Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพื่อนรักของเรากำลังจะตายใจกลางกรุงเทพมหานครกับลูกสาว เราจะช่วยเค้ายังไงดีคะ ติดต่อทีมงาน

เราเป็นเจ้าหน้าที่นิติบุคคลของคอนโด 500 กว่าห้องริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง  แถวเจริญกรุงชื่อริเวอร์เฮเว่น

- 12 เมษายน 2554 -
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา  เรามีปัญหาทางพัสดุกับลูกบ้านห้องหนึ่งที่ตึกด้านใน ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกันกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นลูกครึ่งฮอลแลนด์ไทย  เราเพิ่งทราบภายหลังว่า พ่อของเธอเป็นผู้พิพากษาชาวฮอลแลนด์ และแม่ของเธอ เป็น(หรือเคยเป็นไม่แน่ใจ) อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัด ส.

เราเคลียร์เรื่องพัสดุกับห้องที่เราไปพบไม่ได้ เราเลยลงมาที่ล๊อบบี้ เพื่อหาเอกสาร  

ที่ล๊อบบี้  รปภ.บอกกับเราว่า “อลิซ” (ผู้หญิงคนนั้น) เธอล้มเมื่อเช้า  พอเราได้ยินเราจึงขึ้นไปเคาะประตูห้องเธอ  พี่เลี้ยงลูกของเธอออกมารับ  ส่วนเธอตามออกมาพร้อมกับทำหน้าเหมือนสงสัย

ที่จริงแล้ว เรากับอลิซรู้จักกันห่าง ๆ เรารู้เพียงว่าอลิซเป็นลูกครึ่ง มีแฟนรวย เพราะห้องของเธอที่เธอเคยอยู่มาก่อนที่จะมาอยู่ห้องนี้เช่าเดือนละประมาณสี่หมื่นกว่าบาท เธอมีพี่เลี้ยงลูกที่จ้างเงินเดือนสูงกว่าพนักงานบริษัทธรรมดา  เธอเคยอยู่ในฐานะมีกินมีใช้  เพราะเธอโชคดีที่แฟนของเธอเคยเลี้ยงดูส่งเสียเธอ  เราเองก็เคยแอบปลื้มเธอ  เพราะเธอน่ารักมาก  ผิวขาว  หน้าลูกครึ่ง คม  เป็นคนน่ารัก  แต่อารมณ์ของเธอตั้งแต่อยู่กับสามีแรงมาก เพราะเธอทะเลาะกับสามีชาวอเมริกาของเธอรุนแรง  จนเป็นที่รู้จักกันในคอนโดถึงแม้จะมีกว่าห้าร้อยห้องก็ตาม

เรามองที่หน้าของเธอในเวลานั้น  ที่ข้างขอบตาของเธอเป็นรอยยาวประมาณครึ่งนิ้ว เธอดูเหน็ดเหนื่อย   เธอชวนเราให้เข้าไปในห้องก่อน  แล้วรินน้ำ เปิดแอร์ให้  พร้อมคุยกับเราไปเรื่อยๆ  เหมือนกับว่าสบายใจที่มีคนเข้ามาคุยด้วย  ในตอนนั้นเรายังสนิทกับเธอไม่มาก  เธอพยายามคุยกับเราเรื่องหางาน

เธอจบจากมหาวิทยาลัยเอแบค อายุ 26 ปี  แต่เมื่อจบมาไม่นาน ผู้ชายคนนี้มาขอเธอแต่งงาน ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์  เขาขอเธอแต่งงานในร้านอาหาร บรรยากาศแสนโรแมนติก  หลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างในตอนนั้น ภาพอันสวยงามภาพนั้น ทำให้เธอตัดสินใจแม้เพียงชั่วเวลาสัปดาห์เดียวว่า  เธอตกลงจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น  ซึ่งในตอนนี้  เธอเห็นแล้วว่า เค้าช่างเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุด  เธอไม่เคยทำงานมาก่อน เพราะเธอตั้งใจที่จะเป็นแม่บ้านให้กับเค้า  เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูก และเธอมั่นใจว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้

เธอนั่งลงที่โต๊ะคุยกับเรา  เธอมองหน้าเรา  เราคุยกันไปมาได้ประมาณเจ็ดนาที เธอนิ่งไป  หางตาของเรามองเธอ เราเห็นว่าเธอสบตาเรา แต่เราไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร  เราจึงไม่ได้หันไปมอง   เราเพียงแต่มองอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ เหมือนทำท่าคิด ทันใดนั้น เธอก็ร่วงลงไปกับพื้น  หัวของเธอกระแทกอย่างแรกกับพื้นกระเบื้อง เลือดกระเด็นออกในทันที  รอยแผลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งเซ็นติเมตรเปิดออก เลือดอาบเต็มแก้มพร้อมเส้นผม  เธอลงไปนอนชัก  พี่เลี้ยงรีบวิ่งมาประคองเธอไว้ เราประคองเธอด้วยความตกใจ มือของเราเต็มไปด้วยเลือด เราบอกพี่เลี้ยงว่า ให้ดูเธอไว้  ส่วนเรารีบลงจากลิฟท์เรียกรถพยาบาล  แล้วส่งเธอไปรักษา

ที่โรงพยาบาล  เราไปเยี่ยมเธอตอนพักกลางวัน เธอชักต่อหน้าเราบนเตียงฉุกเฉินอีกครั้ง  แพทย์ส่งเธอเข้าห้องไอซียู  

-13 เมษายน 2554-

เราตื่นแต่เช้า เยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล  แม้เธอจะไม่ใช่ญาติ แต่การที่เราเห็นเธอในภาพนั้นต่อหน้าต่อตา มันทำให้เรา สงสารเธอแทบขาดใจ  เราเฝ้าเธอตั้งแต่เช้า จนเย็น จนเราไม่ได้ไปเล่นน้ำสงกรานต์  แต่มันเป็นวันสงกรานต์ที่สวยงามมาก ๆ กับเธอ  เราอยู่ที่นั่น ในห้องนั้นสองคน กับอลิซ  เรารู้สึกว่า เรามีความสุข มันเหมือนลอยได้  ทั้งที่เรากับเธอ แทบไม่เคยคุยกันเลย  เพียงแต่รู้สึกดีๆ  ทักกันผ่าน ๆ  

เจ้าหน้าที่การเงินเดินมาบอกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมด หกหมื่นเก้าพันกว่าบาท  เธอมีแฟนชาวอเมริกันที่แยกกันอยู่กับเธอ  แฟนคนนี้ให้เธอกินยานอนหลับ  คาดว่าเป็นผลจากยาที่ให้เธอกินนี่เอง ทำให้เธอชัก และต้องเข้าโรงพยาบาล  

กรรมการของคอนโดค้นหาเบอร์ของแฟนเธอจนได้เบอร์มา แฟนเธอไปหาที่โรงพยาบาล  แล้วคุยเรื่องค่าใช้จ่าย

ตกเย็น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้  เธอชวนเรามานอนที่ห้อง  เราเพิ่งได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง

เธอกับแฟนแยกทางกันอยู่  แต่ลูกเธอเป็นคนเลี้ยงและจ้างพี่เลี้ยง ซึ่งแฟนของเธอรับผิดชอบค่าพี่เลี้ยง  เนื่องจากเธอเป็นโรคปวดหลังจากการบล๊อกหลังผ่าคลอดลูกสาวของเธอออกมา  ทำให้เธอไม่สามารถอุ้มลูกหรือประคองน้องเล่นกับน้องนาน ๆ ได้

เธอบอกกับเราว่า ขอให้เธอกับเราสัญญากันว่า เราสองคนจะหางานใหม่ด้วยกัน และตั้งตนชีวิตใหม่กัน เธอมีลูก เธอต้องดูแลลูก เราจะไปหาห้องถูก ๆ ด้วยกันอยู่

เวลาผ่านไป  เราแอบไปนอนห้องของเธอ และพอตอนเช้า เราก็เดินลงมาทำงานที่สำนักงานนิติ กลางวันก็ขึ้นไปทานข้าว ตกเย็นก็กลับไปนอนที่นั่นต่อ เราได้รู้อะไรมากขึ้น  ในช่วงนั้น เราซื้อขนมให้ลูกสาวเธอ ซื้อข้าวผัดกระเพราะให้เธอกินรองท้องไปวัน ๆ ก่อนที่จะต้องย้าย

แฟนของเธอ ไม่ยอมจ่ายค่าห้องให้  ค่าข้าว เธอต้องยืมวินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งตอนนี้เธอติดเงินวินมอเตอร์ไซค์ 9,230 บาท  เราช่วยจ่ายให้ก่อน 30 บาท  เธอไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำ ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ  มีโทรทัศน์ 52 นิ้ว เพิ่งขายไป เธอไม่มีเงินซื้อข้าวให้ลูก แผลของเธอที่หน้าผากก็ทำให้เธอสมัครงานไม่ได้  เธอไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง  เมื่อไม่กี่วันก่อน  เราให้เธอไปนอนที่ห้องของเพื่อนเราชาวต่างชาติผู้หญิงชั่วคราว  แต่ก็อึดอัด เพราะเพื่อนก็มีลูกชายอายุ และมักมีงานสังสรรค์  มีลูกค้า เข้ามา เธอไม่สะดวกอยู่ที่คอนโดของเพื่อนเรา แม้จะทั้งสวย ทั้งกว้าง วิวแม่น้ำ เห็นตัวเมือง แถวพระราม 3

เราตัดสินใจให้เธอมาอยู่กับเราที่บ้าน โดยเราบอกแม่ของเราว่า อลิซไม่มีที่อยู่ ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ เรากับอลิซจะไปอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน   พอแม่ได้ยินเราพูดแบบนั้น แม่พูดว่า งั้นให้เค้ามาอยู่ที่บ้าน

ลูกสาวของเธอ “พีเจ”  อายุใกล้สามขวบอีกไม่กี่เดือน สัญชาตอเมริกัน ไม่มีเงินค่าเทอม  เงินค่าเทอมสุดท้ายที่เราพยายามเจรจาช่วยขอจากแฟนของเธอ ก็ถูกเพื่อนของเธอฉกเอาไป 24,000 กว่าบาท ตอนนี้เธอเหลือเงินติดตัวเพียงค่าโทรทัศน์เครื่องนั้นที่ขายไปอีกไม่เท่าไหร่ และเงินในบัญชีอีกเล็กน้อย พร้อมกับลูกสาว 1 คน ต้องเข้าโรงเรียนอนุบาล ไม่มีที่อยู่  หัวแตก ไม่มีงาน

เมื่อวาน เราบอกเธอที่คอนโดของเพื่อนเราก่อนจะย้ายออกด้วยกัน ว่า  เราจะขอกลับมาที่ออฟฟิตทำงานก่อน เธอบอกกับเราว่า เธออึดอัด ขอให้เราอยู่เป็นเพื่อน  เราบอกกับเธอว่า ขอมาก่อนนะ เธอไม่ยอมให้เราไป  เราเลยฉวยโอกาสที่เธอเผลอเข้ามาทำงานที่ออฟฟิต  ยี่สิบนาทีต่อมา เธอโทรเข้ามาหาผู้จัดการ บอกว่า ไม่ต้องโทรหาอลิซอีก

เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรารีบนั่งมอเตอร์ไซค์กลับไปหาเธอ  เธอร้องไห้แล้วบอกกับเราที่ห้องครัวทั้งที่นั่งทำกับข้าวอยู่ เธอลงไปทรุดกับพื้น มองหน้าเรา  ลูกของเธออยู่ข้าง ๆ เธอบอกกับเราว่า

“อลิซมีลูกคนเดียว  ทำไมอลิซจะดูแลลูกตัวเองไม่ได้” แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเต็มสองตา  พีเจซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะรับความรู้สึกของแม่ได้

เราเดินไปหาเพื่อนเรา(ชื่อฟลอเรนด้า)  ถามว่ามีอะไรกัน  เธอบอกว่า ตอนที่เราแอบออกจากห้อง อลิซจะเอาอาหารที่เธอตั้งใจจะทำให้เราโยนทิ้ง  แต่เพื่อนเราห้ามไว้แล้วบอกว่า ถ้าจะทิ้ง เอามากินดีกว่า
ตอนนี้ เธอกับลูกไม่มีที่อยู่ ต้องอยู่บ้านเราชั่วคราว  เพื่อนของเธอขโมยเงินก้อนสุดท้ายที่เป็นค่าเทอมลูกไปทั้งที่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาโรงเรียนให้กับลูกเธอได้ยังไง  เพราะอลิซไม่มีแม้แต่ที่อยู่ ไม่มีแม้แต่เงินกินข้าว(เธอยังเหลือเงินกินข้าวอีกไม่กี่มื้อ)  ลูกเธอไม่มีที่เรียนทั้งที่ต้องเข้าเรียนอนุบาล แฟนเธอไม่ส่งค่ารักษามาให้ หกหมื่นเก้าพันกว่าบาท  แม่แต่งงานใหม่ พ่อเราก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน เป็นหนี้วินมอเตอร์ไซค์ ไม่มีงานทำ หัวแตก  แต่เธอ น่ารัก  มีน้ำใจ  เราไม่อยากให้เพื่อนของเรา ซึ่งตอนนี้เป็นเพื่อนรักที่สุดในโลกรองจากพ่อแม่  ต้องเสียน้ำตา  แต่ลำพังเงินเดือนของเราก็ช่วยเธอไม่ได้  
เรากลับบ้าน  เราเล่าเรื่องของเธอให้แม่เราฟัง  แล้วเราก็ร้องไห้ต่อหน้าแม่เรา
ตอนนี้เราก็ร้องไห้....
น้ำตามันไหลออกมาเพราะความสงสารอลิซ  โดยที่เราเองก็ไม่รู้จะทำยังไง

ตอนนี้ สิ่งที่เราต้องการ ให้เธอ คือ

1. เราจะหาเงินค่าเทอมลูกเธอ ที่อยู่ ค่าอาหาร 3 อย่างนี้ ให้เธอกับลูกยังไง

2. เธอจะหางานได้อย่างไรในสภาพหัวแตก หน้าโทรม แต่ไม่มีเงินกินข้าวแบบนี้

(คุณสมบัติของเธอ ความสามารถทางภาษาเป็นเยี่ยมค่ะ)


เพื่อนเราบอกว่า ลูกเธอเป็นคนอเมริกัน รัฐบาลอเมริกันจะดูแลให้  

เราต้องทำยังไงบ้างคะ

แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 54 17:15:55

จากคุณ : Nina_AnGeLic
เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 09:07:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com