวิตคู่ หาใช่พิธีการใด ๆ ไม่.. แต่ถ้าคนอยากจัดพิธี คิดตรงกันสองฝ่ายก็เอา จัดก็จัดไป...แต่ถ้าไม่จัดเราว่ามันก็แล้วแต่คนค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 21:19:33 จากคุณ : Blue Syrup เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:15:51

ความคิดเห็นที่ 26 จริงใจนะ โชคดีเจอคนดีและเข้าใจก็ดีไป สรุป แล้วแต่ดวง ผู้หญิงของผม มาเป็นแฟนกันแล้วอดีตช่างมันนะ แต่ผมไม่เคยทำร้ายใครแล้วกันพูดเต็มปาก จากคุณ : Bud-Iron เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:17:49

ความคิดเห็นที่ 27 #25 กรณีของแม่น้องเมนั้น ทีแรกตาและยายของน้องเม อยากให้แม่น้องเมแต่งงาน กับนักธุรกิจชาวจีนหรือญี่ปุ่นที่รู้จักกันมากกว่าครับ แต่เธอไม่ได้ชอบเขา ขณะเดียวกัน ก็ไม่กล้าปฏิเสธพ่อกับแม่ เพราะเธอรักและเคารพพ่อกับแม่มาก ครั้งหนึ่งเธอเคยบอก ผมว่า ถ้าเกิดที่บ้านทำธุรกิจล้มเหลว แล้วเจ้าหนี้ต้องการตัวเธอไปขัดดอก เธอก็ยินดีจะ ทำ เพื่อให้พ่อกับแม่สบาย ผมจึงได้รู้ซึ้งว่าเธอรักและผูกพันกับที่บ้านมากแค่ไหน ตอน ที่คบกับพ่อน้องเม ที่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็คงเพราะพ่อน้องเมก็ไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของที่ บ้านเธอเท่าไหร่ อย่างไรก็ไม่มีหวังจะได้แต่งงานแน่ ภายหลังพลาด ก็สร้างความเสียใจ ให้กับพ่อและแม่ของเธอมากมาย  พ่อน้องเมก็เผยธาตุแท้ตอนที่ต้องลำบากด้วยกันนั้น เอง ก็ต้องเลิกแล้วต่อกันไป เธอบอกผมว่าพอเธอตั้งท้องมีน้องเม พ่อกับแม่ของเธอก็ ไม่พูดถึงหรือพยายามจับคู่เธอกับนักธุรกิจหนุ่มชาวจีนหรือญี่ปุ่นคนนั้นอีกเลย เพราะ เขาไม่มีทางยอมรับได้ จึงอยากจะบอกว่าหลายคู่ที่ต้องมาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ได้แต่ง- งาน ก็เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วที่จะได้อยู่ด้วยกัน จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 21:38:47

ความคิดเห็นที่ 28 สังคมไทยกดขี่ผู้หญิงครับ ผมมองว่าถ้าอายุบรรลุนิติภาวะ จัดการตัวเองได้แล้ว อยู่ก่อนแต่งไม่ใช่ปัญหาที่ต้องมานั่งทุกข์ร้อนครับ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 22:28:27

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 21   ถามคนที่อยู่ก่อนแต่ง อยากทราบว่า ถ้าในอนาคต คุณมีลูกสาวล่ะ แล้วลูกสาวทำแบบนั้นเหมือนกับคุณบ้าง คุณคงเข้าใจและยอมรับได้ใช้ไหม ? จากคุณ : เด็กน้อย   เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54   """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ผมมีลูกสาวครับ... หากลูกสาวทำแบบผมกับแม่ของเขาคือ... อยู่กันก่อนแต่ง ตอนนั้นเรียนจบและมีงานทำแล้ว อายุก็ยี่สิบต้นๆ... โดยการอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง มีเจตนาจะเก็บเงินซื้อบ้านให้ได้สักหลัง แล้วจะไปบอกพ่อแม่ฝ่ายหญิง และจะบอกว่าไม่ต้องจัดพิธีแต่งงานหรอก เรามีบ้านที่ต้องผ่อน...เปลืองเงินเปลืองทองเปล่า.... ผมว่าผมคงไม่โกรธลูกสาวมากมายนักหากลูกอยู่กันก่อนแต่ง เพราะผมกับแม่ของเขาก็เคยทำอย่างนั้น และเขาก็อายุเกินยี่สิบปีแล้ว...ชีวิตของลูกต้องเป็นของลูกในเวลาอันสมควร... แต่ถามว่าผมเป็นห่วงลูกไหม...ว่าเขาจะเจ็บ... ก็ด้วยความสัตย์จริง...ไม่ว่าลูกสาวผมจะอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งแล้วอยู่ ผมก็ห่วงลูกทั้งนั้นแหละครับ ไม่อยากให้ลูกเจอผู้ชายเลวๆ หากผมเลือกได้...แต่งแล้วเจอผู้ชายเลวๆ กับ อยู่ก่อนแต่งกับผู้ชายดีๆ... ผมก็เลือกให้ลูกอยู่ก่อนแต่งครับ... และผมเชื่อว่า...ผมคงห่วงลูกของผมไปจนชีวิตผมจะสิ้นสุดลง แต่เขามีสิทธิตัดสินใจในการดำเนินชีวิตของเขาเมื่อถึงเวลาอันควร... ซึ่งยี่สิบต้นๆ..มีงานมีการทำแล้ว...ก็ถึงเวลาของเขาแล้วครับ.. แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 22:32:28 จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 22:30:35

ความคิดเห็นที่ 30 คนที่แต่งงานแล้วและก็เลิกกัน  ละมาแต่งงานใหม่ คนจะมองว่า.... กับคนที่อยู่ก่อนแต่งแล้วก็เลิกกัน พอมีแฟนใหม่ก็มาแต่งงาน คนจะมองว่า .... จากคุณ : Eak sound เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 22:41:16

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าไม่พร้อมที่จะแต่ง  ผมก็ยังไม่กล้าที่จะมีอ่ะครับ...  *-* เพราะมองว่าผ้ชายที่อยู่ก่อนแต่ง ทั้งๆที่ยังไม่พร้อมที่จะแต่ง คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว และผู้หญิงที่ยอมอยู่กับผผู้ชายก่อนแต่ง คือผู้หญิงที่ไม่ต่อยฉลาดนัก ดังนั้น.... ผมไม่อยากได้ผู้หญิงที่ไม่ค่อยฉลาดมาเป็นแม่ของลูก และถ้าผมมีลูก  ผมก็อยากให้ลูกของผม ได้คนดีๆ เป็นแฟน ซึ่งผมจะสอนลูกได้อย่างไร ถ้าผมยังทำเสียเอง...... แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 22:57:18 จากคุณ : สหายกุนเชียง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 22:49:39

ความคิดเห็นที่ 32 #31 ผมเคารพความคิดเห็นของคุณสหายกุนเชียงนะ เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย จะให้คิดเหมือนกัน เข้าใจเหมือนกันก็ย่อมไม่ได้ เรื่องผู้ชายเห็นแก่ตัว ผมไม่แย้งอะไรหรอก เพราะเป็น ธรรมชาติของผู้ชายอยู่แล้ว การแต่งงานไม่ได้ทำให้ความเห็นแก่ตัวลดลงหรอกครับ แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือที่บอกว่าถ้าอยู่กันก่อนแต่ง แสดงว่าผู้หญิงไม่ค่อยฉลาด ความคิด อันนี้แปลก เพราะการเลือกที่จะไม่แต่งงาน คือทางเลือกในการใช้ชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่ระบุ ถึงระดับสติปัญญา จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 00:03:07

ความคิดเห็นที่ 33 คนที่พูดว่าได้และกล้าบอก เพราะว่าตอนนี้ตัวเองก็ทำแบบนั้นอยู่ ใช่ไม๊ละ อิอิ แต่ถ้าถึงวัยที่เราเป็นพ่อแม่คนเมื่อไหร่ และมีลูกสาว ก็คงยอมรับไม่ได้เช่นกัน ไหนจะกลัวลูกท้องก่อนแต่ง เสียคน มั่วผู้ชาย ไม่ก็กลัวใจแตก สารพัดมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ และสิ่งแวดล้อมรอบข้างด้วย ว่าสอนลูกแบบไหน ให้รู้จักการเอาตัวรอด เพราะชีวิตคนเราบางที ต้องรู้จักกับประสบการณ์ข้างนอก ว่าควรจะรับมือกับปัญหายังไง อีกอย่าง สังคมเชื่อสิคะ ว่ายังมีพวกอุดมคติ รับความจริงไม่ได้อยู่เยอะ เพราะเป็นเรื่องขายหน้าและน่าเกลียดสำหรับผู้หญิง ต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้กับชายคนรักจนถึงวันแต่งงาน เพราะสังคมไทยขึ้นชื่อว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ใครไปอยู่กินกันก่อนแต่งก็คิดกันไปเอง ว่าเป็นผู้หญิงไม่ค่อยดี ใจแตก สำส่อน เผลอๆด่าไปถึงว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอนลูกสาว สอนให้ลูกทำตัวเป็นผู้หญิงSo ทั้งที่เค้าก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแค่อาจจะไม่ได้ทำ ตามธรรมเนียมแค่นั้นเอง เราว่าสังคมเราบางเครือญาติ ยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดีแหละค่ะ พ่อแม่น้อยคนมากที่หัวที่สมัยใหม่ ให้อิสระแก่ลูก ทั้งนี้เรามองว่าขึ้นอยู่กับตัวลูกสาวด้วยแหละค่ะว่าจะเจอคนแบบไหน เจอคนดีก็แล้วไป เจอคนไม่ดีก็ซวยไป ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกลายเป็นขี้ปากของชาวบ้าน สำหรับเรามองของเราเองว่า เป็นเรื่องของคนสองคน ที่จะอยู่ด้วยกันมากกว่า เป็นเรื่องที่ผิดไม๊เราว่าไม่ผิดนะ แต่ว่าแค่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียม(ของไทย)แค่นั้นเองแหละค่ะ ^^ จากคุณ : หนอนทอดกระเทียม เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 00:16:13

ความคิดเห็นที่ 34 แอบมาฮาคุณ FireFox_GTC แล้วจริงๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกระทู้ไหนๆ เรื่องอะไรก็ตามแต่ พี่เค้าสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวไปเกี่ยวกะแม่น้องเมได้ตลอดเลยนะครับ  5555555555555555555555 มั่นคงในความรักแบบนี้ นับถืบจริงๆครับ ปล. ตกลงจะบอกชื่อแม่น้องเมได้ละยังอะครับ ฮ่าๆ จากคุณ : MadtheW DwighT ShadowS เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 02:20:12

ความคิดเห็นที่ 35 อยู่ก่อนแต่งค่ะ พ่อแม่ก็รู้แต่ไม่ว่าอะไรเพราะตอนนั้นอายุ26แล้ว ที่บ้านเราลูกอายุ18ก็แยกออกมาอยู่นอกบ้านเริ่มทำพาทไทม์ตอนเรียนต้องรับผิดชอบชีวิตเอง ลูกทุกคนมีอิสระไม่ว่าจะทำเลวที่ไหนถ้าเข้าบ้านก็คือลูกของท่าน แต่ถ้าเกิดอะไรที่ไม่ดีหรือไปก่อเรื่องพ่อแม่จะไม่ยื่นมือช่วยและอย่าหวังว่าจะมีใครช่วย ทุกเรื่องเราพี่น้องเลยต้องคิดก่อนทำ การเลี้ยงแบบนี้สมัย10กว่าปีก่อนถือว่าพ่อแม่เราค่อนข้างหัวสมัยใหม่มาก ถึงชีวิตจะอิสระแต่เราไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย เพราะกลัวรับผิดชอบผลที่ตามมาไม่ไหว ครั้งแรกที่เปิดตัวแฟนที่บ้านก็ตื่นเต้นเพราะเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวที่พ่อแม่เคยเห็น แรกๆมีบ้างคนมองและนินทา แต่พ่อแม่เราไม่แคร์ เวลาใครถาม ท่านจะบอกว่าเราโตแล้วดูแลตัวเองได้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง "มันอยู่กับแฟนไม่ได้ไปมั่วกับใคร มันคงเลือกดีแล้วล่ะถึงได้มั่นใจพาเข้าบ้าน" พอคบได้2ปีเราก็แต่งงานและย้ายตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ ทีนี้จากที่เคยถูกนินทาก็เปลี่ยนมาเป็นชื่นชมแทน เริ่มมีคนรู้จักและไม่รู้จักมากระแซะให้หาฝรั่งให้ พ่อเราได้แต่ยิ้มๆแล้วบอกว่านี่ล่ะคน ั เราคิดว่าไม่แปลกนะที่จะอยู่ก่อนแต่งถ้าคนนั้นพร้อมด้วยวัยวุติ ไม่ใช่เด็กใจแตกอายุสิบกว่า การมีแฟนธรรมดากับการใช้ชีวิตด้วยกันมีรายละเอียดที่ต่างกันเยอะ สมัยนี้คนที่จะอยู่อย่างเอาตัวรอดได้คือคนที่รู้จักโลกไม่ใช่คนที่ทำถูกต้องตามประเพณี  แต่เราไม่สนับสนุนการอยู่กับแฟนทุกคนที่มีนะ ไม่ใช่มีกี่คนก็ไปอยู่กับเขาหมด แบบนั้นพ่อแม่คงร้าวแน่ๆ ถ้ามีลูกเราก็คงให้อิสระทางความคิดแต่ไม่สนับสนุนในการกระทำที่ไม่ดี อยากทำอะไรทำไปเลยแต่จำไว้ถ้าเกิดอะไรขึ้นรับผิดชอบเองทุกเรื่อง ทำให้ตัวเองเดือดร้อนได้ แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน ตอนนี้เรายังไม่มีลูกแต่ก็วางแผนเอาไว้คร่าวๆว่าจะประคองลูกยังไงในสังคมฝรั่ง จากคุณ : จะเอาอะไรกับลมปาก เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 02:26:48

ความคิดเห็นที่ 36 #21 เข้าใจ และสนับสนุนให้ทำด้วยครับ อยากให้อยู่ด้วยกันสักปีสองปีก่อนค่อยแต่งงานด้วย ไม่ชอบให้ไปคบกัน 8 เดือน เจอกัน รู้จักนิสัยกันตอนนัดทานข้าว ดูหนัง แล้วบอกว่ารักกัน อยากแต่งงาน คนมันต้องทดลองอยู่ด้วยกันจริงๆจึงจะรู้ว่าเข้ากันได้แค่ไหน จากคุณ : Schweissnaht เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 07:43:47

ความคิดเห็นที่ 37 อืมม ทู้นี้ดีแฮะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 07:59:02

ความคิดเห็นที่ 38 มีมากมายหลายเหตุผลที่หลายๆคนอยุ่ก่อนแต่ง บางคนครอบครัว ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็ออกมาอยู่หอบ้าง แชร์ค่าห้อง ค่าสาธารณูปโภค แชร์ชีวิต บ้างอยู่ไกล บางคนก็คิดไว้ ว่า อาจจะต้องมีคนพาไปหาหมอ บางคนตกงาน ถ้ายังอยู่กับแฟน ก็ยังพอต่อลมหายใจได้ บางคน บ้านแตก สาแหรกขาด ถูกปรามาทดูถูก ครอบครัวทะเลาะ ระดับลุงป้า ชิงมรดกการมีที่พักพึ่งพิง อาจจะชั่วคราว ก็ยังพอเป็นเหตุผล พยายามสร้างตัวให้ได้ บางคนคิดไว้ว่า ทำงานเงินเดือนหมื่นสองหมื่น ใช้ไปวันๆ เงินก็หมด ซื้อบ้านซื้อรถ กู้ร่วม หาบ้านอยู่กันไปก่อน สร้างเนื้อสร้างตัว ดีกว่าเอาเงินแสน ไปจมทิ้งกับการแต่งงาน สมัยนี้ หลายคนพ่อแม่ก็ไม่มีสินสอด เงินหมื่นเงินแสน ก็ต้องหาเอาเอง บางคนก็ไม่พร้อมจริงๆ เรื่องแต่งงาน หน่ะครับ...บางคน มีเงิน 1แสน จะเอาไปแต่งหรือดาวบ้าน ดีหล่ะ ถ้ามีอันจะกินก็แต่ง ถ้ายังไม่มีที่ซุกหัวก็ต้องหาบ้านไว้ก่อน พอซื้อบ้านแล้ว มีเงิน อีกหนึ่งแสนจะแต่งไหม หรือจะเอาไปโป๊ะบ้านดี จะได้ลดดอกไปอีกมาก ... ชีวิตเงินผ่อนหน่ะครับ... จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 09:47:32

ความคิดเห็นที่ 39 อืมมม ... ของเรา คบกันตอนม. 5 อยู่ด้วยกันตอนม.6  นะคะ แต่ว่า แฟนย้ายมาอยู่ที่บ้านเรา แม่เราเองบอกว่า " ไอ้เรื่องอย่างนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก แต่ให้รู้จักป้องกัน เรียนก็เรียนมาแล้ว " จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 09:56:26

ความคิดเห็นที่ 40 อยู่ด้วยกันตอนเรียนปี 3  แต่แฟนเรียนจบทำงานแล้ว   ฝ่ายผมไม่ได้บอก  เวลาพ่อหรือญาติขึ้นมาก็มาเห็นเอง   ว่าอะไรไม่ได้หรอก เพราะผมทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย  เลี้ยงตัวเอง ส่วนแฟน เธอจัดการบอกเองเพราะเธอก็เรียนจบแล้ว  ผู้ใหญ่ก็เข้าใจครับ จากคุณ : NoOmGtO เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 11:46:50

ความคิดเห็นที่ 41 เคยมีเพื่อนที่ไปอยู่บ้านผู้ชายค่ะ ตอนนั้นก็เรียนจบทำงานกันได้หลายปีแล้วล่ะค่ะ แต่อายุยังไม่ถึง 30 พอเพื่อน ๆ รู้ก็อึ้งกันทุกคน แต่ไม่มีใครว่าอะไร และพูดอะไร แต่พอแม่ของเพื่อนซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศกลับมาและรู้เรื่อง ก็มาพูดให้ฟังแบบเศร้า ๆ ว่าทำไมลูกสาวเขาถึงทำตัวแบบนี้ ไปอยู่กับผู้ชายก่อนแบบนี้ก็หมดราคากันพอดี ทำอะไรไม่คิดถึงใจแม่เลย พวกเราฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งค่ะ ไม่สามารถออกความเห็นอะไรได้ แต่อยากให้ลูกผู้หญิงทุกคนรู้ไว้ว่า ถึงโลกจะก้าวไปไกลแค่ไหน ค่านิยมอยู่ก่อนแต่งกำลังมาแรงก็แล้วแต่ ไม่มีพ่อหรือแม่คนไหน รู้สึกยินดีมีความสุขที่ลูกสาวอยู่ก่อนแต่งหรอกค่ะ จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 15:05:00

ความคิดเห็นที่ 42 อิชั้นเป็นคนหัวเก่า ที่คนสมัยใหม่คงว่า ประหลาด เพราะ ไม่เคยมีอะไรก่อนแต่ง คนหัวเก่าถือว่า ทะเบียนสมรสคือการรับรองฐานะในสังคม พิธีคือการรับรองจากผู้ใหญ่สองฝ่าย อีกอย่าง ผู้หญิงรุ่นไดโนเสาร์ ถือความบริสุทธิ์ เป็นคุณค่าสูงสุดของลูกผู้หญิง ไม่ควรให้ใครง่ายๆ ให้ง่าย ได้ง่าย คนที่ได้ไปจะไม่เห็นคุณค่าและไม่ทะนุถนอมเท่าที่ควร คนสมัยใหม่ไม่คิดอย่างนั้น อัตราการหย่าร้าง การละเมิดศีลข้อ 3 จึงสูงขึ้น คนมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่รถ ทดลองอยู่ก่อน ไม่พอใจก็เลิก (ทานโทษ พ่อแม่ดีๆ ไม่เลี้ยงลูกสาวไว้ให้ใคร 'ทดลอง' อะไรทั้งนั้น ขอบอก!) ฉะนั้น อิชั้นจะคอยสอนลูกแบบเก่านี่แหละ พ่อแม่ทะนุถนอมมา อย่าไปให้ใครเขาง่ายๆ ถ้าอยากทำอะไรแบบสมัยใหม่ ให้แม่ตายก่อน! จากคุณ : aunty36 เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 15:13:51

ความคิดเห็นที่ 43 #42 ในชีวิตจริงการแต่งงานไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่า จะไม่ถูกกลั่นแกล้งหรือทำร้าย จิตใจในภายหลังครับ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมาย ทั้งในกระทู้ห้องศาลาประชาคมนี้ หรือจากประสบการณ์จริงของคนรู้จัก ที่แม้แต่งงานแล้ว แต่พ่อแม่ฝ่ายชายเกิดไม่ชอบ สนับสนุนให้ลูกชายไปมีเมียน้อย เพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับฝ่ายหญิง โทษฐานที่ทำ ตัวไม่เป็นที่ถูกใจของพ่อแม่ฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายหญิงก็ต้องจำทนเพราะไม่ต้องการหย่าร้าง จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 17:11:30

ความคิดเห็นที่ 44 42# ทำให้ผมนึกถึงชาร์ลอตกับสามีในเรื่อง sex and the city เลยอะครับ ผมบอกแล้วว่าสังคมไทยกดขี่ผู้หญิง (โดยการอ้างคำว่าหัวโบราณ) เพราะผู้หญิงมีข้อจำกัดมากเหลือเกินในการแต่งงาน การมีเพศสัมพันธ์ การมีครอบครัว เช่นถ้าแต่งงานไป สามีทำการบ้านไม่ได้ ให้ความสุขไม่ได้ (แบบชาร์ลอต) ก็เกิดปัญหาในชีวิตคู่อีก เพราะวัฒนธรรมดันไปผิดกับธรรมชาติของมนุษย์ในวัยเจริญพันธุ์ หญิงไทยจึงมีทางเลือกน้อยมาก คือ 1. อยู่ไปก็ไม่มีความสุข เพราะบางคนแต่งไป สามีมีรสนิยมทางเพศแปลกๆรับไม่ได้ หรือไม่ทำการบ้าน ผู้หญิงสมัยโบราณ (หรือสมัยนี้ ที่อ้างว่าตนหัวโบราณบางคน) อาจจะต้องทนแบบนี้ไปตลอดชีวิต  น่าสงสารครับ ชีวิตผู้หญิงคนนึงเสียหายไปเพราะคำว่าวัฒนธรรมดีงาม 2. เลือกที่จะหย่า สังคมไทยมองว่าผู้หญิงหย่า แม่ม่าย เป้นของมีำตำหนิอีก ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของบุคคลประเภท ''หัวโบราณ'' สังคมไทยพยายามสร้างคุณค่าเรื่องเพศ จากศีลข้อ 3 แต่ไม่เคยห้ามผู้ชายมีชู้ คน ''หัวโบราณ'' มองเห็นความชอบธรรมที่ผู้ชายจะมีเมียหลายคนได้ โดยขยิบตาโยนศีลข้อสามทิ้งไป แต่หากเป็นเพศหญิง ศีลข้อ 3 และกรอบทางสังคมจะถูกนำมาใช้ทันที ที่น่าตลกคือมีผู้หญิงในสมัยปัจจุบัน สนับสนุนวัฒนธรรมที่กดขี่เพศแบบนี้ โดยอ้างให้เห็นเด่นชัดว่าการทดลองอยู่กินกัน ทำให้ฝ่ายหญิงเป็นเหมือนวัตถุทางเพศ ทั้งๆที่การทดลองคบหากันด้วยความรัก ตกลงที่จะใช้ชีวิตกัน เป็นเรื่องดีงามอ่อนโยนเกินกว่าที่จะเปรียบเทียบแบบหยาบๆแบบนั้นได้ สรุป ผมมองว่า ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง หากหญิงคนนั้นบรรลุนิติภาวะ สามารถรับผิดชอบดูแลตัวเองได้ ผมคิดว่าเธอมีสิทธิเลือกคู่ครอง เลือกจะอยู่ เลือกที่จะทำ ได้เหมือนกับผู้ชา่ยในวัยเจริญพันธุ์คนหนึ่งเหมือนกัน จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 17:51:11

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนเรื่องที่ว่าอยู่กันก่อนแต่งแล้ว จะทำให้มองคุณค่าผู้หญิงคนนั้นๆ ลดลง ก็ใช้ไม่ได้ กับผู้ชายทุกคนครับ การเหมารวมไม่ถูกต้อง ถ้าแม่น้องเมอยากจะแต่งงานขึ้นมาจริงๆ ผมก็ยินดีเอาทรัพย์สินที่มีไปกองให้เลย สมุดบัญชีเงินฝาก หุ้น และทุกอย่างที่สะสม มา (ใกล้สองล้านบาท แล้วตอนนี้) เพราะนั่นคือคุณค่าของเธอที่ผมประเมิน แต่เธอไม่ อยากแต่งงาน ก็ไม่รู้จะทำยังไง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอต่อต้านแนวคิดเรื่องการแต่งงาน อย่างจริงจังด้วย [แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้ามีสินสอดเลข 7 หลักมาขอ จะยอมแต่งงานก็ได้ ดังนั้น ตอนนี้ก็จงเก็บเงินต่อไป - อันนี้เธอว่าพูดเล่น แต่ก็ทีเล่นทีจริงแหละนะ] แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 54 18:50:33 แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 54 18:46:02 จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 18:16:21

ความคิดเห็นที่ 46 #44 อืม เรื่อง Sex & The City นี่แม่น้องเมก็ชอบดูมากครับ คราวก่อนให้ผมซื้อไปให้ หมดทั้ง Series ทั้งแบบที่ทำเป็นภาพยนตร์เข้าโรงหนัง จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 19:03:57

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่ได้อยู่ก่อนแต่งครับ แต่พาเธอไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จักกันตั้งแต่เริ่มคบกันได้สักพัก และไปแนะนำตัวเองกับทางบ้านเธอเช่นกัน หลายครั้งที่เธอมาช่วยทำกับข้าวที่บ้าน หรือมาช่วยงานบ้าน บางทีก็ไปเที่ยวด้วยกัน (นึกๆดูแล้ว เธอไปช้อปปิ้งกับพี่สาวผมมากกว่าไปกับผมซะอีก - -") บางทีก็มานั่งเล่นกับหลาน ซึ่งถ้าเธอมาที่บ้านผมทางบ้านเธอก็จะรับรู้เสมอ (พ่อตาจะมารับในตอนเย็นเวลาเธอมาที่บ้านในช่วงแรกๆ แต่พอผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันสักพักเขาก็เริ่มปล่อยๆ) ซึ่งพอมานั่งย้อนมองกลับไปดู ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากหลังแต่งมากเท่าไหร่ (ต่างกันแค่เธอไม่เคยค้างที่บ้านก่อนแต่งเท่านั้นเอง) ตรงนี้ผมว่าถ้าฝ่ายชายกล้าที่จะไปแนะนำตัวกับทางบ้านฝ่ายหญิง และพาฝ่ายหญิงมาแนะนำตัวกับที่บ้าน แสดงให้ผู้หลักผู้ใหญ่เห็นถึงความจริงใจว่าจริงจังกับเขาจริงๆ เรื่องการไปมาหาสู่กันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สักเท่าไหร่ (มั้ง) ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลายๆ คู่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะติดเรื่องที่ทางบ้านฝ่ายหญิงไม่ยอมรับในเรื่องนี้ (โดยเฉพาะกรณีฝ่ายหญิงยังอยู่ในวัยเรียน) หรือกรณีที่ทางบ้านฝ่ายหญิงมองว่าฐานะไม่สมกัน เป็นต้น ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว การอยู่ด้วยกันก่อนแต่งก็ไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่ เพราะต่างคนก็มีเหตุผล และวิธีการดำเนินชีวิตของตัวเอง ซึ่งคนเป็นพ่อแม่คงได้แต่ต้องทำใจยอมรับให้ได้ ส่วนปัญหาเรื่องนอกใจก็อย่างที่บางท่านว่าไว้ คนจะนอกใจน่ะจะแต่งหรือไม่แต่งก็มีค่าเท่ากันครับ - -" ปล. ถ้าเป็นไปได้เวลาลูกมีแฟนผมก็อยากให้คบกันแบบเปิดเผยมากกว่านะ อย่างน้อยก็อยากให้พามาแนะนำตัวก่อน จากคุณ : Laevateinn เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 21:44:20

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยกับควห #47 จากคุณ : ทามากิ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 21:11:23

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่ยอมรับผู้หญิงที่โร่มาอยู่กับผู้ชายก่อนแต่งมาเป็นสะใภ้แน่นอนค่ะ เหตุผลคล้ายๆคุณสหายกุนเชียง คือผู้หญิงแบบนี้ไม่ฉลาด และไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ถึงมีลูกกันมาก็ยากจะรับค่ะ ไม่มั่นใจค่ะ ดิฉันทำอพาทเมนต์ด้วย สังเกตุว่าพวกที่อยู่ก่อนแต่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้ทดลองกับชายเดียวหรือหญิงเดียว พอไปกันไม่ได้ (ส่วนมากประมาณ 2 ปี) พอมีแฟนใหม่ ก็ลองอยู่กับคนใหม่ต่อไป ส่วนลูกสาว เชื่อมั่นว่าเขาไม่ยอมอยู่ก่อนแต่งแน่นอน เขาเคารพตัวเองสูงมากค่ะ จากคุณ : บงบุษบา (บงบุษบา) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 00:15:19

ความคิดเห็นที่ 50 49#  ก็คบกันแล้วไปกันไม่ได้ ให้ทนคบหรอครับ   เท่าที่อ่านดูนี่ปกติสุดๆครับ คบกันแต่ไปกันไม่ได้ ก็เลิกรากันไป มันก็ถูกนี่ เจอคนใหม่ก็คบกับคนใหม่ไป ธรรมดาโลก ขนาดผู้หญิงด้วยกันเอง ยังมองเพศเดียวกันขนาดนี้เลยครับ อ่านแล้วเซ็ง แก้ยากนะ ทัศนคติเหยียดเพศในสังคมไทยเนี่ย ผู้ชายพูดไม่เท่าไหร่ แต่ผู้หญิงด้วยกันก็รุมเอาด้วยนี่สิ จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 15:41:22

ความคิดเห็นที่ 51 ไม่ได้หมายถึงทนคบค่ะ คุณศุกร์ กำลังจะสื่อว่าพวกที่ยอมเสียตัวก่อนนี่ ส่วนมากจะต้องเสียตัวกับหลายคน คือคนแรกยอมนอนด้วย คนต่อๆไปย่อมเป็นไปแบบเดิมน่ะค่ะ พอดีเห็นมาแบบนี้เยอะ คือไม่ต้องคิดอะไรมาก คบคนไหนนอนกับคนนั้น กลายเป็นสมบัติสาธารณะไปเลย จากคุณ : บงบุษบา (บงบุษบา) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 19:58:37

ความคิดเห็นที่ 52 #49 คุณแม่ผมก็คิดอย่างนี้ แต่รักไปแล้ว ไม่เลิกแน่นอนครับ และจะไม่บอกด้วย ไม่รับเป็นลูกสะใภ้ ชาตินี้ก็ไม่ต้องมีลูกสะใภ้ไปเลย จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 21:54:15

ความคิดเห็นที่ 53 คือไงดีล่ะ จริงๆแล้วดิฉันไม่รังเกียจและไม่ถือใครๆที่อยู่กันก่อนนะคะ ลูกน้องที่แสนดีและน่ารักก็อยู่กับแฟนก่อนแต่งหลายคน ตั้งแต่ ปวส ถึง ปโท ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดาของยุคสมัย เพียงแต่ถ้าเขาเหล่านั้นมาเป็นคนในครอบครัว ยังยอมรับไม่ได้ค่ะ จากคุณ : บงบุษบา (บงบุษบา) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 23:27:53

ความคิดเห็นที่ 54 คุณแม่ห่วงลูกผมก็เข้าใจ แต่ถ้าลูกไม่ได้ไปแต่งงานกับใคร จะหาใครให้ก็ไม่เอา จงรักอยู่กับคนๆ เดียว ก็อย่าได้ถามว่าเมื่อไหร่จะมีหลานจากลูกคนนี้ให้เลยนะครับ รอจากลูกคนอื่นๆ ก็แล้วกัน จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 23:44:17

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่เอาละ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 54 01:21:22 จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 54 00:21:46