ความคิดเห็นที่ 1 สังคมสมัยนี้สอนให้ "รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" กว่าจะแยกพระจริงพระปลอมออก... เราเองนี่ซิจะเหงึ่อโฉกแทน......... จากคุณ : ยายซิ่ง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:17:56

ความคิดเห็นที่ 2 เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้คะ รับไม่รับลังเลอยู่นาน เพราะเป็นพระที่อายุมาก ยืนกับลูกศิษย์ตัวน้อย ตัดสินใจจอดรถและถวายเงิน มีความสุขที่ได้ทำ หลังจากขึ้นรถมองจากกระจกหลังเห็นคนจอดรถและทำแบบเราเหมือนกัน ทำได้แค่นี้จริงๆกับสังคมที่สอนให้เราต้องเห็นแก่ตัวเอง จากคุณ : freebird365 เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:23:16

ความคิดเห็นที่ 3 พระท่านนึงแนะนำว่าไม่ให้รับ เพราะว่า ถ้าเป็นพระธุดงค์จริงๆ จะเตรียมการอย่างดีก่อนออกธุดงค์ ครับ ถ้าเป็นพระธุดงค์ จริงๆ จะไม่ขึ้นรถโดยสารเด็ดขาด ถึงแม้จะเดินแล้วเราจอดรับโดยที่ท่านไม่โบก จากคุณ : ผีหัวดำ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:28:21

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเจอเหมือนกันค่ะ สายลำปาง-เชียงใหม่ ไม่ได้แวะรับ เพราะกลัว ด้วยเพราะว่าเรามีลูกสาว เกรงว่าถ้ารับท่านขึ้นมาด้วยก็จะอึดอัดเปล่า ๆ  ยอมรับว่า กลัวคนแปลกหน้าจริง ๆ แม้แต่พระนุ่งห่มเหลืองก็ไม่เว้น เพราะเราเองก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถจนจะแยกแยะพระจริงพระปลอมได้นี่คะ ปลอดภัยไว้ก่อน จากคุณ : เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:31:24

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคห.3 มากนะคะ ทำให้เราตัดสินใจได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลใจว่าจะบาปหรือเปล่า ขอบอกว่าสมัยก่อนตอนเราเด็กๆ มีเยอะค่ะโบกรถเนี่ย พ่อเราก็รับค่ะแต่ว่าให้นั่งกระบะหลัง(เพื่อความปลอดภัย) แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยเห็นค่ะ ยังคิดว่าถ้าเจอจะทำอย่างไงน้า... จากคุณ : หมูน้อยผ้าทอง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:32:18

ความคิดเห็นที่ 6 นั่งกระบะหลัง เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คนขับซวยครับ ปล. ใครเคยโบกรถยกมือขึ้น เมื่อก่อนผมโบกประจำเลยนะ หุหุหุ คนสมัยก่อนใจดีกว่าตอนนี้เยอะครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:54:26

ความคิดเห็นที่ 7 เวลาผมขับรถไปคนเดียว  ผมรับประจำครับ เท่าที่พบ  ...... แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 54 11:57:09 จากคุณ : ฮูฮง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:56:20

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนแรกคิดว่า ท่านอาจจะมีธุระด่วนหรือเปล่า..แต่มาคิดดูก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้ารู้ว่ามีอะไรด่วน..แสดงว่าพกโทรศัพท์..แล้วจ้าไปชาร์จไฟตรงไหนหว่า หรือท่านจะเจ็บป่วย..ถ้าเจ็บป่วยจริง ก็น่าจะให้ญาติโยม เป็นคนเรียกรถให้จะเหมาะสมกว่ามั่ง..หรือท่านแค่อยากจะเปลี่ยนสถานที่... เพราะสถานที่เดิม..มันไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง..(คิดเอาเองว่าอะไรไม่เหมาะสม..หุหุ) แต่จะย้ายที่ไปไหน..มันก็ต้องเดินเอาดิ..ไม่ใช่มาโบกรถ และพระธุดงค์ต้องไปอยู่ในป่าไม่ใช่เหรอครับ แต่ที่เห็นๆนี่..อยู่แต่ใกล้ๆในเมืองกันทั้งนั้น..แล้วจะออกมาเดินเพื่ออะไร..หรือว่าเพื่ออย่างว่า ??!! จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:56:23

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วย กับ คคห.ที่๓ ครับ จากคุณ : ว่าวปักเป้า เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 11:57:49

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วย กับความเห็นที่ 9 ครับ จากคุณ : แสนเชิง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 12:21:02

ความคิดเห็นที่ 11 วันหนึ่ง เวลาประมาณ 11 โมง แดดจ้ามาก เราขับรถออกจากหมู่บ้านไปธุระ เห็นพระธุดงค์เดินแบกกลดฝ่าเปลวแดดริมถนน มีกาน้ำอยู่ในมือ ลังเลชั่วครู่ ว่า พระจริงไหม น่าจะจริง เลยจอดถามพระว่า ท่านจะไหน ท่านบอกว่า จะไปสถานีรถไฟที่อยู่ห่างไปประมาณ  2 กม. เป็นทางผ่านเรา เรานิมนต์ท่านขึ้นรถ ท่านนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนบอกว่า โยมไปเถอะ โยมไปเถอะ เราเสียความตั้งใจนิดหนึ่ง ก่อนขับออกมา นึกขึ้นได้ ว่า พระห้ามอยู่กับผู้หญิง สองต่อสอง เราจะบาปไหมเนี่ยะ จากคุณ : บางพูน เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 12:46:36

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คห3ค่ะ วันก่อนขับมานครสวรรค์ค่ะ เจอพระโบกรถ อยากรับนะคะแต่ไม่มีที่เหลือเลย เพราะของเยอะมาก แมวกับบ้านแมวอีก กระเป๋าอีกเต็มเบาะหลังเลยค่ะ รู้สึกไม่ดีเหมือนกันท่านมาคนเดียวด้วย ถ้ามาคนเดียวก็คงรับค่ะ แต่หลายคนไม่อ่ะ กลัวเหมือนกัน จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 12:53:01

ความคิดเห็นที่ 13 อ้าว รับไปแล้วค่ะ  เคยจอดรับไป2-3ครั้งแล้วค่ะ   ถนนสายท่าตะเกียบ-วังน้ำเย็น เพราะต้องไปเยี่ยมพ่ออยู่บ่อยๆ  เคยเจอท่านเดินรองเท้าไม่ใส่ แดดกำลังเที่ยงเกือบบ่ายโมง แบกกลด หิ้วกาน้ำน่ะคะ   ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ท่านเดินอยู่2องค์  เลยจอดถามจะไปไหน   ท่านบอกจะไปพนมสารคราม  เลยนิมนต์ท่านขึ้นกระบะหลัง  ถึงแยกพนม เลยนิมนต์ท่านลง เพราะเราต้องแยกมาระยอง    อีก2ครั้งน่าจะท่านโบกค่ะ เลยจอดรับ  ทั้งหมดก็เป็นพระธุดง    ทีหลังเราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยแล้ว จากคุณ : กึมซุน (คนยองกึมชุน) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 12:58:19

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับ คห.3 แต่ถ้าพอช่วยเหลือท่านได้ก็ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง.....ผมเคยไปทำบุญที่วัดแถวจังหวัดนนทบุรี พอทำบุญเสร็จออกมาหน้าวัดก็เห็นพระแก่ๆอยู่รูปหนึ่งกำลังนั่งรอรถสองแถว ก็เลยจอดรถลงไปถาม ท่านก็บอกว่ากำลังจะกลับวัดเพราะมาทำกิจธุระที่วัดนี้เสร็จแล้ว ผมดูแล้ววัดที่ท่านจะกลับก็ไม่ได้ไกลมากแต่อยู่ค่อนข้างลึกถึงจะลงรถสองแถวแล้วก็ตาม ก็เลยนิมนต์ท่านเพื่อไปส่ง หลังจากไปส่งท่านท่านก็ให้ศีลให้พร...ลูกชายก็จะถามว่าทำไมพระต้องขึ้นรถเราด้วย ผมก็ตอบไปว่าการช่วยเหลือท่านเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เจ้าลูกชายก็ถามกลับว่าทำบุญต้องใส่บาตรไม่ใช่หรือ ก็ต้องอธิบายกลับไปว่าการช่วยเหลืออย่างอื่นก็ถือว่าเป็นการทำบุญเหมือนกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลกว่าหลังจากนั้นผมมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการเดินทาง งานการในช่วงนั้นก็ดูจะลุล่วงไปด้วยดี ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ครับ จากคุณ : AAA เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 13:03:46 A:124.122.1.158 X: TicketID:290223

ความคิดเห็นที่ 15 อย่ารับนะครับ เพื่อนผมเคยโดนแล้ว พอรับปุ๊ป นั่งๆไปก็ส่งซองผ้าป่าบอกเป็นประธานให้หน่อย พอเพื่อนไม่ให้ก็พูดเสียดสีว่า มีรถแต่ไม่มีเงิน ไม่ทำบุญระวังกรรมจะตามทัน จากคุณ : มหาบุรุษแห่งกรุงสยาม เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 13:14:42

ความคิดเห็นที่ 16 คห.15 ถ้าผมเจออย่างนั้นผมไล่ลงจากรถเลยครับ (ไม่ชอบโดนยัดเยียดให้ทำบุญครับ) ผมเห็นด้วยกับ คห.3 ครับ พระธุดงค์จริงๆ ไม่น่าจะขึ้นรถน่ะครับ จากคุณ : naikim เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 13:24:32

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รับค่ะ ไม่ใช่กิจของฆราวาส 55 ล้อเล่นค่ะ เห็นด้วยกะ คห 3 9 10 ค่ะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 14:06:11

ความคิดเห็นที่ 18 เคยเจอที่ถนนสายอุทัย-พหลโยธิน เดินมาสององค์แดดกำลังร้อน ผมขับรถกระบะมาจะรับก็กลัวเหมือนกัน เลยจอดถามพระทั้งสองว่าจะไปไหน ได้รับคำตอบว่า ไปโคราช ผมถามว่าจะไปอย่างไร คำตอบที่ได้ก็คือ โบกรถไปเรื่อยๆ ด้วยใจที่อยากทำบุญเลยถวายไปองค์ละร้อย โดยให้ท่านรอรถโดยสารไปต่อรถที่นครสวรรค์ คิดไปคิดมาคิดว่าเงินคงไม่พอเลยถวายไปอีกองค์ละร้อย เมื่อให้พรเสร็จแล้วองค์หนึ่งบอกว่าโยมใจดีจัง ในใจผมยังคิดว่าเป็นพระจริงหรือเปล่าหนอ แต่เมื่อทำไปแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จากคุณ : ครูแสง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 14:08:53

ความคิดเห็นที่ 19 ก็มองได้สองมุมครับ   ถ้าคุณรับพระที่ท่านตั้งใจเดินธุดงค์จริงๆ  ก็ได้บุญใหญ่ แต่พระที่ตั้งใจเดินธุดงค์จริงๆ  ถ้าไม่จำเป็นท่านไม่ใช้ยานพาหนะใดๆ หรอกครับ สมัยพุทธกาล ถนนหนทางคงไม่สะดวกสบายเท่านี้ พระพุทธองค์และพระอริยสาวกจำนวนมาก ยังเดินทางไปทั่วชมพูทวีป เผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ด้วยความลำบาก ปัจจุบัน หนทางสะดวกขึ้นมาก  แต่พระที่ท่านถือธุดงควัตรจริงๆ แบบเคร่งครัด ยังไงท่านต้องเลือกเดินครับ จากคุณ : หมูเค็มกะหมูหวาน (คุณหมูน้อยตัวขาว) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 14:33:42

ความคิดเห็นที่ 20 เราไม่รับ เดี๋ยวนี้พระมีเงินทั้งนั้น สามารถนั่งรถเมล์ แท็กซี่ ได้ หรือ ถ้าออกธุดงค์จริงๆ ท่านก็ไม่ขึ้นรถ  อย่าง คห ที่ 3 แนะนำ กลัวจะเป็นมิจฉาชีพมากกว่า หรือ พระปลอม เราคิดมากไปหรือเปล่า ช่วยไม่ได้ค่ะ สังคมสมัยนี้ ต้องระวังทุกอย่างหนิ จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 15:40:57

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเคยเจอประสบการณ์พระโบกรถอยู่ครั้งหนึ่ง วันนีั้น กลับจากโรงเรียนขับรถกลับบ้านมาตามเส้นทาง สายสุรินทร์ - ปราสาท ออกจากอำเภอปราสาทมาได้ประมาณ 5 กม. เจอกลุ่มพระธุดงค์เดินตามทาง ประมาณ 4-5 รูปครับ เดินไปด้วย โบกมือให้รถจอดด้วย พอผมจอดรถเปิดกระจก กำลังจะถามว่าท่านไปไหน ท่านถามผมก่อนเลยว่า โยมมีน้ำดื่มติดรถไหม อาตมาหิวน้ำ วันนั้นผมเอาน้ำดื่มติดรถไป 2 ขวดใหญ่ เลยยื่นถวายให้ไป 1 ขวด กำลังรู้สึกอิ่มบุญอยู่ ก็ต้องสะดุด เพราะพระถามมาอีกว่า โยม.. อาตมาจะไปศรีสะเกษ โยมพอมีค่ารถไหม อาตมาขอบิณฑบาตค่ารถหน่อย ตอนนั้นผมมีเงินติดกระเป๋าไม่มาก เลยควักให้ท่่านไป ร้อยนึง ท่านพูดต่ออีกว่าไงครับ .. "ร้อยเดียวไปไม่ถึงศรีสะเกษหรอกโยม อาตมาขอบิณฑบาตอีกร้อยนึง" อึ้งไปเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องควักให้ท่าน พร้อมกับบอกว่า ตังค์หมดแล้วน่ะครับ พร้อมกับรีบออกรถมาเลย ...... ผมไม่ทราบนะว่าเหตุการณ์วันนั้น ผมทำบุญกับพระจริง หรือแก๊งค์พระธุดงค์ปลอมกันแน่ รู้เพียงแต่ว่า ตอนนี้เจอพระโบกรถอีก ผมคงต้องขอผ่านครับ จากคุณ : เหมียวท้องมาน (เหมียวท้องมาน) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 15:53:03

ความคิดเห็นที่ 22 อ่า ... ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นครับ บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองใจดำที่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง แต่พอได้อ่านในคห. 21 นั่นแหล่ะที่ผมกลัว และขอบคุณอีกหลายๆคห.ที่มีน้ำใจกับพระท่าน ... แต่คนเราก็ต้องระวังตัวนะ ได้อ่านใน คห.3 แล้วก็ค่อยสบายใจหน่อย เดี๋ยวนี้ พระดี พระไม่ดี พระจริง พระปลอม ปะปนจนเราแยกไม่ออก อามิตพุทธ จากคุณ : ทองพญา เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 16:01:55

ความคิดเห็นที่ 23 ย้อนไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ผมโบกรถเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติเกือบทั้งนั้น โบกเข้า โบกออก บางทีคนขับรถขับอ้อมไปรับของก่อน แล้วค่อยไปส่งเราก็มี เพื่อนผมโบกจนเป็นนิสัย  บางทีไปเที่ยวกับคนขับรถด้วย (โบกหลายคน) คนเมื่อก่อนนี้ ยังมีความไว้ใจต่อกันมากกว่าสมัยนี้ สมัยนี้ก็มีน้ำใจนะ แต่ว่าเค้าไม่ไว้ใจเราเท่านั้นเอง พระโบกรถ ผมเจอประจำตอนไป ตจว. แต่ไม่เคยรับเลย เพราะรถผมมีผู้หญิงนั่งในรถครับ ถึงไม่มีผมก็ไม่รับครับ ไม่ใช่แล้งน้ำใจ แต่ไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้นครับ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 18:08:33

ความคิดเห็นที่ 24 เคยขับรถอยู่แถวนางนา-ตราด เห็นพระเดินอยู่ริมถนน ฝนตั้งเค้ามามืดเลย ข้างหน้าท่านเป็นสะพานยาว คิดอยู่ว่า รับ ไม่รับ เพราะตัวเองเป็นผู้หญิงรับท่านขึ้นรถจะเหมาะมั๊ย อีกใจก็กลัวท่านเปียกฝน คิดนานไปหน่อย ขับเลยท่านมา ในที่สุดก็ตัดสินใจจอด คิดว่าจะถอยไปรับดีกว่า พระท่านเดินอยู่กลางสะพาน หันไปอีกทีหายไปแล้ววว ข้องใจมาก ท่านหายไปไหน เลยเดินไปดู กลางสะพานมีบันไดให้ปีนลงไปได้ อดทำบุญเลยเรา ฮิ ฮิ จากคุณ : แสงรุ้งสีเงิน เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 18:24:57

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่รับค่ะ  ขาวมณีไม่เคยจอดรถระหว่างทางเพื่อรับใครขึ้นรถแน่นอน  ไม่ว่าจะพระ จะทหารเกณฑ์  โดนโบกบ่อยเพราะขับรถกระบะ เคยเจอทหารโบกรถยี่สิบกว่าคนได้  โห จะให้รับผู้ชายมาขึ้นรถยี่สิบกว่าคนเนี่ย  รับก็บ้าแล้ว จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 20:12:24

ความคิดเห็นที่ 26 สมัยนี้เป็นอย่างที่หลายคนว่า เห็นเดินอยู่ก็สงสาร แต่พอรับขึ้นรถ พยายามขายพระเครื่องให้เราก็มี พอจะลงขอเงินเราก็มี เลยชักไม่อยากรับแล้วนะ จากคุณ : ไม่อยากรับแล้วนะ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 20:13:57 A:61.19.66.11 X: TicketID:259615

ความคิดเห็นที่ 27 เคยเจอค่ะ เห็นเลยว่าตั้งใจโบกรถเรา เราเป็นผู้หญิงขับรถคนเดียว พอรถเราเข้ามาระยะใกล้พระท่านจึงโบก แต่เราสงสัยคันหน้าเราเป็นรถกระบะ ทำไมไม่โบกล่ะ ก็เลยให้ท่านโบกคันต่อไปเถอะนะ กลัวเจอโจรโกนผมห่มผ้าเหลือง จากคุณ : ดาหลารัศมี เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 21:33:40

ความคิดเห็นที่ 28 ขับรถคนเดียว เคยโดนโบกครั้งนึง พระหนุ่มๆมากับเด็กผู้ชายน่าจะ หกขวบหนึ่งคน   ก็จอดรับ ทางที่ขับ ทางเปลี่ยว ข้ามเขา  พระบอกว่าจะไปเยี่ยมแม่อีกที่นึงที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยโล พอถึงอีกอำเภอนึง ท่านขอลงเอง บอกว่าจะไปขอเงินค่ารถจากใครไม่รู้ตรงที่ขอลง   ตัวเองก็คิดช้าไปหน่อย เลยไม่ได้ถวายเงินสมทบค่าเดินทาง ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร หรือกลัวอะไร เพราะเห็นว่าท่านมากับเด็ก พระนั่งข้างเรา เด็กนั่งเบาะหลัง จากคุณ : pha-sea-pha เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 23:15:35

ความคิดเห็นที่ 29 ออกต่างจังหวัดก็บ่อยแต่ไม่เคยเจอเลย  ถึงเจอก็ไม่กล้ารับค่ะ  กลัวววว คุณทอง เมื่อไรจะมาเล่าเรื่องปลวกต่อล่ะคะ จากคุณ : ความรักมาทักทายแล้วหายไป เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 54 23:30:18

ความคิดเห็นที่ 30 เราเคยเห็นพระมีอายุยืนรอรถอยู่แถวถนนพหลโยธิน ระหว่างทางไปทำงาน ช่วงนั้นรถติดเราสังเกตุเห็นท่าทางท่านไม่ค่อยสบาย เราหาทีจอดรถ เข้าไปถามท่านว่าจะไปไหน ท่านบอกว่ากำลังรอรถเมล์เพื่อไปพบญาติ เราถามท่านว่า ฉันเช้าหรือยัง ท่านบอกว่ายัง เรานิมนต์ท่านฉันเช้า แต่ท่านต้องการไปพบญาติให้ตรงเวลาตามนัด เราเรียกรถTexi และขอให้ไปส่งท่านทีนัดหมาย และได้ถวายปัจจัยให้ท่าน พร้อมกำชับคนขับรถให้ไปส่งถึงที เราได้พรจากท่าน แต่ทีเราอิ่มใจคือเราได้ทำความดีให้กับพระศาสนา และได้มีโอกาสทำความดี ประจำวัน เป็นความสุขเย็นๆดีจัง เอามาแบ่งปันค่ะ จากคุณ : ทองตะวัย (ทองตะวัน) เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 54 20:02:57

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นเราอยากจอด แต่ไม่กล้าถ้าเป็นเก๋ง อยากรับหมดทุกคนเลย เด็ก คนแก่ คนหาบของ คิดว่าถ้ากะบะก็จอดแน่ๆ ขึ้นข้างหลัง โจรก็ไม่ค่อยกลัวอะคิดว่าส่วนน้อยรึเปล่า ขับไปเร็วๆล๊อคประตูดีๆ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ขับไปแถวชุมชนแล้วค่อยจอดให้ลงไรเทือกนี้ แต่ก็ไม่เคยรับใครนะ เพราะไม่ค่อยได้ขับรถคนเดียวที่ ตจว และคนที่ขับเขาก็ไม่เคยกล้ารับ เราคนนั่งก็ไม่กล้าเสอให้รับ กลัวเจอดีแล้วจะรับผิดชอบไม่ไหวอะ แต่ก็เข้าใจนะที่คนไม่จอดรับ สังคมสมัยนี้มันไม่น่าไว้ใจจริงๆ ทำดีก็ต้องดูดีๆ เชื่อว่าทุกคนอยากทำดีแต่ไม่มีโอกาส พระเองก็คงเข้าใจในจุดนี้ก่อนธุดงค์ท่านก็จะเตรียมตัวอย่างดีแหละ แต่เคยครั้งนึงไปปฏิบัติธรรมและมีคนขอร้องให้ไปส่งพระไปหาหมอที่คิวรถตู้ เรานะดีใจมากๆยินดีสุดๆ และได้ถวายปัจจัยไปให้ท่านต่อรถตู้อีก เพราะท่านไปรพสงฆ์ อยากไปส่งถึงในกทมแต่มันไกลมากและท่านก็ไปต่อรถตู้ได้สบาย อยากมีโอกาสได้ทำไรแบบนี้อีกบ่อยๆจัง จากคุณ : กด (fdfs) เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 54 15:49:52