อ่ะ ตามมาก็ได้
บอกว่าให้ไปอ่านกระทู้นั้น แต่ไม่แปะ link ให้
ถือว่าเจตนาไม่สุจริตนะเนี่ย
เล่นเอางง กว่าจะหาเจอ
เอาอีกด้านของเหรียญมาให้พิจารณา
(ใครบอกว่า ฟ้องได้ ช่วยดูเงื่อนไขในคดีที่ผมทิ้งไว้ในกระทู้ต้นเหตุด้วยนะเออ)
เรื่องย่อ คือ คุณปรียนันท์
เป็นหญิงท้องแรก ฝากครรภ์กับสูตินรีแพทย์ของรพ.พญาไท 1
พบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
เมื่อเจ็บท้องคลอดเธอไปโรงพยาบาล แพทย์ติดดูแลคนไข้อื่น และสั่งให้ยาเร่งคลอดทางโทรศัพท์โดยไม่มาตรวจครรภ์
เมื่อใช้ยาเร่งคลอดไม่ได้ผลแพทย์พยายามช่วยคลอดด้วยการใช้เครื่องดูดดึงแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากเด็กอยู่ในท่าผิดปกติคือหงายหน้าออก(OPP) หลังผ่าตัดทำคลอด เด็กมีน้ำหนักมากถึง 4,050 กรัม บริเวณท้ายทอยมีรอยบวมน่วมก้อนโตที่เกิดจากการใช้เครื่องดูด
หลังคลอดเด็กตัวเหลืองมากส่องไฟไม่ลด กุมารแพทย์เปลี่ยนถ่ายเลือดผ่านสาย สะดือ เกิดการติดเชื้อ มีไข้สูง สะดือแฉะมีหนองสีเหลือง ร้องกวนมาก น้ำหนักลดอย่างต่อเนื่อง
ตรวจพบเม็ดเลือดขาวสูงมาก แต่แพทย์มิได้ให้ยาปฏิชีวนะ มีการเจาะเลือดเพื่อเพาะเชื้อ แต่ไม่ทันทราบผลก็จำหน่ายเด็กออกจากโรงพยาบาล
การติดเชื้ออย่างรุนแรงโดยไม่มีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ทำให้ ข้อสะโพกซ้ายของเด็กติดเชื้ออย่างรุนแรงถูกเชื้อโรคทำลายจนสลายไป กลายเป็นความทุกข์ทรมานและเป็นปัญหาเรื้อรังของเด็กไปตลอดชีวิต
คุณปรียนันท์ฯ......อุ้มลูกกลับไปขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธ
อ้างว่าลูกของเธออาจติดเชื้อจากที่ใดก็ได้คนเราเป็นหวัดก็ติดเชื้อไวรัสจากอากาศ
จะช่วยรักษาให้แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายปกติ จะลดให้บ้างเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม
แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการรับผิด เพราะไม่ได้ทำผิดพลาด ใด ๆ
คุณปรียนันท์ฯ ทุ่มเทค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาลูกจำนวนมาก จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ก็ไม่สามารถแก้ไขเยียวยาความเสียหายได้
ปัจจุบันลูกของเธอข้อสะโพกซ้ายไม่มี ขาสองข้างไม่เท่ากัน เดินกระเผลก นั่งขัดสมาธิไม่ได้ หลังคดปวดขาทุกคืน ข้อแขนซ้ายถูกทำลายและมีร่องรอยของกระดูกต้นแขนหัก สั้นและอ่อนแรงกว่าแขนขวา แกว่งแขน 360 องศาไม่ได้บริเวณท้าย ทอยมีรอยเครื่องดูดและผมขึ้นน้อย
หลังอายุ 20 ปี ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมทุก 10 ปี การเคยติดเชื้อในกระดูกทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ ข้อเทียมที่เหมาะสม ต้องทำจากไทเทเนียมและเซรามิคซึ่งมีราคาสูงมาก และสิทธิบัตรทองไม่ครอบคลุม
ฟ้องโรงพยาบาลพญาไท 1
ต่อมา คุณปรียนันท์ฯ ฟ้องรพ.พญาไท 1และแพทย์ผู้รักษา เป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย
เธอใช้เวลาต่อสู้คดีนานถึง 9 ปี ศาลชั้นต้น, อุทธรณ์และฎีกา
พิพากษายกฟ้องเพราะคดีหมดอายุความทางแพ่งหนึ่งปี (เหตุเกิดปี2534 ยื่นฟ้องปี 2539 รอมติแพทยสภา)
แม้จะต่อสู้ว่าเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา เนื่องจากลูกของเธอได้รับอันตรายสาหัสจนถึงขั้นพิการ ต้องนับอายุความทางอาญาที่ยาวกว่าคือ 10 ปี แต่ศาลฎีกาให้เหตุผลว่าเธอบรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบคดีอาญา นับอายุความที่ยาวกว่าไม่ได้ จึงพิพากษายืน (คดีสิ้นสุดแล้ว)
คดีนี้เธอถูกยึดค่าธรรมเนียมศาลละสองแสนบาท ถูกศาลปรับให้จ่ายค่าทนายให้รพ.พญาไท 1 อีก 1 แสนบาท ทำให้เธอถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว เนื่องจากต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เมื่อ ใช้กฎหมายไม่เป็นผล ปรียนันท์ฯ ไปถือป้ายประท้วงที่หน้าโรงพยาบาลคู่กรณี พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อทั้งวิทยุ,หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ เป็นเหตุให้คู่กรณี(สมัยนายวิชัย ทองแตงบริหาร) ฟ้องเธอ 2 คดีทั้งทางแพ่งและอาญา ข้อหาละเมิดและหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
คดีอาญา
ใช้เวลาต่อสู้นาน 5 ปี ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคำพิพากษาระบุว่า เห็นว่าจำเลยได้ยื่นร้องเรียนตามสิทธิข้อกฎหมาย เป็นการแสดงเพื่อความสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันผลกระทบด้านความปลอดภัยของชีวิตและครอบครัวการกระทำของจำเลยจึงไม่มีมูลความผิด (คดีสิ้นสุดแล้ว)
คดีแพ่ง
รพ.พญา 1 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเธอ 100 ล้านบาทใช้เวลาต่อสู้นาน 7 ปี ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง คำพิพากษาระบุว่า เห็นว่าคำกล่าวของจำเลย เป็นการกล่าวไปตามความเข้าใจเพื่อความชอบธรรมและปกป้องสิทธิตามครองธรรม จึงไม่เป็นการละเมิด พิพากษายืน คู่กรณียื่นฎีกา (คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา)
ป.ล. อ่านยากหน่อยนะ
word ของผมมันมีปัญหาอะไรสักอย่าง
พอมาจัดหน้าในนี้เลยกลายเป็นแบบนี้
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 54 10:58:55