อยู่มาวันหนึ่งผมก็เกิดมีชีวิตขึ้นมาผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมมีความรู้สึก ผมมีความคิด แต่ผมพูดไม่ได้
ผมไม่ต้องทานอาหารไม่ต้องสืบพันธุ์
ผมสามารถได้ยินในรัศมีไม่เกินสองเมตร
ผมคือโต๊ะอาหารในฟู๊ดเซ็นเตอร์ที่อาคารทีซีซีแห่งนี้
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ทุกๆ วัน
ระหว่างจันทร์ถึงศุกร์สถานที่แห่งนี้จะมีคนทำงาน
ออฟฟิศมากมายมาทานอาหารเที่ยงกัน ในช่วงระหว่างเวลา
เที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง
ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในละแวกใกล้เคียง
ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากคนเหล่านี้ไม่ซ้ำหน้าไม่ซ้ำเรื่อง หลากหลายรสชาด
วันนี้ลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่โต๊ะของผมวันนี้ผู้คนดูบางตาไป
------------------------------------
เนื่องจากด้านนอกฝนตกในห้องอาหาร ฟาสต์ฟู๊ดวันนี้เลยมีคนน้อยลงไปมาก
เจ้าโต๊ะสอดรู้สอดเห็นอย่างผมเลยพลอยหงอยเหงาห่อเหี่ยวไปด้วย
รอบ ๆ ตัวผมไม่มีผู้คนเลยมีแต่เจ้าโต๊ะเปล่าตั้งอยู่
วันนี้ผมคงจะไม่มีเรื่องน่าสนใจมาเล่า ให้คุณฟังแล้วกระมัง
ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ
ผมเลยชำเลืองมองดู
(อย่าสงสัยเลยนะครับว่ามองจากอะไร เพราะผมเป็นโต๊ะผมมีดวงตาที่ไม่เหมือนคนอย่างพวกท่านหรอกครับ )
ผมเห็นสุภาพสตรีอายุราวๆ 25 ปี สองคนแต่งตัวในชุดทำงาน
ดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในสีลม คนหนึ่งผมสั้น
อีกคนผมยาวทั้งสองมีถาดอาหารเข้าใจว่าจะเป็นมังสะวิรัติ
เพราะมีแต่ผักเต็มจาน
คนผมยาวนั่งลงก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า ใจเย็น ๆ น่าเล็ก ทานไปคุยไปก็ละกันนะ
น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่าเธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก
คน ผมสั้นเอ่ยตอบว่า โอเค โอเคฉันเชื่อเธอกบ เพราะมีแต่เธอแหละที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง สาวผมสั้นค่อย ๆ บรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้าๆ พร้อมๆ
กับเอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า ฉันละเซ็งคุณแดงสามีของฉันเหลือเกิน
หากฉันจะลิสท์ (list) คุณสมบัติยอดห่วยของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย
หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ กลับบ้านค่ำ แถมเอางาน กลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร ดูแต่เคเบิ้ลทีวี เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบเก็บกวาดบ้านด้วยตนเอง ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ ทีกับลูกน้องตัวเองละก็ ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก เฮ้อ
เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ
เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ
กบเธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี
ทำไมไม่เห็นบ่นเรื่องสามีของเธอเลย เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ
ฉันอิจฉาเธอจังเลย
กบเอ่ยตอบ
เล็กฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกันเมื่อสองสามปีที่แล้ว
วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหว ด้วยสายเลือดเลขามืออาชีพของฉันซึ่ง
เหมือน ๆ กับเธอนี่แหละ ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่ารายการ
ความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร เธอรู้ไหมว่าฉันได้กี่ข้อ
เล็กรีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น กี่ข้อละ
กบตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สามสิบสองข้อ เท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยละ
เล็กกลั้นหัวเราะไม่อยู่ข้าวในปากกระเด็นออกมา โชคดีที่เธอทานคำไม่โต
เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆนะ หึ ..หึ ..หึ
กบ เล่าต่อ เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่ากลับบ้านแล้วฉันจะส่งรายงานชิ้นเอกให้สามีของฉันดู เพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉันซึ่งอายุ เพิ่งห้าสิบเอง
คุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกัน
ลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำซึ่งถือว่า
เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้ คาดคิดมาก่อน
ป้าฉันตกใจมากเธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน
ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ เมื่อฉันไปถึงงานศพ
ฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า
เมื่อไปถึงคุณป้าก็ซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ก็ดีใจ ที่พบหน้าฉัน
เราสองคนนั่งคุยกันสักพักคุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ต สองสามแผ่นออกมา
แล้วก็ส่งให้ฉันดู ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่านในกระดาษนั้น
มีข้อความดังต่อไปนี้ .. "
เธอบรรยายข้อความใน กระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อ
''ถึงสามีที่รัก
วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอด เวลาสิบห้าปีที่เราอยู่ด้วยกัน
ฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอด จนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป
เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเราฉัน พบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดี ๆ
ของเธอไปมากมาย''
กบเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า
ในกระดาษโน๊ตนั้นคุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุง
ไว้นับร้อยข้อพอฉันอ่านจบ น้ำตาของฉันก็นองหน้า
ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า
''ป้ารู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดีๆ เหล่านี้ในระหว่างที่คุณลุงของหนู
ยังมีชีวิตอยู่หลาน ..
.. อย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนละ''
ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า
มีคนจำนวนมากที่เมื่อคนรักของตนจากไปแล้ว
ค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่หลุมฝังศพ
หรือจัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดีแต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน
ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่กับได้ยินแต่สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของเขา
คิดได้อย่างนั้นฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมา
แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที
พอเจอหน้าสามีฉันก็กระโดดกอดเขาเลย
เสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสาธยายคุณความดีทั้งหลาย ของเขาว่ามีอะไรบ้าง
สามีฉันมีสีหน้าแปลกใจเล็กๆ แต่ว่าท่าทีเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น
และเอื้ออาทรกับฉันขึ้นมาทันที ฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก
หากเรารักใครแล้วเราบอกสิ่งที่ดีของเขาให้เขาได้ยิน
เขาก็จะรักเราตอบและบอกสิ่งที่ดีตอบกลับมา
สามีฉันก็เผยความในใจถึงข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน
ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึงรายการจุดอ่อนของคนที่เรารัก
ฉันคิดว่าเราควรจะรักเขา อย่างที่เขาเป็นแหละ
อย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ที่แตกต่างกับเราเลย
ความรักที่แท้จริงก็คือ รักที่ไม่มีเงื่อนไข
คือ การที่เรารักเขาแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร
จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ดีของเขาซะเราก็จะมีความสุข
เขาก็จะมีความสุข
กบเล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ
เล็ก ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่
ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอ
ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อยู่ ๆ เล็กเอ่ยขึ้นว่า
ขอบใจมากจ๊ะกบฉันว่าเรารีบกลับ ออฟฟิศเถอะ ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย
มีข้อดีของเขาอีกมากที่ฉันควรจะบอกเขา"