ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะไ่ม่มีความรู้เรื่องกฎหมายและสัญญาต่าง ๆ แต่เวลาผมมีปัญหาก็ต้องหาผู้รู้ ทำไมไม่ไปปรึกษาทนายครับ มัวแต่มานอนกลุ้มใจมันไม่ช่วยอะไรเลย เอาสัญญาไปหาทนายโลดดด.. จากคุณ : โมน้อยกุ๊บกิ๊บ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 13:38:12

ความคิดเห็นที่ 2 เนื่องจากดิฉันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดขึ้นมาเพื่อใช้ในการนำเข้าส่งออกสินค้า และก็รับเหมาก่อสร้างด้วย (อ่านยาวหน่อยนะคะ) ดิฉันไม่ได้ทำก่อสร้างโดยตรงหรอกพ่อดิฉันทำอยู่นานแล้ว เลยรับงานให้พ่อดิฉันโดยบวกเพิ่มจากที่เขารับอยู่ปรกติ (บวกค่าหัวคิวเพิ่มโดยไม่ได้หักส่วนที่พ่อดิฉันเสนอมาแถมให้พ่อดิฉันเพิ่มอีกต่างหาก) ดิฉันได้ทำสัญญากับลูกค้าดิฉันโดยใช้รูปนิติบุคคลทำสัญญา (สัญญาเป็นสัญญาจ้างเหมาปลูกสร้างทั่วไป) แล้วให้พ่อดิฉันเป็นคนลงมือทำงาน มันเป็นความผิดพลาดของดิฉันเองด้วย ที่ดิฉันไม่ได้ทำสัญญากับพ่อดิฉัน และทำบิลในนามบริษัทให้พ่อดิฉันไปเก็บเงินเองทั้งหมด 3 งวดเป็นเงินกว่า 6 แสนบาท(ไม่ได้เอามาเข้าบริษัท เลยเก็บไว้ส่วนตัวแถมเอาไปออกรถใหม่อีก) ไม่รู้เป็นเพราะความโลภหรืออะไร พ่อดิฉันพูดให้ร้ายดิฉันกับเจ้าของบ้านว่า ตัวดิฉันทำอะไรไม่เป็นหรอก ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาหลอกๆเพื่อรับงานให้เขาแถมยังเอาเงินไปอีก งานที่เขาทำอยู่เขาเป็นคนลงทุนเองทั้งหมด จนดิฉันไม่สามารถไปเก็บเงินกับลูกค้าได้อีก เมื่อถึงงวดที่ 4 แถมลูกค้ายังขอดูหนังสือรับรองบริษัทดิฉันอีก ดิฉันเลยรู้ว่าพ่อดิฉันได้ให้ร้ายดิฉันไว้โดยเกลี้ยกล่อมลูกค้าให้จ่ายเงินที่กับพ่อดิฉันแล้วตัดดิฉันออกไป ดิฉันก็เลยแจ้งกับลูกค้าว่าดิฉันต้องการจะเปลี่ยนผู้รับเหมาช่วงเพราะว่าผู้รับเหมาคนนี้เป็นปรปักกับดิฉัน (ตามสัญญาข้อ 10.ผู้รับจ้างสงวนสิทธิ์ที่จะนำงานบางส่วนตามสัญญาฉบับนี้ไปให้ผู้อื่นทำได้ ทั้งนี้ผู้รับจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในงานก่อสร้างนั้นเองทุกประการเสมือนหนึ่งว่าผู้รับจ้างเป็นผู้ทำงานนั้น) แต่ผู้ว่าจ้างไม่ยอมบอกว่าดิฉันทำอะไรไม่เป็น (แต่ดิฉันสามารถหาผู้รับเหมาคนอื่นได้ เพราะเพื่อนเป็นวิศวกรอยู่ มีใบ กว.ถูกต้อง ที่ให้พ่อดิฉันทำก่อนเพราะเห็นว่าเขาเป็นพ่อ) เลยไม่เอาจะขอยกเลิกสัญญากับดิฉัน แล้วจะขอเงินมัดจำ 5% ด้วย ทั้งๆที่ดิฉันไม่ได้เป็นคนผิดสัญญา และอาจจะไปจับมือกับพ่อดิฉันด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่มีสัญญาข้อ 15.บอกว่า ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างผิดนัดชำระเงินงวดใดงวดหนึ่งตามที่กำหนดในข้อ 8. หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด หรือไม่สามารถดำเนินโครงการได้สำเร็จเสร็จสิ้นผู้รับจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที และให้กรรมสิทธิ์ในบ้านและสิ่งปลูกสร้างเป็นของผู้รับจ้างโดยไม่จำเป็นต้องคืนเงินค่าจ้างและค่าวัสดุสิ่งของที่ได้รับไว้แล้ว นอกจากนี้ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้รับจ้างด้วย เท่านั้นไม่พอไปป่าวประกาศกับคนที่บ้านดิฉันทุกคน (ปู่ ย่า อาโก อาม่า แม่ และพี่น้องดิฉัน) ว่างานนี้เป็นงานของเขา เขารับมาเองแล้วดิฉันจะมาหักหัวคิวกับเขา ทั้งๆที่ดิฉันเป็นคนเขียนเวปไซร์ รับงานเซ็นสัญญากับลูกค้าแล้ว ถึงพาพ่อดิฉันไปดูสถานที่และแนะนำให้ลูกค้ารู้จัก(บอกกับลูกค้าด้วยว่าต้องการอะไรเพิ่มสามารถแจ้งกับพ่อดิฉันได้เลย)  แล้วดิฉันก็ไม่ได้หักหัวคิวกับพ่อดิฉันด้วย ดิฉันบวกเพิ่มแถมยังเพิ่มตังให้เขาอีก ตอนนี้ดิฉันไม่ต้องการอะไรแล้วดิฉันต้องการแค่จะยกเลิกสัญญากับลูกค้าเท่านั้น พ่อดิฉันอยากได้ก็ให้เขาไป ไม่ฟ้องใคร แต่ดิฉันก็ไม่รู้ว่าดิฉันจะเสียเปรียบไหมถ้าดิฉันบอกเลิกสัญญาก่อน แล้วจะบอกเลิกสัญญาอย่างไรดีคะ ตอนนี้ก็ผ่านมา 1 เดือนแล้วค่ะไม่รู้จะทำยังไงนอนก็ไม่ค่อยหลับ ทะเลาะกับแฟนเกือบทุกวันเรื่องนี้  รบกวนผู้รู้ด้วยค่ะ ดิฉันจะขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ จากคุณ : ลูกไหม เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 13:40:59

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ช่วยแบ่งย่อหน้าให้ค่ะ..แบบว่าอ่านยาวๆ ติดๆ กันแล้วลายตา ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรเหมือนกัน ลองติดต่อทนายดูเลยไม๊คะ จากคุณ : ลูกไหม เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 13:41:50

ความคิดเห็นที่ 4 ด้าน กฏหมาย  เดี๋ยวผู้รู้คงมาตอบ ดีที่สุด  คง ปรึกษาทนายความ ดีกว่ามานั่งกลุ้มใจ     พ่อกับลูกน่าจะคุยกันได้ จากคุณ : แม่จากัวร์ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 13:53:30

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้ว งง หลายเรื่อง ขอถามนะคะ คุณเป็นคนทำสัญญากับลูกค้า โดยใช้ หจก. ของคุณ และคุณเป็นคนเซ้นสัญญา ใช่ไหม โดยเอาราคาที่พ่อเสนอ บวก ค่าใช้จ่ายแล้ว ใช้ราคา ของคุณในสัญญา ใช่หรือเปล่า แล้ว คุณเอางานไปให้พ่อ ทำ โดย ให้คุณพ่อ ลงทุนซื้อ วัสดุก่อสร้าง และค่าแรงเองหรือเปล่า หรือ คุณเป็นคนลงทุน คุณบอกว่า รับเงินมาแล้ว 3งวด แสดงว่า ต้องออกใบเสร็จรับเงินในนาม หจก. แต่คุณบอกว่า เงิน ค่างวด พ่อ เอาไปหมด แล้ว คุณ ออกใบเสร็จรับเงินแต่ไม่มีเงินเข้า บัญชีได้ยังไงค่ะ แลวคุณ บอกว่า งวดที่ 4 คุณพ่อ บอกลูกค้าว่า ให้จ่ายให้คุณพ่อเอง ก็ในเมื่อ 3 งวดแรก คุณพ่อก็รับเงินเองอยู่แล้ว คุณก็ไม่ได้เงินอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องเงิน มัดจำ 5 % โดย ปกติ งานก่อสร้าง จะหัก ไปในแต่ละงวด จนถึงงวดสุดท้าย เงินมัดจำก็จะหมดไปเอง ลูกค้า ขอ เลิกสัญญา คือไม่ทราบว่า คุณลงทุน อะไรบ้าง คุณพ่อลงทุนอะไรบ้าง ก็เลยงง ตอบไม่ถูกค่ะ เป็นการรับงานก่อสร้าง แบบที่ไม่เคยเห็นเลย ลองเล่าให้ละเอียด อาจจะ แสดงความคิดเห็นได้มากกว่านี้ ตอนนี้คุณก็อยากเลิกสัญา ลูกค้าก็อยากเลิกสัญญา ก็น่าจะคุยกันได้ จากคุณ : ข้าวสุก เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 14:12:16

ความคิดเห็นที่ 6 [color=Sienna][size=2]คนดี ต้องมีความกตัญญูกตเวที โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ คนดีพร้อมย่อมเป็นที่ยกย่องนับถือของคนทั่วไป ดังพระบาลีที่ว่า "ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี" (นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา) พ่อแม่ เป็นยิ่งกว่าเทพยดาของลูก เป็นผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดู ปกป้อง และให้การศึกษา แก่ลูกจนเติบใหญ่ ลูกที่เป็นคนดีจึงต้องกตัญญูกตเวทีรู้คุณพ่อแม่ ต้องระลึกอยู่เสมอว่า พ่อแม่ทำอะไร ต้องไม่มีความผิด ถึงหากพ่อแม่ทำอะไรผิด ลูกก็ต้องถือว่า  พ่อแม่ไม่ผิด หมายความว่า อย่าบังอาจตำหนิ หรือดุด่าพ่อแม่ ปัญหาตามกระทู้ ความจริงแล้ว จขกท. เพียงตั้ง หจก.ขึ้นมารับเหมาก่อสร้างแทนพ่อเท่านั้น แต่แรกหากมุ่งหวังเพียงว่า เป็นการช่วยทำธุรกิจของท่าน และช่วยให้พ่อมีงานทำมากขึ้น โดยไม่หวังผลตอบแทน ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อ ปัญหาก็ไม่เกิด และเป็นทางสว่างที่หลุดพ้นจากคำว่า “ลูกอกตัญญู” การบอกเลิกสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างครั้งนี้ เท่ากับประกาศสงครามกับพ่อและญาติพี่น้องของพ่อแม่ เงินค่าก่อสร้างสัญญาเดียวแค่ไม่กี่สตางค์ เล็กน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ ขัดแย้งกับพ่อด้วยเรื่องความโลภของ จขกท.  ถึงกับคิดจะแตกหักกับพ่อ และญาติพี่น้องพ่อแม่ จริงหรือ ขอแนะนำว่า ยอมลงให้กับพ่อ พูดคุยกับพ่อดี ๆ และยกผลประโยชน์สัญญานี้ให้กับพ่อไป เพื่อการเป็น “คนดี”[/size][/color] จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 15:21:17

ความคิดเห็นที่ 7 คุณคห.6 พ่อที่ดี ก็เลยทุบหม้อข้าวหม้อแกงลูกเสีย ด้วยการไปประจานลูกกับลูกค้าซะเลย ************** คุณจขกท. บอกเลิกสัญญากับลูกค้าซะ บอกว่า ถ้าจะให้พ่อเขาทำต่อก็ได้ เอาสัญญามาฉีกทิ้งกันต่อหน้าพ่อ และลูกค้าไปเลย เนที่รับไปแล้ว พ่อก็เอาไปหมดแล้ว ตัวใครตัวมันนะคะ เป็นพ่อลูกกันอย่างเดียวพอ อย่าเป็นคู่ค้ากันดีกว่า บริษัทของพ่อ เสนอราคา ตัดราคา ดักหน้าบริษัทของลูก มีเห็นเยอะแยะไป จากคุณ : แม่หอยหลอด เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 15:46:24

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาครอบครัวเลย จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 18:41:28

ความคิดเห็นที่ 9 หากท่านใดไม่คิดรักพ่อแม่ ไม่มีความกตัญญูกตเวที และไม่เห็นแก่ครอบครัวผู้ให้กำเนิด ก็ช่างเถอะ พ่อซึ่งอายุมากแล้ว น่าที่่จะได้พักผ่อน เราในฐานะลูกควรจะเลี้ยงดูท่านเสียด้วยซ้ำ มิใช่ให้ท่านต้องทำงานอยู่งก ๆ การเป็นคนดีนั้นทำยาก แต่การยอมลงให้กับพ่อ พูดคุยดี ๆ กับพ่อ และรักพ่อให้มาก ๆ ไว้ ทำไม่ยากหรอก. จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 21:34:53

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบความคิดเห็นที่ 5 ค่ะ ดิฉันเป็นคนทำสัญญากับลูกค้า โดยใช้ หจก. ของดิฉันเอง ซึ่ง หจก.นี้ดิฉันตั้งขึ้นเพื่อรับงาน พรีเมี่ยมกับธนาคารหรือบริษัทต่างๆที่สั่งทำสินค้าแจกค่ะ และดิฉันเป็นคนเซ็นสัญญาเอง โดยเอาราคาที่พ่อเสนอ (ซึ่งท่านก็รับงานกับคนอื่นเท่านี้) แต่เราก็เพิ่มให้ท่านอีกพร้อมบวกส่วนของเราอีกส่วนหนึ่งด้วยเพราะเซ็นสัญญาในนามบริษัทเรา โดยไม่ได้ไปตัดหรือต่อรองราคาในส่วนที่ท่านเสนอมาค่ะ (เราก็มีผู้รับเหมาคนอื่นที่สามารถให้เราคาเท่ากับหรือถูกกว่าพ่อดิฉันด้วยซ้ำ) ส่วนค่างวดนั้นท่านเก็บเองทั้งหมดเพราะเราออกใบเสร็จให้ท่านไป 3 งวด แล้วท่านก็นำไปซื้อของเอง เพราะดิฉันไม่มีเวลาที่จะไปทำตรงนั้นเลยแนะนำกับลูกค้าเราที่เซ็นสัญญาด้วยว่า ท่านนี้เป็นพ่อของดิฉันเองเวลาจ่ายเงินก็จ่ายกับท่านได้เลย หรือต้องการอะไรเพิ่มก็บอกกับท่านได้เลยเช่นกัน ความไว้ใจของลูกค้าเลยตกไปอยู่ที่พ่อของดิฉัน แล้วงวดที่ 4 ดิฉันไปเก็บเองก็ไม่ได้เพราะเขาน่าจะตกลงจ่ายกันเองกับเจ้าของบ้านแล้ว (โดนใส่ร้ายเยอะ) เขาทำอย่างนี้หมายความว่าไงคะ ตัดส่วนที่เราจะได้ออกหรือเปล่า โอเคดิฉันไม่เอาส่วนต่างตรงนั้นก็ได้ค่ะ แต่ทำไมดิฉันต้องมารับผิดชอบในสัญญาด้วยคะ เลยกำลังหาทางแก้ปัญหานี่แหละค่ะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (twure) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 02:43:39

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบความคิดเห็นที่ 6 ค่ะ       เราไม่ได้ตั้งบริษัทขึ้นมารับเหมาให้ท่านโดยเฉพาะนะคะ เรารับงานของเราอยู่ต่างหากแล้วค่ะไม่เกี่ยวกับงานของท่านเลย ดิฉันเข้าใจเรื่องความกตัญญูค่ะ ท่านอยากได้ก็ให้ท่านอยู่นี่ไงล่ะค่ะ แต่ทำไมจะต้องนำชือบริษัทของดิฉันไปรับรองท่าน ทั้งที่ดิฉันไม่ได้อะไรเลย ไม่ใช่ว่าอยากได้ แต่มูลค่างานประมาณ 2,500,000 คุณลองคิดให้ดิฉันหน่อยว่าดิฉันจะต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ค่า VAT 7% เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แล้วตอนจบงาน ถ้างานมีปัญหาใครเป็นฝ่ายรับผิดชอบคะ ขอให้คุณปรานยิ่งดี นึกถึงใจเขาใจเราสักนิดค่ะ เราไม่ได้ฟ้องร้องท่านนะคะ งานเราก็ยกให้ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (twure) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 02:56:27

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบความคิดเห็นที่ 9 ค่ะ    ลองอ่าน ความคิดเห็นที่ 11 ดูนะคะ ตอนนี้ท่านอายู 53 ค่ะและทิ้งแม่ไปมีเมียน้อยด้วย คุณคิดว่าเป็นยังไงค่ะ คุณปรานยิ่งดี จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (twure) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 03:00:47

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมบอกไปค่ะ ว่าหจก.ที่ก่อตั้งนี้เป็นของครอบครัวแฟนเป็นส่วนใหญ่ดิฉันมีหุ้นอยู่แค่ 5เปอร์เซ็นเองค่ะ ถึงทะเลาะกับแฟนทุกวันนี้งัยคะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (twure) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 03:18:03

ความคิดเห็นที่ 14 "ดิฉันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดขึ้นมาเพื่อใช้ในการนำ เข้าส่งออกสินค้า และก็รับเหมาก่อสร้างด้วย  ดิฉันไม่ได้ทำก่อสร้างโดยตรงหรอกพ่อดิฉันทำอยู่นานแล้ว เลยรับงานให้พ่อดิฉันโดยบวกเพิ่มจากที่เขารับอยู่ ปรกติ (บวกค่าหัวคิวเพิ่มโดยไม่ได้หักส่วนที่พ่อดิฉันเสนอมาแถมให้พ่อดิฉันเพิ่ม อีกต่างหาก)" อันนี้ระบุชัดเจนว่า ตั้ง หจก.ขึ้นมาเอง (ไม่เคยบอกว่าเป็นของครอบครัวแฟน) ไม่เลี้ยงดูพ่อ แล้วยังคิดหักหัวคิวจากแรงงานของพ่อ ไม่เคยบอกมาก่อนว่า  “พ่ออายุ 53 ทิ้งแม่ไปมีเมียน้อย”  เพิ่งอ้างขึ้นมาภายหลัง เพื่อแก้ตัว และเพื่อให้ตนไม่ต้องรับผิดชอบ หาก จขกท. ไม่ต้องการคำตอบที่แก้ปัญหาให้ได้ แต่ต้องการแตกหักกับพ่อ และก่อปัญหาใหม่ขึ้นไม่จบสิ้น ก็เรียนเชิญตามสะดวก ถ้าจะให้ดี ทีหลังจะถามอะไร ช่วยบอกธงคำตอบให้ด้วยว่า ต้องการอย่างไร คนตอบที่บริสุทธิ์ใจจะได้ไม่หลงเข้ามา. จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 11:03:40

ความคิดเห็นที่ 15 คุณปรานยิ่งดีอ่านหนังสืออกมั้ยค่ะ ว่าเราไม่ได้หักหัวคิวจากท่าน แต่เราบวกเพิ่มเข้าไปต่างหาก บอกไว้ตั้งแต่ต้นกระทู้แล้วค่ะ เราแจ้งว่าเราไม่ได้จะเอาหรือฟ้องร้องอะไรกับท่านเราแค่ต้องการยกเลิกสัญญากัลลูกค้าเท่านั้นแล้วให้เขาไปทำสัญญากันเองหรืออย่างไรก็แล้วแต่ตัวท่าน แค่เราไม่ต้องการเดือดร้อนกันทั้งครอบครัว ทั้งสามี ลูก ปู่ หรือย่าของหลานไม่ต้องมาเดือดร้อนด้วย เพราะตัวดิฉันคนเดียว ดิฉันให้งานท่านก็เหมือนให้เงินกับท่านเหมือนกัน มันเนรคุณตรงไหน แต่ที่ต้องการจะยกเลิกสัญญาเพื่อครอบครัวตนเองจะไม่เดือดร้อน (หรือคุณปรานยิ่งดีไม่มีครอบครัวหรือแยกทานกันแล้วคะถึงไม่เข้าใจในชีวิตคู่) และท่านก็ไม่ได้แก่มากตามที่คุณปราณยิ่งดีเข้าใจ ท่านยังเตะปีบดังอยู่เลย ไม่ได้มาแก้ตัวตามที่คุณเข้าใจ ถ้าคุณไม่ได้จะมาแนะนำคอยแต่จะมาด่าหาว่าเราเนรคุณโดยที่คุณไม่ได้อ่านข้อความทั้งหมด หรืออ่านหนังสือไม่ออกหรือแตกฉาน ขอความกรุณาว่าอย่าเข้าโพสอีกนะคะ ขอความกรุณาค่ะ (ภาษาไทยค่ะ) ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (twure) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 18:08:07

ความคิดเห็นที่ 16 ภาษาคนกับใครบางคนที่อยู่ติดต่ำถึงใต้ตม คงขุดไม่ขึ้นแล้ว จึงฟังไม่รู้เรื่อง การทำนาบนหลังคนก็นับว่าย่ำแย่ที่สุด  แต่นี่ทำนาบนหลังพ่อ ยังไม่รู้สึกตัว จะพูดแก้ตัวอย่างไรก็ตาม ผลสุดท้ายก็ไม่พ้น "หักหัวคิวพ่อ" กินแรงพ่ออยู่ดี "นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา" เพิ่งเข้าใจว่า ภาษาคน เค้ามีไว้สอนคนดีเท่านั้น จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 01:29:06

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเรียนเตือนด้วยความเศร้าใจ ถ้ายังไม่หยุดสามหาวและก้าวร้าว ผมจำเป็นต้องนำกระทู้นี้ ขึ้นตั้งใหม่ทุกวัน เพื่อย้ำเตือนให้ลูกรู้จักความกตัญญูู จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 01:47:28

ความคิดเห็นที่ 18 ปรานยิ่งดี ไม่มีความรู้ก็อย่าไปตอบกวน เขาเลย กตัญญูู ก็ส่วนกตัญญู นี่มันเรื่องกฏหมาย ไม่ทราบก็อย่า ส เลยค่ะ อยากกตัญญู ไปทำในครอบครัวคุณดีกว่าไหม ครอบครัวคนอื่นไปยุ่งทำไมละคะ สะเออะจริงๆ พ่อแม่ขายลูกกินมีให้เห็นทั่วไป อย่าทำทำโลกสวยเลย อ่านแล้วเพลีย จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 21:58:04

ความคิดเห็นที่ 19 nong_ao อย่าทำอวดดี แกว่งเท้าหาเสี้ยนแทนคนอื่น "นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา" พึงเข้าใจว่า ภาษาคน เค้ามีไว้สอนคนดีเท่านั้น โถลูก.....หลังไมค์มาหานึกว่า มีสำนึกอะไร แค่จะชวนทะเลาะ ขายขี้เท่อนี่เอง กล้าพูดมาก "กตัญญูู ก็ส่วนกตัญญู นี่มันเรื่องกฏหมาย" ใครอยากจะเก็บความกตัญญูไว้ก่อน รอพ่อตายแล้วค่อยคิด ก็ช่างหัวมัน จะสำรอกทำไม. จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 12:36:23

ความคิดเห็นที่ 20 ขอเตือนด้วยความเศร้าใจอีกครั้ง ถ้าอยากชวนวิวาท ผมยินดีจัดให้สักหลาย ๆ กระทู้ เช่นว่าด้วยเรื่อง ครอบครัวตัวเองแตกแยก แล้วยังแส่ไปยุแหย่คนอื่นให้เลิกกับผัว ด่าญาติผู้ใหญ่ของตัวเองออกเว็บ แบบหน้าตาเฉย ทำตัวเป็นนักแนะนำกาก ๆ เอาความคิดชั่วตัวเองเป็นใหญ่ เช่น แนะให้หญิงดี ๆ ไปแย่งผัวชาวบ้าน เที่ยวระรานด่ากราด และเหวี่ยงเขาไปทั่ว จนเคยตัว แถมเสือกปากเสียกับคนตอบกระทู้ด้วยกัน เป็นต้น จากคุณ : ปรานยิ่งดี เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 14:49:42

ความคิดเห็นที่ 21 ดิฉันพอเข้าใจการทำงานของ จขกท. นะคะ ลักษณะคล้ายๆเทรดดิ้ง คือเราไม่ได้เป็นผู้ผลิตเองแต่รับมาขายต่ออีกต่อนึงโดยบวกราคาเพิ่มเข้าไป  พ่อของ จขกท.  คือผู้ผลิต ที่มาส่งสินค้าให้กับเราในราคาของเขา เราเองเอาไปขายต่อให้ลูกค้าในราคาที่เราบวกผลกำไรเข้าไปแล้ว อาจจะ15%หรือเท่าไหร่ก็ว่าไป ก็ดูเหมือน win win นะคะ ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราว่าพ่อกับคุณคงมีเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่าค่ะ พ่อถึงได้ไปพูดกับลูกค้าแบบนั้น ลองคุยกันดีๆ ว่าปัญหาเกิดจากอะไร ส่วนใดที่ไม่พอใจ ปรับเปลี่ยนได้หรือไม่ คนในครอบครัวเดียวกันน่าจะคุยกันได้นะคะ สุดท้ายดิฉันไม่ทราบตื้นลึกหนาบางในส่วนของปัญหา  ดิฉันจึงแนะนำได้เพียงว่า ลองคุยกันให้เรื่องจบไปในทิศทางที่ดีแล้วกันนะคะ เอาใจช่วยค่ะ ^ ^ จากคุณ : ^ ^ (รักแท้แค่เอื้อม) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 15:01:27