ความคิดเห็นที่ 1 อยากให้กิ๊ฟแต่เดือนนี้กี๊ฟหมดค่ะ จากคุณ : ซารุราเมน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 17:17:47

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วยได้ครับ อ่านหนังสือเยอะๆครับ อย่าฟังเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ที่จ้องแต่จะกดขี่แรงงาน จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 17:25:04

ความคิดเห็นที่ 3 คิดเหมือน คห.2ครับ อย่างบริษัทผม ตอนนี้ทางเจ้าของก็หาทางรองรับนโยบายนี้ เจ้านายผมบอกว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องปรับงาน โดยที่บริษัทอยู่ได้ และ พนักงานยังอยู่กับผมทุกคน มองหลายๆมุมครับ จากคุณ : บุรุษผู้หยุดเวลา เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 17:36:02

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เหมือนกับภาคธุรกิจในอังกฤษไงครับ การพานิชย์ก็ยังเป็นหน้าที่ของอังกฤษอยู่ แต่ส่วนภาคการผลิต เค้าก็ outsource กันที่จีนกัน ตอนนี้โรงงานที่อังกฤษก็ปิดไปเยอะนะครับ กลายเป็นห้างต่างๆ เช่น IKEA PC world TESCO อย่าไปคิดว่าบ้านเราต้องเป็นโรงงานสิครับ สิงคโปร์เค้ามีโรงงานมั้ยอ่ะ เค้ายังอยู่ได้เลย หน้าที่เราคือต้องปรับตัวตะหาก จากคุณ : Minig เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 17:56:41

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนจบอาจารย์มีคำพูดสั้นๆว่า มีโอกาสทำธุรกิจอย่าได้เปิดโรงงาน ใช้ outsource จะดีกกว่า เราจำคำนี้ไว้เสมอและคิดเสมอว่า ถึงมีโอกาสทำก็จะไม่ทำ ส่วนเรื่องค่าแรง เก่งเชื่อว่าคนงานที่ทำงานดี ฝีมือดี ไม่มีวันตกงานค่ะ เค้าจะเอาแต่คนที่เป็นติ่งเกาะโรงงานกินออกซะมากกว่า ต้องยอมรับว่าคนทำงานมีหลายประเภท คนที่จะอยู่ได้นานไม่ใช่คนพูดมากสักแต่พูดนะคะ แต่คนที่ทำงาน ยังไงก็มีงานค่ะ จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 18:02:51

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นความคิดลบของ จขกท. "เตรียมเก็บกระเป๋า หางานใหม่" อยากบอกว่าคนเราคิดลบมากๆระวังจะเป็นจริงนะคะ คุณ จขกท. จะได้หางานใหม่จริงๆ บางทีก็ไม่เข้าใจทำไมคิดลบกันจัง คิดลบแม้กระทั่งกับประเทศชาติตัวเอง คนเราเวลาคิดอะไรมันก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามา ถ้าคิดดีก็ดึงดูดสิ่งดีๆ ถ้าคิดไม่ดีมันก็จะดึงดูดสิ่งไม่ดี ยิ่งคิดไม่ดีกับประเทศชาติ ความเลวร้ายก็จะเข้ามาแก่ประเทศ มันเหมือนสาปแช่งชาติตัวเองทางอ้อมนะคะ ถ้าเคยอ่านหนังสือเดอะซีเคร็ดจะเข้าใจ ถ้ารักแผ่นดินเกิดจริงๆ ก็ไม่ควรคิดลบๆกับประเทศตัวเองแบบนี้ ลองลด อคติ ซักนิด ไปจับตาดูการทำงานของ รบ. ชุดใหม่ อย่างผู้มีปัญญาไม่ดีกว่าหรือคะ สืบทราบมาว่า คนที่ไม่เลือก รบ.เพื่อไทย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีความรู้สูง มากไปด้วยการศึกษาที่เพรียบพร้อม คนเราจะมีการศึกษาต้องมาพร้อมทั้งไอคิว และ อีคิว ด้วยนะคะ มองโลกในแง่ลบมากๆระวังโรคประสาทถามหานะคะ ด้วยความเป็นห่วง จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 18:17:28

ความคิดเห็นที่ 7 ขอมองต่างมุมนะครับ ว่าสงสัยจขกท. ต้องการค่าแรงวันละ 50 บาทแน่ ๆ แต่สำหรับผม ค่าแรงเท่าไรก็ได้ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า แล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือนทุกวันนี้ละครับ ถ้าค่าแรงเท่านี้ เราพอที่จะมีคุณภาพขีวิตที่ดีได้หรือไม่ ถ้าได้ ก็คงคัดค้านการขึ้นค่าแรงอย่างหนักเลย แต่ถ้าไม่ได้ ก็ควรต้องยอมให้มีการขึ้นค่าแรง แล้วก็ต้องดูอีกด้วยว่า ด้วยค่าแรงปัจจุบันนี้ อนาคตของแรงงานมีไหม เงินค่าแรงที่ได้มา หักค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว เหลือเงินสำหรับอนาคตไหม เงินอนาคตที่พูด คือการซื้อหรือสร้างบ้าน เงินสำหรับเป็นค่าเล่าเรียน ฯลฯ ในทัศนะของผม ค่าแรงไม่สำคัญเท่ากับเงินที่เหลือสำหรับอนาคต ถ้าค่าแรงแพงมากแต่ค่าใช้จ่ายมากตาม ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าค่าแรงเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายประจำวัน หรือมากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน อันนี้ดีแน่ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ผมว่าไม่มีอนาคตสำหรับแรงงานไทย พ่อ แม่มีที่นา 10 ไร่มีลูก 4 คน ลูก 3 คนไปเป็นคนงานในโรงงาน ทำจนแ่ก่ ก็ซื้อบ้านไม่ได้ ต้องกลับมาแบ่งที่มรดกอยู่ แล้วรุ่นหลานแต่ละครอบครัวก็ไปทำงานโรงงานต่อ ทำจนแก่ ก็ยังซื้อบ้านไม่ได้ ก็กลับมาแบ่งที่มรดกอยู่อีก เป็นอย่างนี้ไปหลาย ๆ รุ่น จากที่นา 10 ไร่ก็กลายเป็นสลัมได้ จากคุณ : โมน้อยกุ๊บกิ๊บ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 18:22:19

ความคิดเห็นที่ 8 การปรับราคาสินค้าจากมาตรการ 300 ผมว่ามีแน่ แต่ไม่หมดนะครับ เราน่าจะมีทางเลือกได้มากขึ้นนะครับว่าเราจะเลือกทานอะไรได้ ต่างกับรายได้ที่น้อย เลยเลือกได้แค่ข้าวเสาไห้หักเท่านั้น เพราะไม่มีเงิน คราวนี้เราจะเลือกทานข้าวเหมือนเดิม หรือจะปรับไปเป็นหอมมะลิก็ได้ จากคุณ : Minig เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 18:52:51

ความคิดเห็นที่ 9 ปรับค่าแรงขึ้น แต่ลดภาษีนิติบุคคล ส่วนตัวคิดว่ามันหักกันพอดีนะคะ ยกเว้นว่า จข กิจการจะหลีกเลี่ยงภาษี จากคุณ : หมูน้อยห้อยหัว เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 19:36:28

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าค่าแรงไม่ปรับ ก็ไม่ต้องลดภาษีให้หรอก เดี๋ยวพวกผู้ประกอบการมันจะรวยเกินไป พอเพียงกันซะบ้างอะไรบ้าง จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 19:58:11

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าการขึ้นค่าแรงคนงานขั้นต่ำ จะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจนถึงขั้นปิดกิจการ หรือ ต้องย้ายฐานการผลิต ดิฉันเกรงว่าต่อไปนี้ การขึ้นเงินเดือนพนักงานบรอษัท การให้งบ entertainment การให้เบี้ยประชุม การจัดงบสัมนา การจัดงบดูงาน การจัดกิจกรรมให้พนักงานบริษัทไม่ว่าจะงานปีใหม่ งานกีฬาสีต่างๆ ก็น่าจะอยู่ในกรณีที่ทำให้ cost เพิ่มขึ้นด้วยใช่หรือไม่ ..แล้วทำไมชนชั้นกลาง พนักงานออฟฟิสถึงไม่มีใครแสดงสปิริตไม่ขอรับสิ่งเหล่านั้น ดิฉันเห็นมีแต่ความพยายามจะเรียกเงินให้สูงขึ้นๆ เรียกร้องสวัสดิการให้มากขึ้น เดินทางก็อยากนั่ง business โรงแรมต้อง 5 ดาว ..แล้วทีแบบนี้ ทำไมต่อมสำนึกถึงบริษัท หรือ เศรษฐกิจประเทศชาติมันถึงไม่กระฉูดบ้าง อีกอย่าง..ปัจจุบันนี้การที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ตั้งฐานที่เมืองไทย ก็ไม่ใช่เพราะเมืองไทยมีค่าแรงต่ำสุดใช่หรือไม่ เพราะถ้าเค้าคิดแค่ค่าแรงต่ำสุด ทุกชาติคงไปตั้งฐานการผลิตที่จีน เขมร หรือประเทศยากจนต่างๆ อย่างอูกันดา เอธิโอเปียไปโน่นแล้ว รับรองว่าถูกแน่ๆ ..แต่การที่เค้ามาตั้งที่ไทย ก็เพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง..ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราควรวิเคราะห์ และ ส่งเสริม strength ตรงนี้ ไม่ใช่แข่งกันเป็นตลาดแรงงานราคาถูกที่สุดในโลก..มันน่าสมเพชค่ะ จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:04:00

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้กีบ คห ๑๑ จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:08:29

ความคิดเห็นที่ 13 การปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น300 คงต้องมีผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ในระยะยาวภาคธุรกิจไทยก็จำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่รอด และต้องประสบความสำเร็จได้ ในโลกที่ต้นทุนอัตราค่าจ้างแพงขึ้น ไม่ใช่ผลักภาระในการอยู่รอดทางธุรกิจให้กับฝ่ายลูกจ้างต้องแบกรับอยู่ฝ่ายเดียว จริงๆค่าแรง300บาททำงานทั้งเดือนโดยไม่หยุด ยังได้แค่ 9000 จะให้เขาจมปลักดักดาน รายได้ไม่พอใช้จ่ายกันต่อไปหรืออย่างไร แปลกดี หลายคนก็ได้เงินเดือนกันเป็นหมื่นอยู่แล้ว เวลาปรับขึ้นเงินเดือน หรือได้โบนัสกัน ก็ไม่เห็นเป็นห่วงเจ้าของกิจการว่าจะอยู่ไม่ได้กันบ้างเลย แถมบางคนบ่นว่าเงินเดือนไม่พอใช้อีกต่างหาก แต่พอแรงงานระดับล่างจะได้ซักวันละ300 ล่ะ เป็นห่วงเจ้าของกิจการกันจังเลย ปล.ผมหมายถึงบางคนนะครับ จากคุณ : แสนเชิง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:45:49

ความคิดเห็นที่ 14 ค่าแรงมันไม่ได้ขึ้น 300 นะครับ ขึ้น จาก 240 เป็น 300  วันละ 60 กว่าบาทเท่านั้นเองครับ แล้ว 60 บาทสมัยนี้ทำอะไรได้บ้างครับ ก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม จากคุณ : pvman65 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:59:01

ความคิดเห็นที่ 15 ขอยินดีต้อนรับนโยบายค่าแรง 300บาท กับเงินเดือนปริญญาตรี 15000 ไม่รู้ว่าเป็นบริษัทแรกหรือเปล่าที่ปรับตัว เตรียมรับนโยบาย ด้วยการชิงปรับโครงสร้างองค์กรณ์ด้วยการลดต้นทุนเงินเดือนพนักงานรายเดือน ให้ได้เดือนละ 6ล้านบาท ตั้งแต่เดือนสิงหานี้เป็นต้นไป โดยบริษัทตัดสินใจเลือกพนักงานรายวันไว้ เงิน 6ล้านบาทต่อเดือนกับเงินเดือนพนักงานระดับกลาง ลองคิดดูมั้ยว่าแค่บริษัทเดียว ต้นเดือนสิงหานี้จะมีคนตกงานกี่คน คาดว่าราวๆ 250-350 คน ก็กำลังลุ้นอยู่ว่าจะได้เจ็กพ็อตกับเขาด้วยมั้ย อีกอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใครจะสามารถหางานใหม่ทัน ตั้งสติยังไม่ทันเลย ให้ตายเหอะ ทั้งบ้านทั้งรถ ทั้งลูก ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทิ้งได้ก็แค่รถคันเดียวเท่านั้น อยากอวยพรให้คนที่สนับสนุนนโยบายอันนี้ โดยไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา ให้มีโอกาสได้รับการซึมซาบกับความรู้สึกแบบนี้ กับสถานการณ์แบบนี้ด้วยเถอะ แล้วจะรู้โดยตัวเอง ไม่ต้องมานั่งเถียงกันถึงผลกระทบ เพราะเรื่องอย่างนี้มันใกล้ตัวเต็มที จากคุณ : เครียดว้อย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:27:38 A:1.47.238.126 X: TicketID:292130

ความคิดเห็นที่ 16 การลดภาษีนิติบุคคลมันคนละเรื่องกับการขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาท ธุรกิจบางประเภท พวกอุตสาหกรรมเบาทั้งหลาย เช่น อุตสาหกรรมทอผ้า รองเท้า ฯลฯ ค่าจ้างแรงงานถือเป็นสัดส่วนต้นทุนที่สูงมาก ถ้าไปขึ้นค่าแรง 50 - 100% แบบนี้ จะทำให้ต้นทุนเขาสูงมากจนถึงขั้นขาดทุน และถ้าขาดทุนเมื่อไหร่ ก็จะไม่มีเงินไปเสียภาษี แล้วจะเอาภาษีที่ไหนไปลดให้เขา มีแต่เจ๊งกับเจ๊งลูกเดียว บางทีนโยบายเพ้อฝันพวกนี้ ฟังแล้วก็คล้อยตามเห็นดีเห็นงามด้วย แต่ถ้าคิดให้รอบคอบ จะเห็นถึงพิษภัยของมัน เม็ดเงินในระบบมันมีคนได้ มันก็ต้องมีคนจ่าย ตอนนี้ก็เริ่มเห็นๆกันแล้วว่า เริ่มมีการกักตุนข้าวสารสนองนโยบายรับจำนำข้าว อีกไม่ถึงเดือนคงได้กินข้าวถุงละ 180 แน่ๆ สะใจจริงๆ จากคุณ : บัตรผ่านด้อยสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 22:56:23 A:202.12.74.161 X: TicketID:282622

ความคิดเห็นที่ 17 เออ จริงนะ กระเป๋า harrods ซื้อมาก็ made in china พวกกุญแจซื้อมาจากอังกฤษ ก็ made in china ถ้าเราค่าแรงแพงขี้นก็คงต้องเจาะตลาดเฉพาะ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเหมือน กุ๊ชชี่ หลุยส์ ซะละมั้ง!!! ประมาณว่า ขายแพงยังไงคนก็ซื้อนะ จากคุณ : aaa เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 22:58:04 A:101.109.24.128 X: TicketID:318204

ความคิดเห็นที่ 18 คห.15 ^ ^ ^ มาอีกแล้วพวกบัตรผ่าน นักแต่งนิทาน . . . . . **แปลกดีประเทศนี้ลูกจ้างถูกบังคับให้ต้องเป็นฝ่ายเห็นใจนายจ้าง ลูกจ้างไม่มีจะกินไม่เป็นไร ขอแค่นายจ้างสุขใจก็พอแล้ว เดี๋ยวนายจ้างจะล้ม เพราะขาดทุนกำไร เห็นใจเค้าหน่อย** จากคุณ : เวลาที่หายไป เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:00:44

ความคิดเห็นที่ 19 กฎธรรมชาติว่าด้วยค่าแรง (Natural Law of Wages) ค่าแรงทั่วไปถูกกำหนดด้วยผลผลิตที่แรงงานสามารถผลิตได้ ณ ขอบริมแห่งการผลิต (แรงงานมีทั้งแรงสมองและแรงกาย รวมทั้งการประกอบการ การจัดการ) ขอบริมแห่งการผลิต (Margin of Production) คือ ที่ดินที่เลวที่สุดที่จำเป็นต้องใช้กัน ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นที่ดินที่ดีที่สุดที่จะหาได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน เหตุที่ค่าแรงต้องคิดที่ขอบริมแห่งการผลิต หรือคือที่ดินชายขอบ ก็เพราะที่ดินที่ดีกว่าที่ดินชายขอบย่อมมีราคาหรือค่าเช่าเป็นตัวหักค่าแรงให้เหลือน้อยลงโดยมีแนวโน้มเท่ากับค่าแรง ณ ที่ดินชายขอบ ค่าแรงย่อมจะไม่สามารถขึ้นสูงได้ถ้าภาษีที่ดินต่ำอย่าง​ในระบบปัจจุบัน เพราะภาษีที่ดินต่ำทำให้เกิ​ดการเก็งกำไรกักตุนที่ดิน ไปไหน ๆ เจอแต่ที่ดินรกร้างมีเจ้าของ​แล้ว ที่ดินปัจจุบันถูกกักตุนไว้​โดยไม่ค่อยได้ทำประโยชน์ถึง​ 70 % ที่ดินชายขอบย่อมขยายออกห่างความเจริญมากขึ้น จึงมีคนต้องว่างงานมาก แย่งกันหางาน ค่าแรงย่อมต่ำ และเมื่อราคา/ค่าเช่าที่ดิน​สูง ส่วนแบ่งการผลิตที่เหลือไปถึงแรงงานก็ต่ำด้วย เป็นไปตามกฎธรรมชาติทางเศรษ​ฐศาสตร์ครับ ที่ผมพูดถึงนี้หมายถึงค่าแรงตามกฎธรรมชาตินะครับ ค่าแรงที่ผิดกฎโดยคนกำหนดอาจจะทำได้ แต่คงยากที่จะให้ผิดกันมาก จาก http://www.oknation.net/blog/utopiathai/2011/07/05/entry-1 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 23:46:40 จากคุณ : สุธน หิญ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:37:14

ความคิดเห็นที่ 20 เชื่อไหมคนที่ต้องตกงานรายแรกๆ ก็คือพวกรากหญ้า จากคุณ : คนที่ยุนอาหลงรัก เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 08:49:40

ความคิดเห็นที่ 21 11 นั่นเพราะคุณเอาแรงงานไร้ฝีมือไปรวมกับบัณฑิตครับ แรงงานไร้ฝีมือ เช่น เด็กติดรถส่งของ หรือ พนักงานตัดขี้ด้ายในโรงงานการ์เม้นท์ บริษัทคุณใช้เด็กติดรถส่งของ entertain ลูกค้าได้หรือเปล่า บริษัทคุณส่งพนักงานตัดขี้ด้ายไปดูงานต่างประเทศหรือเปล่า หรือว่าคุณเรียกเด็กปั๊มมาประชุมเรื่องระวังเครดิตการ์ดปลอมรูดเติมน้ำมัน แล้วคุณแจกเบี้ยประชุมด้วย เวลาคุณไปธุระหรือติดต่อลูกค้าให้บริษัท ผมถามจริงๆ ว่าคุณนั่งแท๊กซี่แล้วมาเบิกหรือว่าขึ้นรถเมล์ไปครับ คุณว่าคนที่นั่งแท๊กซี่แล้วมาเบิกนี่ไม่มีต่อมสำนึกถึงบริษัทหรือห่วงเศรษฐกิจของชาติใช่ไม๊ ส่วนการแข่งขันค่าแรงต่ำที่คุณสมเพชนั้น ประเด็นคือคนงานมีฝีมือหรือเปล่า ถ้ามีฝีมือแพงแค่ไหนนายจ้างก็สู้ราคาครับ ไม่ต้องกังวลแทนคนงานครับ http://www.thaisarn.com/th/news_reader.php?newsid=630446 จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 09:28:46

ความคิดเห็นที่ 22 ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศฐานการผลิต ที่มีค่าแรงขั้นต่ำ สูงเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย (อันดับ 1 มาเลย์เซีย) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นสิ่งที่ดี ในการลดช่องว่างของชนชั้น และกระจายความเป็นธรรมให้แก่คนในสังคม ตามความเห็นส่วนตัว สนับสนุนการขึ้นค่าแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งตรงจุดนี้เป็นพันธะและหน้าที่ ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบดำเนินการอย่าง มุ่งมั่น และตรงไปตรงมา   ซึ่งผลลัพท์ที่ได้นั้น - หากทำแล้วคนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ก็ทำไป - หากทำแล้วเกิดผลกระทบตามมามากมาย ต้องไม่ทำ ปล. "จงทำเพื่อปวงชน มิใช่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง" จากคุณ : Sarani เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 10:07:10

ความคิดเห็นที่ 23 สั่งของจากจีน ถ้าไม่ไปควรคุมระวังโดนของ ยำนะ..................... ล๊อดแรกของดีมากๆ มาล๊อต 2 มันยำของเลยครับ .............ประมาณว่า สั่ง 10 ได้ 4 อีก 6 เสีย สั่งของจากจีนถูกแต่ก็เสี่ยงสูงเหมือนกัน เพราะนิสัยมักง่ายเห็นแก่เงิน ของเลยด้อยคุณภาพ ใช้ไปแรกๆไม่รู้แต่เวลาผ่านไป ผลเสียจะออกมาทันที พอคนรู้ว่าของไร้คุณภาพ ต่อให้แบรนดังเขาก็ไม่ซื้อ...............เพราะเข็ดซื้อแล้วได้ของห่วย....................... ตอนนี้ก็มีบ้างบริษัทเลิกสั่งซื้อจากจีนแล้ว.................. เพราะขาดทุน ขายไม่ออก จากคุณ : ฟามลับ (ohiyo_eak) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 11:07:45

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านให้เข้าใจนะ ไม่ใช่ไมเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง จากคุณ : สายฝนในสายหมอก เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 11:38:33

ความคิดเห็นที่ 25 คห. 21 เราพูดกันถึงการที่คนออกมาร้องแร่แห่กระเชอว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ ดังนั้นทุกอย่าง ล้วนทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มถึง ไม่ว่าจะค่าแรงคนงานระดับล่าง หรือ ค่าแรงพนักงานระดับหลายๆ ปริญญา ดังนั้น การที่บริษัทจะพิจารณาปัญหาเหล่านี้ ควรต้องพิจารณาทุกส่วน ไม่ใช่เลือกพิจารณาแค่บางจุด สกัดแค่บางจุด ไม่ว่าจะแรงงานระดับล่าง หรือ พนักงานระดับสูง ต่างก็เป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เค้าก็ต้องมีลูก มีครอบครัว มีความต้องการที่จะก้าวหน้าเรื่องการงานอาชีพ อยากได้อยากมีอยากเป็นเหมือนชนชั้นกลางอย่างเราๆ เช่นเดียวกัน ถูกต้อง เรื่องพวกนี้มันผิดที่โครงสร้างของชนชั้นในสังคมมานานแล้ว มันไม่ได้อยู่ในการรับผิดชอบของคุณแต่อย่างไร แต่มันอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ที่มีหน้าที่บริหารประเทศ เมื่อคนที่ได้รับเลือกเข้ามาบริหารประเทศได้คิดนโยบายเพื่อช่วยปรับฐานความเป็นอยู่ และ รายได้ของชนชั้นล่างให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ..ดิฉันชนชั้นกลางรับได้ค่ะ และ ไม่รู้สึกขัดแย้ง เพราะดิฉันมองโลกในความเป็นจริง เวลาดิฉันทำงาน ดิฉันก็อยากได้เงินเดือนเยอะๆ เพื่อจะได้ดูแลครอบครัว ได้สร้างอนาคต ได้สร้างโอกาสเพื่ออนาคตให้ลูกของดิฉัน ..ดิฉันคิดว่าคนที่เกิดมาด้อยโอกาสกว่า ถ้าเค้าจะได้รับโอกาสบ้างที่ทางรัฐอยากจะหยิบยื่นให้ ดิฉันยินดีค่ะ อีกอย่าง ดิฉันเคยอยู่ในประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการที่ดีที่สุด และ ค่าแรงก็สูงที่สุดด้วย แต่ประเทศนี้กลับไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ก็เพราะช่องว่างระหว่างชนชั้นเค้าน้อยมาก อำนาจในการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ ทุกสัดส่วน เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งนำเข้า ส่งออก ขอโทษที่เห็นต่างนะคะ จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 14:18:15

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าค่าแรงเพิ่ม โรงงานไม่หยุดผลิตหรอกครับ ค่าแรงเพิ่ม ก็ลดคนงานลงเท่านั้นเอง เพื่อจะได้คุมค่าแรงให้เท่าเดิม ที่ได้รับผลกระทบก็คือแรงงานเอง จากคุณ : ชายไร้เงา เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 15:15:30 A:202.57.188.3 X: TicketID:052742

ความคิดเห็นที่ 27 งั้นกดให้ต่ำติดดิน เอาไปวันละ 100 ก็พอมั้งครับ จะได้ไม่ต้องย้ายฐานการผลิต จะได้มีศักยภาพที่จะแข่งขันในตลาดโลก จะได้สู้เวียดนาม หรือ จีน ได้อย่างไม่น้อยหน้า หากคิดแบบนายทุน มันก็ต้องกดทุกอย่างให้ต่ำเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ไม่กระทบถึงต้นทุนการผลิต แต่หากไม่มีแรงงาน ถามคำเถอะว่านายทุนจะอยู่ได้ยังไง อย่าบอกว่าใช้แรงงานต่างด้าวนะครับ เพราะมันก็จะย้อนไปสู่ประเด็นเรื่องของการพิทักษ์หม้อข้าวของตนอยู่ดี หรือคุณจะเอาอย่างหมอประเวศ วะสี แสดงความเห็นไว้ ที่บอกว่า "หากมีที่พักที่ มีอาหารที่เพียงพอ ค่าแรง 150 บาทก็ยังอยู่ได้เลย" ผมไม่รู้ว่าหมอประเวศเอาหัวแม่เท้าคิดและพูดออกมาได้ยังไง ???!!!! เงิน 150 บาททำไรได้บ้างครับ แค่คุณเดินออกจากบ้านไปหน้าปากซอย พูดกันจริงๆมันก็แทบที่จะไม่พอยาใส้แล้ว ใจคอจะก่อช่องว่างทางชนชั้นกันไปถึงไหน ???!!! ผมอยากให้หมอประเวศลองใช้เงินวันละ 150 ซัก 1 ปี ใช้บนพื้นฐานของคนทำงานระดับแรงงานนะครับ ไม่ใช่หมอ ไปทำงานก็นั่งรถเมล์ไป หรือดีหน่อยก็นั่งรถบัสสวัสดิการของโรงงาน กินอาหาร 3 มื้อในแบบที่เงิน 150 บาทพอทำให้อิ่มได้ จะกินมาม่า หรือข้าวคลุกน้ำปลาไข่ต้มก็ตามใจหมอประเวศเถอะ เจ็บป่วยก็รักษาไปเท่าที่รัฐสวัสดิการจะมี หรือเท่าที่ 150 บาทของหมอประเวศจะรักษาได้ มีลูกมีหลานก็ไม่ต้องให้มันได้กินไอติม ให้มันไปเรียนโรงเรียนวัดแถวๆบ้านก็น่าจะพอ เสื้อผ้าก็ไม่ต้องซื้อใหม่มีอะไรก็ใส่ๆไปเถอะ ผมอยากรู้ว่าหมอประเวศจะอยู่ได้ด้วย 150 บาทหรือเปล่า ??? ใครหนอ..ไปยกย่องให้เป็น "ราษฏรอาวุโส" อาวุโสแบบนี้ไม่ต้องมีจะดีกว่าครับ หมอแกอาจมีภาพของความพอเพียง สมถะ แต่....ถามจริงๆเถอะ คิดจริงๆหรือครับว่าคนเราอยู่ได้ด้วยเงิน 150 บาท ??? ทีซื้ออาวุธกันโครมๆ จนแสนยานุภาพทางทหารขึ้นมาอยู่ในลำดับสูงๆของโลก ไม่เห็นมีใครจะโวยวายเลยว่าซื้อมาทำไม มากมายมหาศาล แถมซื้อมาแล้วบางอย่าง "เสีย" ก่อนการใช้งานอีกต่างหาก แต่พอจะขึ้นค่าแรงให้แรงงาน เท่านั้นแหละดาหน้าออกมาค้านกันใหญ่ ถึงเวลาจริงๆกลไกทางเศรษฐกิจมันจะจัดการด้วยตัวมันเองแหละครับ แล้วก็มาบอกว่าเมืองไทยไม่มีเรื่องของ "ชนชั้น" แต่กลับจะกดคนอีกพวกนึงให้ลำบากแบบโงหัวไม่ขึ้น โดยอ้างเหตุผลร้อยแปดในเรื่องของภาคการผลิต แหมมม...ดัดจริตจริงๆขอรับ...ท่านพระครู !!! จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:24:35

ความคิดเห็นที่ 28 เข้ามาให้กิฟคุณ idolation  และขอบอกว่าเปล่าประโยชน์ที่จะพูดให้คนห้องนี้ฟัง จะเห็นได้ว่าบรรดาแม่ยกไคโตซานในห้องนี้  จะแขวะทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ขนาดผู้หลักผู้ใหญ่อย่างท่านหมอประเวศก็ยังไม่เว้น ขอร้องนะครับ เชิญไปเปิดหูเปิดตาที่ห้องสีลมกันบ้าง  อย่าดีแต่เชียร์เรื่องค่าแรงกากๆๆเพ้อฝัน ยกกระทู้ที่สีลมมาโปรดครับ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10824235/B10824235.html http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10804425/B10804425.html ดูกันมั่งนะครับ ว่าโลกหมุนไปไหนต่อไหน  บรรดาขาเชียร์เพลาๆลงบ้าง ไม่งั้นจะต้องหอบเงินเป็นฟ่อนไปซื้อไข่ฟองเดียว ล่มสลายทางเศรษฐกิจ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:08:25

ความคิดเห็นที่ 29 http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10824235/B10824235.html ความคิดเห็นที่ 3     ถ้านโยบายนี้ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ... จะโวยวายกันแบบนี้ไหมนะ จากคุณ : safetymind เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 09:29:46   ........................... สำหรับเรา ความเห็นนี้ความเห็นเดียว บอกได้ทุกอย่าง หุหุ จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:02:15

ความคิดเห็นที่ 30 ในประเทศ ที่คนเหมือนกัน แต่โอกาสที่ได้รับไม่มีวันเท่ากัน สิทธิ์เสียงไม่มีทางเท่ากัน คนที่มองจากมุมสูง ตัวเอง ได้เงินเดือนเท่าเดิมก็บ่น เงินเดือนขึ้นน้อยก็บ่น โบนัสน้อยก็บ่น คนจากมุมต่ำเนี่ย ค่าจ้างเท่าเดิม ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน แค่ค่าเดินทางไปทำงาน มันก็คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อรายได้ สูงกว่าพวกมองมุมสูงอยู่แล้ว โอกาสจะศึกษาสูงๆก็ยาก ไอที่อยากจะเรียนก็ไม่ได้เรียน ไอที่ไม่อยากเรียนก็ยัดเยียดกันเข้าไป รัฐก็ไม่จริงจังเคร่งครัดกับงาน ระบบงาน ของรัฐ รัฐวิสาหกิจที่รัฐถือครองน่ะ บริหารดีๆ เงินหมุนเวียนในประเทศก็เป็นพันล้านแล้ว นี่ยังไม่พูดถึงเงินที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุน ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นยอด เคยคิดจะจัดระเบียบบ้างไหม พ่อค้าคนกลาง ไม่รู้มันเป็นพ่อใ:-)ได้รวยดี ไม่มีเบื่อ ผมคงไม่มีแม้แต่แรงจะชะเง้อคอหรอกครับ ว่าโลกหมุนไปไหนต่อไหน แค่แรงจะยืนยังจะไม่มี โดนกดโดนขี่อีกต่างหาก ขอพรได้ข้อหนึ่ง คงจะขอแค่ให้พวกที่มองจากมุมสูง ได้ลงมามองที่มุมต่ำดูบ้าง คนเก่งได้มีชีวิตดีๆ คนไม่เก่งเขาไม่ได้หวังว่าจะมีชีวิตที่เท่าเทียมหรอกครับ เขาแค่หวังว่าจะมีชีวิต อย่างที่ คน หนึ่งคนพอจะมีได้ จากคุณ : neobkk เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:05:29

ความคิดเห็นที่ 31 ถึง คห.11 "การขึ้นเงินเดือนพนักงานบรอษัท การให้งบ entertainment การให้เบี้ยประชุม การจัดงบสัมนา การจัดงบดูงาน การจัดกิจกรรมให้พนักงานบริษัทไม่ว่าจะงานปีใหม่ งานกีฬาสีต่างๆ" ที่เอาไปเลี้ยงลูกเมียได้เห็นจะมีแค่การขึ้นเงินเดือนอย่างเดียวครับ สำหรับอย่างอื่นถ้าใช้แล้วไม่ทำให้บริษัทเจ๊งและทำเลี้ยงครอบครัวได้ก็มีไปเถอะครับ จากคุณ : เป็นตับ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:12:21

ความคิดเห็นที่ 32 ผมไม่อิงการเมืองน่ะครับ  พูดตามตรง การจะขึ้น  300  บาท  จะขึ้นก็ได้หรือไม่ขึ้นก็ได้ สิ่งสำคัญคือการตรึงราคาสินค้า  ไม่ให้เพิ่มขึ้น การขึ้น 300  บาท  จริงอยู่ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น  ประมาณ  10-20% แต่คุณรู้ไหมครับ  สินค้าต่างๆ  หรือธุรกิจพวกนี้กำไรอย่างต่ำ 100% หมายความว่า  ต้นทุน 50 บาท  ขาย  100 บาท  กำไร  50  บาท ถ้าขึ้นค่าแรงแล้วสินค้า ต้นทุนจะเป็น  60-70 บาท  ถ้าขายราคา 100 บาทเท่าเดิม ก็กำไร 30  บาท แล้วธุรกิจมันจะเจ๊งยังไง   พวกที่อ้างว่า  เพิ่มค่าแรง 300  แล้ว  ทำให้ขายในราคาต่ำสู้สินค้าจีนไม่ได้   ก็เพราะเอาต้นทุนไปเพิ่มราคาขายเอง  ลองคิดว่ากำไรต่อหน่วยน้อยลงก็อยู่ได้ ผมไม่เห็นพวกนักธุรกิจใหญ่ในเมืองไทยเป็นคนรวยธรรมดาเลย  มีแต่รวย  โครตรวย อภิมหาเศรษฐีกันทั้งนั้น  เพราะอะไร  ก็กำไรสินค้ากันมโหฬารซะขนาดนั้น สำคัญ  คือ  ค้าขาย  อย่าเอากำไรให้มันมากนัก  ถ้านักธุรกิจคิดยังงี้ได้  เรื่องค่าคลองชีพแพงจะไม่เกิด แต่นักธุรกิจไม่เคยคิดได้  ซึ่งรัฐก็ต้องเข้ามาควบคุมสินค้า  แต่เห็นมาทุกยุคทุกสมัย  ทำไม่เคยได้ จากคุณ : รังสิตแมน (รังสิตแมน) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:21:16

ความคิดเห็นที่ 33 ถึง คห. 29 เข้าใจว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายนี้นี้เหมือนกันหรือเปล่า แต่ ให้ 250 บาท ไม่รู้ใครลอกใคร ใครเกทับใคร สำหรับเรา ความเห็นนี้ความเห็นเดียว บอกได้ทุกอย่าง หุหุ จากคุณ : lips service เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:18:15 A:125.25.6.177 X: TicketID:296798

ความคิดเห็นที่ 34 ทุกวันนี้ฉันทนาก็เกือบจะสามร้อยแล้วครับ  อีกนิดเดียวเอง ปล.กำไรสินค้าพวกนี้เยอะมากครับ  ขาดกำไรนิดเดียวงอแงออกแล้ว  ถ้านายทุนเห็นยแก่ตัวพวกนี้ตาย  หรือย้าย  เราอาจได้นายทุนหน้าใหม่ที่มีจิตใจดีเข้ามาก็ได้นะครับ จากคุณ : คนกลางวัน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:43:37

ความคิดเห็นที่ 35 คห ๓๓ ใครลอกใครเนี่ยะ...คุ้นๆอ่ะ นโยบายเก่ามาทำใหม่ ตั้งชื่อใหม่ แล้วบอกของตนเอง บอกได้ทุกอย่างน่ะเราหมายถึง อคติ ตะหาก เพราะคนเรามีอคติ ต่อให้ รบ.เพื่อไทยทำงานดีแค่ไหน เห็นตำตายังไง มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เกลียดพรรคนี้รู้สึกดีหรือซาบซึ้งหรอก ในทางกลับกันนอกจากจะไม่รู้สึกดีด้วยแล้วยังอยากจะคอยขัดขาร่ำไป เดี๋ยวเกิดจับพลัดจับผลูทำนโยบายขึ้นค่าแรงสำเร็จ พวกที่อคติ ก็จะย้ายไปด่าเรื่องใหม่อยู่ดี คอยดูสิ เหอะๆๆ จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:14:29

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่เกี่ยวกับค่าแรงจะขึ้นหรือไม่ขึ้น คนจะตกงานหรือไม่มีงานทำ ก็ไม่เกี่ยวกับค่าแรง มันขึ้นอยู่ว่าสิ่งที่คนจะลงทุนคิดว่ามันคุ้มไหมที่จะลงทุนทำ ถ้าคุ้มเข้าก็พร้อมที่จะจ้างคนทำงาน แต่ถ้าไม่ก็ซวยกันถ้วนหน้าครับ จากคุณ : tun_oa เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:45:24

ความคิดเห็นที่ 37 แล้วตกลงเรื่องนโยบายนี้ ปชป ลอกมาจาก พท ใช่ไหมจ้ะ ชอบประโยคนี้จัง " เพราะคนเรามีอคติ มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เกลียดพรรคนี้รู้สึกดีหรือซาบซึ้งหรอก เหอะๆๆ " จากคุณ : lip service เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:03:43 A:110.168.64.208 X: TicketID:296798

ความคิดเห็นที่ 38 มีใครทราบมั้ยจ้ะว่าประเทศที่คุณ JNOY พูดถึงคือที่ไหน จากคุณ : lip service เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:34:20 A:110.168.64.208 X: TicketID:296798

ความคิดเห็นที่ 39 25 ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คนเราเห็นต่างกันได้ นั่นอาจเป็นเพราะคุณเติบโตมาบนความสะดวกสบาย ใช้ชีวิตในประเทศที่มีรัฐสวัสดิการที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ทัศนคติของคุณย่อมไม่เหมือนกับผม เพราะความเป็นจริงที่คุณเห็นนั้นผมเชื่อว่าจริง แต่ความจริงของคุณมันคนละอย่างกับความจริงที่ผมเจอมาครับ คนเหล่านี้ไม่มี Skill ไม่มีพรสวรรค์ทางดนตรี ทำอาหาร งานฝีมือหรืออื่นใด ไม่มีทุน และไม่มีใครให้ยืมเงินทำทุน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแม้แต่ข้อแม้... อดีตกรรมกรคนนี้เป็นคนอิสาน จบป.4 ไม่ได้เรียนเพราะบ้านยากจน http://hilight.kapook.com/view/46570 อดีตกรรมกรคนนี้จบป.5 แต่เรียนชั้นละ 2 ปีจนครูทนไม่ไหว ออกมารับจ้างทำทุกอย่างที่ได้เงิน http://www.oknation.net/blog/monchai83/2010/09/18/entry-1 อดีตกรรมกรคนนี้เรียนแค่ม.3 แล้วไม่เรียนต่อเพราะโง่ เรียนไม่รู้เรื่อง เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะหน้าตาไม่ดี http://women.sanook.com/work/worklife/life_11136.php คนนี้ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เป็นกรรมกร เพราะเป็นลูกขอทานตาบอด แม่วิกลจริต น้องชายปัญญาอ่อน ต้องขอทานหาเลี้ยงครอบครัว 14 คน http://www.:-)/t442.html (ไล่ตงจิ้น) ผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนครับ อาม่าผมมีลูก 9 คน คนโต (ตั่วกู๋) ขี่ซาเล้งเก็บขยะขาย ต่อมาแกเห็นว่าสายไฟ เหล็ก ลวดทองแดงราคาดี เลยเน้นเก็บแต่พวกนี้ ปัจจุบันตั่วกู๋ผมเป็นเจ้าของกิจการขายทองเหลือง-ทองแดงรูปพรรณ มีตึก 6 ชั้น 2 คูหาอยู่ที่ถ.เจริญกรุง ลูกคนที่ 2 (ยี่กู๋) ขึ้นเรือจากเมืองไทยไปอเมริกาลักลอบเข้าเมือง เรือโดนยามฝั่งจับได้ ทุกคนบนเรือโดดลงว่ายน้ำเข้าฝั่ง ขึ้นฝั่งแบบไม่มีเงินไม่มีเสื้อผ้า ไปอาศัยกินอาหารจากถังขยะหลังร้านอาหารแล้วขอเค้าทำงานฟรี แลกกับอาหารและที่อยู่ ปัจจุบันเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยในอเมริกา กับร้านสะดวกซื้อ 4 คูหาและร้านเช่าวิดีโอ แม่ผมเป็นลูกคนที่ 3 ครับ ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ต้องเลี้ยงดูน้องอีก 6 คน หาเวลาว่างจากเลี้ยงน้อง 6 คน ไปแอบดูโรงเรียนสอนตัดเสื้อเค้าสอนกัน เขย่งแอบดูตรงหน้าต่างนั่นแหละ แล้วก็กลับมาหัดเอาเศษผ้ามาลองเย็บลองตัดที่บ้านซึ่งเป็นอาชีพเดียวและรายได้ทางเดียวที่แม่ผมใช้เลี้ยงลูก 4 คนจนจบปริญญาตรีจากอเมริกา 1 คน ปริญญาโทจากอมเริกา 1 คน และปริญญาตรีในมหาลัยรัฐบาลไทยอีก 2 คน อย่าให้เล่าถึง 9 คนเลยครับ คุณอาจกินข้าวไม่ลง แต่ผมมองว่าชีวิตใครก็เป็นความรับผิดชอบของคนนั้น ไม่ใช่ของผู้บริหารประเทศ และที่คนจนจนก็เพราะการดำเนินชีวิตของตน ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับรัฐสวัสดิการ เราโตมาต่างกัน แน่นอนว่ามุมมองเราต่างกันครับ ผมแค่เสนอมุมมองของคนที่ผ่านความลำบากมาให้คุณรับรู้เท่านั้นเองว่า.. อย่ามองแต่คนรวยว่ารวย ให้มองว่าก่อนเค้ารวยเค้าทำอะไรมาบ้างแค่ไหน แล้วคนจนทำได้ไม๊ ถ้าทำไม่ได้เพราะอะไร ติดเงื่อนไขอะไร แล้วทำไมคนอื่นที่เค้าประสบความสำเร็จในชีวิตเค้าถึงไม่ติดกับเงื่อนไขเหล่านี้ มหาเศรษฐีในประเทศนี้หลายคนทำไมถึงสร้างตัวมาได้โดยไม่เคยได้รับรัฐสวัสดิการหรือนั่งรอค่าแรงขั้นต่ำ คนจนเคยถามตัวเองไม๊ว่าคุณต่างกับเค้าตรงไหน จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 09:31:32

ความคิดเห็นที่ 40 โดนย้ายซะแว้ว จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:16:18

ความคิดเห็นที่ 41 คดหท.39 ครอบครัวคุณ อาจจะเป็นครอบครัวที่มีความสามารถมากกว่าครอบครัวชาวไทยส่วนมาก เเละโชคดีที่ได้อพยพมาอยู่ในประเทศที่มีโอกาส ที่สามารถใช้จุดเเข็งต่างๆที่มีมากกว่า เก็บเกี่ยวโอกาส จนประสพความสำเร็จ เเต่ในความเป็นจริง ทุกคนใช่จะมีโอกาส มีความสามารถ มีโชคดังที่ยกตัวอย่าง ยังมีครอบครัวที่ขาดโอกาส ไม่มีความสามารถ ไม่สามารถปรับตัว ไม่ใช่คนเกลียดค้าน การงานเสียทั้งหมด รัฐฯต้องดูเเลเขา มอบโอกาสให้เขา เขาเป็นประช่าชนของประเทศนี้ ถึงจะไม่มีปัญญาเสียภาษีทางตรง เเต่พวกเขาก็ร่วมเสียภาษีทางอ้อมในการซื้อสินค้าเเละบริการต่างๆ มันเป็นหน้าที่ของผู้อาสามาบริหารประเทศ ต้องเข้ามาบริหารจัดการ ให้ปัจจัยพวกนี้เกิดประโยชน์ จะปล่อยให้เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ผู้เเข็งเเรงกว่าคือผู้ชนะไม่ได้หลอก จะปล่อยให้มือที่มองไม่เห็นของอดัม สมิท ทำงานคนจนคนขาดโอกาสก็ตายหมด จะทำตามนโยบายที่หาเสียง ก็ต่อต้าน กระทบไปหมด จะเจ็งจะตายกันขึ้นมา สามสิบบาทรักษาทุกโรค ก็ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาทำ เขาก็ทำสำเร็จมาเเล้ว ประชาชนก็ควรจะได้ใช้บริการของรัฐอย่างมีศักดิ์มีศรี จะเจ็บจะป่วย ต้องคลานไปขอบริจาคใครด้วยเหรอ จากคุณ : รัตน์ (lanna_rice) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:22:41

ความคิดเห็นที่ 42 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:29:34

ความคิดเห็นที่ 43 41 ครอบครัวผมมีโอกาสมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ ครอบครัวผมมีความสามารถมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ ครอบครัวผมมีโชคมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:51:28

ความคิดเห็นที่ 44 คคห39 ครับ ยินดีด้วยนะครับ ที่ครอบครัวคุณเคยลำบาก แล้วสบายในตอนนี้ แต่เชื่อไหมคร้ับ คนบางคนลำบากจนตาย กัดฟันสู้แทบตาย ชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้น ชีวิตมันไม่ใช่ตรรกะง่ายๆ ที่ว่า ขยัน อดทน ใฝ่รู้ แล้วมันจะรวยกันทุกคนหรอกครับ เอาเข้าจริงๆ พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะร่ำรวย เวิ่นเว้ออะไร 300 บาท มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นสุดขีดอะไรหรอกครับ แค่ "พื้นฐาน" ชีวิตดีขึ้นนิดหน่อย ประเทศไทย ยังสามารถหมุนเงินด้านอื่นมาสมทบ ได้เยอะครับ ไม่ใช่ว่าต้องให้เจ้าของกิจการ ลงทุนส่วนนี้ฝ่ายเดียว เอาง่ายๆแค่ชาวนาน่ะ เขาจนกันเพราะเขาขี้เกียจ จริงๆน่ะเหรอ ผมว่าไม่ใช่หรอก คนบางคนที่ทำงานผม สื่อสารงานกันยังแทบจะไม่รู้เรื่อง จบป.ตรีม.ชื่อดัง ได้เงินเดือนเท่ากับผมอีก คนเรามันเท่ากันที่ไหนครับ ???? จากคุณ : neobkk เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:56:11

ความคิดเห็นที่ 45 44 ความพยายามของคนเรามีเท่ากันครับ แต่ว่าแต่ละคนเอาออกมาใช้ไม่เท่ากัน ผมเชื่อคุณครับว่า "คนบางคนลำบากจนตาย กัดฟันสู้แทบตาย ชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้น" แล้วคุณเชื่อผมไม๊ครับว่า "ขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย" จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 12:43:37

ความคิดเห็นที่ 46 คคหท39ครับ ผมเข้าในความเห็นของคุณ เเต่ข้อความบางตอน"ชีวิตใครก็เป็นความรับผิดชอบของคนคนนั้น ไม่ใช่ของผู้บริหารประเทศ คนมันจนก็เพราะการดำเนินชีวิตของตน ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐ" รับไม่ได้จริงๆ ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ทีดี มีความปลอดภัยในชีวิติเเละทรัพย์สิน ไม่ต้องรวยทุกคน เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศ คนจนที่จนเพราะขาดโอกาส น้อยความสามารถ เป็นหน้าที่ของรัฐฯต้องสร้างโอกาส พัฒนาความสามารถ คนจนที่ขาดจริง ต้องมีสวัสดิการที่รัฐต้องมอบให้ เช่นการรักษาพยาบาล การศึกษา รัฐทำให้ทุกคนรวยไม่ได้ เเต่รัฐต้องรับผิดชอบกับคนจน คนรวยเขาก็ไม่ใช้บัตรทองหลอก เสียเวลา ค่าจ้างจะเท่าไรก็ตาม มีผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คน มันต้องไม่ถูกจนไม่มีเหลือจะพัฒนาตนเองเเะครอบครัวให้ดีขึ้น คิดให้ไกลๆ ใจให้กว้างๆกันบ้าง 300บาทธุรกิจไม่ถึงกับเจ็งหรอก  เพราะทุกวันนี้ก็จ้างลูกน้องเกินวันละ300บาทอยู่เเล้ว ขอให้อยุ่นานๆนิ่งๆเถอะ จะได้เอาหัวไปทำอย่างอื่น จากคุณ : lanna_rice เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 16:01:53

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 37   แล้วตกลงเรื่องนโยบายนี้ ปชป ลอกมาจาก พท ใช่ไหมจ้ะ ชอบประโยคนี้จัง " เพราะคนเรามีอคติ มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เกลียดพรรคนี้รู้สึกดีหรือซาบซึ้งหรอก เหอะๆๆ " จากคุณ : lip service เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:03:43 A:110.168.64.208 X: TicketID:296798 ..................... จ๊ะ.....ขอบคุณนะคุณบัตรผ่านที่ชอบประโยคนี้ของเรา อุตส่าห์คิด(เอง)ตั้งนานนะเลยนะเนี่ย ดีใจที่มีคนชอบ ^^ แสดงว่าสิ่งทีเราสื่อได้ผลแล้ว มีคนสนใจ จี้ใจ จนต้องเอามาก๊อป โฮ่ๆๆ ไม่เป็นไรๆ เข้าใจว่าคิดเองไม่เป็น รอยหยักในสมองคงไม่หยักมากพอ สังเกตเห็นความเห็นจะแขวะ เรายังต้องก๊อปข้อความเรา...แย่จริงๆเชียว (เพิ่มเติมพอดีเพิ่งคิดออก) เอ....จริงๆเรารู้มาว่าคนที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย มักจะเป็นพวกคนฉลาด มีการศึกษาสูงชิมิ แต่กรณีคุณบัตรผ่าน lip sevice เนี่ยะ สงสัยจะเป็นส่วนน้อยชิมิ ที่แปลกประหลาดกว่าคนอื่นน่ะค่ะ แต่เอาเถอะเราไม่รู้หรอก ใครลอกนโยบายใคร? เกทับยังไง? เราแค่บอกว่าถ้านโยบายขึ้นค่าแรงนี้เป็นของอีกพรรค ผลตอบรับคงไม่วุ่นวายเช่นทุกวันนี้ แล้วมันเกี่ยวอะไรยังไงกับใครลอกนโยบายใคร? เป็นไรมากป่ะ หรือว่าเราไปแทงใจดำเกินไป ทนไม่ได้เลยต้องขอออกมาจิกๆสะหน่อย แต่คงไม่กล้าใช่นามจริง ชิมิ เลยกล้าแค่บัตรผ่าน หุหุ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 18:35:27 จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 18:30:11

ความคิดเห็นที่ 48 เอาเลยครับ ผมก็จะรอดูว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าเกิดขึ้นมาจริงๆ   แต่ละคนเอาแต่คิดว่าจะไม่พอใช้จ่าย ค่าแรงถูก ข้าวของแพงขึ้น แต่ไม่เคยคิดกันหรอก ว่าตัวเองทำงานดีพอคุ้มค่าที่เค้าจะให้ค่าแรงตัวเองรึเปล่า เอาง่ายๆ พนักงานตามห้าง ตามคอนวิเนียน ทำงานคุ้มกับที่เค้าให้เงินมั้ย เช้าชามเย็นชาม สักแต่จะเรียกร้องๆ  สำนึกในหน้าที่หนะมีบ้างมั้ย จากคุณ : ชาย2เพลท เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 20:26:49

ความคิดเห็นที่ 49 มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง ที่โรงงานทำตู้อลูมิเนียม ตู้กับข้าว ลูกจ้างลาออกกลับบ้านที่ ตจว. เพื่อรอค่าแรง300บาทถึงจะกลับมาทำงานใหม่ แต่เจ้าของโรงงาน ไปคุยกับพี่ตั้มเรียบร้อย   แล้ว ว่าจะเอาแรงงานพม่ามาทำงาน แล้วจ่ายให้พี่ตั้มทุกเดือน เดือนนึงไม่เท่าไหร่แต่คุ้มเพราะลูกจ้างพม่าขยันกว่าคนไทยเยอะ ก็คิดๆกันเอาเองนะครับ ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง ได้ค่าแรง 300 หรือตกงาน ทำไร่ ทำนา แต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจกันหมดแล้วครับ จากคุณ : ผมขอชื่อนี้ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 23:08:18

ความคิดเห็นที่ 50 ที่แน่ ๆ เราอยู่ต่างจังหวัด รับรองได้เลยว่า หากขึ้นค่าแรง300 จริง ๆ คงปลดคนงานอีกหลายคนแน่นอน ขายของก็คงเอาแบบที่พอทำเองไหว เสมียน ปริญญาตรีไม่รับ เพราะคนเก่าคนแก่ที่จบปริญญาตรีมาได้เงินเดือน หมื่นสอง จะเอามากกว่า หมื่นห้า เพราะ มีประสบการณ์มากกว่าจะให้เงินเดือนเท่าเด็กจบใหม่ได้ยังไง ตอนนี้คนที่เรียนไม่จบปริญญาตรี จบสายวิชาชีพมา คงเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าแล้วล่ะ จากคุณ : ajh เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 23:51:19

ความคิดเห็นที่ 51 “เอ็มแรป” หนุนรัฐขึ้นค่าจ้าง 300 บาท http://www.thairath.co.th/content/eco/188410 อ่านกันซะนะ สำหรับคนมองโลกในแง่ร้าย จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 00:30:14

ความคิดเห็นที่ 52 ขึ้นอยู่กับว่า จขกท นั้นน่ะมองในมุมใหนมากกว่า ดูท่าแล้วถ้าเป็นมุมของ เจ้าของกิจการคงไม่ใช่แน่ๆเพราะเนื้อหาตั้งกระทู้ออกไม่อะไรที่จับต้องได้เลยออกเป็นแนวบ่นลอยๆมากกว่า น่าจะเป็นมุมในของ "การเมือง" มากกว่า จากคุณ : dere เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 11:15:00

ความคิดเห็นที่ 53 คห.32ครับ ธุรกิจพวกนี้ที่คุณว่ามันธุรกิจพวกไหนครับ กิจการในไทยมีมาร์จิ้นหลากหลายตั้งแต่3%-200%ด้วยซ้ำ แถมที่ว่ามานี่ เป็นGross margin ถ้าแปลงเป็นnet marginมันเหลือไม่เยอะอย่างที่คุณพูดหรอกครับ ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นมานี่ มันไปลด Net Marginนะครับ ไม่ใช่ Gross Margin เพราะฉะนั้นธุรกิจที่ล้มน่ะ มีเยอะแน่นอนครับ ส่วนคห.ที่51 ธุรกิจที่ขึ้นค่าแรง300ได้ทันทีน่ะ แปลว่ามันเคยกดขี่ค่าจ้างไว้แบบที่คุณด่าครับ ไม่ใช่ว่าเป็นคนดี ส่วนไอ้ที่บอกว่า "ถ้านโยบายนี้ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ... จะโวยวายกันแบบนี้ไหมนะ" มันบอกได้แค่ พวกคุณดูที่พรรค ไม่ได้ดูนโยบายเลย (นโยบายถมทะเลขายที่ ยังอุตส่าคิดได้ขายออก ที่ดินรกร้างสวยๆในประเทศมีเยอะแยะ ไม่รู้จักไปพัฒนา) แต่คนที่ออกมาด่านี่ ใครออกนโบายห่วยๆอย่างนี้ เขาก็ด่าทั้งนั้นแหละครับ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 12:58:21

ความคิดเห็นที่ 54 ผมเห็นด้วยกับนโยบายนี้ครับ ดูอย่างเกาหลี สิงค์โปร์ ญุ่ปุ่น เค้าไปถึงไหนกันแล้ว คนกวาดถนนในเกาหลีเผลอๆได้เงินเดินเยอะกว่าคนจบปริญญาตรีบ้านเราซะอีก ตอนนี้เห็นด้วยกับ ส.ส.ท่านหนึ่งที่พูดว่า เมืองไทยเราหมดยุค ค่าแรงต่ำแล้ว ตอนนี้คุณภาพ แรงงานบ้านเรา อาจจะยังไม่ถึงขึ้นกับมีฝีมือกับประเทศที่กล่าวมาขั้นต้น แต่ฐานเงินเดือน อัตราความต่างของฐานเงินเดือนผู้ใช้แรงงานต่างๆมากกว่าครับที่เราห่างกับเค้าจนเกินไป บางประเทศสูงกว่าเราไม่รู้กี่เท่า สังเกตจากผู้บริหารที่มาจากเมืองนอกที่มาตั้ง บ.ในไทย บางบริษัท เป็นหลักแสนหลักล้านกันเลยทีเดียว ผิดกับค่าแรงขั้นต่ำที่คนไทยแรงงานไทยเราได้รับลิบลิ้ว ประเทศไทยเราความเหลื่อมล้ำเลยมากระหว่างคนชั้นต่ำกลางสูงเลยมาก ผู้ประกอบการหลายๆกิจการกำไร บางกิจการก็สูงเป็น 100% ค่าใช้จ่าย มีบางงบหมดไปกับค่าเอนเตอร์เทน ค่าคอมมิสชั่น ซึ่งอยากให้ลดตรงกำไรให้มแชร์กับคนรากหญ้าบ้าง นโยบายนี้จะส่งผลดีแน่นอนกับประเทศไทยในอนาคต หากรัฐสามารถควบคุมราคาสินค้าได้ให้อยู่ในสภาวะปรกติ เพราะการใช้จ่ายในประเทศจะสูงขึ้น และเกิดการพัฒนาแรงงานขึ้นด้านฝีมือ แต่ก็ใช่ว่าจะมีข้อดีข้อเสียคือ ตอนนี้จะมีลักษณะแบบขึ้นรวดเดียวเป็น 300 บาทพร้อมกัน ควรแยกเป็นสองถึงสามช่วงภายในปีสองปี เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัว ได้ทัน ผมไม่ได้จะเข้าทางแบบหลับหูหลับตากับรัฐบาลชุดนี้แต่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ส่วนนโยบายพวกแจกไอแพด กับถมทะเลผมก็ไม่เห็นด้วยและเป็นนโยบายที่ไร้สาระมากในสายตาผม จากคุณ : เป็นไปไม่ได้หรือไม่ได้ทำ เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 14:38:02

ความคิดเห็นที่ 55 45 เชื่อครับ ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย แล้วคุณจะบอกว่า คนที่ขยันถูกที่ ต้องเป็นคนอย่างไรหรือครับ เป็นคนที่ "ฉลาด" "เฉลียว" "ชะเลีย" "ไม่เห็นหัวคนอื่น" "ดูถูกคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือจนกว่า" หรือเปล่า การที่ค่าแรง "ขั้นต่ำ" มันขึ้นเนี่ย "เศรษฐกิจประเทศ" ไม่มีทางพังครับ ไม่อย่างนั้น หลายๆประเทศ เศรษฐกิจย่อยยับกันไปหมดแล้ว แต่ถ้า คนไทย ยังนิยม ใช้แรงงานต่างด้าว เพราะถูกกว่า ขยันกว่า สักวันหนึ่ง พังแน่ครับ ไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่า แรงงานต่างด้าว มันจะขยันกว่าคนไทยทุกคน ที่ทำงานที่ผมทำอยู่ แม่้บ้าน และยาม ต้องทำงาน อาทิตย์ละ 7 วัน กะ 12 ชม. ค่าแรง คือ วันละ 230 บาทไทย และพวกเขาทำงานกันอย่างเต็มที่ มีความคิดยังไงกับ "คุณภาพชีวิต" ของ "คนไทย" เหล่านี้บ้างครับ ปล.นี่คือที่องค์กรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศไทยครับ *แก้ไขและเพิ่มเติม* แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 54 15:03:00 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 54 14:53:32 จากคุณ : neobkk เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 14:49:37

ความคิดเห็นที่ 56 46 ครอบครัวผมมีโอกาสมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ ครอบครัวผมมีความสามารถมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ ครอบครัวผมมีโชคมากกว่าครอบครัวอื่นอย่างไรครับ คคหท39ครับ ผมเข้าในความเห็นของคุณ เเต่ข้อความบางตอน"ชีวิตใครก็เป็นความรับผิดชอบของคนคนนั้น ไม่ใช่ของผู้บริหารประเทศ คนมันจนก็เพราะการดำเนินชีวิตของตน ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐ" รับไม่ได้จริงๆ ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ทีดี มีความปลอดภัยในชีวิติเเละทรัพย์สิน ไม่ต้องรวยทุกคน เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศ - เห็นด้วยครับ รัฐต้องสนับสนุนให้คนในประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศ เช่น ติดต่อราชการก็บริการคนจนและรวยเสมอภาคกัน ตำรวจก็คุ้มครองคนจนคนรวยเหมือนกัน พัฒนาความสามารถโดยจัดให้มีกรมการพัฒนาฝีมือ ฯลฯ แต่ก็ยังจนอยู่นั้นเป็นเพราะอะไร จะโทษใคร คนจนถูกทุกอย่าง รัฐต้องขูดรีดจากคนมีเงินมาแจกคนจนให้มากที่สุดถึงจะเรียกว่าเสมอภาคหรือ ผมบอกว่าคนจนนั้นจนเพราะแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเอง คุณบอกว่ารับไม่ได้ แล้วคุณรับแบบไหนได้ครับ คนจนที่จนเพราะขาดโอกาส น้อยความสามารถ เป็นหน้าที่ของรัฐฯต้องสร้างโอกาส พัฒนาความสามารถ - ครับ เห็นด้วย เคยได้ยินไม๊ครับว่า "พระเจ้าให้อาหารแก่นก แต่มันต้องบินไปจิกกิน" คนจนที่ขาดจริง ต้องมีสวัสดิการที่รัฐต้องมอบให้ เช่นการรักษาพยาบาล การศึกษา รัฐทำให้ทุกคนรวยไม่ได้ เเต่รัฐต้องรับผิดชอบกับคนจน - ทำไมรัฐต้องรับผิดชอบกับคนจนครับ รัฐไปทำให้คนจนงั้นหรือ แล้วคนรวยล่ะครับรัฐจะรับผิดชอบอะไรให้เขาบ้าง ต้องเสมอภาคกันสิครับ ทำไมคนรวยไม่มีลูกครับ เพราะเค้ากลัวลูกลำบาก แล้วคนจนที่มีลูกเยอะๆ นี่คิดอะไรอยู่ครับ คิดว่าให้รัฐขูดรีดเงินจากคนรวยมาเลี้ยงลูกตัวเองงั้นหรือ นั่นคือความรับผิดชอบของรัฐในความหมายจองคุณหรือเปล่า คนรวยเขาก็ไม่ใช้บัตรทองหลอก เสียเวลา - คนรวยจะใช้หรือไม่ใช้บัตรทองก็ต้องให้สิทธิ์สิครับ คนรวยผิดอะไรครับ ตกลงว่าเอาสิทธิ์ให้คนจนเยอะๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้องใช่ไม๊ครับ ค่าจ้างจะเท่าไรก็ตาม มีผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คน มันต้องไม่ถูกจนไม่มีเหลือจะพัฒนาตนเองเเะครอบครัวให้ดีขึ้น - แล้วค่าจ้างขึ้นอยู่กับอะไรครับในความคิดคุณ ความสามารถ ความขยัน ลักษณะของแรงงาน หรือว่า ค่าจ้างขึ้นอยู่กับรัฐบาลกำหนด ลูกจ้างกำหนด แล้วนายจ้างก็ต้องจ้างด้วย ถ้าอย่างนั้นผมขายคอมพิวเตอร์ให้คุณ 1 เครื่องในราคา 1 หมื่นบาท สเปกต่ำโคตรๆ แล้วคุณก็ต้องซื้อผมด้วยห้ามซื้อกับเจ้าอื่น ได้หรือเปล่า คิดให้ไกลๆ ใจให้กว้างๆกันบ้าง 300บาทธุรกิจไม่ถึงกับเจ็งหรอก  เพราะทุกวันนี้ก็จ้างลูกน้องเกินวันละ300บาทอยู่เเล้ว ขอให้อยุ่นานๆนิ่งๆเถอะ จะได้เอาหัวไปทำอย่างอื่น - ตกลงว่านอกจากบังคับว่าต้องจ้าง 300 บาทกับแรงงานจะขี้เกียจเท่าไหร่ก็ได้ ฝีมืออะไรก็ไม่มีแล้ว ยังห้ามธุรกิจของนายจ้างเจ๊งอีกด้วย คุณคิดว่าคุณจะบังคับทุกอย่างได้ขนาดนั้นจริงๆ หรือ จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 09:05:15

ความคิดเห็นที่ 57 45 เชื่อครับ ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย แล้วคุณจะบอกว่า คนที่ขยันถูกที่ ต้องเป็นคนอย่างไรหรือครับ เป็นคนที่ "ฉลาด" "เฉลียว" "ชะเลีย" "ไม่เห็นหัวคนอื่น" "ดูถูกคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือจนกว่า" หรือเปล่า - แล้วคนที่ขยันถูกที่ในความเข้าใจของคุณเป็นแบบนั้นหรือเปล่าครับ แต่สำหรับผมนั้น ไม่ใช่ และผมก็ไม่ได้คิดว่ากำลังคุยเรื่องใครดูถูกใครอยู่ ถ้าคุณจะคุยเรื่องดูถูกผมว่าคุณคุยกับคนอื่นดีกว่า แต่ถ้าคุณยังอยากจะคุยกับผมต่อ ผมว่าคุณเลิกคุยเรื่องดูถูกแล้วกลับเข้ามาในประเด็นดีกว่าครับ การที่ค่าแรง "ขั้นต่ำ" มันขึ้นเนี่ย "เศรษฐกิจประเทศ" ไม่มีทางพังครับ ไม่อย่างนั้น หลายๆประเทศ เศรษฐกิจย่อยยับกันไปหมดแล้ว - หลายประเทศไม่ย่อยยับ แต่หลายประเทศก็ย่อยยับไปแล้ว ส่วนประเทศเราจะเป็นอย่างไรกับนโยบายนี้เป็นเรื่องในอนาคตครับ แต่ถ้า คนไทย ยังนิยม ใช้แรงงานต่างด้าว เพราะถูกกว่า ขยันกว่า สักวันหนึ่ง พังแน่ครับ - เพราะอะไรครับ ไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่า แรงงานต่างด้าว มันจะขยันกว่าคนไทยทุกคน - ไม่ต้องห่วงครับ เพราะถ้าขยันเค้าก็จ้าง ถ้าขี้เกียจเค้าก็ไม่จ้าง ไม่ได้จ้างเพราะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว ที่ทำงานที่ผมทำอยู่ แม่้บ้าน และยาม ต้องทำงาน อาทิตย์ละ 7 วัน กะ 12 ชม. ค่าแรง คือ วันละ 230 บาทไทย และพวกเขาทำงานกันอย่างเต็มที่ มีความคิดยังไงกับ "คุณภาพชีวิต" ของ "คนไทย" เหล่านี้บ้างครับ - คิดว่าเค้าสบายกว่าที่ผมเคยเป็นอยู่มาก และโง่ๆ อย่างผมยังสร้างเนื้อสร้างตัวจนไม่ต้องลำบากแบบนั้นได้ ผมให้กำลังใจและหวังว่าเค้าเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิตสักวันหนึ่งครับ เคยมีคนโทรหาตัน โออิชิว่า "คุณตัน ผมอ่านหนังสือคุณแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากรวยอย่างคุณ แต่ผมทำตามที่คุณบอกทั้งขยัน ประหยัด อดทน อดออม ไม่เกี่ยงงาน หนักเอาเบาสู้ทุกอย่าง ฯลฯ ผมลำบากมากขนาดนี้มาเป็นสิบปีแล้ว ทำไมยังไม่เห็นรวยอย่างคุณเลย" เสี่ยตันตอบกลับไปว่า "คุณลำบากแบบนั้นมาสิบปีเอง ผมลำบากแบบนั้นมา 25 ปีกว่าจะมีวันนี้ คุณยังต้องพยายามมากกว่านี้อีกเยอะ" ปล.นี่คือที่องค์กรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของประเทศไทยครับ - ปล.องค์กรที่เค้าทำงานดีกว่าผมอีกครับ จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 09:21:56

ความคิดเห็นที่ 58 57 ประเด็นก็คือ การที่คุณเคยลำบาก แล้วขยันถูกที่ ทำดีถูกทาง จนเป็นได้อย่างทุกวันนี้เนี่ย มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วยครับ ผมก็แค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมคนอื่นจะต้อง ไปเริ่มต้นชีวิต ด้วยการลำบากเท่ากับคุณเลย ในเมื่อรัฐก็สามารถ ที่จะพัฒนา ปรับปรุงส่วนนี้ได้ ผมว่าคุณน่าจะอายุมากกว่าผมเยอะ ในยุคของคุณ มาตรฐานชีวิต ของชนชั้นแรงงาน รากหญ้า จนมาถึงปัจจุบัน มันผ่านมานานเท่าไหร่ ถ้ามาตรฐานชีวิต ชนชั้นแรงงาน รากหญ้า ยังเท่าเดิม ในขณะที่ชนชั้นที่สูงกว่านี่ รวยมากขึ้นทุกวัน แล้วมันบ่งบอกอะไรได้บ้างครับ คุณเก่งครับ ที่ถีบตัวเองจาก ความจน จากความเป็นชนชั้นแรงงาน ที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำได้ แต่อย่าลืมความจริงที่ว่า ยังไง โครงสร้างของสังคม ก็ต้องมีคนจน มีชนชั้นแรงงานเป็นฐานปิระมิด ต่อไปจนกว่าโลกจะแตก หรือไม่ก็มีการสร้างหุ่นยนตร์ ทำงานแทนคนน่ะครับ 300 บาท ไม่ได้ช่วยให้เขาเลิกเป็นผู้ใช้แรงงานครับ แค่ทำให้เขาเป็นผู้ใช้แรงงานที่ มีพื้นฐานชีวิตดีขึ้น "บ้าง" ไม่มีใครเรียกร้องให้รัฐช่วยให้พวกเขาร่ำรวยกลายเป็นชนชั้นกลางเสียหน่อย ขึ้นค่าแรง 300 บาทเนี่ย ถ้ามองแต่ด้านลบมันก็ลบสิครับ แต่ถ้ามองด้านดี แรงงานก็อาจจะปรับตัวให้มันเหมาะสมกับค่าแรง แต่ละบริษัท ก็จะได้ Recruit คนที่จะเข้ามาทำงานให้มันดีกว่านี้ จากคุณ : neobkk เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 10:21:01

ความคิดเห็นที่ 59 58 คนจะพัฒนาชีวิตขึ้นได้มาจากปัจจัย 3 อย่าง 1. ฉลาด - คนบางคนหัวดีครับ เป็นแต่กำเนิด เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่ได้เปรียบคนอื่น โตมาเป็นหมอ เป็นวิศวกร ฯลฯ แน่นอนว่าชีวิตเค้ารวยแน่ ถ้าไม่ไปทำชั่วติดคุกติตารางเสียก่อน แต่ถ้าคุณเกิดมาสมองไม่ดีมาดูข้อ 2 2. เก่ง - บางคนโง่ เรียนไม่เก่ง แต่มีความสามารถทางด้านดนตรี กีฬา หรือทำอาหารอร่อย ขายดีจนร่ำรวยด้วยขนมหม้อแกงเพียงอย่างเดียว พุ่มพวงก็อ่านหนังสือไม่ออก ให้เรียนหนังสือก็คงไม่ได้ แต่ทำไมถึงรวยได้ เพราะมีพรสวรรค์ทางด้านเสียงเพลงทำให้สร้างฐานะยากจนเป็นร่ำรวยได้ แต่ถ้าคุณเกิดมาไม่เก่งอะไรสักอย่างมาดูข้อ 3 3. ขยัน - ในคห.39. ผมยกตัวอย่างของคนที่ไม่ฉลาด ไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์อะไรสักอย่าง แต่สร้างฐานะจนร่ำรวยได้ เพราะสิ่งสุดท้ายที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ในมือนั่นคือความขยัน ความพยายาม ที่มีเท่ากันทุกคนตั้งแต่เกิด ถ้าหลุดจากข้อ 3 นี้ไปแล้วก็รวยจากการเสี่ยงโชคอย่างเดียวแล้วครับชีวิตนี้ ถ้าคนๆ หนึ่งไม่ต่อสู้ชีวิต ไม่ขยัน ไม่มีความพยายาม ไม่พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ดีขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ใช้วิธีเรียกร้อง ประท้วง ให้รัฐออกกฎหมายบังคับ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนที่ตัวเองต้องการ คนๆ นั้น จะไม่มีวันมีพื้นฐานชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง แต่จะเสพย์ติดการร้องขอแกมบังคับไปตลอดชีวิตเพราะว่ามันได้ผลอยู่เสมอ และถ้าสังคมไหนมีคนแบบนี้อยู่มากๆ สังคมนั้นจะเป็นอย่างไร คุณลองคิดดูเอง.. จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 11:56:33

ความคิดเห็นที่ 60 สวัสดีคุณนารีพินิจ เป็นไรมากป่ะ ถึงต้องวิ่งกลับ รดน. หรือประโยคของตัวเองมันแทงใจดำของตัวเอง ชิมิ ชิมิ (ถ้าทางจะเป็นอย่างที่ตัวพูดถึงได้รับไว้เต็มๆ) " เพราะคนเรามีอคติ มันก็ไม่ได้ทำให้คนที่เกลียดพรรคนี้รู้สึกดีหรือซาบซึ้งหรอก เหอะๆๆ " "สำหรับเรา ความเห็นนี้ความเห็นเดียว บอกได้ทุกอย่าง หุหุ " สำหรับรอยหยัก หรือการศึกษาของฉัน ถ้ามันน้อย หรือ ต่ำกว่าใคร ก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมาประเมิณ (หรือสั้นๆว่า ด่าคนอื่นว่าโง่) (แล้วถ้ามันสูงกว่า ขอไม่รับไว้นะฮะ) ฉันแค่ชอบประโยคที่คุณเขียน ถ้ามันแขวะตัวคุณเองก็ช่วยไม่ได้ จะให้ฉันบอกว่าไม่ชอบหรืองัย เรื่องแทงใจดำฉัน? ขอตอบว่า "ไม่" ฉันเข้ามาโพสเพื่อบอกว่า ฉันทราบมาว่า ปชป มีนโยบายเหมือนกัน ต่างกันเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน ถ้ารู้ก็บอกกันมา เท่านั้น เรื่องนโยบายก็เห็นมีคนโวยวาย ทั้งของ ปชป เช่น ไข่ชั่งกิโล ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกล่าวว่า " ถ้านโยบายนี้ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ... จะโวยวายกันแบบนี้ไหมนะ " เรื่อง 300 ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ได้อยากวิจารณ์ แต่ฉันอยากทราบข้อดี ข้อเสียของมัน จึงอ่านเฉยๆ สำหรับเรื่องบัตรผ่าน หรือล้อกอิน ฉันคิดว่าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้อะไร มันผิดตรงไหน แล้วถึงฉันจะใช้บัตรผ่านแต่ฉันคิดว่าฉันสุภาพพอสมควรและฉันสามารถรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้ (มากกว่าบางล้อกอิน) ปล. บางคนใช้หลายล้อกอิน คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าพฤติกรรมคุณคล้ายบางล้อกอินที่ชอบวิ่งกลับ รดน (ทำไมคนคนหนึ่งถึงสามารถมีได้หลายล้อกอิน) ปล. ยังอยากทราบประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการที่ดีที่สุด และ ค่าแรงก็สูงที่สุดด้วย แต่ประเทศนี้กลับไม่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ ก็เพราะช่องว่างระหว่างชนชั้นเค้าน้อยมาก อำนาจในการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ ทุกสัดส่วน เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งนำเข้า ส่งออก อยู่นะ (คิดเอาเองว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมวลรวมสูงสุดแต่ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ไม่เห็นต้องเก็บเป็นความลับเลย อยากศึกษาวิธีบริหารของเขาเหมือนกัน) ขอบคุณที่อ่านจนจบ ถ้าใครไม่ใช่สิ่งที่ฉันเขียนไม่ต้องมาแบกรับ กรุณากองไว้ใน คห นี้ จากคุณ : lip service เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 16:06:30 A:125.25.7.56 X: TicketID:296798

ความคิดเห็นที่ 61 อยากเปิดบัญชีกิจการบริษัทให้ดู ว่าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ การได้กำไร 5% นี่เค้าเรียก โค ตะ ระ ดีมากๆแล้วครับ ไอ้พวก 100% - 200% นั้นมันน่าจะเป็นพ่อค้าคนกลางเอาไปขายมากกว่านะครับ ค่าแรงขึ้น 35-40% จากปี 54  ค่าแรงโรงงานใช้่แรงงานเป็นหลัก (คนคุมเครื่องจักร ไม่ใช่พวกเครื่องจักรคุมคนเหมือนปูน เหมือนโรงงาน Electronic) คิดจากอัตราส่วนของค่าใช้จ่ายค่าแรงจะเป็นประมาณ 20% ของต้นทุนทั้งหมด คราวนี้ ขึ้น 35-40% ก็จะส่งผลต่อ ค่าใช้จ่ายรวม 7%-10% ซึ่งตามที่บอกข้างต้น กำไร 5% ถือว่าดีมาก โดนขึ้นค่าแรง 7-10% แค่นี้ก็ขาดทุนแล้วครับ ยังไม่รวม วัตถุดิบที่จะต้องขึ้นตามกลไกตลาด อย่าลืมว่า 1. ไม้ที่นำมาทำเฟอร์นิเจอร์ คนเป็นคนปลูก คนเป็นคนตัด คนเป็นคนเลื่อย คนเป็นคนจัดเรียง คนเป็นคนขับมาส่งของ 2. กล่ิอง คนเป็นคนทำ คนเป็นคนผลิต คนเป็นคนจัดส่ง 3. Fitting คนเป็นคนผลิต คนเป็นคนทำ คนเป็นคนจัดส่ง 4. อาหารในโรงงาน คนเป็นคนขาย คนเป็นคนผลิต คนเป็นคนตัก และคนก็เป็นคนล้าง 5. ไข่ที่นำมาใช้ทำอาหาร คนเป็นคนเลี้ยง คนเป็นคนเก็บ และคนเป็นคนแบกมาขาย ุ6. อะไรที่เกี่ยวกับคนคิดประเมินไว้ก่อนเลย ว่าจะต้องขึ้นราคาแน่นอน คิดแค่ค่าแรง 7-10% ตอนนี้ยังไม่รวมวัตถุดิบที่จะต้องขึ้นอีก ต่างกันตรงที่ วัตถุดิบขายในไทย ปฏิเสธไม่ได้ ย้ายไม่ได้ แต่โรงงานมีคู่แข่งอยู่ทั่วโลก ย้ายจากไทยไปเวียดนาม ไปจีน ง่ายมาก ณ ทุกวันนี้ อย่าลืมว่า โรงงานกว่า 50% ไม่ได้ใช้แบรนด์ของตัวเองไปขาย เป็นมือปืนรับจ้าง แล้ัวเลิกคิดซะทีว่าแรงงานไทยมีฝีมือ ตอนนี้จีนเก่งกว่าเราไปมากแล้วนะครับ เรื่องเฟอร์นิเจอร์และงานเหล็ก ที่เห็นออกมาสนับสนุนนั้นเค้ามีแบรดน์ไว้สร้างมูลค่าครับ เลยไม่เดือนร้อนมาก ขาดทุนกำไรไปหน่อย เรื่องภาษี เนื่องจากมีขาดทุนสะสมเอาไว้มากอีก 5 ปีก็ยังไม่เสียภาษี ได้แต่คิดๆไปเอง ว่าเรื่องค่าแรงมันควรเป็นเรื่องของ 3 ฝ่ายร่วมตัดสินใจ กระทรวงอุตสหกรรม ตัวแทนนายจ้าง ตัวแทนลูกจ้าง ตอนนี้กลายเป็นว่า นายกฯสั่ง วิ่งตามกันทั้งหมด ไม่ถามนายจ้าง ไม่สน อันนี้มันก็น่าน้อยใจครับ ตอนนี้ก็รอชะตากรรมว่าจะปรับตัวกันได้หรือไม่ครับ จากคุณ : NITBALL เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 11:28:59