ความคิดเห็นที่ 1 เราชาวบ้านตาดำ ๆ คงต้องรับผิดชอบตัวเองแล้วค่ะ ไม่คิดหวังพึ่งท่าน ๆ อีกต่อไป จากคุณ : เจ๊ติ๋ม (jindawong) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:34:39

ความคิดเห็นที่ 2 คุณแม่จากัวร์ไม่ขอล็อคอินซักทีครับ ผมอยากให้กิ๊ฟท์หลายครั้งแล้ว...แต่ให้ไม่ได้ ผมมองว่ากฏหมายมันดีอยู่พอสมควรครับ แต่การ "บังคับใช้" อย่างจริงจังต่างหากที่มีปัญหา อีกทั้งยังมีระบบวิ่งเต้น มีการคอรัปชั่นในระดับปฏิบัติ ที่ทำให้สำนวนคดีมัน "อ่อนยวบ" แบบทันตาเห็น ยังไม่นับเรื่องของอิทธิพลต่างๆ ไปจนถึงเรื่องของระบบอุปถัมป์ ที่มีการใช้อำนาจ อิทธิพล มาช่วยเหลือผู้ต้องหา ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้คนไม่เกรงกลัวกฏหมายครับ แม้กฏหมายจะเอาผิดอะไรได้ไม่มากนัก แต่ผมเชื่อเรื่องของบาปบุญคุณโทษมันไม่มีข้อยกเว้นแน่ๆ เพราะแม้จะไม่เกรงกลัวกฏหมายขนาดไหน แต่ "กฏแห่งกรรม" จะทำหน้าที่ของมันอย่างเสมอภาคและยุติธรรมต่อทุกคนครับ จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:40:44

ความคิดเห็นที่ 3 ใครจะรับผิดชอบ ตอบก็ไม่มีประโยชน์ บ่นไปก็ไม่เกิดอะไร ช่วยตัวเองดีที่สุด เพราะคนที่รับผิดชอบ หาไม่เจอหรอก หรือคุณอยู่ประเทศนี้ไม่ไหวก็ไปหาประเทศอื่นอยู่ เพื่ออะไรมันจะดีขึ้น จากคุณ : พิษสงลงตรงหัวใจ (mak2010) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:41:08

ความคิดเห็นที่ 4 สาเหตุหนึ่งคือ ผู้รักษากฎหมายอ่อนแอ และไม่สามารถทำตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และ ไม่สามารถทำตัวให้น่าเกรงขามต่อโจรผู้ร้ายได้  เพราะโจรก็รู้ว่า ผู้รักษากฎหมายบางคนคือหัวหน้าโจร  ..   เมื่อเช้าดูข่าวเรื่อง ขโมยรถที่เป็นแก๊งค์และตำรวจ ยศ พตท.2 คน อยู่ในขบวนการนี้ จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:48:01

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ  มาร์ค 2010 พอดีมันเป็น   เสี้ยวหนึ่งของสมอง  ที่สั่งการให้เราคิดถึงการอยู่ร่วมกันในสังคมค่ะ หรือคุณไม่เคยมีเลย.....เริ่มมีบ้างก็ได้นะคะ  แผ่นดินไทยจะได้สูงขึ้นบ้าง และคุณก็ไม่มีสิทธิที่จะไปไล่ใครไปอยู่ประเทศอื่นได้   เพราะแผ่นดินนี้  เป็นแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษดิฉันเกิดที่นี่  เราอยู่ที่นี่กันมาหลายชั่วอายุคน หรือคุณคิดว่า   เป็นของคุณคนเดียว แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 15:01:43 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 14:51:24 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 14:49:57 จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:49:46

ความคิดเห็นที่ 6 อ่า  ...วันนี้ทุ่นแรงคุณตุ้มมาตอบแถมคิดอย่างเดียวกันด้วยว่าเมื่อไหร่น๊อ หม่ามี๊จากัวร์จะมีอมยิ้มสักที ปล ขออนุญาตเรียก"หม่ามี๊จากัวร์" ได้ไหมคะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:51:00

ความคิดเห็นที่ 7 ยินดีค่ะ  คุณฉิง ฉิง  ^_^ จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:51:55

ความคิดเห็นที่ 8 การไล่คนที่มีสามัญสำนึกที่ดีต่อส่วนรวมออกไปนอกประเทศเราว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดนะคะ ถูกล่ะ ยามเมื่ิอขื่อแปของบ้านเมืองมันนุ่มนิ่ม แต่ละคนก็ต้องดูแลตัวเองกันทั้งนั้น คิดไปคิดมา วิธีแบบนี้มันจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไป คนมีอาวุธ มีอำนาจ มีทรัพย์ จะเอาตัวรอดได้ดีกว่า แต่...คนอีกกลุ่มที่ยังไม่สามรถป้องกันตัวเองได้ดี จะทำฉันใด "อำนาจรัฐ" ที่เป็นกลาง ศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้นแหละค่ะ ที่พอจะเป็นที่พึ่งได้"บ้าง" จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 14:58:05

ความคิดเห็นที่ 9 เบื่อจริงๆ ประเภทที่ชอบมาพูด "ไม่พอใจก็ไปอยู่ประเทศอื่น" รู้ไว้ด้วยว่าที่คนเค้ายกปัญหาขึ้นมาพูด ก็เพราะรักประเทศ และรักอย่างจริงใจ กล้าพูดถึงปัญหาที่มีอยู่จริง และหวังอยากให้อะไรๆมันพัฒนาขึ้น จะได้เป็นประเทศที่เราอยู่ร่วมกันได้แบบสงบสุข และน่าภูมิใจ ไม่ใช่รักชาติแบบลวงๆ หลอกตัวเองว่าประเทศเราดีที่สุดในโลก ไม่มีข้อเสียเลย ใครไม่พอใจมาบ่น มาชี้ข้อเสียให้เห็น ก็ไล่ไปอยู่ประเทศอื่นซะ ถึงว่ามันถึงพัฒนายาก มีพวกไม่เต็มใจจะพัฒนาอยู่ก็ไม่น้อยนี่เอง จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 15:05:49

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกคนในสังคมต้องร่วมกันรับผิดชอบครับ - ผู้บังคับใช้กฎหมายไม่อาจจะทำให้กฎหมายศักดิสิทธิ์ได้ - ประชาชนทั่วไปก็ไม่ช่วยกันสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน - คนทำผิดก็ไม่รู้จับยับยั้งชั่งใจ เข้าใจถึงบาปบุญคุณโทษและหน้าที่ในสังคม - รัฐบาลก็กระทำผิด ที่ไม่สามารถอำนวยความสงบสุขในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนได้ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 15:21:23

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง แล้วก็ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ส่งเสริมช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลัง สังคมก็คงน่าอยู่ขึ้นไม่น้อย จากคุณ : I'll be there for you. เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 15:33:18

ความคิดเห็นที่ 12 ในฐานะ นักสังคมสงเคราะห์ (มือใหม่)  บอกได้คำเดียวว่า ทำงานกับปัญหาเหล่านี้เหมือนกัน   เราคิดว่า ทุกคนในสังคมควรมีส่วรรับผิดชอบ และสร้างจิตสำนึกที่ดี ( อย่างไร และจะใช้ให้เกดิผลอย่างไร ยังไม่รู็้้ ) ล่าสุด .............. วันนี้มีข่าว สาวใจแตก (ตามข่าวเขาเรียกเช่นนั้น ) ฆ่าทารกยัดใส่กระเป่า และให้กรวดหินลงไป  จะเพราะเหตุใดไม่ทราบ แต่รู้ว่ามันเศร้ามาก จากคุณ : MyTHAI เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 15:46:09

ความคิดเห็นที่ 13 เจ้าหน้าที่บ้านเมืองกำลังฝึกอุเบกขา(การรู้จักวางเฉย)กันอยู่ครับ ตามแบบไทยเมืองพุทธ จากคุณ : ZHEZA_N1 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 16:13:54

ความคิดเห็นที่ 14 การที่เป็นคนไทย อยู่ในประเทศไทย เราอยู่ในฐานะของ"เจ้าของประเทศ" ย่อมต้องมี"ความคาดหวัง" เป็นธรรมดาว่าประเทศเราควรเจริญทางด้าน สังคม หรือเศรษฐกิจอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งนำไปสู่การ บ่น ก่น ด่า กันบ้าง แต่การที่คนไทยไปอยู่ในประเทศอื่น คือ ไปอยู่อย่าง"ผู้อาศัย" ประเทศนั้นอยากจะไป ทางไหน ดี-ร้าย ก็ช่างเพราะฉันไม่สน บางคนที่ตัวเองเป็น"เจ้าของประเทศ" แต่รู้สึกเหมือนเป็น"ผู้อาศัย" มีเพิ่มขึ้นมากครับ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเข้าใจว่าเพราะ"หมดศรัทธา"ครับ ถ้าบ้านนี้เมืองนี้ ทำผิดกลายเป็นถูก ทำถูกกลายเป็นผิดกัน ได้ง่ายๆ ผู้รักษากฎหมาย ก็จะไม่กล้ารักษากฎหมาย จะเลือกข้างที่ตัวรอดปลอดภัย ครอบครัวสุุขสบาย มีตังค์ใช้ มิดีกว่ารึครับ จากคุณ : หนุ่มบางปะกง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 16:32:39

ความคิดเห็นที่ 15 คนเขียนกฏ...มักแหกกฏเอง. แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 17:32:13 จากคุณ : ยายซิ่ง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 16:50:33

ความคิดเห็นที่ 16 งานของผมทั้งนั้น......... จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 17:30:52

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะผู้บังคับใช้กฏหมยไม่เข้มข้นและจริงจังพอครับ 555+ และที่สำคัญไม่เกรงกลัวอิทธิพล ครับ กฏหมายดีแล้ว แต่คนใช้ไม่ดีเอง จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 19:25:57

ความคิดเห็นที่ 18 เพราะผู้บังคับใช้กฏหมยไม่เข้มข้นและจริงจังพอครับ 555+ และที่สำคัญไม่เกรงกลัวอิทธิพล ครับ กฏหมายดีแล้ว แต่คนใช้ไม่ดีเอง จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 19:26:13

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อให้มีกฏที่ดีขนาดไหนก็ตาม หากผู้บังคับใช้ไม่ได้ความมันก็เท่านั้นแหละครับ จากคุณ : Endbringer เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 20:50:36

ความคิดเห็นที่ 20 ขอพูดมิติเดียวนะครับ สภาพทาง ครอบครัว การศึกษา จิตวิทยา ของคนที่จะมาเป็นคนร้าย   เริ่มโทษที่ พ่อแม่ เป็นเบื้องต้น สังคมบริโภคนิยม พ่อแม่วุ่นอยู่กับหาเงิน     หรือออกสังคม(เช่นตั้งวงกินดื่ม วงเล่นไพ่ เป็นเบื้องต้น)ทำให้การศึกษา     อบรม ในทางดีๆจากครอบครัวมีน้อย ความอบอุ่นมีน้อย บ้างก็มีแต่ดุด่าว่าตบ     ตีตั้งแต่เด็กยังเล็กๆ แบบไม่มีเหตุผล เป็นเหตุให้เด็กก้าวร้าว เริ่มจากเกเรเพื่อน     ในโรงเรียน ที่จะมีปัญหาในอนาคตมากขึ้นอาจเริ่มจากขาดพ่อหรือขาดแม่ไป       คนใดคนหนึ่ง เพื่อนเป็นครูประถมบอกว่า 80 % ของเด็กที่โรงเรียนมาจาก      ครอบครัวแตกแยก นั่นคือ เด็กเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม มีอยู่มาก ขาด      การอบรม ขาดความรัก ขาดที่พึ่ง ขาดความอบอุ่น ไม่มีสมาธิในการเรียน      โตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็เริ่มมีแรงจูงใจไปสู่      แก๊งค์ สุรา ยาเสพติด ต่างๆ ในที่สุดก็เป็นคนร้าย .......................................................................................................     อีกจำพวกหนึ่งพ่อแม่เป็นคนร้ายอยู่แล้วส่งเสริมให้ลูกเป็นคนร้ายต่อไปอีก     ได้ยินมาว่ามีพ่อแม่ให้ลูกนำยาบ้าเข้าไปขายในโรงเรียน      ให้ลูกเป็นคนเดินส่งยา เป็นต้น ................................................................................................ มิติต่อไปน่าจะเป็น ปัญหาการศึกษาในโรงเรียน ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลทำให้เด็กเยาวชนเปลี่ยนไปเป็นคนร้าย แต่ผมว่าพ่อแม่ช่วยได้มากที่สุด ................................................................................................... มองโลกในปัจจุบันว่า ในสังคมใดๆก็ตาม มีบุคคล 4เหล่า 4จำพวก จากดีมากที่สุด ไปหาร้ายมากที่สุด ก็ต้องระวังตัวเองและคนในครอบครัว ให้ห่างความเสี่ยงจากคนร้ายเข้าไว้ ................................................................................................ ออ จะเป็นเมืองพุทธ ไม่พุทธ ไม่สำคัญครับ เมืองพุทธที่คนร้ายมีน้อยกว่าเราก็มี เมืองไม่ใช่พุทธ ที่คนร้ายมากกว่าเราก็มี จากคุณ : swn99 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 21:01:55

ความคิดเห็นที่ 21 เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ (เห็นด้วยกับคุณตุ้ม-ฉิงๆ ว่า จขกท.น่าจะสมัครอมยิ้มได้แล้ว) เห็นบางท่านให้ความเห็นว่า อาชญากรรมที่เกิดในสังคม ทุกคนควรรับผิดชอบมันร่วมกัน ใช่ครับ นั่นคือหลักการที่ ตรงเผง เลยทีเดียวครับ  และเป็นนโยบายของรัฐบาลหลัง รธน.๒๕๔๐  เป็นต้นมา  เน้นมากครับ แต่...ถ้าจะให้ประชาชนทุกคน ร่วมรับผิดชอบ ในอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ว่าทุกคนก็มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะ กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอาชญากรรม เรายังไม่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงครับ จริงอยู่ในปัจจุบัน มีการเผยแพร่ความรู้และจัดตั้งศูนย์"ยุติธรรมชุมชน"แทบทั่วประเทศ เช่น http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255106280080&tb=N255106 แต่ คาดว่าหลายๆท่านอาจจะไม่ทราบว่ามีศูนย์เช่นนี้ หรือ ไม่ทราบว่ามีไปเพื่ออะไร เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ และ น่าจะขาดการสนับสนุนจากรัฐ(งบประมาณนั่นแหละ) ภาระกิจของศูนย์ยุติธรรมชุมชน จึงอาจจะยังไม่เป็นผลเท่าใดนัก (คห.ส่วนตัว) ความจริง ผมมองว่า ถ้ากล้าๆลงทุนกับการแก้ปัญหาอาชญากรรมจริงๆ น่าจะหาทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากกว่านี้อีก เช่น  ในคดีอาชญกรรมร้ายแรง(เช่นอาจเป็นเรื่องจำคุก ๓ ปี ๕ ปี ขึ้นไป)  น่าจะให้มี ผู้พิพากษาสมทบเพื่อช่วยศาลในการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงในคดี ว่า เหตุเกิดอย่างไร เขาผิดจริงไหม ควรลงโทษไหมอย่างไร แค่ไหน  เป็นต้น การให้ประชาชนมีส่วนร่วมเช่นนั้น  จึงจะเป็นการให้เขาเข้ามา "มีส่วนร่วม" กับกระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง และ จะทำให้เขาเกิดความรับผิดชอบกับสังคมของเขาเองมากขึ้น ไม่ใช่เกิดอะไรขึ้นมา ก็เอะอะๆ โยนเรื่องให้แต่ บรรดาเจ้าหน้าที่ - ตำรวจ-อัยการ-ศาล-เรือนจำ-คุมประพฤติ-พินิจ  อีกต่อไปครับ การไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับกระบวนการยุติธรรมเท่าที่ควรอย่างทุกวันนี้  ปัญหาตามหัวข้อกระทู้  "รัฐ" จึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบไปเต็มครับ ว่า "รัฐ"ยังดูแลชีวิตทรัพย์สินของประชาชนไม่ดีพอ  ครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 21:03:49

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่รู้ว่าบลแมนจะมาอ่านอีกไหม หรือว่าใครก็ได้นะคะที่ให้ความกระจ่างได้ แต่อยากถามค่ะ ทำไมการพิพากษาบ้านเรากับเมกา ถึงต่างกันอ่ะคะ เคยดูพวกซีรี่หรือหนังนี่แหละ ในเมกาเค้าจะสุ่มเอาประชาชนเค้ามาเป็นคณะลูกขุนประมาณสิบสอง(อันนี้ไม่แน่ใจนะคะ เรากะเอา) แต่ทำไมบ้านเราไม่ทำอย่างนั้นบ้าง มีข้อจำกัดอย่างไรเหรอคะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 21:37:40

ความคิดเห็นที่ 23 #3 คุณยิ่งใหญ่มาจากไหนหรือครับ? ถึงได้เที่ยวไล่ให้คนนู้นคนนี้ไปเสียจาก ประเทศนี้ เพียงเพราะแค่ถามหาความรับผิดชอบ!!! สันดาน!!! เราหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นชาวพุทธ ที่ถือหลักของความเมตตา ไม่ เว้นแม้แต่กระบวนการยุติธรรม แต่ถามใจท่านจริงๆ ว่ากระบวนการยุติธรรมนี่ มันยุติธรรมกับประชาชนตาดำๆจริงหรือเปล่า? โจรที่ปล้น ฆ่า ข่มขืน ในบ้านนี้เมืองนี้มีเป็นร้อยที่ถูกจับดำเนินคดี แต่ถามว่ามี กี่คนที่ถูกตัดสินประหารให้ตายตกไปตามกัน? ที่เห็น ถูกลดหย่อนให้แค่จำคุก ตลอดชีวิต!!!แต่ความเป็นจริง ตลอดชีวิตจริงหรือ? ใครไม่ใช่ญาติ พี่ น้องของผู้เสียหาย ไม่มีทางรู้สึกถึงจิตใจของคนเหล่านี้หลอก ครับ ว่ารู้สึกอย่างไร!!! จากคุณ : cwd 1 (cwd 1) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 23:22:11

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่าปัจจัยหลายอย่าง และสามัญสำนึกของคนไทยและนักการเมืองไทย ยังห่าง จากเมกามากครับ ไหนจาจิตสำนึก การศึกษา นักการเมืองยังมีพฤติกรรมเดืม คอย  รับเงินจาก ผุ้มีอิทธิพลหรือนายทุน ทีสนับสนุนพรรคที่สำคัญเป็นนักธุรกิจที่เล่นการ เมืองจริงอยู่สามารถทำได้แต่ ไม่ใช่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และเครือญาติ การได้มาซึ่งอำนาจ มาจากการ ลงทุนซื้อ พรรคการเมืองและ สส เพื่อ  ให้ได้เสียงข้างมาก และอ้างว่าเป็นความชอบธรรม ว่าเป็นรัฐธรรมนุญ แค่นี้ก็แตก ต่างจากเมกามากแล้วครับ เคยเห็นการใช้ชีวิตของประชาชน ใช่มั้ยครับ ยังมีการเชื่อ  สิ่งผิด ไสยศาสตร์ กราบไหว้ในสิ่งที่งมงาย อบายมุข การพนัน ฝังในสายเลือด ยังดี น่ะครับ ที่เรายังเป็นเมืองพุทธ ถ้าไม่ใช่ผมว่า จาวิบัติมากกว่านี้หลายเท่าครับ เอาหลัก  ความจริงมาพูดกันดีกว่าครับ ต่างก็เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม สิ่งที่น่าจาให้ ความสนใจ คือให้การศึกษาอย่างทั่วถึงก่อนสิครับ แล้วถึงจาทำได้อย่างเมกา จากคุณ : ทามากิ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 23:24:23

ความคิดเห็นที่ 25 ก็บ้านเมืองเรามันแย่อาชญากรรมก็เย่อะผู้ใหญ่ก็ห่วยแตกเด็กเกรียนก็แย่ะ แถมนับวันประเทศชาติยิ่งถอยลงๆ จากคุณ : farmville เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 00:17:33

ความคิดเห็นที่ 26 ลืมบอกไปไทยเมืองพุทธอะไรๆก็อ้างว่าไทยเมืองพุทธเดี๋ยวนี้ไม่อยากจะเข้าวัดเลยพระ เจ้าเสื่อมหมด เห็นมือถือสากปากถือศีลกันเย่อะแยะ จากคุณ : farmville เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 00:20:00

ความคิดเห็นที่ 27 ให้สงสัยว่าคนที่ชอบไล่ให้คนไทยไปอยู่ประเทศอื่นน่ะ ตัวเขาเองอาจจะเป็นผู้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ จากคุณ : เจ๊ติ๋ม (jindawong) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 10:27:09

ความคิดเห็นที่ 28 การทีเราอยู่ในบ้านเดียวกัน    เกิดบ้านไม่สะอาด แล้วคนในบ้านพูดว่า    บ้านไม่สะอาดเลย แล้วเราจะไล่เขาไปอยู่ทีอื่น   หรือเราจะช่วยเขา ทำความสะอาดบ้าน   ครับ จากคุณ : ชัย (lakdee) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 10:33:24

ความคิดเห็นที่ 29 มี วัด ดีๆ ที่เข้าไปได้โดยไม่ต้องพกเงินไปใช้แม้แต่บาทเดียว อาจต้องค้นหานิดหน่อย แต่คน น่ะ หมกมุ่นดิ้นรนแต่ทำมาหากิน เลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว บ้าง เลยไปถึงแก่งแย่งกันทำมาหากิน เพื่อให้ได้มาซึ่ง วัตถุ ในสังคมบริโภคนิยม บ้าง บ้างแข่งขันเอาเปรียบคดโกง กันบริโภค ตามคำ โฆษณา ตามกระแสร์ เทรนด์ ในสังคม อย่าโทษวัดกับพระเลยครับ พระที่ดี วัดที่ดี มีอยู่ครับ ที่ไม่ดีช่างเขาไป (บุญบาปอยู่กับตัวเขาเอง) ย้ำอีกนิด พ่อแม่เป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุด ที่จะสกัดกั้นความเป็นผู้ร้ายของคนแต่ละคนที่จะเตลิดไปเป็นคนร้าย เริ่มจากการอบรมบ่มนิสัย ความเข้าใจที่จะอบรม อดทนที่จะอบรม ทำความเข้าใจ ทำแล้วทำอีก รวมทั้งความอดทนที่จะทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก เป็นต้น ต้นทางที่สุดที่จะสกัดกั้นความเป็นคนร้ายออกไป เด็ก วัยรุ่นเยาวชน คนร้ายทุกคน เคยเป็นเด็ก ถ้าลองเข้าไปศึกษาวิจัยคนร้าย คิดว่า ความมีปัญหาในครอบครัวจะเป็นต้นตอแรกๆครับ  จากคุณ : swn99 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 10:44:33

ความคิดเห็นที่ 30 เหนื่อย หน่าย เบื่อ แทนที่จะดีขึ้น มีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จากคุณ : dangbee เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 11:23:03 A:119.46.92.46 X: TicketID:122790

ความคิดเห็นที่ 31 แค่เราทำตัวเราเองให้ดีที่สุด  ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ถ้าทุกคนทำได้แบบนี้มันก็สงบแล้วค่ะ จากคุณ : เกล็ดขนมปัง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 12:05:44

ความคิดเห็นที่ 32 เราว่า กฎหมาย ควรต้องเข้มงวดกว่านี้   ไม่ต้องไปไกล ที่ไหน ประเทศ เพื่อนบ้านเรา สิงคโปร์ มาเลย์ แค่ยาบ้า เม็ดเดียว หรือยาไอซ์ จำคุกตลอดชีิวิต ปืนไม่สามารถพก ไปไหนได้ การซื้อขายปืน เป็นเรื่องเข้มงวดมาก และที่สำคัญ ลูกคนมีเงิน หรือไม่มีเงินเวลา ทำผิดต้องเสมอภาคกันหมด จากคุณ : onlycat เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 12:36:12

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณ    แต่ละแนวทาง   แต่ละความคิดเห็น   ของท่านผู้ไม่นิ่งเฉยต่อแนวทางการพัฒนาเพื่อประเทศชาติและสังคม หวังไว้ว่า...สักวันหนึ่ง  ไทยเมืองพุทธ  คงจะมีคดี  ปล้น ฆ่า ข่มขืน  ยาเสพติด ลดลงไปจากสังคมไทยบ้าง คนทำผิดกฏหมาย  คงเกรงกลัวและละอายต่อบาปบ้าง กฏหมาย  ถูกนำมาใช้ลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ประเทศไทยเราคงอยู่เย็นเป็นสุขยิ่ง ๆ ขึ้นอย่างแน่แท้ จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 21:26:09

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่แปลกใจครับ สมกับคำที่ว่า  "นี่หรือเมืองพุทธ" จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 54 22:28:33

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ จขกท เขียนได้ตรงใจมากๆค่ะ   "ไทยเมืองพุทธ"  แน่ใจหรือ  หรือเป็นเพียงแค่คำอ้างเท่านั้น  หรือไม่ก็เป็นเพียงแค่ กรอกลงไปในเอกสารราชการว่านับถือศาสนาอะไรเฉยๆ  แต่หาปฏิบัติตามแนวทางของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ คิดย้อนไปตอนสมันเรียนประวัติศาสตร์ สมัยช่วงที่มีกฏหมาย "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ฟังดูออกแนวโหด  แต่ก็ได้ผลที่ทุกคนกลัวกันมาก   สมัยนี้ก็เพราะอาศัยช่องว่างของกฏหมาย จึงเป็นแบบนี้  หรือพอจะมีกฏหมายแรงๆออก มา  ก็มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ออกมาเดินขบวนกันเต็มไปหมด   บางประเทศ แค่ทำบ้านเมืองสกปรก พ่นสี  ถ่มน้ำลาย ก้เคี่ยนประจานกันแล้ว  ผลเป็น ไง บ้านเมืองสะอาด มีระเบียบมากๆ  ย้อนกลับมาดูที่เดิมๆ  เวลาเดินต้องระมัดระวังว่าจะ ไปเหยียบอะไรเข้า บางความคิดเห็นในนี้อ่านแล้ว แปลกดี  ที่สามารถไล่ใครต่อใครไปประเทศอื่นได้  คุณ จขกท อยุ่ในประเทสนี้ต่อไปดีแล้วค่ะ  อยากให้มีคนแบบนี้มาร่วมกันรณรงค์กันให้ มากๆ  แม้จะเป็นเพียงความคิดในใจที่ยากจะบอก  ประเทศใคร ใครก็รัก และอยากจะ เห็นสิ่งดีๆเดกิดขึ้นก้เท่านั้น จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 02:24:01

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ จขกท อยากให้ gift แต่ให้ไม่ได้ค่ะ เอาเป็นว่า vote แทนให้แล้วกันค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 02:26:54

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น หากใครโดนเค้าหาว่าเป็นกรรม เดินเหนียบขี้หมาริมถนนก็เป็นกรรม กินข้าวริมถนนรถวิ่งผ่านลมพัดวูบหอบเอาฝุ่นผสมขี้มาลงก็เป็นกรรม เดินตกท่อที่ทางการลืมปิดไว้ก็เป็นกรรม ทางเท้ามีให้เดินไม่ใช้ จะไปสร้างสกายวอล์คก็เป็นกรรมของคนเสียภาษี จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 09:42:56

ความคิดเห็นที่ 38 โดยส่วนตัวคิดว่า เมืองพุทธหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับจิตสำนึกของผู้คนที่อยู่ร่วมกัน เพราะถ้าจะวัดกันตรงที่ศาสนาหลักของประเทศ ก็ต้องพูดยาวไปถึงว่าคนส่วนใหญ่เข้าถึงหลักพุทธแท้ หรือแก่นธรรม กันแค่ไหนอีก การที่คนบังคับใช้กฏหมายมีความหย่อนยานและใช้ช่องว่างของกฏหมายอำนวยประโยชน์แก่ตนเอง มันก็ต้องอยู่ที่ว่าผู้คนภายใต้บทกฏหมายยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ บ้างก็ตัดบทกันง่าย ๆ ว่ามันเป็นธรรมเนียม ๆ ที่ต้องจ่าย และ แน่นอนมันก็เป็นธรรมเนียมที่ต้องรับ  ทุกการกระทำเป็นวงจร ถ้าไม่ทำการตัดโซ่ที่เชื่อมต่อวงจรนั้น มันก็วนกันเป็นแบบเดิม ส่วนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ถ้าจำแนกแต่ละเรื่อง ๆ ไป หลายเรื่องมีมูลเหตุมาจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม เรายอมรับสังคมวัตถุนิยมและบริโภคนิยมมากเกินไปและอย่างรวดเร็ว อิทธิพลจากฐานความคิดผิด ๆ ที่ต่างรับกันเข้ามา ส่วนหนึ่งจากโลกตะวันตก คนรุ่นกลางและรุ่นใหม่ถูกปลูกฝังให้ยกย่องความทันสมัย ทำให้สังคมกลายเป็นมุ่งเน้นการพัฒนาเปลือกมากกว่าแก่นของความเป็นมนุษย์ นั่นคือ สภาพความคิดและจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการทำสังคมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ให้ปกติสุข สำหรับทางแก้ไข โดยความคิดเห็นส่วนตัว คือ เริ่มจากครอบครัว ตัวเองก่อนนี่แหล่ะ ประเมินว่าตัวเองมีส่วนทำให้สังคมผุกร่อนหรือไม่ ตย.เช่น เราเป็นคนฟุ้งเฟ้อและทำให้คนใกล้ตัวเป็นวัตถุนิยมด้วยหรือไม่ แล้วลองตรองดูว่า ระดับการเป็นวัตถุนิยมของเราส่งผลเป็นลูกโซ่อย่างไรบ้าง ถ้าไม่มากเกินไปและควบคุมมันได้ ก็ไปมองตรงจุดอื่น คือหาสิ่งที่อาจเป็นต้นเหตุของปัญหาต่อ ๆ ไป และดึงมันออกมา จากนั้น ถ้าตัวเองหรือคนใกล้ตัว เป็นคนที่บังคับใช้ กม. หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อสำเหนียกถึงความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น ต้องหาทางป้องกันหรือแก้ไข ตย. เช่น ถ้าเราเองเป็นคนที่บังคับใช้ กม. แต่เราก็ยังอยู่ในวังวนของการคอรัปชั่น ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และยอมให้มันเป็นไป ก็เท่ากับเรากำลังรักษาวงจรนี้ให้คงอยู่ ด้านการปลุกจิตสำนึก เรื่องนี้อาจต้องใช้เวลานาน เหมือนการหว่านเมล็ดพันธฺุ์ ยิ่งเร็วยิ่งดี และหล่อเลี้ยงไปเรื่อย ๆ เริ่มจากตัวเองเช่นกัน ทบทวนจิตสำนึกตนเอง และหาทางพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า ใครก็คิดได้ แต่สิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การคิด มันสำคัญที่ปฏิบัติ ความเป็นไปของสังคมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เหมือนจุดเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกัน ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน เรียกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว จากคุณ : ottillie เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 17:16:14

ความคิดเห็นที่ 39 เมืองไทย ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่พุทธครับ ขอเรียกว่าพวกไร้ศาสนาดีกว่า คนที่เป็นพุทธจริง มีนิดเดียว จากคุณ : tanakeme เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 20:19:34

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่าในประเทศเราส่วนใหญ่ ไม่ใช่พุทธนะ เพราะที่ผมเคยเรียนมา พวกที่สักแต่ว่ากราบไหว้ ไหว้นู่น นี่ นั่น มั่วไปหมดมันไม่น่าใช่แนวทางของพุทธล่ะมั้ง(ผมก็ไม่ได้เป็นพุทธแหละ) จากคุณ : หมูคุงMk.II เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 04:39:16

ความคิดเห็นที่ 42 ขออนุญาต  เว้นวรรคให้คุณ  ปอ ottillie  ค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่า เมืองพุทธหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับจิตสำนึกของผู้คนที่อยู่ร่วมกัน เพราะถ้าจะวัดกันตรงที่ศาสนาหลักของประเทศ ก็ต้องพูดยาวไปถึงว่าคนส่วนใหญ่เข้าถึงหลักพุทธแท้ หรือแก่นธรรม กันแค่ไหนอีก การที่คนบังคับใช้กฏหมายมีความหย่อนยานและใช้ช่องว่างของกฏหมายอำนวยประโยชน์แก่ตนเอง มันก็ต้องอยู่ที่ว่าผู้คนภายใต้บทกฏหมายยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ บ้างก็ตัดบทกันง่าย ๆ ว่ามันเป็นธรรมเนียม ๆ ที่ต้องจ่าย และ แน่นอนมันก็เป็นธรรมเนียมที่ต้องรับ  ทุกการกระทำเป็นวงจร ถ้าไม่ทำการตัดโซ่ที่เชื่อมต่อวงจรนั้น มันก็วนกันเป็นแบบเดิม ส่วนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ถ้าจำแนกแต่ละเรื่อง ๆ ไป หลายเรื่องมีมูลเหตุมาจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม เรายอมรับสังคมวัตถุนิยมและบริโภคนิยมมากเกินไปและอย่างรวดเร็ว อิทธิพลจากฐานความคิดผิด ๆ ที่ต่างรับกันเข้ามา ส่วนหนึ่งจากโลกตะวันตก คนรุ่นกลางและรุ่นใหม่ถูกปลูกฝังให้ยกย่องความทันสมัย ทำให้สังคมกลายเป็นมุ่งเน้นการพัฒนาเปลือกมากกว่าแก่นของความเป็นมนุษย์ นั่นคือ สภาพความคิดและจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการทำสังคมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ให้ปกติสุข สำหรับทางแก้ไข โดยความคิดเห็นส่วนตัว คือ เริ่มจากครอบครัว ตัวเองก่อนนี่แหล่ะ ประเมินว่าตัวเองมีส่วนทำให้สังคมผุกร่อนหรือไม่ ตย.เช่น เราเป็นคนฟุ้งเฟ้อและทำให้คนใกล้ตัวเป็นวัตถุนิยมด้วยหรือไม่ แล้วลองตรองดูว่า ระดับการเป็นวัตถุนิยมของเราส่งผลเป็นลูกโซ่อย่างไรบ้าง ถ้าไม่มากเกินไปและควบคุมมันได้ ก็ไปมองตรงจุดอื่น คือหาสิ่งที่อาจเป็นต้นเหตุของปัญหาต่อ ๆ ไป และดึงมันออกมา จากนั้น ถ้าตัวเองหรือคนใกล้ตัว เป็นคนที่บังคับใช้ กม. หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อสำเหนียกถึงความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น ต้องหาทางป้องกันหรือแก้ไข ตย. เช่น ถ้าเราเองเป็นคนที่บังคับใช้ กม. แต่เราก็ยังอยู่ในวังวนของการคอรัปชั่น ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และยอมให้มันเป็นไป ก็เท่ากับเรากำลังรักษาวงจรนี้ให้คงอยู่ ด้านการปลุกจิตสำนึก เรื่องนี้อาจต้องใช้เวลานาน เหมือนการหว่านเมล็ดพันธฺุ์ ยิ่งเร็วยิ่งดี และหล่อเลี้ยงไปเรื่อย ๆ เริ่มจากตัวเองเช่นกัน ทบทวนจิตสำนึกตนเอง และหาทางพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า ใครก็คิดได้ แต่สิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การคิด มันสำคัญที่ปฏิบัติ ความเป็นไปของสังคมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เหมือนจุดเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกัน ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกัน เรียกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 11:26:43

ความคิดเห็นที่ 43 คนไทยไม่ใช่พุทธค่ะ  คนพุทธสอนว่า  เราไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่นทั้งด้วย กาย วาจา ใจ  แต่คนไทยส่วนมากไม่ใช่  เป็นพุทธตามทะเบียนบ้าน   เพราะคิดว่าอะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์แก่ตัวเองก็ทำ  โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่นหรือสังคมหรือไม่   เป็นพุทธที่สอนกันมาผิดๆ  สอนให้ทำบุญเพื่อจะได้ๆๆๆๆ  ยิ่งทำยิ่งเพิ่มความโลภ  ก็เลยยิ่งขาดความยั้งคิดกันมากขึ้น  เพราะมีแต่ความโลภนำจิตใจ  แล้วยิ่งละคร เราขอโทษละครอย่างมาก  เพราะทำกันแต่ละคร appi  มีแต่ความอิจฉาริษยา  การได้คนอื่นเอาคนนี้  เป็นต้นแบบที่เลวทรามอย่างยิ่ง  วัดส่วนมากก็มีส่วนรับผิดชอบในความไม่รู้ผิดชอบ  เพราะเอาแต่เงิน จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 12:53:31

ความคิดเห็นที่ 44 เรียน คุณแม่จากัวร์ : )))))     ขอบคุณนะคะที่ช่วยมาทำใหม่ หายใจคล่องขึ้นเยอะ กลับมาอ่านเองยังเกือบขาดใจเหมือนกันค่ะ อิอิ..ยังไง ลบออกไปเลยได้มั้ยคะ เก็บไว้ที่อ่านง่ายอันหลังอันเดียวพอ ของคุณแม่จากัวร์ที่แต่งแล้วน่ะแหล่ะค่ะ จากคุณ : ottillie เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 14:29:43

ความคิดเห็นที่ 45 เจ้ากระทรวงดูแลทุกข์สุขประชาชนแข็งซะที่ไหนล่ะ จากคุณ : gsdza เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 16:43:34

ความคิดเห็นที่ 46 ทุกคนแหละควรรับผิดชอบ เห็นโจรปล้น ฉกชิงวิ่งราว ก็เสียสละเป็นหูเป็นตาหรือไปเป็นพยานหน่อยสิคะ ไม่ใช่เอาไปพูดๆๆๆๆหลังเหตุการณ์จบแล้ว แต่พอเจ้าทุกข์ขอให้ไปเป็นพยานหน่อยก็รีบปฏิเสธกลัวลำบาก เห็นคนตีกัน คนถูกทำร้ายก็ยืนเฉยๆ คอยมุงดูเพราะกลัว แต่ก็อยากรู้อ่ะ ทำไงได้ เห็นคนทำผิดกฏหมาย ฝ่าไฟแดง ทิ้งขยะตามถนนก็เฉยๆ แถมตัวเองพอมีโอกาสทำได้ก็รีบทำ ฝ่าไฟแดงได้ยิ่งดีเวลาไม่กี่นาทีของเรามีค่าใช่ไหมคะ ผู้หญิงถูกข่มขืน ต้องระวังคอยดูแลคนรอบตัวด้วย เลี่ยงอย่าไปที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เพื่อนชายขอให้พาไปบ้านก็ไป ไปแล้วก็เสร็จสิ ใครมีลูกหลานพี่น้องผู้ชายก็ดูแลหน่อย อย่าให้ต่อมศีลธรรมบกพร่อง เห็นลูกหลานคบเพื่อนไม่ดีก็ต้องดึงออกมา อย่าไปให้ท้ายหรือรักลูกจนตาบอดมองไม่เห็นความเลว รู้ตัวอีกทีก็ต้องไปโรงพักเพราะลูกก่อคดี จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 17:40:13

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ ที่ทุกคนควรมีส่วนรับผิดชอบ แต่หากว่ามีอีกไม่น้อยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญและสนใจ     จึงเกิดปัญหาเหมือนทุกวันนี้ อยากให้ผู้มีอำนาจในประเทศ  ได้เอาปัญหาเหล่านี้ไปไปแก้ไขอย่างจริงจังเสียที จะปฏิรูปประเทศ  ใช่ว่าจะปฏิรูปแต่ด้านการเมือง     กฏหมาย  ที่ใช้บังคับคนในประเทศนี้  น่าจะได้รับการปฏิรูปเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยซ้ำไป คนไม่เกรงกลัวกฏหมาย   สังคมไทยถึงเป็นเช่นทุกวันนี้   หากท่านผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศได้เห็นความสำคัญคงจะเป็นความโชคดีของคนไทยไม่น้อย แล้วเมื่อไหร่  และใครจะเป็นผู้เริ่มต้น    คงเป็นสิ่งที่คนไทยได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ  กับความจริงข้อนี้ จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 19:09:06

ความคิดเห็นที่ 48 ไทยคือเมืองพุทธ คำนี้เป็นการสมอ้างเฉยๆ แท้จริง แล้ว ถ้าศึกษาดู ไทย ไม่น่า จะใช่พุทธศาสนาเลย ออก ไปทาง ฮินดู+พรามห์ สะมากกว่า แม้วัดเยอะก็ใช่ จะ เป็นเครื่องแสดงถึง พุทธศาสนา อะไรเพราะแนวทางใน ความเชื่อ ยังตกหรือ โดนครอบงำ ในลักษณะแบบ ฮินดู คือเชื่อในอัตตา เหตุผล ในความเห็นผม คิดว่า มันเขาไปเกี่ยวพันกับระบบการปกครอง ที่เป็นลักษณะ สมบรูณา ที่เชื่อว่าเทพยดา คือสิ่งที่ดีเหนือกว่ามนุษย์ ในทุกด้าน สมควรแก่การบูชา การกระทำใดๆของ เทวดา ถือว่าสมเหตุสมผล แม้กระทั้ง ชี้เป็นชี้ตาย ความเชื่อแบบนี้เป็นความเชื่อในการแบ่ง แยกชนชั้น อย่างมาก ใครๆก็ก็อยากเป็นเทวดาในลักษณะแบบ อัตตาลักษณ์ เพราะ เป็นเทวดาแล้วความรู้สึกอัตตาก็ ยิ่งใหญ่ ประกอบกับความเชื่อแบบนี้ มันชั่งเข้าจัง หวะ กับระบบทุนนิยมเสียเหลือเกิน เพราะการเป็นเทวดาอยู่ ในใจใครจะรู้ การแสดง ออกหรือการอวดตัวเป็น สันดานของมนุษย์อยู่แล้ว ได้ทุนนิยมส่งเสริม หรือ ผู้ใหญ่ ในบ้านเมื่องที่ร่ำรวยมากด้วยทรัพย์สิน มากด้วย อำนาจ มาเทศน์ให้ฟังประจำ ถ้า สังเกตุกลุ่มคนเหล่านี้ เราจะได้ยินถึงการสั่งสอนมนุษย์ด้วยกัน มากกว่าได้ยิน พระ สั่งสอนเสียอีก คนปกติทั่วไปก็คงมองเห็นว่าไอ้ พวกที่สั่งสอนทั้งเหล่านี้แท้จริงแล้ว คือคนรวย หรือ เทวดาประมาณนั้น แล้วมีเหตุผลใดที่คนจะไม่แสวงหา สิ่งนั้นๆ แล้ว ปัจจุบัน ประเทศนี้ก็เต็มไปด้วยเทวดาจอม ปลอม เมื่อ เทวดาจอมปลอมหรือ คน รวย เสียงดังทั้ง หลายทำตัวต่ำลงเรื่อยๆ เราก็จะได้เทวดาที่มีมาตรา ฐานต่ำลง เรื่อยๆ ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ประเทศไทยจะ เป็นอย่างนี้ ยังยืนยันประเทศไทยส่วน ใหญ่มีความเชื่อ เป็นฮินดู แต่ใช้คำพูดเป็นพุทธเท่านั้น ต้องทำให้ความ เชื่อเรื่องเทวดา ลดลง หรือ มีฐานะเท่ากันกับคนปกติ แค่สบายกว่าเหงื่อไม่ออกก็เท่านั้น ประเทศนี้ก็จะดีขึ้น เอง จากคุณ : pk_ray เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 20:08:28

ความคิดเห็นที่ 49 ศาสนาพุทธสอนว่าอย่างไร เราทำตัวอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่แค่จุดธูป ยกมือไหว้พระก็พุทธแล้ว เราใช่ศาสนาพุทธจริงหรือ... จากคุณ : เขียนบน iPhone (หมาน้อย 8gig) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:13:34