ตามที่ข้างบนแนะนำมาถูกต้องแล้วค่ะ..
แยกตัวออกกมา หาทางทำให้ตัวเองแข็งแรง พอที่จะพยุงพ่อกับแม่ในวันที่ท่านแก่ชราดีกว่า...
จะแก้ที่แม่หรือพี่ชาย คงไม่ได้.. ต้องแก้ที่เราเท่านั้น นอกนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของแต่ละคนค่ะ
ครอบครัวคุณกับเรา มีส่วนคล้ายกันค่ะ พี่เราอายุ 42 เพิ่งเริ่มทำงาน(ทำนา) จริง ๆ จัง ๆ เมื่อปีที่แล้ว คงเพิ่งคิดได้ เพราะลูกกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถึงจะคิดได้ช้าไปหน่อย ก็ยังดีค่ะ
แม่ชอบให้ท้ายพี่ชายเหมือนกัน และเราก็เคยถูกทำร้ายร่างกายมาเหมือน ๆ กับที่คุณโดน
เรื่องของเรื่อง เกิดขึ้นเพราะเตี่ยเกิดใจดี จะซื้อรถให้ลูกคนละคัน โดยพี่ชายได้ปิ๊คอัพโอนเป็นชื่อพี่ชายเรียบร้อย ส่วนเราเตี่ยบอกว่าซื้อรถเก๋งให้ใช้ด้วยกันกับเตี่ย เพราะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ชื่อเป็นของเตี่ยนะ เราก็น้อยใจนะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
พี่ชายไม่พอใจ เพราะเข้าใจว่าเราได้รถเก๋ง(ชื่อเตี่ย) แต่เขาได้รถปิ๊คอัพ (เป็นชื่อตัวเอง) คุณว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบล่ะ
กุญแจรถมี 2 ชุด พี่ชายยึดไว้ 1 ชุด เวลาจะใช้รถเก๋งก็มาขับเอาไปเฉยๆ นี่แหละ แล้วเอารถปิ๊คอัพตัวเองมาจอดไว้ ไม่ทิ้งกุญแจไว้ให้ เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะมีรถเก๋งเก่า ๆ ให้ใช้อีก 1 คัน ไม่ว่ากัน...
ต่อมาพี่ชายจะมาถอดเอาเครื่องเสียงรถเก๋งออก เอาไปใส่รถตัวเอง เราก็เลยเข้าไปต่อว่า ก็มีปากเสียงกัน พี่ชายเตะเราจนแขนหัก เราก็สู้นะ เพราะรู้สึกตัวเองถูกรังแกบ่อยเกินไปแล้ว จังหวะที่แม่มาเจอ เห็นเรากำลังสู้กับพี่ชายอยู่ แม่จึงหันมาด่าเรา เราเสียใจมากนะ ตอนนั้นลูกยังเล็ก ๆ อยู่เลย คนโตอายุ 1 ขวบ คนเล็กแค่2-3 เดือนเอง
ด้วยความโมโห เราเลยต่อว่าแม่ ทำไมแม่ไม่ถามต้นสายปลายเหตุซักคำ เอาแต่ด่าว่าน้อง (เราแทนตัวเองว่าน้อง) แล้วที่มันเตะน้องจนแขนบวมนี่แม่จะว่ายังงัย แม่ก็บอกว่าเราสำออย เจ็บแค่นี้เอง
ดีที่สามีไม่ได้กระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยไม่งั้นคงบานปลายแน่
ตอนเช้าแขนเราบวมมาก สามีพาไปหาหมอ เอกซเรย์ พบว่าแขนร้าว หมอจะดึงแขนให้ แต่ใช้เงินหลายพันนะ ไอ้เราก็ไม่มีเงิน อาศัยอยู่กับแม่ สามีเป็นทนายฝึกหัก เงินเดือน 1,000 .- ก็เลยได้แค่ดามแขนเอาไว้ ทุกวันนี้แขนเราก็จะโค้งอย่างงั้นแหละ แต่เห็นไม่ค่อยชัด เวลาทำกับข้าวที่ต้องหั่นหมูก็จะปวดมาก ๆ เลยค่ะ (ที่บ้านเราก็เลยกินแต่หมูบด กับกุ้งเป็นส่วนใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการหั่นหมูค่ะ)
ตอนนั้นเราลำบากมาก แขนใช้ได้ข้างเดียว ลูกสองคนยังเล็ก ไม่มีพี่เลี้ยง แม่ก็ไม่ได้ช่วย ตื่นเช้ามาสามีต้องจัดการลูก และช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เราก่อนไปทำงาน กลางวันก็ซื้อกับข้าวมากินด้วยกันบนบ้าน เรายังจำเรื่องราวตอนนั้นได้ดี จึงรักและนับถือสามีมาก เพราะเราผ่านหลาย ๆ เหตุการณ์มาด้วยกัน จนมีวันนี้
แม่เราก็สปอยล์พี่ชายเหมือนกันค่ะ จะทำธุรกิจอะไร เตี่ยกับแม่ก็คิดให้ เจ๊งเตี่ยกับแม่ก็คิดโปรเจ็คให้ใหม่ จนกระทั่งเตี่ยเราท้อ และวางมือ พี่ชายจึงนอนอยู่บ้านเฉย ๆ นาน......มาก โดยมีแม่คอยแอบเอาเงินใส่มือให้(จิ๊กเงินเตี่ยให้ลูกชาย เพราะเตี่ยตาบอด เวลาถามว่ามีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ก็จะพาลทะเลาะกันเองซะงั้น)
จะว่าไปเราเองก็มีส่วน เมื่อก่อนเราก็ให้เงินพี่ชายยืมทีละแสน สองแสน แต่เขาก็คืนนะ คือเวลาให้ยืม เราจะกำหนดเวลาให้ค่ะ ว่าต้องคืนเมื่อไหร่
แต่ครั้งสุดท้าย ที่เขามายืมเรา 300,000 นี่เราไม่ได้ให้เพราะอยากให้พี่ชายลุกขึ้นมาทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ ซะที เข้าใจเอาเองว่า ถ้าให้ไป พี่ชายก็จะนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำการทำงานทำการอีก ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยมาหาเราอีกเลยนะ ไม่เคยโทร.หา คงโกรธแหละ แต่ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราจะนิ่งอย่างเดียวเลย
เราเอง คงช่วยอะไรแม่และพี่ชายไม่ได้ ก็เขาเลี้ยงของเขามาอย่างงี้ แม่เราก็รับกรรมอยู่นะ ใช่ว่าจะสบายใจ เราทำได้ก็แค่ไม่เพิ่มภาระความทุกข์ใจให้แม่เท่านั้นเอง
ตอนนี้ก็ได้แต่อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ค่ะ
ไม่ได้ช่วยอะไร จขกท.เลย เพียงอยากบอกว่า คุณมีเราเป็นเพื่อนอยู่ค่ะ....
แล้วมาดูละครตอนจบด้วยกันค่ะ...
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 54 12:45:26
แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 54 12:27:11