|
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้เป็นอย่างย่ิงเลยครับ ที่ว่า...
"ประเพณีนี้ทำให้เกิดปมปัญหาหลายอย่าง และทำให้เกิดการกดขี่ผู้หญิง ก่อให้เกิดการไม่เท่าเทียบกันในสังคม ทำให้เกิดปัญหาการเปรียบเทียบกัน การทำร้ายจิตใจกัน"
ผู้หญิงหลายคนมาโพสต์ไว้ในห้องชานเรือนและห้องสุขภาพจิต เรื่องปัญหาสินสอด พ่อแม่ฝ่ายชายกำหนดให้สินสอดจำนวนหนึ่ง แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเห็นว่าพ่อแม่ฝ่ายชายมีฐานะดี น่าจะให้สินสอดมากกว่านั้น การให้สินสอดน้อยไปกว่าที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงคาดหวัง เหมือนเป็นการดูถูกกัน ไม่ให้เกียรติกัน ทำให้พ่อแม่ฝ่ายชายโกรธ ไม่พอใจ และบอกลูกชายว่า สะใภัคนนี้ไม่เอาแล้ว ฝ่ายลูกชายก็ต้องเลือกพ่อแม่ ก็เลยขาดการติดต่อกับฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงก็พยายามหาทางคุย เหมือนจะยอมตกลงว่าสินสอดที่เสนอให้นั้นพอใจแล้ว แต่ก็สายเสียแล้ว พ่อแม่ฝ่ายชายเสียความรู้สึกไปแล้ว และไม่ต้อนรับสะใภ้คนนี้ สองคนนี้ก็เลยไม่ได้แต่งงานกัน
ส่วนอีกรายหนึ่ง ฝ่ายหญิงรักฝ่ายชายมาก ต้องการแต่งงานอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา แม่ของฝ่ายหญิงเรียกสินสอดจำนวนมาก ฝ่ายชายไม่มีจะให้ ฝ่ายหญิงก็ต้องการจะจดทะเบียนสมรสและไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่แม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมก็ด่าว่าลูกสาว "จะให้มันเอาฟรีๆหรือไง" "ฉันเลี้ยงแกมา ค่าน้ำนมยังไม่ได้เลย แกไม่คิดจะทดแทนบุญคุณฉันบ้างหรือไง" "ไม่มีปัญญาจ่ายสินสอดก็ไม่ต้องไปแต่งกับมัน" ฯลฯ ลูกสาวก็เลยย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับฝ่ายชายและช่วยกันทำมาหากิน มีความสุขกันสองคน นานๆจะกลับไปเยี่ยมแม่สักครั้ง
อีกรายหนึ่ง ลูกสาวจบปริญญาโทจะแต่งงาน ฝ่ายชายให้สินสอด 300,000 บาท แม่ฝ่ายหญิงไม่พอใจ ต้องการ 1 ล้านบาท ด่าลูกสาวว่า.... "ร่ำเรียนมาจนจบปริญญาโท ได้สินสอดแค่นี้ สู้ลูกสาวข้างบ้านไม่ได้ จบแค่ป. 6 ได้สินสอด 1 ล้าน เจ้าบ่าวปลูกบ้านใหม่ให้พ่อแม่อีก 1 หลัง ได้รถกระบะอีก 1 คัน และเจ้าบ่าวส่งรายเดือนให้พ่อแม่ทุกเดือนด้วย" ลูกสาวก็มีปัญหากับแฟน รอกันไปรอกันมา จนฝ่ายชายเครียด หมดอารมณ์จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เลิกกัน ฝ่ายหญิงก็อยู่ไปจน 40 แล้วยังหาคนมาจ่ายสินสอด 1 ล้านไม่ได้เลย
ปัญหาเรื่องสินสอดเป็นปัญหาที่ทำให้หลายๆคู่ รักร้าว และ เลิกกันไป เพราะเสียความรู้สึก พ่อแม่ที่โลภเรียกร้องสินสอดเยอะๆเพื่อหน้าตาของตัวเอง หรือ เพื่อรายได้ของตัวเอง เห็นแก่ความสุขของลูกสาวหรือไม่ ลูกสาวบางคนเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตัวเองรัก คนที่รักกันปานจะกลืนนั้น ส่วนมากอายุ 23-32 ยังไม่มีรายได้มากมาย ยังไม่มีเงินเก็บมากมาย แต่ก็อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ลูกสาวเองก็มีความรักมีอารมณ์ปรารถนาจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรัก ช่วงเวลาแห่งวัยหวานก็ผ่านไปรวดเร็ว แทนที่ลูกสาวจะได้มีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เธอรัก ก็ต้องอยู่เฉาๆตามลำพัง บางที ตลอดชีวิตก็มี เพราะปัญหาเรื่องสินสอดแท้ๆเลย น่าสงสารผู้หญิงที่มีพ่อแม่ที่มีทัศนคติเรื่องสินสอด เพื่อเป็นการประกันความมั่นคง ซึ่งจริงๆแล้วประกันอะไรไม่ได้เลย
มีอีกรายหนึ่ง ได้สินสอด 1.5 ล้านบาท พ่อแม่ดีใจ เบิกบานใจมาก ฝ่ายชายแก่กว่าลูกสาวตัวเอง 26 ปี หลังแต่งงานได้เพียง 3 เดือน ฝ่ายชายถูกจับขึ้นศาล และ ถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี ลูกสาวก็มีชู้กับหนุ่มวัยเดียวกัน
สินสอด ไม่ใช่หลักประกันอะไรเลย แม้แต่ความมั่นคงของชีวิตผู้หญิง ความรัก ความเข้าใจ และ ความสุขในแต่ละวินาทีของการใช้ชีวิตคู่ต่างหาก ที่สำคัญที่สุด เพราะเราไม่รู้หรอกว่า วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ วันต่อๆไป อะไรจะเกิดขึ้นแก่ชีวิตเราบ้าง ขอแค่ให้ลูกสาวได้มีความสุขอยู่กับคนที่เธอรัก ผมก็พอใจแล้ว ถ้าลูกสาวรักใคร มีความสุขอยู่กับผู้ชายคนไหน ผมจะมอบเงินให้เป็นทุนในฐานะที่เอาดวงใจของผมไปดูแล ผมไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินสินสอดของลูกสาวเลย
จากคุณ |
:
Chocolate_X
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ค. 54 19:37:44
|
|
|
|
|