ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเอาเฉพาะเงินสดไม่แน่ กลุ่มคนจนอาจมีมากกว่า แต่คนรวยสุดในประเทศไทย เขามีที่ดินมากมายมหาศาล ต่อให้ทั้งประเทศรวมกัน ก็ยังสู้เขาไม่ได้เลย จากคุณ : เสี่ยสมก๊อบ เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 20:48:30

ความคิดเห็นที่ 2 บางคนเขารวยหุ้น รวยที่ดินครับ เริ่มแรก หุ้น ละ ๑๐ บาท ผ่านไป ๑๐ ปี กิจการเจริญก้าวหน้า กลายเป็น หุ้นละ ๒๐๐ บาท มูลค่าเพิ่มตั้ง ๒๐ เท่า รวบครับรวย แต่ต้องขายหุ้นก่อนนะ ไม่งั้นก็ไม่มีเงินครับ (ฮ่า...) แต่ ฐานะปานกลางนี่ขนาดไหนแหละครับ คนรู้จักผม แกมีบ้านหลังใหญ่ รถ ๒-๓ คัน กิจการใหญ่โต แกยังบอก แกฐานะปานกลางอยู่เลย -*- จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 20:53:55

ความคิดเห็นที่ 3 5 คน ต่อ 65 ล้านกว่าๆ มันจะมีทรัพย์สินมากกว่าได้ยังไง 5 คน มีคนละ หนึ่งแสนล้านบาท รวมเป็น 5 แสนล้านบาท (หนึ่งแสนล้านบาทมากกว่าที่ เขามีกันอีกนะ) 5 แสนล้านบาท หารด้วย 65 ล้านคน ตกคนละ 76923 บาท แล้วย้อนนึกถึงตัวเองดูว่า ในบัญชีและทรัพย์สิน เรามี เงินมากกว่า 76923 บาทไหม 555+ ยังไงๆ 5 อันดับแรก มันก็ต้องมีเงินน้อยกว่า 65 ล้านคนรวมกันอยู่แล้ว 5 อันดับแรกที่รวยที่สุดในประเทศไทย มันกินกันวันละเท่าไหร่ 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 21:36:07

ความคิดเห็นที่ 4 #๓ มีอยู่ ๖ พันนิดๆครับ -*- จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 23:58:11

ความคิดเห็นที่ 5 รวยกันจริงจริ้งขอผมยืมแบบไร้ดอกซักแสนนึงดิแค่ 1 ในล้านเอง ผมว่าคนชั้นกลางชั้นล่างไม่มีหนี้ก็บุญกะลาหัวแล้วนะ แล้วไอ้พวกหนี้ท่วมหัวเนี่ยต้องเอาไปติดลบด้วยหรือเปล่า 5 คนแรกมีคนละแสนล้านเหรอ ผมว่ามีมากกว่านั้น แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 02:12:07 จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 01:04:03

ความคิดเห็นที่ 6 คห 3 ครับ 65 ล้านคน รวมเด็ก รวมจนจรจัดมั้ยครับ เด็กมีตังคนล่ะเท่าไหร่อ่ะครับ ตอนนี้ผมมีติดตัวสองรอย ใครใจดีเลี้ยงมาม่า ผมหน่อยครับ จากคุณ : dust su เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 01:55:15

ความคิดเห็นที่ 7 เฉลี่ยๆ ครับ 555+ หมายถึงสินทรัพย์ด้วยนะ 555+ บางทีเด็กเกิดมาก็มี มรดก ตกท่อกันแล้วนะ 555+ เกิดมาก็รวยกว่าเราแล้ว จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 08:27:36

ความคิดเห็นที่ 8 ยกมือว่า 1  ใน 65  ล้านคน มีไม่ถึง 1 พัน  จร้า       จากคุณ : ultraman_nineseven เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 09:54:04

ความคิดเห็นที่ 9 ผมคิดว่า ถ้าคนฐานะปานกลาง - จน     (พวกนี้หละ ส่วนใหญ่ จะใช้จ่ายเงินหมุนเวียนคล่อง เงินสะพัด) และถ้าหากไม่อุดหนุนธุรกิจคนรวย คงจะไม่รวยถึงทุกวันนี้หรอก   (ตั้งแต่เริ่มแรก  กระทั่งรวยติดอันดับ  แล้วก็นั่งกินดอกเบี้ยสบาย ๆ) จากคุณ : หนุ่มหมวกฟาง เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 54 23:27:45

ความคิดเห็นที่ 10 คุยกันเล่น ๆ แล้วไม่คิดแก้ไขกันหรือครับ ที่ดินว่างเปล่าในเมืองมีราคาสูงขึ้น ๆ จนเป็นล้าน ๆ เพราะเจ้าของที่ดินทำอะไรให้มันเพิ่มมูลค่าขึ้นมาหรือ ? หรือเป็นเพราะกิจกรรมของชาวเมืองส่วนรวม รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกสบายความรวดเร็วในการติดต่อธุรกิจ การขนส่งสินค้าถึงกัน ที่จัดทำโดยภาษี และธุรกิจที่หวังกำไร ? ระบบภาษีของเราและแทบทั่วโลกสวนกลับทาง 180 องศากับที่ควรเป็นมานานแล้ว คือรังแกผู้ทำงานและผู้ลงทุนก่อผลผลิตและบริการ แทนที่จะส่งเสริม เช่น ขั้นที่ 1 ภาษีเงินได้ภาษีกำไรไปลดรายได้ ภาษีการผลิตการค้าทำให้ของแพง แข่งต่างชาติก็ยาก ขั้นที่ 2 การเก็บภาษีที่ดินในอัตราต่ำ ทำให้มีการเก็งกำไรสะสมที่ดินกันทั่วไป ราคา-ค่าเช่าที่ดินแพงเกินจริง ซึ่งไปลดผลตอบแทนส่วนที่เหลือสำหรับเจ้าของปัจจัยการผลิตอีก 2 ปัจจัย คือ ผู้ใช้แรงงาน (กาย+สมอง) และผู้ลงทุน ให้ต่ำเกินจริงลงไปอีก ยิ่งเป็นการถ่วงการก่อผลผลิตและบริการ ขั้นที่ 3 ที่ดินที่กักตุนไว้โดยไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ ทำให้ที่ดินที่จะใช้ประโยชน์ได้ของชาติลด แรงงานและทุนพลอยหางานทำไม่ค่อยจะได้ ผลผลิตของชาติจึงต่ำกว่าที่ควร คนว่างงานมากขึ้น ค่าแรงยิ่งต่ำ ที่สาหัสคือคนจน ซึ่งยิ่งเดือดร้อน อ่อนแอ กลายเป็นเหยื่อนายทุนผู้จ้าง นายทุนเงินกู้ และผู้หลอกลวงอีกต่อหนึ่ง ขั้นที่ 4 การเก็งกำไรกักตุนที่ดิน ผสมกับสาเหตุทางการเงิน ยังก่อวิกฤตวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่ ทำความเสียหายใหญ่หลวงซ้ำซากเป็นระยะ ๆ เรื่อยมา บริษัทล้ม คนว่างงาน ดังเช่นปี 2551-52 ในสหรัฐฯ และลามไปทั่วโลกจนถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีการเก็งกำไรที่ดินอย่างกว้างขวาง ก็ไม่มีการกู้เงินอย่างกว้างขวาง และไม่มีวัฏจักรราคาที่ดินที่เหวี่ยงตัวรุนแรง วิกฤตการเงินที่แผ่ลามทั่วโลกก็ไม่เกิด เก็งกำไรที่ดินมีในลัทธิที่ดินนิยม ที่ดินนิยมคือเชื้อแห่งความเสื่อม เป็นกาฝากร้ายมาตลอดในระบบของเราที่เรียกกันว่า "ทุนนิยม" เมื่อที่ใดเกิดความเจริญ มีสิ่งอำนวยความสะดวกดี ที่ดินก็ราคาสูง ยิ่งเกิดการเก็งกำไรที่ดิน ในที่สุดค่าแรงและผลตอบแทนทุนยิ่งต่ำ คนจนยิ่งเดือดร้อน นั่นคือ ความเจริญยิ่งเพิ่มความยากจน จนกว่าเราจะหันมาเก็บภาษีที่ดินแทนภาษีจากการทำงานและการลงทุนก่อผลผลิตและบริการ ถ้าเราแก้ไขระบบภาษีเสีย โดยมุ่งเก็บแต่ภาษีที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเก็บค่าการก่อความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อม พร้อมกับลด-เลิกภาษีการลงแรงลงทุนผลิตและค้าสินค้าและบริการชดเชยกันไป อาจทำเป็นโครงการระยะยาวสัก 30 ปี เพื่อมิให้เจ้าของที่ดินเดือดร้อนเกินไป ปัญหาสังคมต่าง ๆ จะลดลงมาก การหางานทำยาก ค่าแรงต่ำ ความยากจน จะแทบหมดไป อาชญากรรม ศีลธรรมเสื่อม ภัยโจรผู้ร้ายที่คุกคามคนรวยจะลดต่ำ ความต้องการการสวัสดิการจากรัฐจะเหลือเพียงน้อยนิด บทความที่เกี่ยวข้อง ผลดีและความเป็นธรรมของการมุ่งเก็บภาษีที่ดินและเลิกภาษีจากการลงแรงลงทุน http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=242&c=1 ผสมสองทฤษฎีสกัดวัฏจักรเศรษฐกิจฟองสบู่ http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=46&c=1 จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 54 15:58:30