ผมถูกผู้หญิงฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหาย เรื่อง บุตร ทั้งๆที่เลิกรากันมานาน 5 เดือนแล้ว
ผมอายุ 22 ปี ผู้หญิง 18 ปี
1.คือทางผู้หญิง คนนี่ได้เข้ามาจีบและ ขอเป็นแฟนด้วย เมื่อเดือน มิถุนายน 2010 แต่เนื่องด้วย ผุ้หญิงเป็นคนเจ้าชู้ ผมสามารถจับ ได้ถึง 2 ราย ใน สาม เดือน
2. เธอ ไมได้อยู่กินกับผมเพียง แค่ไปมาๆ เสาร์ อาทิตย์ จนพักหลังเดือน พฤศจิกายน 2010 ฝ่ายหญิงพยายามตีตัวออกห่าง ปลายเดือน ผมจึงตัดสินใจ ขอบอกเลิก และเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และ ไม่มีการติดต่อ กันอีก ทั้งๆที่ฝ่ายหญิงก็รู้ที่อยู่ ของผม และ ทางบ้าน ดี
3. ตราบจนเดือน เมื่อเดือน มีนาคม 2011 วันที่ 3 ฝ่ายหญิงโทรมาทางแม่ผมว่า ต้องการ เงินจำนวน 50000 บาท ค่าเสียหายว่า ท้องกับผม
แต่แม่ผมบอกว่า ในเมื่อเลิกรากันก่อน ที่จะรู้เรื่อง ควร รอจนกว่าจะสามารถ ตรวจ dna ได้ จึงค่อยมาคุยกัน หรือ ถ้ามีความจริงใจ ควร มาพูดคุยเรียกร้องมากกว่าการโทรศัพท์
4. ฝ่ายหญิง โทรมาเพียงครั้งเดียว และ ไม่มีการติดต่อ มา อีก จน เมื่อ วันที่ 16 มีนาคม 2011 ฝ่ายหญิงได้ sms มาข่มขู่กับแม่ผมทำนองว่า ถ้าไม่ ยอมจ่าย จะทำการ แจ้งความ ฟ้องศาส และ เรียกร้องมูลมิธิ
5.จนล่าสุด ฝ่ายหญิง ได้ส่ง จดหมาย สำเนา ใบแจ้งความ มาว่า ได้เรียกร้องค่าเสียหายจากผม เรื่องที่ ทำเขาตั้งครรภ์ แต่ใน ข้อเท็จจริง ยังไม่มีการพิสูจน์
------------
ในส่วนของทางครอบครัวผม
1. ในขณะคบกันช่วงเดือน มิถุนา 2010 - พฤศจิกายน 2010 ผมไม่ทราบเรื่องใดๆว่า ผู้หญิง ตั้งครรภ์ รวมถึง กับ ฝ่ายหญิงมีพฤติกรรม ชู้สาว นอกใจผม และ จับได้ รวมถึง ยอมรับผิด ต่อผม ถึงสองครั้ง
2. ทางฝ่ายหญิง รอจน ท้อง 6 เดือนแล้ว ถึงค่อยติดต่อมาเพียงครั้งเดียว แล้วใช้ คำพูด พยายาม ข่มขู่ว่า ถ้ายินยอม จ่าย จะไม่ฟ้อง
3. ทางฝ่ายหญิง ไม่มีความจริงใจ ที่ จะ ให้เกิดการพิสูจน์ หรือพูดคุยใดๆ เพราะ ไม่มีการติดต่อใดๆเลย นอกจาก โทรศัพท์ 1 ครั้ง และ sms 1 ครั้ง รวมถึง ล่าสุด วันนี้การส่งสำเนาใบแจ้งความร้องเรียกค่าเสียหาย มาทางผม
4. ผมยอมรับเคยมีสัมพันธ์กันจริง แต่ ได้มีการป้องกัน โดย ฝ่ายหญิง กินยาคุม
5. ฝ่ายหญิง มีพฤติกรรม ชู้สาว และ จับได้ มีการยอมรับผิดจริงในช่วงเวลานั้น รวมถึง ช่วงที่เวลาที่เลิกลากัน ฝ่ายหญิงเป็น ฝ่าย ปิดเครื่อง และ บอกเลิกผมก่อน
7. ฝ่ายหญิงมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะ มีการมุ้งเน้นเรื่องของเงิน ค่าเสียหาย แต่ ไม่ได้ สนใจหรือพูดถึง ประเด็น ข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ คือ พูดในวันนี้ ต้องได้ อีก สาม สัปดาห์ ไมได้ ก็แจ้งความ ซึ่งผมมองว่า
ฝ่ายหญิง ไม่เคยมีการ เข้ามาพูดคุย ติดต่อ หรือ ร้องเรียนใดๆมาก่อน ถึงเวลาต้องการ ถึงจำนวนเงิน ใช้ วิธีข่มขู่ เรียกเอาจาก ผู้เป็น แม่ ของผม
ไม่มีการติดต่อมาหาผม ที่อยู่ผม ที่เคยมา แต่อย่างใด
8. ผมมองว่า ผู้หญิงมีเจตนาที่ ไม่ ดี แต่ ครอบครัว และ ถือว่ าเป็นการเรียกร้องค่าเสียหาย จาก สิ่งที่ ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้
***
จึงขอเรียนสอบถาม ผู้รู้ทางกฏหมายทุกท่านครับ ว่า
ทางออกที่เป็นไปได้ ของปัญหา ทำนองนีิ้
ทางครอบครัวผมควรรับมืออย่างไร
ปล.ครอบครัวผมและเขา ฐานะ ปานกลางเท่าๆกัน มีเงินสู้คดีกันทั้งสอง
ผมยอมรับได้ หาก พิสูจน์ออกมาแล้วใช่ลูกผมจริงๆ และยินดีรับผิดชอบตามแต่ ศาลจะเห็นเหมาะควร
แต่ ในกรณีเช่นนี้ เท่ากับว่า ไม่มีความเป็นธรรมต่อ ฝ่ายผู้ชาย เนื่องด้วย ไม่มีการ ติดต่อ มาพูดคุยกัน ของฝ่ายผู้เสียหาย รวมถึง ฝ่ายผมก็เห็นตาม พฤติกรรมของฝ่ายหญิง ก่อนเลิกรากันแล้ว เห็นสมควรว่า ควรรอถึงความจริงใจจากปากฝ่ายหญิง แต่ ไม่มี กลับ เรียกร้องเป็นเม็ดเงิน
ทางครอบครัวตัดสินใจจะสู้คดีถึงที่สุด แต่ขอคำแนะนำแนวทางเพิ่มเติมครับ
*********
ทิ้งท้าย
ผู้หญิงดีๆก็มีเยอะครับ แต่คนเราทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ แน่นอน เป็น ความจริงทีหลีกหนีไม่พ้น ทั้งๆที่เลิกรากันมานานกว่า 4 เดือนแล้ว แต่ฝ่ายหญิง กลับ มาเรียกร้องในภายหลัง ซึ่ง มอง ตามข้อเท็จจริงทาง สังคมแล้ว ก็จะเห็นได้ ว่า ฝ่ายหญิงเอง ในระหว่างที่หายไปใช่ว่า ผมมีคนเดียว และ การที่ ท้ายที่สุดมาเรียกร้องเอากับผู้ชาย
แน่นอนครับผู้ชายย่อมรับผิดชอบ แต่ ต้องกล้าพิสูจน์ ความเป็นจริงครับ
ครอบครัวผม ไม่ใช่ คนบ้านนอก หาเช้ากินค่ำ จะมารังแกเรียกร้องกันด้วยเงิน ในทันทีทันใด ไม่มีการเจรจา ไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ท่านๆ มีความเห็นกันเช่นไรครับ
กรณียอมความได้ ก็บัญญัติไว้ชัดเจนแล้วใน ในมาตรา 283 ทวิ วรรคสี่ ให้ยอมความได้เฉพาะเป้นการกระทำแก่ผู้เยาที่อายุกว่า 15 ปี >> แต่ฝ่ายหญิง ไม่มีการติดต่อ เพื่อไกล่เกลี่ย หรือ เข้ามาพูดคุย แต่อย่างใด กลับมี ท่าทีข่มขู่ และ ระบุถึงจำนวนเงินเท่านั้น
ปล.ฝ่ายตัวผู้หญิง ได้การลงบันทึกประจำ ไว้เป็นหลักฐาน ว่า ขอเรียกร้องค่าเสียหาย จาก ฝ่ายชาย เนื่อง กล่าวว่า ฝ่ายชายที่คบหาดูใจกันได้ มีการละเลย ต่อสิ่งเหล่านี้
ยังไม่ได้มีการแจ้งความ เอาผิด โดยผู้ปกครอง แต่อย่างใด
ขณะ นี้ ฝ่ายหญิงเรียกร้องแนบจดหมายไกล่เกลี่ย ต้องการเงินเพียงอย่างเดียว
ควรทำอย่างไรดีครับ
ทิ้งท้ายแบบ ติดตลกนิดๆ
อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ผมไม่ยอมรับ ต่อ สิ่งที่ได้กระทำไปจริงสิครับ ผมแค่สงสัยเรื่องเด็ก นะครับ จะให้ชดใช้เพราะไม่รู้ ว่าใครเป็นพ่อเด็กมันก็กระไรอยู่นะ
บางคนอาจจะคิดว่าคุณทำเองก็ต้องยอมรับสิ แต่ กรณีนี้ผมอาจจะผิดในฐานะโดนผู้เยา พรากก็ได้นะครับ ซึ่ง กฏหมาย มันมีช่วยเหลือผมไหมนั่นสิ
ส่วนคนจะมาว่าผมกลัวหนี กลัวหาทางรอด นั้น อยากให้ จริงใจในการวิเคราะห์รว่มนะ ถ้าเกิดขึ้นกับ ครอบครัวท่าน ตัวท่าน จะ ใช้วิธีไหนก็ว่าคุยมาแช มาได้ครับ
จะมากล่าว ทำนองให้รับกรรมไปซะ ก็รบกวน ให้ใช้ความเห็นโพสอย่างเป็นประโยชน์ นิดนึงครับ
มองอะไรหยาบๆ ก้ไม่ต่างอะไรกับ ฝ่ายนั้นหรอกครับ
**************
สุดท้ายความตั้งใจ จริงๆของ จขกท
เรื่องนี้ผมเคารพกฏหมายครับ แต่ ผมอยากจะแฝงข้อคิด และ อยากให้ตัวเองเป็นบทเรียนให้หลายๆคนด้วย
เรียนตามตรงไม่อยากให้มีการ ใช้ ช่องทาง ของกฏหมาย มาเอาชนะ กัน ซึ่งผลที่ตามมา มันย่อมไม่คุ้มเสีย ไม่ว่าฝ่ายใด ก็ตาม ซึ่ง เรียนตามตรง ผมและครอบครัวไม่มีจิตใจ มุ่งหวังเช่นนั้น
***จึงอยากให้ทุกความเห็น มาใน ทิศทางเชิงสร้างสรรค์ มากกว่า การมา หา กล่าวหาว่าความกัน หรือ ตอกย้ำ กันนะครับ ผมน้อมรับ แต่ ขอ ในเชิงสร้างสรรค์ และ ปฏิบัติได้จริงนะดีกว่านะครับ
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 21:20:42
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 19:22:44
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 15:42:13
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 15:02:09
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 15:01:29