|
สำนวนนี้ มาจากคติทางพุทธศาสนาเถรวาท แสดงถึงความเป็นเจ้าของสิ่งนั้นๆ ว่าถ้ามีกรรมให้มา"เสพสม"กัน ยังไงก็หนีไม่พ้น ด้วยอำนาจบุพกรรม จะดีจะร้ายขึ้นกับเจตนาที่ก่อเหตุ บันดาลให้เกิดความกำหนัดยินดี กดขี่ข่มเหง ถูกขายเป็นทาสเชลย อธิฐานจิตให้เป็น ด้วยแรงกรรมกับที่ผูกกันไว้
ส่วนระยะเวลาเสพสมเป็นอีกเรื่อง เพราะการสร้าง"กรรม" ย่อมประกอบด้วย "อานิสงส์"(ระยะเวลา)คู่กันเสมอ
การสร้างกรรม ต่างเจตนา ย่อมให้ผล และระยะเวลาไม่สัมพันธ์กันได้ คือ ได้ผลมาก อานิสงส์มาก ได้ผลมาก อานิสงส์น้อย ปรากฏใน ทานสูตร http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10635158/Y10635158.html
อุปมาเหมือนเราจะไปซื้อสินค้า หากแม้นของชิ้นนั้นไม่ใช่ของเรา ก็ไม่สามารถได้ครอบครองต้องมีเหตุให้พลัดพราก เช่น มีคนจอง ขายไปแล้ว เงินไม่พอ ติดขัดไปซื้อไม่ได้ ลองแล้วไม่ตรงกับที่คิดฯลฯ
หากได้ครอบครองแล้ว มีเหตุให้พลัดพราก ไทยโบราณเรียกว่า "สิ้นบุญ" เพราะทำมาร่วมกันแค่นี้ แต่สมัยนี้มักนำมาเหมารวมกัน จนไข้วเขว
มีเรื่องราวที่สอดคล้องกับข้างต้น
ชรากถา (แก่) ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
พิมพ์แจกในงานวันเกิดครบรอบ ปีที่ 74 วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2528
คนแก่บางคนที่มีภาระในชีวิตน้อยลง หรือต้องทำกรณียกรรมน้อยนั้น มักจะหันเข้าหางานอดิเรก เป็นต้นว่า เลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ สะสมของเก่า หรือท่องเที่ยว งานอดิเรกนั้นดีแน่ เพราะทำให้เกิดความสนใจอยู่เป็นนิจ ความคิดไม่ฝ่อ
แต่ผมขอทักเรื่องงานอดิเรกเหล่านี้ไว้นิดหนึ่ง งานอดิเรกเหล่านี้ถึงแม้จะทำให้เกิดความเบิกบานใจได้มาก แต่ก็มักจะก่อให้เกิดความรู้สึกในกรรมสิทธิ์ หรือความเป็นเจ้าของ อันจักนำมาซึ่งความอยากได้ให้มากขึ้นและ"ความหวงและห่วง"ในสิ่งที่มีอยู่แล้ว ความรู้สึกเหล่านี้เป็นพันธะทางใจและก่อให้เกิดความทุกข์แก่คนแก่ได้มาก
มีเรื่องเล่าว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ วัดราชบพิธนั้น ทรงมีถ้วยชาลายครามอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งโปรดนักหนา และทรงใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งมาเป็นเวลาช้านาน
วันหนึ่งประทับอยู่ในพระกุฏิ ทรงได้ยินเสียงใครทำถ้วยแตกนอกห้องที่ประทับอยู่ จึงมีรับสั่งถามว่าอะไรแตก มหาดเล็กผู้ที่ทำถ้วยแตกนั้นทูลว่าถ้วยชาแตก เมื่อรับสั่งถามว่าถ้วยใบไหน ก็ทูลตอบว่าถ้วยใบที่โปรดนั้นแตก เมื่อทรงทราบดังนั้นก็ตรัสว่า
“สิ้นเคราะห์ไปที ต่อไปนี้ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว”
นิทานเซน : สรรพสิ่งล้วนเกิดดับ《皆有生死》
ณ อารามเซนแห่งหนึ่ง ยังมีเณรน้อยที่ฉลาดปราดเปรื่องผู้หนึ่ง พำนักอยู่กับอาจารย์เซน วันหนึ่งเณรน้อยพลาดพลั้งทำถ้วยชาล้ำค่าที่อาจารย์ของตนรักถนอมยิ่งตกแตกด้วยความไม่ตั้งใจ ในใจเกิดความตระหนก แต่ยังไม่ทันคิดอ่านอันใด พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์เดินเข้าห้องมา จึงได้แต่นำเศษถ้วยชาแตกบิ่นแอบไว้ด้านหลังของตน เมื่ออาจารย์เซนมาถึง เณรน้อยจึงรีบชิงเอ่ยปากถามว่า "ท่านอาจารย์ ทำไมคนเราต้องตายด้วยครับ?" อาจารย์เซนตอบศิษย์อย่างไม่ทราบเรื่องราวว่า "เป็นเรื่องธรรมชาติ สรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีเกิดและมีดับด้วยกันทั้งนั้น" ยามนั้น เณรน้อยจึงค่อยได้ที ยื่นมือที่ถือถ้วยชาใบโปรดของอาจารย์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นเศษถ้วยแตกบิ่น ออกมาให้อาจารย์ชมดู พลางกล่าวว่า "หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ ถ้วยชาของท่านใบนี้ ก็ถึงอายุขัยของมันแล้วครับ!" อาจารย์เซนเมื่อได้ฟัง ได้แต่เงียบงันไร้คำกล่าว... เซน มีคำกล่าวที่ว่า "วสันตฤดูกำเนิดร้อยบุปผา คิมหันต์ปรากฏวายุ ฤดูสารทจันทร์กระจ่าง เหมันต์หิมะโปรย หากในใจไร้เรื่องราว ทุกวันล้วนเป็นฤดูที่ดีงาม" สรรพสิ่งตั้งอยู่บนความไม่เที่ยง มีเกิดย่อมมีดับ ใยต้องยึดมั่นถือมั่นให้มากความ
ที่มา : หนังสือ 《禅的故事精华版》, 慕云居 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 地震出版社, 2006.12, ISBN 7-5028-2995-4
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000054445&CommentReferID=18836362&CommentReferNo=12&
มีผู้วินิจฉัยไว้ในส่วนอื่น http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/009695.htm
http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/05/L9286443/L9286443.html
จากคุณ |
:
ต็กโกวคิ้วป้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
26 มิ.ย. 54 08:13:52
|
|
|
|
|