ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากมีที่นาที่อยู่ติดกับนาของคนอื่นและทางโจทย์ที่ยื่นฟ้อง เค้าใช้ทางนี้ผ่านไปทำนาของเค้าเป็นประจำ แต่ที่ดินนี้ก็มีฉโนดอยู่แล้วและคนที่ผ่านเส้นทางนี้ก็มีแค่ไม่กี่คน ซึ่งเค้าสามารถใช้เส้นทางอื่นได้ แต่ทางเราก็ให้ผ่านทางได้เพียงแต่ว่าไม่ให้ทำถนนตัดผ่าน แต่ทางโจทย์ไม่ยอมจะฟ้องให้เป็นทางสาธารณะเค้า ก็เลยยื่นฟ้อง ตอบ ถ้าคุณเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดถูกต้องตามกฎหมายการที่คุณให้เขาผ่านก็เป็นบุญคุณมากแล้วครับ  ที่จริงแล้วในโฉนดฉบับที่คุณเป็นเจ้าของอยู่มีระวางชัดเจน เขาเข้ามาในที่ของคุณไม่ต้องทำถนนหรอกครับแค่เดินผ่านเขาก็เรียกบุกรุกแล้วครับ ในคำฟ้องสรุปแบบนี้ค่ะ คือจะให้ที่ดินนี้ตกเป็นทางสาธารณะหรือภาระจำยอม และห้ามจำเลยเข้าขัดขวางหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างได และให้จำเลยจดทะเบียนภาระจำยอมตามกฎหมาย ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ให้เอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยในการจดทะเบียน และให้จำเลยชดใช้ค่าธรรมเนียมและค่าทนายแทนโจทย์ ตอบ คำฟ้องนะครับไม่ใช่คำสั่งศาล ต้องรอคำสั่งศาลครับ จะมากล่าวอ้างลอยๆแบบนี้ไม่ถูก  แต่เป็นเรื่องปกติที่ในคำฟ้องเขาจะเขียนทุกอย่างให้ได้เปรียบมากที่สุด ให้เรากลัวมากที่สุดแม้กระทั่งเรื่องค่าทนายความซึ่งถ้าเป็นที่ดินมีกรรมสิทธิถูกต้องตามกฎหมายไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยครับ ถ้าเราไม่เซ็นภาระจำยอมก็ถือว่าให้เอาคำพิพากษาของศาลเลยใช่มั๊ยคะ ที่ดินนี้ก็มีฉโนดและถ้าเราไปบอกกับชั้นศาลว่าที่ดินนี้ก็มีทางเข้า 2ทางเพียงแต่ว่าไม่อยากให้ทางตรงนี้เป็นทางสาธารณะ ศาลจะพิารณารึเปล่าคะ ตอบ คุณไม่ประสงค์จะยกที่ดินแปลงนี้ให้เป็นสาธารณประโยชน์ก็ไม่ต้องเซ็นภาระจำยอมครับ ถ้าเซ็นไปก็เรียบร้อยถ้าจะสู้คดีไม่ได้ตัดสินกันที่ 1-2 วันหรอกครับอาจจะใช้เวลาเป็นปีและสุดท้ายคำพิพากษาของศาลเป็นที่สิ้นสุดถ้าไม่พอใจก็สามารถอุทรณ์ได้แต่ที่คุณบอกว่าที่ดินมีทางเข้า 2 ทางเนี่ย ในโฉนดที่คุณมีในนั้นได้ระบุไหมครับว่าเป็นภาระจำยอมทางเข้าทั้ง 2 ทางถ้าแบบนั้นก็เหนื่อยหน่อยเพราะทางนั้นสามารถอ้างได้ว่าโฉนดที่ดินมีภาระจำยอมให้ใช้ทางผ่านได้ทั้ง 2 ทาง ตอนนี้เราจ้างทนายแต่ได้ไปขึ้นศาลครั้งนึงแล้วค่ะ แต่ทนายกลับบอกว่าให้ทางเรายอมความ ทั้งๆที่ตอนแรกบอกว่า มีสิทธิ์ชนะ90% เราก็เลยจะหาทนายใหม่ หรือว่าเค้าได้อ่านคำฟ้องแล้วรู้ว่า ยังงัยก็ไม่ชนะคดีก็เลยให้ยอมความ กรณีแบบนี้เราต้องแพ้อย่างเดียว ไม่มีทางอื่นเลยใช่มั๊ยคะ.. ตอบ ศาลท่านตัดสินตามพยานและหลักฐานที่มีในการประกอบการพิจารณาคดีครับ ในกรณีนี้ถ้าเป็นภาระจำยอมทางเข้าทั้ง 2 ทางก็แสดงว่าสามารถทั้งเข้าและออกได้ทั้ง 2 ทางครับ แต่คุณต้องเข้าใจคำว่าภาระจำยอม กับ สาธารณประโยชน์นะครับ ภาระจำยอมคือยินยอมให้ผ่านโดยอาจจะระบุว่าอนญาตให้ใครผ่านได้บ้างแต่สาธารณะประโยชน์เนี่ยทั่วไปเลยนะครับถ้ามีงบประมาณอาจจะเทถนน ทำท่อระบายน้ำ และอื่นๆได้ครับ จากคุณ : Magicianred_01 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 17:08:23

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นแห่งคดีมีดังนี้ ๑ ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่ ๒ ทางพิพาทเป็นการได้มาซึ่งภาระจำยอมหรือไม่ ถ้า ๑ ไม่ใช่ทางสาธารณะซึ่งประชาชนใช้ร่วมกัน ประเด็นนี้หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นที่ดินของเอกชน จำเลยย่อมแพ้คดีในประเด็นนี้ ๒ หากที่ดินนี้โจทก์เจตนาใช้อย่างเปิดเผย และเจตนาให้ได้มาซึ่งภาระจำยอมโดยอายุความ ต้องไปพิสูจน์กันต่อว่า จำเลยหวงห้าม หรือ มีการอนุญาตกันหรือไม่ หรือใช้โดยพละการ หรือว่าใช้โดยอาศัยสิทธิอย่างอื่น ถ้าหากว่า ประเด็นเรื่องที่ ๒ เรื่องภาระจำยอมนั้น ต้องได้ความว่า โจทก์ใช้ทางนี้มาแล้ว โดยสงบและโดยเปิดเผย เจตนาให้ได้ภาระจำยอม เป็นเวลาเกิน ๑๐ ปีแล้ว จำเลย(จขกท)ย่อมแพ้คดีในส่วนนี้ โดยไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนภาระจำยอม แต่ถ้าหากว่าเจตนาใช้อย่างภาระจำยอม แต่ไม่ครบองค์ประกอบการได้มา ศาลย่อมยกฟ้องในส่วนนี้ไปครับ เรื่องทนายนั้น ไม่ขอออกความเห็นครับ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 17:36:36

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วแต่เห็นสมควรถ้าที่นามีทางผ่านที่นาก็มีราคาเพิ่มขึ้นครับทางผ่านสัก2เมตรคงไม่ทำให้เสียผืนที่เท่าไหร่มั้งครับถือว่าใช้รวมกันดีกว่าฟ้องร้องขึ้นศาลที่นาพ่อผมก็เหมื่อนกันต้องยอมซื้อทางเข้าตัดมาจากถนนเข้าที่นาแล้วมันก็เป็นทางผ่านให้กับที่นาใกล้เคียงโดยปริยายแต่ก็คุ้มครับมีถนนเข้าที่นาสะดวกสบายไม่เหมือนแต่ก่อนถ้าคนอยู่รวมกันอย่างมีความสุข จากคุณ : th21 เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:37:57

ความคิดเห็นที่ 4 คำพิพากษาฎีกาที่ 8463/2542                          โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2 กับบุคคลอื่นอีก 2 คน เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 13399 เนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 10 ตารางวา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 33998 เนื้อที่ 8 ไร่ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดูแลที่ดินแปลงดังกล่าวแทนจำเลยที่ 1 เมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว คนในที่ดินของโจทก์ทั้งสองใช้ทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะโดยผ่านที่ดินของนางสาวพรทิพย์ เกตุสุวงศ์ นายประสิทธิ์ สุนทรวิภาต และจำเลยที่ 1 โดยทางที่ผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 ยาวประมาณ 150 เมตร กว้างประมาณ 2.40 เมตร ตลอดแนว การผ่านทางใช้กระบือลากล้อเลื่อน ต่อมาใช้รถไถนาลากรถสาลี่บรรทุกข้าว ตลอดจนใช้เป็นเส้นทางให้รถบรรทุกเข้าออกในการติดต่อซื้อขายข้าวเปลือกและปุ๋ย โดยไม่มีใครห้ามปรามและไม่ต้องได้รับอนุญาตจากใครทางดังกล่าวจึงตกเป็นทางภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสอง            นอกจากนี้บุคคลอื่นที่มีที่ดินและบ้านอยู่ติดทางพิพาทหรือถัดจากที่ดินของโจทก์ทั้งสองรวมทั้งพ่อค้าที่นำรถบรรทุกเข้ามาซื้อข้าวในที่นา ต่างก็ใช้ทางพิพาทมานานกว่า 50 ปี โดยจำเลยที่ 1 และเจ้าของที่ดินคนก่อน ๆ ไม่หวงห้ามหรือสงวนสิทธิใด ๆย่อมถือว่าเป็นการอุทิศให้สาธารณชนได้ใช้ผ่านเข้าออก ทางพิพาทจึงมีฐานะเป็นทางสาธารณะด้วย            ต่อมาเมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคม 2537 จำเลยที่ 2โดยความรู้เห็นยินยอมของจำเลยที่ 1 นำเสาปูนไปปักลงประมาณกึ่งกลางทางพิพาทและขุดทางพิพาทในส่วนที่อยู่ในเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ออกโดยเฉลี่ยกว้างประมาณ 1.60 เมตร ทำให้โจทก์ทั้งสองและบุคคลอื่นไม่สามารถใช้ทางพิพาทได้สะดวกเช่นเดิม อันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งทางพิพาทลดลงหรือเสื่อมความสะดวกและเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง            ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันรื้อถอนเสาปูนออกจากทางพิพาทดำเนินการให้ทางพิพาทมีสภาพใช้การได้เช่นเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนสิทธิภาระจำยอมทางพิพาทในที่ดินโฉนดเลขที่ 33998 หากจำเลยที่ 1 ไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 20:00:15 จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:54:29

ความคิดเห็นที่ 5 คำพิพากษาฎีกาที่ 1011/2545                    โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกันโจทก์ใช้ทางพิพาทเข้าออกที่ดินของโจทก์มานานกว่า 10 ปี ไม่มีบุคคลใดคัดค้าน ต่อมาจำเลยได้รื้อเสารั้วแนวเขตเดิมแล้วนำมาปักไว้ในทางพิพาท ทำให้ทางพิพาทแคบลงเป็นเหตุให้โจทก์ใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกที่ดินของโจทก์ไม่ได้ตามปกติ ขอให้จำเลยรื้อถอนเสารั้วออกไป แม้โจทก์ระบุในคำฟ้องผิดพลาดว่า เป็นทางภารจำยอมก็ไม่ใช่สาระสำคัญถึงขนาดที่จะทำให้คำฟ้องเสียไป ส่วนทางพิพาทที่ถูกต้องจะเป็นทางอะไรนั้น เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องปรับข้อเท็จจริงเข้ากับตัวบทกฎหมายเอง ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะได้ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:55:59

ความคิดเห็นที่ 6 คำพิพากษาฎีกาที่ 7475/2548                     การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ส. เจ้าของที่ดินยกทางเดินให้ที่ดินเป็นทางสาธารณะ โจทก์ทั้งห้าใช้ทางพิพาทเป็นทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ทั้งห้าสู่ทางสาธารณะเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ที่ดินของโจทก์ทั้งห้ามีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ทางพิพาทจึงเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินของโจทก์ทั้งห้า ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือทางภาระจำยอมหรือทางจำเป็นนั้น แม้จะเป็นการแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า ทางพิพาทเป็นทางสามประเภทดังกล่าว แต่ก็ได้แสดงลักษณะของการเป็นทางในแต่ละประเภทนั้นไว้ และฟ้องดังกล่าวมีคำขอให้บังคับเกี่ยวกับทางพิพาทประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงประเภทเดียวในจำนวนนั้น ซึ่งทางพิพาทจะเข้าลักษณะเป็นทางประเภทใด ย่อมขึ้นอยู่กับการพิจารณารับฟังข้อเท็จจริง หากได้ความว่าทางพิพาทเป็นทางประเภทใด ศาลย่อมพิพากษาและบังคับตามคำขออย่างหนึ่งอย่างใด ตามที่พิจารณาได้ความ ทั้งจำเลยก็ให้การปฏิเสธฟ้องโดยสิ้นเชิงว่า ทางพิพาทไม่ได้เป็นทางทั้งสามประเภทดังกล่าวอันเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจฟ้องโจทก์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 19:57:14

ความคิดเห็นที่ 7 ยิงมันทิ่มแล้วฝังไว้ที่มันโลดครับ ยากหลาย จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 01:49:53

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆนะ ซึ่งเป็นประโยชน์มาก แต่ที่ดินนี้มีแค่บางคนที่ใช้ผ่านทางเฉยๆ คนส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ได้ใช้ เพราะถ้าจะฟ้องให้เป็นทางสาธารณะไม่น่าจะได้น่ะค่ะ และ มันเป็นที่ดินที่มีเจ้าของมีฉโนดและก็ไม่ติดทางสาธารณะแต่อย่างใด ในฉโนดมันก็ไม่ได้บอกว่าตรงใหนเป็นทางเข้า เพียงแต่ว่าเราเห็นเค้า เป็นเพื่อนบ้านกันก็เลยให้ผ่าน ถ้าผ่านไปมาเฉยๆก็ได้ แต่เค้าเอาที่ตรงนี้ เป็นทางสำหรับเค้าสัญจรไปมาโดยจะทำถนนตัดผ่านซึ่งเราไม่ให้ทำแบบนั้น จากคุณ : boonyisa (Boonyisa) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 11:02:58

ความคิดเห็นที่ 9 ในเมื่อเรามีโฉนด ยังต้องกลัวอีกเหรอครับ ใบนั้นมันก็แค่กระดาษหลอกเด็กเท่านั้นเอง อ้างศาลให้ทำนู้นนี่แต่จริงๆต่อให้เราแหกกฎยังไงมันก็ทำอะไรเราไม่ได้อยู่ดี เรื่องกฎหมายต้องใจถึงครับ ไม่มีอะไรให้น่ากลัว คดีไม่มีอะไรมาก แค่เล็งจุดอธิบายให้ถูกกับแสดงหลังฐาน ถ้าผมพูดแค่ 2 ประโยค  2กระบวนท่าก็ชนะคดีแล้วครับ มองจุดตายให้ออกแค่นั้น จากคุณ : PromZero เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:49:02

ความคิดเห็นที่ 10 ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าที่นั้นมีโฉนดหรือไม่ นะครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า คุณให้คนพวกนั้นผ่านเข้าออกในที่ดินของคุณ เป็นเวลากว่า10 ปีโดยที่คุณไม่ได้สงวนสิทธิ์อะไรเลยหรือไม่ ส่วนประเด็นว่าเป็นที่สาธารณะ ผมว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นครับ จากคุณ : ลองถามในเว็บกม.ดู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 15:37:52 A:192.168.35.75 X:223.25.193.178 TicketID:310435

ความคิดเห็นที่ 11 ฎ.2121/2533 ศ.ฎ.วินิจฉัยคำว่า "วิสาสะ" นั้นตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2493 วิเคราะห์ศัพท์ว่าความคุ้นเคย สนิทสนม การถือเป็นกันเอง ฉะนั้นการใช้สิทธิในทางเดินตาม ป.พ.พ.ม.1401 นั้น ต้องเป็นการใช้สิทธินำเอากรรมมาสู่ภารยทรัพย์ ดยได้นำมาโดยการปกปักษ์ จนครบกำหนดอายุความได้สิทธิ ตาม ป.พ.พ.ม.1382 การถือวิสาสะนั้นหากกระทำโดยถือฉันมิตร ย่อมไม่เข้าลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์ แม้หากจะใช้ทางโดยวิสาสะ ความคุ้นเคย ฉันมิตร แม้จะได้ใช้ทางเดินผ่านมากกว่า 10 ปี ทางพิพาทก็ไม่เป็นภาระจำยอม ลองเทียบเคียงดูครับ จากคุณ : 555 เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 15:49:09 A:192.168.35.75 X:223.25.193.178 TicketID:310435