ความคิดเห็นที่ 1 แต่ก่อนกินก๋วยเตี๋ยวชามหกบาทน้ำมันลิตรละสิบสอง แต่ทุกวันนี้ก๋วยเตี๋ยวสามสิบห้าน้ำมันสองลิตรร้อย         แต่ก่อนเงินเดือนสามพันห้าเดี๋ยวนี้เงินเดือนหมื่นสอง จากคุณ : ศักดิ์ (ศักดิ์น้อย) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:42:32

ความคิดเห็นที่ 2 นั่นอ่ะดิ แพงขึ้นเรื่อย ๆ ปล.ใครจะแก้ได้เนี้ย จากคุณ : หัวหน้าเผ่าฯ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:42:33 A:202.44.139.173 X: TicketID:301517

ความคิดเห็นที่ 3 พื้นที่ทางเท้าของประชาชน...ควบคุมไม่ให้พวกเหลือบไรพวกนี้ตั้งแผงขาย ตั้งรถเข็นขาย ยังไม่ได้เลย จะให้ควบคุมราคาคงฝันไปน่ะครับ จากคุณ : Zeichnung (Zeichnung) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:49:47

ความคิดเห็นที่ 4 คห3 ขอโทษนะคับ พวกเหลือบไร ที่คุณด่า  ก็เป็นฐานเสียง ของพรรคที่คุณชอบแหละคับ จากคุณ : คนที่ยุนอาหลงรัก เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:18:44

ความคิดเห็นที่ 5 แพงขึ้นไม่ว่า แต่ปริมาณดันให้น้อยลงอีก ปกติชามเดียวอิ่ม เดี๋ยวนี้ไม่อิ่มแล้ว. ผมเลิกกินไปหลายร้านแล้วครับ แถวบ้านผมข้าวผัดมันซัดไป ๔๐ บาท พอน้ำมันขึ้นราคา มันกดไป ๕๐ บาท ผมเลยเลิกกินร้านมันไปเลย เพราะมันขึ้นแล้วไม่ยอมลง (มันขึ้น ๑๐ บาททุกรายการ) ล่าสุดไปกิน คะน้าหมูกรอบ แม่ค้าคิดเงิน ๓๕ บาท บอกว่าหมูแพง เมื่อหลายวันก่อน ยังไปกินแค่ ๓๐ บาทเอง กินไม่อิ่มอีกตามเคย ต้องไปซื้อน่องไก่มาแก้หิว...อีกน่อง เฮ้อ... ค่าจ้างเรียกแพงก็ไม่จ้างเรา เรียกน้อยเราก็ทำงานไม่ได้น้อยเหมือนค่าจ้าง เซ็งจิต คิดไปก็ได้แต่ทำใจ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:22:59

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่าต่อไปอาจจะแพงกว่านี้แน่นอนครับ แต่คนรวยก็ยังคงรวยเหมือนเดิม..... อาจจะกว่าเดิม.. จากคุณ : สู้ (Hallgood) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:34:18

ความคิดเห็นที่ 7 เค้าถือว่า ค่าแรงเพิ่มแล้วนี่ครับ อาหารการกินมันก็ต้องแพงขึ้น ตามค่าแรง แล้วนอกจากนั้น สิ่งที่จะตามมาคือหางานยากมากขึ้น เตรียมตัวรับชะตากรรมกันทั่วหน้า....เฮ้อ...!! จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:39:53

ความคิดเห็นที่ 8 คนที่พอมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง(ไม่ถึงกับต้องรวย) ต้องหันมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวเท่านั้น จะลงทุนในหุ้นหรืออะไรก็แล้วแต่ความถนัด แต่คุณต้องเริ่มศึกษาแล้วตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย การเป็นลูกจ้างเขา ก็ต้องรอให้คนอื่นเอารายได้มาหยอดปากให้ไปวันๆเหมือนกับลูกนก การขึ้นเงินเดือนหรือค่าจ้าง ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้น มีเงินเก็บมากขึ้น แต่อย่างใด อันนั้นคุณคิดไปเองทั้งนั้น เพราะในไม่ช้าเงินที่เพิ่มขึ้นมาของคุณ ก็เหมือนกับหายไปเฉยๆ เมื่อเจอข้าวของขึ้นราคาเรื่อยๆ ครั้นจะเอาเงินที่เหลือไปฝากแบงค์ก็ได้ดอกเบี้ยน้อยนิดเหมือนให้เงินขอทาน ซื้อสลากออมสินก็ ผลตอบแทนกระจอกงอกง่อย โอกาสถูกรางวัลใหญ่ เหมือนสร้างจรวดไปดาวนาเม็ก เห็นได้ชัดว่าคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศพ่ายแพ้ต่อภาวะเงินเฟ้อโดยสมบูรณ์ แล้วมันจะพ้นความจนได้อย่างไร ครั้นจะไปหวังให้นักการเมืองมาช่วยกอบกู้เศรษฐกิจ โอว...ตื่นเถิดชาวไทย ไปล้างหน้าซะ จะได้เลิกฝันกลางวัน นโยบายประชานิยมนี่แหละ ที่จะพารากหญ้าลงนรกยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครช่วยให้คุณรักษาความมั่งคั่งในทรัพย์สินที่มีอยู่เอาไว้ได้นอกจากตัวคุณเอง จงเริ่มลงทุนเพื่อชีวิตในยามชรา ตั้งแต่บัดนี้ ปล.ผมไม่แนะนำประกันชีวิตแบบส่งระยะยาวแล้วได้เงินก้อนคืนทีหลัง เพราะอะไร เอาไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง ขอตัวไปกินข้าวเที่ยงก่อน ปล.(อีกที) ใครสนใจที่จะเริ่มต้นการลงทุนในด้านไหน ทั้งหุ้น,ทอง บลาๆๆ ส่งหลังแมวมาขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ ผมไม่รังเกียจมือใหม่ อ้อ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกขายตรงหาดาวไลน์ หรือ นายหน้าหลอกขายประกันด้วย ไม่ต้องระแวงมาก เงินคุณอยู่ในมือคุณ ไม่ได้อยู่ในมือผม ผมจะโกงคุณได้อย่างไร หุๆ จากคุณ : baby_naked เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:54:31

ความคิดเห็นที่ 9 รอให้รัฐบริหารงาน ให้ทำตามนโยบายที่เราอยากได้ก่อน แล้วมาดูว่าเราจะยังเจอปัญหาแบบนี้ไหม หรือเบาบางลง หรือหนักหนาลง หรือไม่มีอะไรเปลี่ยน อาจจะไม่ได้เป้นที่รัฐ เพราะเราเลือกให้เขามาทำแบบนี้ แล้วเขาก็ทำไปแล้ว แต่อยากให้เรียนรู้ว่า เราจะเลือกอะไรที่ดี มากกว่าที่เห็นแค่ด้วยตา(ถ้าเราเลือกด้วยตา ระยะการมองมันใกล้ แต่ถ้าเลือกด้วยความคิด ไม่ว่าอย่างไร ต้องคิดออกบ้า งเหมือนที่มันจะเกิดในอนาคต แบบพอรู้แนวโน้ม) เพราะไม่งั้นคนเราจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ที่ชอบหยิบของใกล้มือ ซึ่งมันอาจจะดี หรืออาจจะมีที่ดีกว่า แต่หยิบไม่ได้แล้ว ต้องลองดูกันในอนาคต ว่าสิ่งที่เราเลือกให้รัฐทำ มันตอบโจทย์ชีวิตที่ดีขึ้นได้ไหม และพึงสังวรณ์ไว้ว่าไม่ได้เป้นที่รัฐอย่างเดียว แต่เป็นที่เราคนในสังคมด้วย ไม่ว่าผลจะดีหรือไม่ดีครับ ปล.คนไม่มีงานทำ เราก็คิดว่าค้าขายไง น่าจะดี หลายคนก้ค้าขาย คนค้าขายเพิ่มขึ้น คนซื้อก็ลดลง ที่ทำมาหากินต้องเพิ่มขึ้น ถ้าเท่าเดิมก็มีปัญหา ทั้งคนขายและไม่ขาย สุดท้ายก้เหมือนปัญหามันเกิดมาจากทุกคนต่างคิดแก้ปัญหาไปในทางเดียวกัน แต่ไม่เคยร่วมกันวางแผน สุดท้ายก็ต้องแย่งกัน ที่พูดนี่เพื่อจะบอกว่าสังคมที่มีปัญหา ไม่ได้เป้นที่รัฐบริหารไม่ดี แต่อย่างเดียวไม่ เพราะจะพูดเลยไม่ได้ว่าปัญหาทุกอย่างเกิดจากรัฐ แต่เราคาดหวังให้รัฐแก้ไขให้หมด ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : I_AM_Y (I_am_y) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 13:00:43

ความคิดเห็นที่ 10 ค่าเเรงขึ้น ค่าครองชีพก็ขึ้นเเซงหน้า จะซื้ออะไรกินซักอย่างคิดเเล้วคิดอีก เเล้วคนที่เงินเดือนเท่าเดิมจะทำยังไงกันคะ จะให้กินอาหารญี่ปุ่น(บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) ทุกๆวันก็ประหยัดเงินเเต่คงไม่คุ้มถ้าจะต้องไปฟอกไต ในอนาคต/กลายเป็นโรคขาดสารอาหารไป เหนื่อยเเท้ .. แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 13:23:11 จากคุณ : คนหมุนโลก เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 13:21:04

ความคิดเห็นที่ 11 จะบอกว่าค่าอาหารขึ้นตามค่าแรงก็ไม่ถูก........ลองอ่านดูว่าทำไม แล้วคนที่เขามีอาชีพเช่นขายของเขามีค่าแรงหรือไม่   ขายของได้กำไรต่อชิ้นเพิ่มมากหรือไม่  นับวันขายของมีแต่กำไรหดลง ๆ   เพราะใคร ๆ ก็แห่มาขายของแบบเดียวกันหมด  หรือพนักงานระดับล่าง ๆ ตามโรงงาน  ค่าแรงเขาได้ขึ้นกันหรือเปล่า   พนักงานบริษัทกระจอก ๆ ได้ขึ้นเงินเดือนกันเท่าไร   มันไม่ได้ค่าแรงขึ้นกันทุกคนทั่วประเทศ  จะมาเหมาว่าอาหารขึ้นตามค่าแรง   มันไม่ถูกตามความจริง.. แต่ค่าอาหารแพงลิบลิ่วแบบนี้   ต่อไปคนธรรมดาจะไม่ไหว   อาชญากรรมก็จะเพิ่มขึ้นมาก    ก็คนมันท้องหิวใส้กิ่ว   ไม่กินก็อดตาย   จะต้องฉกชิงวิ่งราวมันก็ทำได้ทั้งนั้น.. อาหารเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญ   ถามว่าจะซื้อกับข้าวมาผัดกินเองทุกมื่้อได้ไหม  อยู่คนเดียวสองคนก้ไม่คุ้มค่าไฟค่าแก๊ส  อีก   มันก็จำเป็นต้องพึงร้านตามข้างถนน จะเดินเข้าร้านห้องแถวที่มีห้องน้ำด้วย   มื้อนึงไม่ต่ำกว่า 50   สุดท้ายคนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเรา   คงได้กินแต่อาหารญี่ปุ่น  เช่น มาม่า ไวไว ยำ ๆ   อะไรเทือกนี้ไปตลอด  เป็นที่มาของโรคสารพัด  ก็ แล้วจะให้กินอะไร..... นี่ก็มีทีท่าไข่  กับข้าวสารจะขึ้นราคาอีก   โกงกินกันเข้าไป   คนรวยน่ะ  ลอยตัวไปแล้ว   เห็นร้านฟูจิคิวแน่นเอี๊ยด  ยังกับแจกฟรี   มื้อละต้องมีพันกว่านะนั่น....แต่คนธรรมดาล่ะ  ไม่มีใครคิดช่วยบ้างเลยเหรอ... แก้ไม่ได้สักทีปัญหาราคาอาหารแพง....ชาวบ้านอดอยากปากแห้งกันหมดแล้ว จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 13:46:04

ความคิดเห็นที่ 12 "ทำไมรัฐบาลถึงควบคุมราคาอาหารสำเร็จรูปข้างถนนไม่ได้ เพราะอะไร" เพราะมันไม่ใช่สินค้าควบคุมครับ อาหารสำเร็จรูปมันก็บอกอยู่แล้วว่า "สำเร็จรูป" รัฐบาลควบคุมได้แค่ราคา raw material ที่คนขายเขานำมาประกอบอาหารขายเรา เช่น น้ำมันพืช, หมู, ไข่, ข้าวสาร ฯลฯ อะไรแบบนั้น ในยุคนึงที่อาหารสดราคาแพง คุณสมัคร สุนทรเวช ได้เคยเสนอเมนู "ซี่โครงไก่ต้มฟัก" ผมจำได้ว่าตอนนั้นนายกฯชิมไปบ่นไปผู้นี้โดนกระแนะกระแหน โดนด่าเปิง แต่พอมามองแบบปราศจากอคติแล้ว ผมว่าความคิดของคุณสมัครก็ไม่เลวเลยครับ เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม กสิกรรม หากอะไรแพง เราก็น่าจะมีทางเลือกกินของไม่แพงได้ หมูแพง ก็กินไก่ ไก่แพงก็กินปลา ปลาแพงก็กินไข่ อะไรแบบนั้นแหละครับ..... มันแทบไม่มีทางเลยที่วัตถุดิบต่างๆจะแพงพร้อมๆกันได้ เพราะมันเป็นเรื่องของ "อุปสงค์" และ "อุปทาน" ที่เชื่อมโยงไปยังกลไกตลาด มีเรื่องเล่ากันว่าในตอนที่ไก่ราคาตกติดดินนั้น บริษัทการเกษตรยักษ์ใหญ่ต้องนำลูกได้ไปทำลาย พูดง่ายๆก็คือฆ่าทิ้งนั่นแหละ เพื่อให้ผลผลิตมันออกในตลาดน้อย และราคาไก่มันจะได้ดันตัวเองขึ้นมาตามกลไกตลาด ลองเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นดูกันดีกว่าครับ ผมว่าขี้คร้านพอไม่มีการจับจ่าย ผลผลิตนั้นๆก็ราคาตกลงมาเอง การทำกับข้าวกินเองเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยประหยัด หากคุณทำข้าวหม้อ แกงหม้อ ผมว่าตัวคนเดียวสามารถกินได้น่าจะซัก 2 วันเลย หุงข้าวไว้ซักหม้อนึง ทำพะโล้ใส่ไข่เบอร์เล็กๆหน่อย ใส่เต้าหู้ ใส่ไก่ ใส่เลือดหมูลงไปด้วยก็ได้ เบ็ดเสร็จน่าจะอยู่ประมาณที่ 250 บาท (มั้ง) แต่หากคุณกินได้ถึง 2 วัน (หรือ 6 มื้อ) นั่นคือต้นทุนต่อมื้อของคุณไม่กี่สิบบาทเองครับ แถมยังอิ่ม อร่อยด้วยฝีมือเราเองอีก หรือจะทำต้มจับฉ่ายหม้อใหญ่ๆ แกงส้มใส่มะละกอ หรือ ดอกแค ต้มมะระใส่โครงไก่แบบคุณสมัคร หรือหากคิดไม่ออกก็หุงข้าวไปเลย 1 หม้อ แล้วเจียวไข่ใส่หอมหัวใหญ่กินเองร้อนๆ หอมฉุยๆ มีพริกขี้หนูน้ำปลาบีบมะนาว หรือ พริกป่นน้ำปลามะนาว แค่นี้ก็แซ่บบบ....เหลือหลาย และใช้เงินไม่มากมายเลยครับ และถ้าขยันหน่อย ก็ตำน้ำพริกกะปิไปเลยครกใหญ่ๆ โรยมะเขือพวง ใส่ทับเพอร์แวร์แช่ตู้เย็นไว้ พอจะกินก็ทอดปลา หรือ ต้มไข่ต้ม หาผักสดมาแนมเพื่อตัดรสของกะปิซักหน่อย แบบนี้ต้นทุนต่อมื้อของคุณก็คงไม่เท่าไรหรอกครับ เราอยู่ในเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ เจอปัญหาของอย่างนึงแพง ก็เลี่ยงไปกินอีกอย่างก็ได้ครับ เชื่อผมเถอะ...เดี๋ยวพอไม่มีใครกินราคามันจะลงมาเองครับ ...ส่วนผม... ขอกินเบียร์แกล้มยำปูม้าก่อนครับ..แหะ แหะ... แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 16:18:10 จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 14:31:40

ความคิดเห็นที่ 13 อยากได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 ไม่ใช่เหรอ มันก็ต้องแลกกับข้าวของแพงขึ้นอย่างนี้แหล่ะ คราวที่แล้วบอกว่าจะปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ข้าวของก็ปรับขึ้นพรวด ๆ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 14:53:06

ความคิดเห็นที่ 14 ของแพงวันนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องค่าแรง 300 ซึ่งยังไม่ดำเนินการ ที่สำคัญตอนนี้ยังเป็นนายกรูปหล่อ ยังไม่ใช่นายกคนสวย รอให้บริหารงานก่อน ถ้าแย่ก็ต็องโดนด่า แล้วคราวหน้าก็ไม่เลือก นี่แหละประชาธิปไตย จากคุณ : มีดบิ่น เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:29:05

ความคิดเห็นที่ 15 เกือบจะเชื่อ คุณตุ้มฯ  ซะสนิทใจ  ถ้าไม่มาเห็นเมนูคุณซะก่อน! จากคุณ : มีลูกชื่อหยอง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:36:56

ความคิดเห็นที่ 16 คนรายได้น้อยที่เช่าห้องแคบๆเล็กกระจิ๊ด  ที่เคยเห็นมา เพื่อนมีตึกแถว 3 ชั้นให้คนเช่า ชั้นล่างห้องเดียว เพราะมีห้องน้ำ 2 ห้อง และที่ซักผ้า  ชั้นบนชั้นละ 3 ห้อง ดาดฟ้าคนเช่าเย็บผ้า อยู่กัน 6 คน รวมแล้ว 8 ห้อง  อยู่กัน สิบกว่าคน ไม่มีพื้นที่ให้ทำครัวดอกค่ะ  ขืนทำ เอาที่ไหนมาล้างจานชาม ขนาดหอพักเกรด A  เนื้อที่ 28 ตรม ที่เคยเช่าให้ลูกสาวอยู่ตอนเป็นนักศึกษา มีห้องน้ำในตัว  เขาห้ามรีดเสื้อ  ยังไม่มีที่ทำครัว ไม่มีซิงค์ล้างจาน ถ้าหิ้วมากินที่ห้อง ก็ต้องเอาเข้าไปล้างที่อ่างล้างหน้า จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:42:18

ความคิดเห็นที่ 17 #4 คนพวกไหนมากสุด มันก็เป็นฐานเสียงของทุกพรรคล่ะครับ ผมเห็นทุกพรรคไหนหาเสียงกับคนจนเหมือนกันหมด เพราะทุกพรรครู้ว่าต้องเอาใจคนจน จึงจะได้เป็นรัฐบาล พรรคที่ผมชอบ ผมชอบเพราะนโยบายบางอย่างเขาทำให้พรรคพวกของเขาได้ผลประโยชน์ครับ แต่นโยบายพวกนี้ประกาศออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ว่า คนตระกูลนี้ได้เงิน คนสกุลนั้นได้สิทธิพิเศษ มันก็เลยต้องเขียนออกมากว้างๆกว่านั้น และตรงนั้นคือที่ๆผมอยู่ จากคุณ : Zeichnung เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 22:07:44

ความคิดเห็นที่ 18 #4 คนพวกไหนมากสุด มันก็เป็นฐานเสียงของทุกพรรคล่ะครับ ผมเห็นทุกพรรคไหนหาเสียงกับคนจนเหมือนกันหมด เพราะทุกพรรครู้ว่าต้องเอาใจคนจน จึงจะได้เป็นรัฐบาล พรรคที่ผมชอบ ผมชอบเพราะนโยบายบางอย่างเขาทำให้พรรคพวกของเขาได้ผลประโยชน์ครับ แต่นโยบายพวกนี้ประกาศออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ว่า คนตระกูลนี้ได้เงิน คนสกุลนั้นได้สิทธิพิเศษ มันก็เลยต้องเขียนออกมากว้างๆกว่านั้น และตรงนั้นคือที่ๆผมอยู่ จากคุณ : Zeichnung เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 22:08:44

ความคิดเห็นที่ 19 #4 คนพวกไหนมากสุด มันก็เป็นฐานเสียงของทุกพรรคล่ะครับ ผมเห็นทุกพรรคไหนหาเสียงกับคนจนเหมือนกันหมด เพราะทุกพรรครู้ว่าต้องเอาใจคนจน จึงจะได้เป็นรัฐบาล พรรคที่ผมชอบ ผมชอบเพราะนโยบายบางอย่างเขาทำให้พรรคพวกของเขาได้ผลประโยชน์ครับ แต่นโยบายพวกนี้ประกาศออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ว่า คนตระกูลนี้ได้เงิน คนสกุลนั้นได้สิทธิพิเศษ มันก็เลยต้องเขียนออกมากว้างๆกว่านั้น และตรงนั้นคือที่ๆผมอยู่ จากคุณ : Zeichnung เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 22:09:30

ความคิดเห็นที่ 20 #4 คนพวกไหนมากสุด มันก็เป็นฐานเสียงของทุกพรรคล่ะครับ ผมเห็นทุกพรรคไหนหาเสียงกับคนจนเหมือนกันหมด เพราะทุกพรรครู้ว่าต้องเอาใจคนจน จึงจะได้เป็นรัฐบาล พรรคที่ผมชอบ ผมชอบเพราะนโยบายบางอย่างเขาทำให้พรรคพวกของเขาได้ผลประโยชน์ครับ แต่นโยบายพวกนี้ประกาศออกมาโจ่งแจ้งไม่ได้ว่า คนตระกูลนี้ได้เงิน คนสกุลนั้นได้สิทธิพิเศษ มันก็เลยต้องเขียนออกมากว้างๆกว่านั้น และตรงนั้นคือที่ๆผมอยู่ จากคุณ : Zeichnung เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 22:10:18

ความคิดเห็นที่ 21 ดิ้นใหญ่ หึหึ จากคุณ : คนที่ยุนอาหลงรัก เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 07:34:28

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบอกว่า เราไปซื้อขนมหวาน แห้ว เผือก ลูกบัวใส่กระทิน้ำแข็งใส ชามละ 40 บาท โอ้ มายก๊อด เรื่องจริงไม่ผ่านจอจ้า ราคาหนมหวานเหรอเนี่ย จากคุณ : แม่มดน้อย (boontarika) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:00:04

ความคิดเห็นที่ 23 พ่อค้าแม่ค้า บอกว่านี่แค่ออเดิฟน่ะครับ ราคาจะปรับสูงกว่านี้อีกใจเย็นๆ อ่อไข่อาหาร  หลักยังไงก็ขอให้ปรับราคาลงและพวกบะหมีสำเร็จรูปด้วยน่ะครับ เห็นใจคนรากหญ้า หน่อยครับ พวกสินค้าเกษตรและพวกอาหารไก่ ไข่ ราคาน่าจะคุยกันได้น่ะครับเพราะ  ว่าเจ้าของธุรกิจระดับประเทศก็เป็นฐานเสียงของพรรค น่าจะขานรับนโยบายก่อนเลย ครับปรับลดราคาก่อนจะดีมากๆ จากคุณ : ทามากิ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 18:50:40