ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่มเติมครับ ผมไม่มีคดีนี้มาทำนะครับ แต่จากที่ได้รับเรื่องราวของผู้่ที่โทรมาปรึกษาผม ผมเองไม่กล้่าฟันธงว่ามันคือแพ่งอย่างเดียว หรือ  เกี่ยวอาญามาด้วย จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 19:24:27

ความคิดเห็นที่ 2 คดีแบบนี้  ส่วนใหญ่ ศาลจะวินิจฉัยว่า เป็นเจตนาซื้อขายกัน ถ้าภายหลังไม่จ่ายเงินกัน จึงเป็นเรื่องทางแพ่ง  ไม่ใช่ฉ้อโกง แต่เคยมีอยู่่คดีหนึ่ง เท่าที่ผมเคยค้นได้เมื่อนานมาแล้ว ตอนทีจะรับทำคดีคล้ายๆ กันแบบนี้  คดีนั้น เป็นเรื่องที่ เจ้าของร้านขายผ้าแถวโบีเบ๊ขายผ้าให้กับลูกค้า  แล้วตอนหลังเบี้ยวไม่จ่ายเงิน  เจ้าของร้านเลยไปฟ้องคดี  ทนายคดีนั้นพิสูจน์ให้ศาลเห็นได้ว่า ลูกค้ามีเจตนาฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้น จึงตัดสินลงโทษฐานฉ้อโกง คดีของคุณ  ขึ้นอยู่กับว่าพิสูจน์ให้เห็นได้มั้ยว่า นาย ค. เจตนาฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้น โดยไม่เคยมีเจตนาจะจ่ายเงินเลย  แต่ตั้งใจเชิดรถหนีตั้งแต่แรก  ถ้าพิสูจน์ได้ ก็เป็นฉ้อโกง   แต่คงต้องฟ้องคดีเอง  ถ้าจะให้ตำรวจรับแจ้งความ  ก็ต้องออกแรงหน่อย แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 54 19:50:51 จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 19:49:55

ความคิดเห็นที่ 3 แต่เท่าทีอ่านข้อเท็จจริงดู  ผมว่าทำไมคุณไม่ฟ้องนาย ค. ข้อหายักยอกทรัพย์ล่ะ  เพราะจริงอยู่ว่า กรรมสิทธิ์ในรถยังไม่ตกเป็นของนาย ก.  แต่ก็ถือว่านาย ก. เป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจร้องทุกข์ในคดียักยอกทรัพย์แก่ นาย ค. ได้ ผมว่ารีบไปร้องทุกข์ฐานยักยอก ภายในอายุความ 3 เดือนเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 54 19:55:58 จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 19:54:39

ความคิดเห็นที่ 4 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2551 แม้ผู้เช่าซื้อยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วน กรรมสิทธิ์ในรถยนต์บรรทุกยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แต่ผู้เช่าซื้อก็มีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์และมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยแก่ผู้ให้เช่าซื้อหากมีกรณีต้องคืน เมื่อจำเลยทั้งสองยักยอกชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถยนต์บรรทุกดังกล่าวไปจากผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อย่อมได้รับความเสียหายจึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองได้เช่นเดียวกับผู้ให้เช่าซื้อ คดีนี้เป็นกรณีความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เช่าซื้อมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ป.อ. มาตรา 96 จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 19:56:58

ความคิดเห็นที่ 5 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7727/2544 จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากบริษัท อ. โดยชำระเงินในวันทำสัญญาบางส่วน ที่เหลือผ่อนชำระเดือนละงวดรวม 36 งวดมีชาวบ้านที่จำเลยจ้างมาเป็นผู้ค้ำประกัน หลังจากทำสัญญาเช่าซื้อและรับรถไปแล้วจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อและไม่ติดต่อกับผู้เสียหายอีกเลย บริษัท อ. จึงบอกเลิกสัญญา แต่จำเลยไม่ส่งมอบรถคืนเมื่อสอบถามจำเลย จำเลยแจ้งว่าขายไปแล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าขายให้แก่ผู้ใด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อและชำระเงินล่วงหน้าก็เพื่อให้ได้รถยนต์ไปไว้ในครอบครอง มิได้มีเจตนาจะชำระราคาอีก พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของบริษัท อ. ที่อยู่ในครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานยักยอก หาใช่เป็นเพียงการกระทำผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่ ปล.  จากคดีนี้   นาย ก. นำไปใช้กับร้องทุกข์ นาย ค. ข้อหายักยอกได้ แต่ก็พึงระวังว่า ผู้ให้เช่าซื้อ ก็อาจจะร้องทุกข์นาย ก. ได้เหมือนกัน (ดังนัน ต้องรีบแจ้งความ นาย ค. เพื่อบีบให้นำรถมาคืนให้เร็วที่สุด จะได้เอาไปคืนไฟแนนซ์) จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 20:02:54

ความคิดเห็นที่ 6 ปัญหาพวกขายดาวน์รถทั้งที่ยังผ่อนชำระให้ไฟแนนซ์ไม่เสร็จแบบนี้  ต้องระวัง   อย่างเพื่อนผมเคยปรึกษาผมว่าจะขายดาวน์รถ โดยเอาสัญญาซื้อขายรถมาให้ผมดู  ผมบอกเลยว่า ให้เปลี่ยนสัญญาเป็น สัญญาจะซื้อจะขายรถยนต์แทน จริงอยู่ แม้ว่าสัญญาจะซื้อจะขาย มันมีใช้ได้ในสัญญาบางประเภท เช่นอสังหาฯ หรือสังหาชนิดพิเศษ  แต่ผมว่า  ทำเป็นสัญญาจะซื้อจะขายรถยนต์ไว้ จะปลอดภัยกว่าถ้ายังผ่อนให้ไฟแนนซ์ไม่เสร็จ  โดยกำหนดเงื่อนไขไว้ในสัญญาให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่า กรรมสิทธิ์ในรถที่ตกลงจะซื้อจะขาย จะโอนไปยังผู้จะซื้อทันทีที่ผู้จะซื้อผ่อนชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ (ไฟแนนซ์) เสร็จ  อย่างนี้ในทางกฎหมายก้ถือว่าเป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไข ยังงี้เราขายดาวน์รถไป ก็ไม่เป็นยักยอกทรัพย์แล้ว   แต่ไอ้คนซืือดาวน์จากเรา ถ้าเชิดรถหนี อันนี้เราแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ได้ด้วย แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 54 20:11:32 จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 20:09:17

ความคิดเห็นที่ 7 โทษที  ผมจะโดนข้อหาฟลัดกระทู้อีกไหมเนี่ย  อิอิ จากคุณ : ละอ่อนธรรม เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 20:23:48

ความคิดเห็นที่ 8 ในทางปฎิบัติ เรื่องอย่างนี้ สามารถทำให้เป็นคดีอาญาได้ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง อยู่ที่การตอบคำถามว่า ใครเป็นผู้เสนอขาย ถ้า ก เสนอขาย ให้ ค เป็นเรื่องทางแพ่ง ถ้า ค เป็นผู้เสนอซื้อ เข้าข่าย ผิดฉ้อโกงได้ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 20:54:36

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนเรื่อง ส่งมอบการครอบครองแล้วเบียดบังเอาไป ก็เช่นเดียวกัน ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ถ้ายืนยันข้อเท็จจริง ครบองค์ประกอบความผิด คดีก็มีมูล ถ้าคุยกันในฐานะ ทนายความ คดีอย่างนี้ ทำอย่างไง ให้คดีมีมูล เพื่อออกหมายจับ ก็ยังทำได้ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 21:14:41

ความคิดเห็นที่ 10 โหสุดยอดครับ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 21:34:54

ความคิดเห็นที่ 11 ได้ ความรู้ เช่น กัน ครับ ขอถามต่อเนื่องเรื่องขายรถหน่อยนะครับ ข้อเท็จจริง=นาย ก. ผู้เช่าซื้อรถยนต์ เหลือผ่อนชำระอีก 2 แสนบาท ได้ขายรถยนต์ให้กับนาย ข. ในราคา 5 แสนบาท นาย ข.จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้นาย ก. 3 แสนบาท และจ่ายเงินไฟแนนซ์ 2 แสนบาท โดยนาย ก. เซ็นสัญญาซื้อขายและใบโอนลอยไว้ให้กับนาย ข. และส่งมอบรถยนต์ให้นาย ข. แล้ว เมื่อ นาย ข. จ่ายเงินให้ไฟแนนซ์หมดเรียบร้อย แต่นาย ก.แอบอ้างแล้วไปรับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวไว้ นาย ข. ทวงถามก็ไม่ให้ กรณีแบบนี้ นาย ก.จะดำเนินคดีนาย ข. ทางอาญาได้หรือไม่ จากคุณ : เม็ดสี (yunyoo2961) เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 21:59:24

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกท่านที่ได้เข้ามาให้ความรู้ค่ะ อ่านแล้วฉลาดขึ้นเยอะเลยค่ะ จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 07:48:03

ความคิดเห็นที่ 13 จะเป็นคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์หรือไม่ อยู่ที่การแสดงเจตนาของ นาย ค.ครับ ถ้านาย ค. บอกกับ นาย ก. ว่า เอารถขายต่อไปแล้ว หรือ บอกว่า ยังไงก็ไม่คืนให้ หรือถ้าหานาย ค .ไม่เจอแต่สามารถหาพยานมายืนยันได้ว่า นาย ค.เอารถไปขายแล้ว อันนี้นาย ค. ผิดยักยอกทรัพย์แน่ แต่ในกรณีนี้ ข้อเท็จจริงมีแค่ว่า นาย ค. หายไปเฉยๆทั้งรถทั้งคนติดต่อไม่ได้ ก็ทำได้แค่ฟ้องแพ่งครับ ส่วนในกรณีจะผิดฉ้อโกง ต้องมีหลักฐานว่ามีการเตรียมการมาตั้งแต่ก่อนทำสัญญากัน ในกรณีนี้ก็ไม่ได้ความอีกว่า นาย ค. เตรียมวางแผนอะไรไว้ก่อน ส่วน คห.ที่ 11 นาย ข. ฟ้องแพ่งนาย ก. ได้อย่างเดียวครับ ให้โอนชื่อรถในทะเบียนเป็นชื่อ นาย ข. แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 08:38:41 จากคุณ : นอนดูดาว (นอนดูดาว) เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 08:37:59

ความคิดเห็นที่ 14 นาย ก  เปลี่ยนจาก แจ้งข้อหาโดนยักยอกทรัพย์ จากนาย ค เป็น ข้อหาลักทรัพย์แทนได้มั้ยคะ เพราะ ก็ไม่ได้มีสัญญาใดๆ ตอนขายดาว์นกัน ตำรวจจะได้รับแจ้งได้ จากคุณ : นางฟ้าปีกดำ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 21:10:13

ความคิดเห็นที่ 15 คือ จะเป็นความผิดลักทรัพย์ได้นั้น ทรัพย์ที่จะลักต้องอยู่ในความครอบครองของผู้อื่น แต่กรณีนี้ นาย ก. ส่งมอบการครอบครองให้ นาย ค. แล้ว คงจะแจ้งข้อหาลักทรัพย์ไม่สำเร็จ จากคุณ : นอนดูดาว (นอนดูดาว) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 07:57:00