ความคิดเห็นที่ 1 ไม่คุมกำเนิด  ไม่วางแผนครอบครัว จากคุณ : เกล็ดขนมปัง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:35:16

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องนี้หาทางออกไม่เจอ... ปล.อย่าเอาถึงขั้นประเทศจีนเลยครับ จากคุณ : หัวหน้าเผ่าฯ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:37:42 A:202.44.139.173 X: TicketID:301517

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท. คงมีความคิดที่ว่าคนรวยเท่านั้นที่มีสิทธิเป็นคนดี แต่เท่าที่เห็นในสังคม หรือตามนสพ. คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นอย่างจขกท.คิดนี้ครับ ปล. ถ้าจขกท. ได้อ่านบทสัมภาษณ์ซูโม่ตู้ ที่บอกว่าลิงบาบูนไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง คงถูกใจ จขกท.ไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 15:51:20 จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:45:25

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กยากจนที่เป็นคนดีเชื่อว่ามีค่ะ แต่คุณภาพชีวิตของพวกเขาลำบากมาก จนอาจมีปัจจัยรอบด้านหลายอย่างที่อาจสนับสนุนให้ทำเรื่องไม่ดีได้ เช่น ขโมย ขายยาบ้า เพราะได้เงินมาง่ายที่จะช่วยให้เค้ามีเงินกินข้าวไปวันๆ ส่วนลูกคนรวยนิสัยเลว เพราะโดนตามใจเสียผู้คน อยู่ที่จิตสำนึกพ่อแม่ล้วนๆ จขกท. ไม่ได้คิดว่าเด็กรวยนิสัยดีทุกคนค่ะ แต่ปัญหานี้มันดูแก้ยากกว่าเยอะเลย ยังคิดไม่ออกว่าจะแก้ทางไหนดี จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:51:09

ความคิดเห็นที่ 5 อันนี้มองจากสังคมรอบตัวผมนะครับ เดี๋ยวนี้คนรายได้สูงๆ ดันมีลูกช้า ส่วนคนมีรายได้น้อย ยิ่งมีลูกเร็ว ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องการคุมกำเนิดนะครับ แต่เข้าหลักการว่า"ดีชั่วรู้หมด อดไม่ได้" อาทิตย์ที่แล้ว พนักงานที่บริษัท ขอลางานกลับไปเคลียร์เรื่องให้หลานเค้า หลานชายอายุ15 ไปทำผู้หญิงอายุ16 ท้อง ผมบอกว่าไปคุยกันดีๆ ให้รู้เรื่อง ไม่งั้นจะโดนเขาฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์ พนักงานผมยังอุตส่าห์บอกว่า ไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอก เพราะ ผู้หญิงอายุเยอะกว่า!!! สุดท้ายกลับไป ยกขันหมาก สู่ขอ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่บ้านเค้ายังต้องไปหายืมเงินอีก แปดหมื่นบาท มาเป็นค่าสินสอด เห็นแล้วปวดหัวแทน จากคุณ : นายอุดม เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:53:16

ความคิดเห็นที่ 6 นึกถึง แพรวา จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:54:07

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ metung คงจะมองเราผิดไปแล้วค่ะ เราไม่ใช่พวกชนชั้นกลางใจแคบแบ่งแยกชนชั้นค่ะ สิทธิการออกเสียงเลือกตั้งเป็นสิทธิพื้นฐานในความเป็นมนุษย์สำหรับเราค่ะ จะยากดีมีจนแค่ไหน จะเป็นโจรปล้นฆ่ามาจากไหน ก็ต้องมีสิทธิ์เลือกตั้งค่ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับกระทู้นี้แม้แต่น้อย กระทู้นี้ต้องการหาวิธีลดปัญหาสังคมจากการที่มีเด็กเกิดมามากมาย"โดยพ่อแม่ไม่มีความพร้อมที่จะให้การศึกษา"ค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 15:57:22

ความคิดเห็นที่ 8 จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจยกเรื่องเลือกตั้งหรอกครับ เพียงแต่ยกขึ้นมาเป็นว่า วิธีคิดแบบนี้ต่างหาก คงเข้าใจนะครับ คนทำดีหรือชั่ว ไม่เกี่ยวกับฐานะนี่ครับ ยิ่งถ้าไปผูกกับการศึกษาด้วยยื่งแล้วใหญ่. จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:05:46

ความคิดเห็นที่ 9 กลุ่มนี้ท่าทางที่บ้านจะจนมากไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนหนังสือให้รู้ผิดชอบชั่วดี มีศีลธรรม น่าหวงลูกหลานจริงๆ กฎหมายเกี่ยวกับเยาวชนน่าจะได้รับการแก้ไขได้แล้ว คุกน่าจะเป็นคุกทำงานหนัก จะได้ไม่มีเวลาไปจับกลุ่มทำชั่วได้อีก จากคุณ : แสนสุขสมนั่งชมวิหค เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:10:23

ความคิดเห็นที่ 10 ใช่คะ น้องสาวของอดีตสามี มีลูกกับสามีเก่า 3 คน สามีใหม่ อีก 1 คน ตัวเองไม่ได้ทำงานอะไรฝ่ายผุ้ชายไม่ทราบ แต่ก้อไม่เข้าใจ ทำไมต้องปล่อยให้มีเยอะๆ ด้วย จากคุณ : อยู่คนเดียวก็ได้ (อยู่คนเดียวก็ได้) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:14:39

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะคนในกลุ่มนี้เค้าใช้แรงงานเป็นหลักไงครับ ร่างกายแข็งแรง ทำให้มีลูกได้ง่าย ไม่เหมือนพวกทำงาน Office ที่นั่งนานๆ กินข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ออกกำลังกาย สุดท้ายต้องไปพึ่งหมอทำกิ๊ฟต์ ********************* ส่วนเรื่องการอบรมสั่งสอนมันขึ้นอยู่กันวุฒิภาวะของแต่ละครอบครัว ผมเห็นมาหลายคนแล้ว ที่ลูกเค้านิสัยดีกว่าพวกลูกอาเฮีย อาซ้อ อีก... ของอย่างนี้มันต่างกรรม ต่างวาระครับ จากคุณ : Ma~Grood เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:16:25

ความคิดเห็นที่ 12 เพราะไม่มีอะไรให้คิดมาก...เวลาว่างแล้วไม่มีอะไรทำเลย featuring กันบ่อยเลยทำให้เกิดผลผลิตได้บ่อยตามไปด้วย... ในขณะที่คนมีฐานะมีแต่คิดเรื่องงานเรื่องเงินเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายเลยไม่สามารถ Featuring ได้เลยทำให้ไม่ค่อยมีทายาทสืบสายโลหิตครับ...ด้วยความเคารพครับ... จากคุณ : ผ่านมา-ผ่านไป (Come N Go) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:17:03

ความคิดเห็นที่ 13 ซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 16:33:51 จากคุณ : Ma~Grood เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:18:09

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท. มองโลกด้านเดียว พูดซะกว้างไกล แต่ข้อมูลไม่รู้ทั่วถึงหรือเปล่า 1. เด็ก 1 คน ค่าเลี้ยงดูมหาศาล เอารายจ่ายลูกของใครมาคำนวณละ 2. ภาระสังคม ภาระใครบ้างละ เขาทำเอง เขาก็เลี้ยงเอง 3. ไม่มีเงินส่งเสียให้เรียนหนังสือให้รู้ผิดชอบชั่วดี มีศีลธรรม แล้วพวกที่มั่วสุมจัดปาตี้ยาเสพติด ส่วนใหญ่การศึกษาไม่สูงหรือเปล่า พวกโกงบ้านโกงเมือง คือคนที่ไม่ค่อยมีการศึกษาหรือเปล่า ฯลฯ คนจะดี คนจะเลว ไม่เกี่ยวกับยากดีมีจนหรอก มันเป็นที่สิ่งแวดล้อม ทางสังคม อย่าไปเหมารวมทั้งหมด "สิ่งที่เห็น อาจไม่เป็นอย่างที่คิด อย่าด่วนตัดสินใจ" " คิดก่อนพูด พูดแล้วทำ" จากคุณ : แอ๊บแบ๊ว เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:21:11 A:180.180.235.173 X: TicketID:294750

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ถ้าไม่ยากจนข้นแค้นจริงๆ คงไม่มีใครอยากออกมาขโมย ฉกชิงวิ่งราวนี่คะ (ยกเว้นที่เป็นโรคจิต แบบไฮโซตามข่าว) เคยอ่านข่าวที่มีแม่ขโมยนมกระป๋องมาให้ลูก เชื่อว่าคุณแม่ท่านนั้นไม่ได้เป็นคนไม่ดีค่ะ แต่มันก็นับว่าเป็นปัญหาสังคมใช่ไหม? แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิด หากรู้จักป้องกัน และวางแผนครอบครัวให้ดี มีลูกเมื่อพร้อม ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่เคยพูดว่า คนยากจนเป็นคนไม่ดี อย่าพยายามมองให้เป็นมุมนั้นเลยค่ะ แต่พูดว่า "การไม่รู้จักป้องกัน ไม่พยายามสร้างคุณภาพให้เด็ก จะทำให้มีปัญหาสังคมตามมาหลายอย่าง" ค่ะ การศึกษาอาจไม่ได้รับประกันว่าคนจะดีได้ เพราะมันต้องใช้จิตสำนึกพ่อแม่ที่ดีร่วมด้วย (ไม่งั้นก็จะเป็นตามรูป คห ที่ 9) แต่ไม่ว่าเด็กที่ไหนในโลกก็ไม่ควรขาดการศึกษาขั้นพื้นฐานนี่คะ จะได้เลี้ยงตัวเองได้ไม่เป็นภาระให้คนอื่น ยิ่งสมัยนี้แล้วงานดีๆ ก็ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้รับการศึกษาให้ลืมตาอ้าปากได้เลยค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:21:37

ความคิดเห็นที่ 16 555  คิดเหมือนกัน  แต่ตั้งกระทู้ทีไรโดนด่าทุกที  หาว่า ดูถูกคนจนไม่มีงู้นงี้... ไม่ได้ดูถูก เพราะตัวเองก็ไม่ได้รวย  แต่ก็คิดว่าคนที่จนยังลำบากมาก ๆ ไม่ควรที่จะมีลูกเกินหนึ่งคน....อย่างมากสุดสองคนพอแล้ว...เลี้ยงดูเขาไหวไหม ต้องคิดก่อนที่จะมี คือ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า คนจนนี่น่ะ น่าจะรู้จักการประมาณตน ไม่ไช่ขยันทำลูก มีให้มาก ๆ ยั้วเยี้ย เรี่ยราด แล้วก็มาโอดครวญว่าลำบากยากเย็นจึงต้องก่ออาชญากรรม ยาคุมมีแจกที่อนามัย ไม่ต้องซื้อ อย่าอ้างว่า ไม่รู้จักยาคุมอีกล่ะ... ส่วนคนรวย มีลูกยาก เพราะทำงาน ไม่มีเวลามานั่งล่อกันทุกวัน ๆ แบบคนจน ส่วนเรื่องดีเลว ต้องยอมรับว่า เด็กแว๊น สกอยส์เกิร์ล  ติดยา บ้ายกพวกตีกัน คิดว่าส่วนมากที่บ้านเด็กพวกนี้รวยหรือจน...เอาเรื่องจริงนะ อย่าแถ   รัฐบาล ไม่มุ่งแก้ปัญหาเหมือนประเทศอื่น ที่น่าจะให้มีลูกตามความสามารถที่จะเลี้ยงดูเขาได้   ไม่ไช่ให้แข่งกันผลิตออกมา  มาก ๆ เข้าไว้  มันเป็นไปได้ยากที่เด็กที่เกิดมาจากความยากจนปากกัดตีนถีบก้นสลัม  จะกลายมาเป็นศาสตราจารย์ เป็นหมอ เป็นนักบิน  เพราะโอกาสไม่มี  ก็ต้องเป็นแค่เด็กแว๊นไปวัน ๆ จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:29:57

ความคิดเห็นที่ 17 คนจนคิดอย่างคนจน..คนรวยคิดอย่างคนรวยไงครับ.. คนจนเขาคิดว่า..มีลูกหลาย ๆ คน..จะได้ช่วยกันทำไร่ทำนา..ทำมาหากิน..ไม่เหงา..อดมื้อกินมื้อก็ไม่เป็นไร เพื่อนผมหลายคน..แต่ละคนมีพี่น้องกันเพียบ..ถึงเวลาวันหยุดมารวมตัวกัน..ทำกับข้าวกินกันเฮฮาหนุกหนาน เล่าสารทุกข์สุกดิบกัน..ส่วนที่คุณเจ้าของกระทู้ว่า..นั่นมันส่วนคงน้อยละมั้งครับ.. คนรวยคิดอย่างคนรวย..คิดว่าเลี้ยงลูกหนึ่งคน..มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ..เลยมีมันคนเดียวซะ..มีตังค์เหลือเก็บ แล้วเป็นไง..ความสุขในชีวิตมันอยู่ตรงไหน..ลูกเต้าเหงาหงอย..ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาก็ไม่ใช่น้อยนะครับ.. พวกลูกคนมีกะตังค์เนี่ย...เกะกะเกเร เป็นนักเลงโต..รังแกชาวบ้าน.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:31:47

ความคิดเห็นที่ 18 จริงๆผมเข้าใจจขกท.นะ  แต่ผมไม่โทษที่ตัวบุคคล ผมมองว่าโครงสร้างมากกว่า เช่น เราอยากให้เด็กอ่านหนังสือเยอะๆ แต่ลองไปดูราคาหนังสือดูซิ ว่าคนทุกกลุ่มเข้าถึงมั้ย? นิทานเล่มบางๆ ต่ำๆก็ต้องมี85บาทแล้ว จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:32:02

ความคิดเห็นที่ 19 ซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 16:34:11 จากคุณ : Ma~Grood เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:33:25

ความคิดเห็นที่ 20 คห 14 จขกท พยายามจะไม่มองอะไรด้านเดียวค่ะ เลยอยากมาวิพากษ์ในนี้ไงคะ เด็กคนนึงค่าใช้จ่ายมหาศาล: ค่านมผงเดี๋ยวนี้แพงมากนะคะ ใช้นมข้นแทนไม่ได้ด้วยนะคะ มันอันตราย ค่าครองชีพก็สูง ค่าข้าวแกงจานนึงปาไปเท่าไรแล้วสมัยนี้ เด็กกว่าจะโตแบบไม่ให้ขาดสารอาหาร ต้องกินข้าวกี่จานล่ะคะ ภาระสังคม: ถ้าเลี้ยงเองได้ก็ดีค่ะ แต่บางคนเลี้ยงไม่ได้ก็เอาทิ้งขว้างกันเยอะแยะนะคะ ไม่งั้นจะมีบ้านราชวิถี บ้านอะไรมากมายเหรอคะ ซึ่งบ้านพักพิงเหล่านี้เป็นของ สำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานของรัฐที่อยู่ได้ด้วยเงินบริจาคและภาษีประชาชนค่ะ ถึงได้บอกว่า "พอเลี้ยงไม่ไหวก็เป็นภาระสังคม" ไงคะ อันนี้มั่นใจว่าว่าสืบค้นข้อมูลมาแล้วค่ะ เรื่องศีลธรรม: การศึกษาเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่อาจพอช่วยสอนศีลธรรมให้เด็กได้ แต่ต้องใช้จิตสำนึกพ่อแม่ด้วยค่ะ ซึ่งบอกไปแล้วว่าปัญหานี้ยาก คิดไม่ตก จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:38:48

ความคิดเห็นที่ 21 คห 18 จริงค่ะ รัฐบาลน่าจะจัดให้มีห้องสมุดประชาชนเยอะๆ นะคะ ให้กระจายตัวตามชุมชน เด็กๆถึงแม้พ่อแม่จะให้ทำงานไม่ให้เรียน ก็ยังเข้าไปหาอ่านเองได้ ยิ่งตอนนี้คนจบ ป.ตรี อย่างน้อยก็มีรัฐบาลประกันว่าได้เงินเดือน 15,000 (ขอไม่วิพากษ์ว่าดีหรือไม่นะคะ) แต่เด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีอะไรรับประกันรายได้ให้พวกเขาเลย จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:44:25

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างคุณอุดมว่าครับ ตัณหาและความอยากมาก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากัน จากคุณ : ทองพญา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:44:50

ความคิดเห็นที่ 23 แนะนำให้แจกทีวีให้คนที่คุณกล่าวถึง(ยากจน อดมื้อกินมื้อ)จะได้ไม่ต้องรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่ขอถามนิดนึงครับ ถ้าไม่มีการศึกษาจะทำให้เป็นอาชญากรซักกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะจขกทใช้คำว่า ส่วนใหญ่ ถามต่อครับ ต้องเรียนถึง ป.ไหน พอดีผมจบการศึกษาไม่สูง กลัวว่าตัวเองจะเข้าข่ายตามที่ว่ามาครับ เพิ่มเติม ได้อ่านคำตอบของ จขกท แล้วครับ ผลวิจัยขออเมริกาผมอ่านภาษาอังกฤษไม่ออกครับ ถ้าวิจัยโดยอิงการศึกษาจากผู้ต้องหาที่จับกุมได้หรือผู้ที่ติดคุก คงจะมีผู้ที่มีการศึกษาต่ำๆเยอะครับเห็นด้วยครับ แต่ผมคิดว่าอาชญากรรมไม่ได้เกิดจากการศึกษาต่ำ น่าจะเกิดจากศีลธรรมต่ำครับ แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 21:16:08 จากคุณ : โจเม้งเต้โฉ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:45:15

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องนี้เกี่ยวกับจนรวย หรอก เจ้าของกระทู้ตั้งกระทู้ก็ไม่ได้พูดอะไรผิด แต่คนเรามันไม่เหมือนกัน บางคนเอาเหตุผลมาเป็นตัวกำหนด คิดรอบด้านก่อนลงมือทำอะไร แต่อีกหลายคน ซึ่งเกือบจะเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ใช้อารมย์เป็นตัวกำหนด ไม่นำพาปัญหาภายหน้า จากคุณ : มนอุ๊งอิ๊ง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:45:55

ความคิดเห็นที่ 25 คห 23 มีข้อมูลวิจัยของประเทศอเมริกาให้ดู เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการศึกษาและอัตราการเกิดอาชญากรรมนะคะ http://www.all4ed.org/files/SavingFutures.pdf 10% ที่เพิ่มขึ้นของคนเรียนจบ ม.ปลาย ก่อให้เกิดการลดลงของการทำร้ายและฆ่า 20% การขโมยยานพาหนะลดลง 13% การวางเพลิงลดลง 8% ค่ะ พอดีจขกท. เคยทำงานที่บริษัทวิจัยตลาดค่ะ ถ้าไม่มี hard facts สนับสนุนคงไม่กล้าเอามาพูด จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:59:33

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่มีเงินซื้อถุงยางไงครับ ลงขวดเหล้า หมดกับหวยและวงไพ่ ไปหมด จากคุณ : Zeichnung (Zeichnung) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:04:08

ความคิดเห็นที่ 27 ถุงยางฟรีมีแจกที่สถานีอนามัยไม่ใช่เหรอคะ? จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:08:04

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นบอกว่าการเกิดประเทศเราต่ำมากแล้วนะ จากคุณ : chet123654 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:08:59

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าเด็กเกิดมาแล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดีพร้อมก็ดีไปค่ะ ไม่งั้นสงสารเด็กด้วยอะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:11:55

ความคิดเห็นที่ 31 เอ๋ ทำไม คห ที่ 29 หายไปล่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:16:16

ความคิดเห็นที่ 32 อ้าว..... อย่าบอกนะว่าโดนอุ้มไปอีกแล้ว  สองสามวันก่อนเพิ่งโดนอุ้มกระทู้ไปสองหน  วันนี้แสดงความคิดเห็นไม่เกี่ยวกับการเมืองก็ไม่ได้เหรอเนี่ย..... จากคุณ : เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:18:52

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่เป็นไรนะคะ จขกท อ่านทัน (แต่ก๊อปไว้ไม่ทัน)ค่ะ พิมพ์ไม่เสียเปล่านะ :) จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:20:22

ความคิดเห็นที่ 34 แถวบ้านเรา เขาคิดอย่างนี้นะ -ลูก คือ เป้าหมายในชีวิต  มีลูกแล้วชีวิตมีความหมายมาก  ได้เลี้ยงลูก - แค่เด็กไม่กี่คนฉันมีปัญญาเลี้ยง  ไม่ได้คิดเลยนะเรื่องจะส่งเสียให้ร่ำเรียนอะไร  คิดแต่ว่า อยากมีก็มี -มีลูกเพื่อผูกมัดแฟน  ท้องเืพื่อให้ ช รับเป็นภรรยา   -อีกคนนึง มีลูกแบบดกมากๆ เราขนลุกเลย  เพิ่งอุ้มๆเด็กอยู่ แป๊บเดียว ท้องโตมาอีกแล้ว เราแบบว่า ร้องจ๊ากจริงๆ  แบบว่า เห้ยย.... เด็กแต่ละคนแค่อาบน้ำให้ทันก็ไม่ไหวละ มอมแมมทั้งวัน  เฮ้อ   -แม่เดียวมีลุกสามคน สามพ่อก็มีอีก  อันนี้คือ มีแฟนใหม่ก็ท้องกับเขาหมด  แล้วแม่ก็ไมไ่ด้ทำงานอะไรนะ  ขอแค่วันๆมีเงินกนข้าว (พ่อแม่ตัวเองเลี้ยงอีกทีก็มี)   -เด้กพวกนี้มีผัวมีเมียแล้วก็ยังไม่เลิกให้พ่อแม่เลี้ยงนะ  คือ ขี้เกียจทำงานด้วยอีกต่างหาก นอกจากอยากผ่อนมอไซค์ถึงจะยอมมาทำงานกัน เรามองเด็กพวกนี้แล้วเศร้าใจ  อีกสิบกว่าปีข้างหน้า...นึกภาพไม่ออกเลย.. เราแค่นั่งคิดคำนวณค่าใช้จ่ายของพวกเขาแล้ว ขนาดเราเรายังรูสึกว่าเรามีไม่ไหวอ่ะลูกเนี่ย  แล้วคนหาเช้ากินค่ำจะไหวไหม   เรื่องค่านิยมทางการศึกษาไม่ตอ้งพูดถึง  เด็ก ม. ต้น ม.ปลาย อยากออกจาก รร. ก็ออกกันเอง  ออกมาทำงานรับจ้างมั่งไรมั่งเยอะแยะไปหมดนะแถวบ้านเรานี่  เยอะจริงๆๆๆ  เด้กพวกนี้ไม่เข้าระบบอะไรเลย  คือ รับจ้างทั่วไปตามสวน ตามไร่  เก็บผลไม้ ถางหญ้า พ่นยาหญ้าตามสวน  คือ อยู่นอกระบบจริงๆ  ที่ออกมาก็มีผัวมีเมียกันแบบเอิกเกริก   พอถามเรียนจบไรมา  บอกว่า จบ ม.สองครึ่ง ม.สี่ครึ่ง  ม.สามครึ่ง  ม.หนึ่งครึ่ง เราแบบงง  เห้ยยย ยุคนี้มันยังมีอีกหรอเนี่ย  อย่างน้อย ม.สาม ควรจะเป็นพื้นฐานนะ  แล้วเด็กกลุ่มนี้ ที่ทำตัวแบบนี้ คือ กลุ่มที่ออกมาขยันผลิต ปชก. ยุคต่อไป เราเศร้าใจจริงๆ จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:48:12

ความคิดเห็นที่ 35 แก้ปัญหาไ้ด้แ่่ต่คงต้องอาศัยเวลานานๆ ให้การศึกษาพื้นฐานเป็นทางออกทางหนึ่ง อีกทางหนึ่งคือธรรมชาติมันปรับสมดุลย์ของมันเอง ตอนนี้เรามองว่าปริมาณคนกลุ่มนี้มาก แต่มันอาจจะยังไม่มากพอที่จะเรียกร้องความสนใจ คงต้องรอให้มีการปิดเมืองปล้นกันหรือลักพาตัวเรียกค่าไถ่ แบบโคลัมเบีย แบบนั้นก่อน ปัญหาสังคมถึงจะถูกหยิบยกมาพิจารณา ที่ทำได้ตอนนี้คือ ดูแลบ้านใคร บ้านมันให้ดี ให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็นค่ะ มีกำลังทำได้แค่นั้นก็แค่นั้น ถึงแม้จะช่วยแก้ปัญหาสังคมมากไม่ได้ แต่ก็ไม่ทำตัวให้เป็นภาระค่ะ จากคุณ : หวัดดีจ้ะ..ฉิงฉิง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:52:49

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 21     คห 18 จริงค่ะ รัฐบาลน่าจะจัดให้มีห้องสมุดประชาชนเยอะๆ นะคะ ให้กระจายตัวตามชุมชน เด็กๆถึงแม้พ่อแม่จะให้ทำงานไม่ให้เรียน ก็ยังเข้าไปหาอ่านเองได้ ยิ่งตอนนี้คนจบ ป.ตรี อย่างน้อยก็มีรัฐบาลประกันว่าได้เงินเดือน 15,000 (ขอไม่วิพากษ์ว่าดีหรือไม่นะคะ) แต่เด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีอะไรรับประกันรายได้ให้พวกเขาเลย จากคุณ : maewfoo   เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:44:25 ************************* อย่าสร้างเลยค่ะห้องสมุด  เปลืองเงิน  เพราะผลการวิจัยบอกว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก และหนังสือที่อ่านก็มีแต่ดาราและกีฬา และผู้ใหญ่ก็จะเอาเวลาไหนไปนั่งอ่านอยู่ได้  นอกจากคนแก่ มีเวลาว่าง.......แต่ก็อีกนั่นแหละคนแก่ก็สายตาไม่ค่อยดี ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้  ไปมาลำบาก เห็นห้องสมุดสาธารณะของ กทม มีแต่บรรณารักษ์นั่งห้องแอร์กันสบาย ๆ หาผู้ใช้บริการก็ยาก โทษเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้....ก็เข้าใจ  แต่เสียดายเปลืองงบมากเลยนะนั่น จากคุณ : ตึกหนึ่ง เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:55:21

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องนี้ให้คิดว่า เป็นเวรกรรมดีมั้ยค่ะ  จะได้สบายใจ  คนเราเกิดมามีเวรกรรมมากน้อยต่างกันไป  เด็กที่เกิดมาก็มีเวรกรรมติดตัวมา  ถ้าคนจนมีลูกเยอะแยะ  เค้าก็เลี้ยงดูของเค้าไปไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ตามมีตามเกิดไป  ก็เป็นเวรกรรมของเด็กคนนั้น ถ้าเกิดมาเป็นลูกคนรวย ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ก็คิดซะว่า เด็กคนนั้นโชคดีแต่ก็มีเวรกรรมอยู่ดี  เอาเป็นว่า จะมีกี่คน ก็เป็นเวรกรรมทั้ง พ่อ แม่ ลูก อ่ะค่ะ จากคุณ : loveviconly เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:59:01

ความคิดเห็นที่ 38 อยากปล่อยวางเหมือนกันค่ะ แต่ก็อยากเห่็นประเทศดีขึ้นๆยิ่งๆขึ้นไป ไร้ปัญหาสังคม ถ้าคนรุ่นใหม่เป็นคนมีการศึกษาดี ชีวิตมีพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็คงมีเวลามาช่วยคิดเพื่อสังคมมากขึ้น เพราะเด็กยากไร้วันนึงแค่คิดว่าจะเอาข้าวที่ไหนกินก็ยากแล้วอ่ะค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:19:43

ความคิดเห็นที่ 39 เขาว่าไว้ว่ามีลูก1คนจนไป7ปี คนที่มีลูกเยอะๆเขาไม่กลัวจนเพราะจน จนชินแล้ว จากคุณ : เปรมสินี เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:30:46

ความคิดเห็นที่ 40 มองโลกในแง่ดีผมว่า เด็กที่ด้อยโอกาสและการศึกษา เหล่านี้จะเป็นคนชั้นแรงงานที่สำคัญของประเทศในอนาคตครับ ถึงมีจะมีบางส่วนที่ สร้างปัญหา ติดยาเสพติด แต่ก็เป็น% น้อย ถ้าอยากให้คุณภาพชีวิตของพวกเค้าดีขึ้นก็ต้องปรับปรุงโครงสร้างของสังคม กระจายรายได้ให้ระดับแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีึ้ขึ้น จากคุณ : Ton เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:32:11 A:202.28.12.105 X: TicketID:295217

ความคิดเห็นที่ 41 developing country concentrate quantity. developed country concentrate quality. จากคุณ : unquality children is future เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 18:41:01 A:138.188.100.232 X: TicketID:322214

ความคิดเห็นที่ 42 เราเข้าใจประเด็นที่จขกท.สื่อนะ ไม่ได้คิดว่าดูถูกคนจนอะไร เพราะหลายๆอย่างที่ยกมามันก็คือความจริงในสังคม เรามองว่าการที่คนจนมีลูกมาเพราะเขาคงมีเวลาเยอะกว่าคนรวย กิจกรรมในชีวิตเขาเขาก็แค่ทำงานและก็กลับมานอน บางบ้านยากจนทีวีอะไรก็ไม่มี ความสุข ก็เลยมีแต่เรื่องเซ็กซ์จบลงที่มีลูกยั้งเยี้ยทุกครั้งที่หาความสุข ในขณะที่คนมีเงินขึ้นมาหน่อย เมื่อมีเงินแล้วมันก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะไง นอกจากทำงานแล้ว วิธีหาความสุขใส่ตัวก็เยอะเช่น เดินช็อปปิ้ง ดูหนังฟังเพลง ปาร์ตี้ กว่าจะเข้านอน และเรื่องเซ็กซ์มันก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของการหาความสุขเท่านั้น เราว่าคนมีลูกน่ะต้องคิดให้มาก การมีลูกไม่ว่าจะคนชั้นไหน ถ้าไม่ไตร่ตรองให้ดี มีลูกออกมาก็เป็นภาระของสังคมได้ทั้งนั้น บางคนวางแผนมีลูกดิบดี แต่ไม่มีเวลาเลี้ยงเขา จบลงที่โยนภาระเหล่านี้ให้พ่อแม่ตัวเองอีก ถ้าจิตสำนึกมีจริง ก็ต้องรู้แล้วว่าพ่อแม่เลี้ยงตัวเองมาจนโต การมีลูกมันก็ความเป็นภาระความรับผิดชอบของตัวเองไม่ใช่ให้พ่อแม่เลี้ยง พ่อแม่ควรจะได้มีชีวิตสงบสุข ไม่ใช่ต้องมานั่งงกๆเลี้ยงหลานให้ลูกอีก... จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 19:19:04

ความคิดเห็นที่ 43 พวกที่ลุ่มหลงและมัวเมา ในกับดักของธรรมชาติ จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 19:47:54

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นสำนวนเขียนจขกท พุ่งเป้าไปที่คนกลุ่มหนึ่งที่ขาดโอกาสอยู่แล้ว  รู้สึกสะเทือนใจไปด้วย ถ้าคิดอีกมุม  เป็นไปได้ไหม ถ้าคนที่รายได้สูงอยู่แล้วรวมทั้งรัฐจะลงขันกันในกองุทุนอะไรสักอย่าง  ที่จะช่วยเหลือเด็เหล่านี้ในขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้น จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 20:29:21

ความคิดเห็นที่ 45 คนที่มีจะกิน   ก็มัวแต่กิน คนที่ไม่มีจะกิน  เวลาว่างก็ปั๊มลูกเท่านั้น ใช้เวลาเป็นประโยชน์ทั้งคู่ จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 20:50:12

ความคิดเห็นที่ 46 ,มันไม่มีเงินซื้อ ถุง กะยาคุม ไง พอ มีลุกเยอะ ก็มาอ้างว่าจน ให้ลุกไปทำงานช่วย ทำให้เด็กซวยไปด้วย จากคุณ : x เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:06:14 A:58.9.78.95 X: TicketID:259436

ความคิดเห็นที่ 47 อยากให้ลองมองที่ปัญหาจริงๆครับ ลองนึกย้อนเวลา นึกถึงบรรยากาศสมัยก่อน ชนบท เช้าไปทำนา วันอาทิตย์ไปวัด ไม่มีการศึกษาสูงๆในหมู่บ้านหรืออำเภอ ชีวิตเรียบง่าย ประมาณนี้ครับ คงต้องส่งเสริมเรื่องศีลธรรมก่อนการศึกษาน่าจะได้ผลครับ พิมพ์ไม่ค่อยเก่งครับ จากคุณ : โจเม้งเต้โฉ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:26:23

ความคิดเห็นที่ 48 อันนี้ไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่เป็นตลกเสียดสีสังคม จาก p-achblog.exteen.com คิดว่าอ่านพอขำๆ ถ้าใครไม่ขำ ขอให้ผ่านตาไป นะครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:37:02

ความคิดเห็นที่ 49 ตอน 2 จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:37:23

ความคิดเห็นที่ 50 คห 47 จริงที่สมัยก่อนสังคมนั้นเรียบง่าย ไม่ใช่สังคมนายทุน คนไม่ได้มีการศึกษาสูงกันเท่าไรนักแต่คนยังมีศีลธรรมกันอยู่ อาจเป็นเพราะคนน้อย ไม่ต้องแก่งแย่งทรัพยากรที่มีล้นเหลือในสมัยนั้น ยังไงก็มีงานให้ทำ ให้สร้างตัว แต่สมัยนี้คนเยอะ อะไรๆก็ต้องแย่งกัน งานดีๆต้องแก่งแย่งเพื่อให้ได้มา แล้วจำนวนคนจบป.ตรีก็สูงขึ้นมาก ขนาดงานพื้นๆ ธรรมดาที่สมัยก่อนไม่ต้องเรียนอะไรมาก็ทำได้ เช่น แม่บ้านตามบริษัท คนขับรถ สมัยนี้บางที่มีกำหนดต้องจบม.6 ด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีการศึกษาขั้นพื้นฐานเลย เกรงว่าเด็กเหล่านี้จะไม่สามารถสู้เด็กที่มีโอกาสได้เลย ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้และต้องอยู่ในความยากจนต่อไปๆ เป็นวงจรต่อไปถึงลูกหลาน แต่ก็เห็นด้วยว่าควรปลูกจิตสำนึกเรื่องศีลธรรมไปควบคู่กันค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:51:04

ความคิดเห็นที่ 51 คห 44 คงเข้าใจนะคะว่าเราไม่มีเจตนาดูถูกหรือประณามคนเหล่านั้น แต่ปัญหาบางเรื่องต้องมีคนพูดถึงแบบตรงๆ พุ่งเป้าไปเลยค่ะ จะได้แก้ปัญหากันได้ตรงจุด อยากให้มีการรณรงค์คุมกำเนิดน่ะค่ะ ไม่ใช่เฉพาะการตั้งท้องในวัยรุ่น แต่กับคนที่ไม่มีความสามารถเลี้ยงดูให้ดีด้วย เรื่องบางเรื่องในสังคม ไม่มีคนกล้าพูด กล้ากล่าวถึงเพราะกลัวกระทบจิตใจใคร แรงไป ทำให้ปัญหาไม่มีใครแก้ซะทีอ่ะค่ะ ขอโทษด้วยถ้าฟังดูแรงนะคะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:55:50

ความคิดเห็นที่ 52 ขอโทษคห หลังๆ ด้วยนะคะ กะจะให้กิฟทุกคนที่เข้ามาตอบ แต่กิฟหมดแล้วอ่ะค่ะ :) จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:00:03

ความคิดเห็นที่ 53 อืม  จขกท.คงมาจากครอบครัวฐานะร่ำรวยมาก จากคุณ : CCE9PASS เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:24:13

ความคิดเห็นที่ 54 คห 53 ได้ลองอ่านความเห็นของเราทุกอันหรือเปล่าคะ ถ้าได้อ่านจะทราบว่าเจตนาเราต้องการอะไรค่ะ เราต้องการระดมความคิดเห็นในการช่วยลดปัญหาสังคม และไม่ได้คิดดูถูกหรือประณามใครค่ะ ไม่ว่าจะรวยจะจน การเพิ่มภาระให้สังคม และการทำให้เด็กไร้คุณภาพชีวิตที่ดีเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ คุณว่าไงล่ะคะ? ปล. จขกท เป็นชนชั้นกลางธรรมดา แต่ชีวิตไม่มีปัญหาอะไร เลยอยากคิดช่วยแก้ไขปัญหาสังคมเท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:35:21

ความคิดเห็นที่ 55 นั่นซินะคนที่พร้อมทุกอย่าง  อยากมีลูกกลับไม่มี จากคุณ : lovepanda เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:35:35

ความคิดเห็นที่ 57 คห 56 พูดจนเห็นภาพเลยค่ะ ประเทศแอฟริกาถุงยางอาจหายากมากก็ได้นะ แต่ประเทศไทยมีแจกถุงยางฟรีที่สถานีอนามัยนี่นา (หรือเค้าไม่รู้กัน?) จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:47:59

ความคิดเห็นที่ 58 ส่วนตัว เชื่อว่า คนจะดีหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ ฐานะ ทางสังคม เสมอ ครับ บางคน พ่อแม่ ร่ำรวย ฐานะดี การศึกษาสูง เลี้ยงลูก อย่างดี แต่ คุณหนู กลับทำอะไรไม่เป็น แม้แต่ จับไม้กวาด กวาดพื้นธรรมดา ออกทุน ให้เปิดร้าน ขายเครื่องดื่มเอง ก็เจ๊ง , หาเงินได้ ก็มาจากกินค่านายหน้า ขายของ ให้พ่อแม่ พอมีตำแหน่ง ใหญ่โต ก็บริหารงานผิดพลาด สร้างความเสียหาย ให้กับองค์กร อย่างใหญ่หลวง เพราะ ไม่มีประสบการณ์ นอกจาก เป็นหนอนตำรา อยู่แต่ ในห้องแอร์ ในขณะที่ ลูกพ่อค้า แม่ค้า บางคน ทุนไม่มี เก็บเงินเอง ออกไปตั้งตัว ตั้งแต่ เป็นจับกัง รับจ้าง เป็น พนง.เซเว่น ล้างจาน เสิร์ฟอาหาร ชงกาแฟ เย็บผ้า ทำงานแบกไฟหลังกองถ่าย สุดท้าย ตั้งตัว เป็นมหาเศรษฐีได้ ก็มี บ้างก็เป็น ที่ยอมรับ ของประชาชน ทั่วไป...ตัวอย่างก็มี แต่ผมไม่อยากยก เพราะ ไม่ชอบกัน เป็นการส่วนตัว อยู่หลายคน กระทู้แบบนี้ รู้สึก เคยจะบูม ในเฉลิมไทย ที ผมเคย เข้าไปตอบ อยู่ครั้ง แต่ดันโดนลบ อย่างไม่มีปี่ มีขลุ่ย ลักษณะที่ว่า ถ้าพ่อแม่ยากจน จะได้ลูก ออกมาไม่ดี แต่ถ้าพ่อแม่ รวย มีการศึกษา จะสร้างลูก ที่ชาญฉลาด ก็ลอง ชม ครอบครัวตัวอย่าง ของคนมีสตางค์ดู ครับ ; ว่า มีแต่เงิน อย่างเดียว จะขุนลูก ให้ฉลาดได้ จริงหรือเปล่า? แล้วมีการศึกษา จะไม่โดนแหกตา เป็นฝูงๆ ได้พร้อมกัน จริงหรือ จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:55:43

ความคิดเห็นที่ 59 เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ ส่วนตัวก็คิดเหมือนกันไม่ได้ดูถูกอะไรคนจนค่ะ แค่สงสัยว่าถ้ามีโดยที่เราเองก็ลำบาก ก็อย่ามีหลายคนจะดีกว่ามั๊ยสงสารเด็กค่ะ หลายๆครอบครัวที่รู้มาปล่อยให้ตายายเลี้ยงให้เงินนิดหน่อย บางครั้งไม่ให้เลย แล้วตัวเองก็ไปหาสามีใหม่ ภรรยาใหม่ แล้วเด็กอ่ะ ไม่สงสารเหรอ จากคุณ : sweet_pomelo เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:57:54

ความคิดเห็นที่ 60 แล้วถ้าเมืองไทยเป็นแบบนี้ล่ะ ประชากรทุกคนโคตรขยัน  ลูกของทุกคนแข่งกันอ่านหนังสือเข้ามหาลัย ไม่ค่อยมีใครแต่งงาน ทุกคนเลี้ยงบ้านเลี้ยงรถเลี้ยงบริษัทไม่เลี้ยงลูก  หลังสอบเข้ามหาลัยฆ่าตัวตายกันมาก  ที่ทำงานแก่งแย่งชิงดี ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง  เปิดบริษัทแก่งแย่งกันค้าขาย แก่งแย่งกันซื้อที่ดิน แก่งแย่งกันเปิดร้านตลอดดึกดื่น  กำไรไม่ค่อยมีเพราะมีแต่คนเปิดร้านไม่มีใครใช้เงิน ใครมีงานก็ต้องระวังถูกแย่ง เพราะทุกปี มีคนเก่งจบใหม่พร้อมจะทำงานไม่หลับไม่นอน เพื่อจะได้เก้าอี้กัน พอตกงานก็ฆ่าตัวตายอีก ประชากรลดลงฮวบฮาบ  ประชากรระดับล่างต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าว แบบนี้ล่ะ เป็นงัย จขกท ชอบไม้ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 00:00:06 จากคุณ : szworker เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:58:23

ความคิดเห็นที่ 61 คห 58 เข้าใจที่คุณตั้งใจจะสื่อค่ะ ว่าการศึกษาไม่ได้ทำให้คนฉลาดทุกคน ไม่อย่างนั้นเครื่องหาระเบิดอะไรนั่นคงขายไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าไม่ให้การศึกษาเลย คงต้องยอมรับว่าเด็กจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปได้ยาก ไม่ได้หวังให้เรียนถึงขั้นฉลาดหรอกค่ะ เพียงแต่ให้มีความรู้ติดตัวหางานทำเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงลูกของตัวเองได้ ไม่งั้นก็จะกลับมาเป็นวงจรอุบาทว์เหมือนเดิม คือไม่มีความสามารถพอจะเลี้ยงลูกตัวเองไปทุกรุ่นๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 00:31:50 จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:25:00

ความคิดเห็นที่ 62 คห 60 อันนั้นก็สุดโต่งไปหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าที่กล่าวมาอ้างอิงมาจากญี่ปุ่นหรือเปล่า ยังดีที่ประเทศไทยมีศาสนาพุทธคอยย้ำเตือนว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป คงไม่ถึงขั้นนั้นมั้งคะ อยากให้เด็กไทยทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานตามรัฐบาลกำหนดพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ เพราะอย่างที่บอก บางทีแค่เป็นแม่บ้าน คนขับรถ บางที่ก็กำหนดวุฒิ ม.6 แล้ว ถ้าไม่ได้เรียนอะไร "เลย" อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ นึกไม่ออกเลยค่ะว่าจะทำอะไรได้บ้าง ถ้าไม่ได้มีที่ดินทำกินอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าทุกคนจะต้องจบ ป.ตรีมาแย่งกันทำงานบริษัทหรอกค่ะ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะป.ตรีไม่ฟรีค่ะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:31:14

ความคิดเห็นที่ 63 ความเห็น 58    60 ความเห็นออกทะเลไปใกลแล้ว  จขกท  ไม่ได้หมายความว่า คนรวย มีลูก ลูกเป็นคนดี คนจน มีลูก ลูกเลว   ตรงใหนหว่าที่สื่อถึงข้อนี้ เขาพยายามบอกว่า  คนจนอย่ามีลูกมากเลย มันเป็นภาระสังคม ไม่ไช่ว่าเลว หันไปทำมาหากิน ให้ชีวิตมั่นคงดีกว่าไหม  ดีกว่ามานั่งล่อกันทุกวัน ๆ อ่านแล้วบางความเห็นเหมือนเก็บกด อะไรบางอย่าง บ้างก็ประชดแดกดันว่า จขกท คงรวยมาก...เฮ้อ   ไปว่าเขาทำไมนั่น เราว่า   พวกคุณอ่านหนังสือไม่แตกนะ หมายถึง อ่านโดยเอาอคติและเรื่องราวส่วนตัวนำมา  โต้ตอบกันแบบไม่สร้างสรรค์   แต่ออกแนว ประชดแดกดัน  มากกว่า ขออภัย  ที่เอ่ยตรง... จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:36:11

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณนะคะคุณ cream cupcake ^_^ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:39:16

ความคิดเห็นที่ 65 กว่าจะมีคนเข้าใจเจ้าของกระทู้ เหอๆ จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:01:20

ความคิดเห็นที่ 66 เราเห็นด้วยกับคุณ cream cupcake นะ กระทู้นี้ แทนที่จะมีการระดมความคิด ว่าจะทำไงดี แก้ปัญหาต่อจากหัวกระทู้ เผื่อจะเกิดไอเดียดีๆ ที่นำไปต่อยอดได้อะไรได้ กลับกลายเป็น มาขัด มาเถียง มาแย้ง ให้กระทู้นี้มันไปต่อไม่ได้ซะงั้น แค่กว่าคนอ่านจะเข้าใจตรงกัน และพร้อมออกสตาร์ทจากจุดยืนเดียวกัน ก็ปาไปอีกวันแล้ว ประเด็นของกระทู้นี้ คือปัญหาของคนกลุ่มหนึ่งที่คุณภาพชีวิตไม่ดีเพราะความจน ทำยังไงให้คนกลุ่มนี้ที่จน มีคุณภาพชีวิตที่ไม่แย่ไปกว่าเดิมสืบลูก ต่อหลาน ทางหนึ่งที่จะทำ คือคุมกำเนิด ใช่หรือไม่ คำตอบที่ออกมามันควรจะเป็น เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย เกี่ยวกับการคุมกำเนิดในส่วนของคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่ว่า ลูกคนจนที่ดีก็มี แล้วไง อย่ามาดูถูกคนจนนะ อ่ะ ถ้าไม่ให้แตะ เขาจะปั้มลูกกันทั้งๆที่ยังรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ เพราะเราจะรอเพชรกันใช่หรือไม่ ออกลูกมาเยอะๆ เลี้ยงๆไปตามมีตามเกิด เฝ้าดูลูกโตมาพลิกชีวิตพ่อแม่ ที่คุณเห็นๆมันออกทีวีเรื่องคนเคยจนแต่ถีบตัวเองจนรวย ทำไมคุณถึงได้เห็นมัน? ทำไมถึงได้ข่าว ทำไมถึงได้ชื่นชม? ก็เพราะว่า "มันเป็นส่วนน้อย" ไงมันเลยได้ออกทีวีอ้ะ!! ถ้ามันเป็นเรื่องปกติ 90% คนจนเกิดมาฟันธงได้เลย ปากกัดตีบถีบแบบนี้อนาคตดีแน่ มันคงไม่ออกข่าวเป็นเรื่องแปลกหรอกคุณ หรือคุณรู้สึกชื่นชม และคิดว่าน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างเวลาเห็นเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก ถ้าคุณมีเงิน คุณจะให้ลูกทำอย่างนั้นมั้ย? เด็กเหล่านั้นมี"ทางเลือก"มั้ย? หรือพวกเขาทำขำๆ ฆ่าเวลา ไม่ทำก็อยู่ได้ ชิวๆ? การที่ยกปัญหาสังคมอีกปัญหาหนึ่งมาในกระทู้นี้ (เช่นลูกคนรวยก็เลว) ไม่ได้ทำให้ัปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิตเด็กคนจนเหล่านี้หายไป และมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากเรือไม่พาย เอาเท้าราน้ำค่ะ จากคุณ : wanr79 (wanr79) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 02:13:46

ความคิดเห็นที่ 67 เราเห็นด้วยกับ จขกท. ไม่ใช่เพราะการเหยียดหยามคนจน คนมีศักยภาพ (ด้านการเงิน หรือการศึกษา และความตั้งใจ) ล้วนเลือกจะมีลูกน้อยลง หรือไม่มีเลย แต่คนที่ปล่อยปละละเลยชีวิตตัวเอง  มักจะปล่อยปละมีลูกขึ้นมามากมาย  และต่อเนื่อง ซึ่งคนเหล่านี้ ไม่มีศักยภาพความพร้อม (ทั้งด้านเงิน เวลา สติปัญญาในการเลี้ยงดู)  ทำให้ได้เด็กที่คุณภาพด้อยยิ่งกว่ารุ่นพ่อแม่ซะอีก แต่มองบางมุมยังมีข้อดี  ..เพราะคนเหล่านี้ คือ แรงงาน ซึ่งยังจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ เสนออีกมุมนึง...ลูกของคนที่ยังมีศักยภาพไม่พอ  เค้าส่งกลับไปให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงดู  ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มคนซึ่งไม่มีรายได้มากพอและไม่มีความเหมาะสมที่จะเลี้ยงดู...ซึ่งเป็นการแสดงความไร้การรับผิดชอบจากพ่อแม่ผุ้ละเลย...นำไปสู่เยาวชนผุ้อ้างว้างในใจ  และพึ่งพิงการยึดเหนี่ยวที่ผิดๆ... เรามีลูกคนนึง...ซึ่งเราก็คิดว่า  ไม่ใช่แค่เงินมหาศาล  แต่ต้องทุ่มเวลาเยอะมาก และใช้ความตั้งใจพยายามสูงเกินคาดคิด  พร้อมด้วยจิตวิทยา การวางแผนอนาคต  ข้อมูลข่าวสารความรุ้.....ทั้งยากทั้งเหนื่อยทั้งเบื่อ...จนไม่น่ามีลูกเลย มุมมองสีดำ...ทุกครั้งที่เห็นข่าวประเทศยากจนมากๆ...เราก็คิดว่า  อาหารในโลกไม่พอกินอยู่แล้ว  ไฉนต้องส่งไปให้ประเทศที่ไม่ทำมาหากิน  แต่อยู่ในแค้มป์รับบริจาค...โลกต้องคัดเลีอกผู้อยู่รอดตามธรรมชาติไม่ใช่เหรอ...คน 1ใน3ของโลกอดอยาก...แต่ก็ต้องมนุษยธรรมกันไป....เราก็เบื่อที่จะหุงข้าว 1หม้อเผื่อหมาจรจัดหน้าบ้านเหมือนกัน (แต่ก็เอ็นดูมัน  มันจงรักภักดี มานอนรอหน้าบ้านทุกเย็น) จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 03:03:53

ความคิดเห็นที่ 68 คนรวยอยากมีลูกแต่ มีลูกยาก ลงทุนเป็นล้าน เพื่อทำลูกแต่เปอร์เซ็นสำเร็จก็ต่ำ  แต่คนจนไม่อยากมีลูกแต่ลูกเกิดง่าย ขนาดกินยาคุมมันก็ยังมีหลุดรอดมาอีก................... เหมือนธรรมชาติกลั่นแกล้งมนุษย์เลยครับ............. ปัญหาแบบนี้จีนเขาใช้กฎหมายบังคับ โดยใครมีลูกเกินที่กฎหมายกำหนดต้องเอาเด็กออก.........แต่ว่าเมืองเราเป็นเมืองพุทธไม่สนับสนุนการทำแท้ง กฏหมายแบบนี้เอามาใช้กับบ้านเราไม่ได้............... จากคุณ : ฟามลับ (ohiyo_eak) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 09:34:34

ความคิดเห็นที่ 69 ความเห็น ที่  66 ตรงประเด็น  จับใจความเป๊ะ ๆ  สรุปได้กระชับ   ครอบคลุมเนื้อหา  ไม่ใส่อคติส่วนตัว คนอ่านได้สาระ    ได่แง่คิด  เข้าใจง่าย   ไม่บ่อนทำลาย  ไม่ก้าวร้าว    ไม่เว่นเว้อ   ข้าพเจ้าขอปรบมือให้  555 แบบนี้คงเป็นนักอ่าน และนักเขียน  ตัวยง ส่วนอีกหลายความเห็นที่ออกทะเลไปแล้วปีนึงคงอ่านหนังสือแค่ไม่กี่บรรทัด...... เลยไม่เข้าใจสิ่งที่  จขกท  ต้องการสื่อ..  ถนัดแดกดันเหน็บแนม  เพื่อ..... ขออภัยที่ต้องเอ่ยตรง ๆ จากคุณ : คุยเรื่องนกกลายเป็นเรื่องแมว (cream cupcake) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 10:58:06

ความคิดเห็นที่ 70 สมัยก่อนคนจีน นิยมมีลูกมากๆ เหตุผลของเขา คือ ต้องการแรงงานมาช่วยเหลือในบ้าน แทนที่จะไม่จ้างคนอื่นมาทำงาน ก็จะใช้ลูกหลานตนเองทำงาน ไม่ว่าจะทำนา หรือว่า มีธุรกิจ กิจการอันใด คนทำงานล้วนเป็นลูกหลานตนเองทั้งนั้น เรียกว่า เกิดเป็นลูกหลานคนจีนลำบาก ต้องทำงาน และกิจการส่วนมาก ก็ไม่ถ่ายทอดให้ใคร จะรู้กันแค่ในตระกูลเท่านั้น ลูกหลานจะไม่เอาก็ไม่ได้ เพราะสมัยก่อนจะโดนบังคับให้ทำงานตั้งแต่เด็ก ถ้าบ้านไหนรวยๆ หรือว่ามีธุรกิจมากๆ ผู้ชายจะยิ่งมีหลายเมีย เพื่อมีลูกมากๆ มาช่วยงานในกิจการของตนเอง ลูกทุกคนมีค่าทางด้านแรงงานมาก และอยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอดเวลา ทำงานมาด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนโต ผิดกับปัจจุบัน ที่เขาห้ามมีลูกเยอะๆแล้ว เพราะบางครอบครัวก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ มีลูกมาก ก็เป็นภาระ เป็นปัญหาสังคมเช่นกัน คนไทยตั้งแต่โบราณ ก็ไม่ได้มีค่านิยมมีลูกมากนะ 3-4 สำหรับคนไทย ถือว่า มากแล้ว ไม่เหมือนคนจีนโบราณ มีลูกกันทีเป็นโหล สิบกว่าคนขึ้นไป ใครมีลูกมากยิ่งมากยิ่งดี แต่การเลี้ยงดูของคนไทย กับคนจีน ต่างกัน คนไทย ค่อนข้างตามใจลูก และปล่อยตามธรรมชาติ ลูกอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานก็ได้ ว่างก็ไปเดินเล่น ตามสบาย เมื่อไม่ได้อยู่ในสายตา ไปอยู่ตามกลุ่มเพื่อน บางทีก็ชวนกันไปทำอะไรที่ไม่ควร ไปลองอะไรที่ไม่ควรลอง เพราะพ่อแม่ไม่ได้ดุด่าว่ากล่าว หรือว่า มีกฎบ้านที่รุนแรง เด็กจึงไม่กลัว ทำผิดกลับมาแม่ก็ให้อภัย เข้าข้างด้วย เด็กจึงเข้าสู่อบายมุขง่าย ก่อคดีง่าย และ เสี่ยงต่อการกระทำผิดได้ง่าย เพราะไม่มีคนดูแล พ่อแม่ไปไหน ไปทำงาน ไม่อยู่บ้าน พาลูกไปทำงานด้วยมั๊ย เปล่าเลย ปล่อยลูกอยู่บ้านตามสบาย บางทีก้อฝากยายเลี้ยง ยายอยู่บ้าน ลูกไปเที่ยวนอกบ้าน ยายก็ไม่ได้ตามไปดู ปล่อยมันไปตามสบาย การอยู่ห่างสายตาผู้ใหญ่ เลยกล้าทำอะไรมากมาย ต้นทุนการเลี้ยงดูด้วยเงิน ไม่ได้มาก แต่คนมีเงิน ใช้เงินซื้อเวลาให้ลูก ให้ลูกใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นมาก แต่คนจนถ้าเขามีเวลาอยู่กับลูกมาก ก็อบรมเป็นคนดีได้ แต่ส่วนมากคนจนมักจะไม่ค่อยมีเวลาเช่นกัน นอกจากต้องทำงานเลี้ยงปากท้องตนเองแล้ว บางคนก็มัวแต่ห่วงความสุขตนเอง ไปกินเหล้า ไปเล่นไพ่ เวลาที่ควรจะมีให้ลูกก็หายไป แถมไม่มีเงินซื้อเวลาให้ลูกได้อยู่กับความรู้หรือใช้เวลามีประโยชน์กว่านี้ จึงเกิดปัญหาตามมา จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:27:54

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านคอมเมนท์ไม่หมดทุกคน ขอแสดงความเห็นในคำถามที่ว่า คนจนทำไมถึงขยันมีลูก - เพราะคน...หาเช้ากินค่ำ จะคำนึงถึงเรื่องปากท้องในแต่ละวันมากกว่าจะคิดไกลไปถึงเรื่องฐานะครอบครัว เมื่อรักกันชอบกัน ก็อยู่กัน มีลูกกันไปตามครรลอง ต่างจากคนมีอันจะกิน ที่จะแต่งงานที จะมีลูกทีคิดแล้วคิดอีก ว่าจะเลี้ยงไหวมั้ย บางคนคำณวนถึงเรื่องค่าคลอด ค่าเทอม ค่ากินอยู่ล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่ตั้งท้อง รึวางแผนก่อนการแต่งงานด้วยซ้ำไป -เรื่องการศึกษา ก็มีส่วน ยิ่งเรียนสูง ก็ยิ่งคิดมาก มีกาวางแผนไตร่ตรอง คนยากจน หากการศึกษาน้อย.......จะไม่เข้าใจเรื่องการคุมกำเนิด ไม่ให้ความสำคัญกับการคุมกำเนิด มีเพศสัมพันธ์โดยไม่รู้จักการป้องกัน ซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อน *แวะไปดูได้ที่ห้องสวนลุม ขนาดคนที่มีการศึกษา และเล่นเน็ตเป็น ยังไม่เข้าใจเลยว่า จะคุมกำเนิดกันยังไง ดูจากคำถามที่พบเห็นบ่อยๆ "อย่างนี้จะท้องไหม?" "กินยาคุมอย่างไร" คำถามเหล่านี้มีให้เห็นกันทุกวัน นับประสาอะไรกับคนที่หาเช้ากินค่ำ ถามเหอะ ประจำเดือนมาวันสุดท้ายเมื่อไหร่ รู้หรือปล่าว ยังจำไม่ได้ วิธีกินยาคุมที่ได้รับแจกจากอนามัย กินถูกต้องไหม ควรเริ่มกินวันไหน หรือนึกจะกินวันไหนก็กินได้ เอ้า ...ความรู้พวกนี้ คิดว่าในคนหาเช้ากินค่ำ เคยสนใจศึกษาจริงๆไหม เมื่อขาดความรู้ด้านการคุมกำเนิด ไม่แปลก...ที่จะท้องติดๆกัน เพราะปัจจัยในการท้องไม่ได้อยู่ที่รวยจะจน แต่อยู่ที่ความเข้าใจหรือความสามารถในการป้องกัน บางคนบอกกินยาคุมที่อนามัยแจก (ซึ่งออร์โมนสูง )เมื่อกินแล้วแพ้ ก็หยุดยาเลย ไม่กินแล้ว กลัวฝ้า กลัวอ้วน กลัวดำ ในขณะที่คนมีเงิน เมื่อกินยาคุมราคาถูกแล้วแพ้....ก็มีโอกาสไปหาซื้อยาคุมดีๆ แพงๆมากินได้ แผงละ ร้อยกว่า ถึง สี่ร้อย...คนเงินน้อย ไม่กล้าซื้อหรอก เห็นความแตกต่างของคนมีเงินกับคนจนไหมคะ ??? อย่างที่บอก ในชีวิตพวกเขา คำนึงถึงการทำมาหากินใส่ปากใส่ท้อง คนไหน ใส่ใจหน่อย ก็ไปอนามัยตรงตามนัด รัฐถึงได้มีโครงการให้ความรู้แก่ประชาชนในการคุมกำเนิด ทั้งแจกถุงฟรี ทำสื่อประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนครอบครัว สมัยก่อนในชนบทจะเห็นรณรงค์กันมาก ยุคนี้...คนที่เกิดลูกเร็ว กลับกลายเป็นเยาวชนของชาติแทนสาวชาวไร่ มีการศึกษาก็จริง แต่ก็ขาดจริยธรรมอีก .......โตเกินตัว.......ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน คุมบ้างไม่คุมบ้างพอพลาดขึ้นมา......ก็เข้าสู่วงจร...เป็นภาระให้สังคม จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:52:18

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณหลายๆความเห็นที่ช่วยอธิบายมุมมองของ จขกท ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะคะ ^ ^ งั้นขอกลับมาที่การเสนอวิธีแก้ไขเนอะ ที่คิดไว้ว่า เราควรมีกำหนดหลักทรัพย์ขั้นต่ำสำหรับการมีบุตร 1 คนจะดีไหมคะ โดยปริมาณเงินนั้นจะคำนวณมาจากเงินขั้นต่ำในการเลี้ยงดูเด็กคนนึงให้กินข้าวครบสามมื้อ มีครบปัจจัย 4 มีการศึกษาขั้นต่ำพอเพียง ซึ่งคงต้องมีการทำสำรวจกันจากนักวิชาการภาครัฐ ให้ได้ตัวเลขที่เหมาะสม ทีนี้ในกรณีที่เงินหลักทรัพย์ไม่ถึง แต่ปรากฎว่ามีลูกเกินออกมา คงจะไม่ทำแบบเมืองจีนที่บังคับเอาเด็กออก เพราะมันดูลิดรอนสิทธิมนุษยชนมากเลย คิดว่าดีไหม หากจะบังคับทำหมันชั่วคราวให้กับตัวสามีเป็นบทลงโทษหนึ่ง (เพราะผู้ชายผูกแล้วแก้ท่ออสุจิได้) พอมีหลักทรัพย์พอแล้วค่อยทำเรื่องขอแก้ทำหมันได้อีก (ประมาณว่าถุงยางฟรีที่อนามัยไม่ยอมไปขอเอง ก็ต้องเจอแบบนี้ให้เจ็บตัวกันไป) หรือไม่ก็ฉีดยาคุมฟรีให้ภรรยาด้วยเลย จริงๆวิธีนี้ก็ดูลิดรอนสิทธิมนุษยชนเหมือนกันแต่น้อยกว่าแบบจีน แต่ถ้าจะรอให้คนมีจิตสำนึกกันเองไม่รู้จะช้าไปไหม ส่วนเด็กที่เกิดมาแล้วก็ให้เกิดมาแต่ให้อยู่ในความดูแลของรัฐไปก่อนจนกว่าพ่อแม่จะมีความพร้อม แล้วค่อยมาขอคืนไป โดยที่พ่อแม่ต้องผ่อนเงินค่าเลี้ยงดูเด็กคืนรัฐบาลนะ ภาระจะได้ไม่ต้องตกกับภาษีประชาชน ระหว่างนี้รัฐก็พัฒนาอาชีพไปด้วยให้พ่อแม่ที่ยากจนมีงานทำ มีรายได้ จะได้มาขอลูกตัวเองคืนไป จริงๆไม่อยากพรากลูกพรากแม่ แต่ถ้าให้เด็กอยู่กับครอบครัวที่ไม่พร้อม กลัวว่าจะถูกทิ้งไปตามถังขยะเสียก่อน หรือโดนใช้งานตั้งแต่เล็ก วิธีนี้อาจไม่ได้ดีที่สุด และอาจดูบังคับจิตใจ แต่น่าจะเห็นผลเร็วสุด ท่านอื่นๆคิดว่ายังไงบ้างคะ หรือมีวิธีไหนอีกบ้าง หรือควรใช้วิธี soft soft รณรงค์ปลูกจิตสำนึกต่อไป แต่สำนึกได้เมื่อไรไม่รู้ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:00:10

ความคิดเห็นที่ 73 ผมมองว่าปัญหาแบบนี้ มันไม่ได้เริ่มมาจากจุดเดียว มันเริ่มที่หลายๆจุด แต่ละจุดก็มีความเชื่อมโยงกันเป็นระบบ เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้ ก็ต้องแก้ที่จุดเริ่มต้นของแต่ละจุด ซึ่งมากโขอยู่ จะหาวิธีแก้เพียงวิธีเดียวให้แก้ได้ทุกคน ทุกชนชั้น เป็นไปได้ยากครับ เพราะต้องยอมรับว่า แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ถ้าจะแก้ต้องเอามาวิเคราะห์พื้นฐานของแต่ละคน ว่าประเภทนี้ข้อดี ข้อเสีนอยู่ที่ไหน อะไรทำให้เป็นแบบนี้ อีกประเภทหนึ่งก็ทำแบบเดียวกัน เก็บสถิติเอาไว้ วิเคราะห์ต่อยอด แต่วิธีนี้คงใช้งบประมาณมาก แต่เอาจริงๆ สำหรับผม ปัญหาสังคมมันแก้ได้เด็ดขาดที่หน่วยเล็กๆ อยากจะให้ทุกคนร่วมมือช่วยกันแก้ ให้แต่ละคนแก้ไขปัญหาของตัวเอง น่าเสียดายที่ไม่ค่อยจะมีใครเห็นปัญหากัน หรือไม่ก็เห็น แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำผิดไม่ได้ ... ศาสนาและศีลธรรมอันดีงาม ยกให้คนกลายเป็นมนุษย์ มีใจสูง ถ้าแต่ละหน่วยในสังคมเป็นคนดี สังคมก็ดีตาม แต่ที่ยากคือจะทำให้ยังไงให้แต่ละหน่วยย้อนกลับเข้ามาดูตัวเอง และแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อส่วนรวมได้. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:15:30

ความคิดเห็นที่ 74 ทำไปตามอารมณ์ไงท่าน ไม่ได้อยากมีลูกหรอก จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:09:35

ความคิดเห็นที่ 75 เพราะโรงเรียนไม่เคยสอนให้คน"คิด" เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการสร้างครอบครัว-การสร้างคน โรงเรียนไม่สอนให้คน"คิด" เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม โรงเรียนสอนแต่เรื่อง -ถูก- -ผิด- และสอนเพื่อไป-สอบ--แข่งขัน- โรงเรียนไม่ได้สอนให้เด็กหันกลับไปดู "บ้าน" เพื่อสะท้อนสภาพสังคม .............. จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:44:13

ความคิดเห็นที่ 76 เด็กที่จะมาเกิดกับคนรวย  ต้องเป็นคนมีกรรมดีมาก  มีบุญ วาสนา    แต่คนในปัจจุบันทำกรรมชั่วมาก  เวลาตายไปแล้ว ก็มักไปเกิดเป็นลูกคนจน จากคุณ : มานี (มานีมีหู) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:04:59

ความคิดเห็นที่ 77 ผมว่าบางทีคนไทยเราน่ะเป็นพวกหน้าบาง เรื่องบางเรื่องควรสอนไม่สอน ทั้งที่โลกภาย นอกเค้าไปถึงไหนแล้ว เรื่องเพศก็เป็นเรื่องนึงที่ควรจะสอน จะได้รู้ว่าป้องกันยังไง และ อีกอย่างนึงที่ควรสอนคือเรื่องเศรษฐศาสตร์ จะได้รู้จักคิดว่า ถ้ามีลูกแล้วชีวิตต้องแลก กับอะไรบ้าง มันก็จริงส่วนนึงที่ "คนจนส่วนมาก มีลูกเยอะเกิน 2 คน และเมื่อมีแล้วก็ไม่ สามารถที่จะเลี้ยงให้โตขึ้นได้อย่างมีคุณภาพ" (คำว่าคุณภาพหมายรวมถึงทักษะ, การ เอาชีวิตรอด) บางทีการพูดถึงปัญหานี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าดูถูกคนจน หรืออะไรทำนองนั้น แต่เราต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง ที่ปัญหาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม อาชญา กรรม ยาเสพติด โดยส่วนใหญ่บุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องมักจะเป็นชนชั้นล่างที่ไม่มีทาง เลือกมากนัก เมื่อเค้าไม่มีอะไรจะเสีย เค้าก็อยากจะลองมีชีวิตที่ดีซักช่วงนึง ซึ่งต่อให้รู้ ว่ามันผิดและผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ความเย้ายวนมันทำให้เค้าอยากลอง ผมว่าสิ่ง สำคัญที่สุดคือการศึกษา ซึ่งในเมืองไทยยังไม่ทั่วถึง หากแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ผมเชื่อว่า หลายๆอย่างจะเปลี่ยนไป จากคุณ : โยชิซึเนะ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:29:15

ความคิดเห็นที่ 78 จริงๆผมก็ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่นะครับ เพราะประชากรของประเทศเราก็มีแนวโน้มจะหดตัวลงอยู่แล้ว หากไม่มีการรักษาจำนวนประชากรในวัยทำงานเอาไว้ในระดับนี้ต่อไป เราจะเอาจำนวนแรงงานที่ไหนไปสู้ประเทศอื่นๆ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:03:28

ความคิดเห็นที่ 79 กรุณาอ่าน คห 72 ของเจ้าของกระทู้ ก่อนจะเริ่มเถียงข้างๆคูๆหรือมาประชดประชันกันนะคะ กระทู้สร้างสรรค์ ตั้งขึ้นเพื่อช่วยกันสร้างสรรค์สังคม อยากให้ช่วยออกความเห็นดีๆ แทนที่จะชักใบให้เรือเสียค่ะ ส่วนตัวเห็นว่า การควบคุมจำนวนบุตรตามหลักทรัพย์ที่มีก็เป็นวิธีการที่น่าจะมีประสิทธิภาพถ้าทำได้จริง (เน้นที่ ถ้าทำได้จริง  เพราะนักสิทธิก็จะค้านตรงนี้อีก) ขอบพระคุณ จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:14:17

ความคิดเห็นที่ 80 ปัญหาโลกแตกกกกกกกกกกก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเองได้ค่ะ จากคุณ : Violetina เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:01:30

ความคิดเห็นที่ 81 มันส์ จากคุณ : คำเดียวจบ (ดินสอปากกา) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:31:22

ความคิดเห็นที่ 82 ฐานะ  ความมั่งคั่งไม่ใช่สิ่งคงที่  การบังคับคนจนไม่ให้มีลูกโดยพุ่งเป้าไปที่การทำหมันผู้ชายที่ยากจนหรือผู้หญิงยากจน เป็นเรื่องตลก  และไม่มีใครยอม สมมติวันนี้ จน  พรุ่งนี้รวย เป็นอย่างนี้  ก็คงต้องทำหมัน แก้ หมันกันบ่อยๆ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:52:16

ความคิดเห็นที่ 83 ผมว่าลูกคนจนถ้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีก็เป็นคนดีได้  หรือลูกคนรวยถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวก็เป็นคนเลวได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะให้ความรักความอบอุ่นความเข้าใจในครอบครัว หรือปล่อยปละละเลยปล่อยให้สภาพแวดล้อมเป็นเบ้าหลอมให้ออกมาเป็นแบบไหน  ก็ลองจำลองภาพตามความเป็นจริงดูก็คงพอได้คำตอบของความแตกต่าง เมื่อคืน(22)ดูรายการคุณไตรภพ  มิสไทยแลนด์เวิร์ลด กับรองสี่คน ตอบคำถามว่า จะทำอะไรเพื่อเด็กๆดี รองสี่คนตอบเหมือนกันว่า จะต้องสนับสนุนเรื่องการศึกษา ให้มีคุณภาพ มีอุปกรณ์ มีโอกาสเท่าเทียมทั่วถึงกัน ส่วนเจ้าของตำแหน่งตอบว่าต้องสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัวให้มีความสุขแล้วอย่างอื่นจะตามมา ผมฟังแล้วโดนจังๆ  รู้สึกว่ากรรมการตาแหลมมาก ลืมตอบคำถามเจ้าของกระทู้ ผมว่าที่คนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดีแต่กลับมีลูกมาก  อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาอาจจะไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นกีฬาประเภทเอ็กซทรีม  ความสุขอย่างเดียวในชีวิตที่พอจะไขว่คว้าได้ใกล้ๆนอกเหนือจากความเครียดตลอดวันแล้ว  ก็คงเหลือแต่การเมคเลิฟนี่แหละที่คงพอจะทำให้ลืมทุกข์โศกไปได้วันๆ  บางทีเลยเกินโควต้าที่เตรียมป้องกันเอาไว้   จะมีส่วนถูกบ้างไหมไม่รู้นะครับ จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:58:02

ความคิดเห็นที่ 84 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้อย่างรุนแรง มองโลกแคบไปก็จริง แต่คนไม่มาสัมผัสไม่มีทางรู้ บ้านเราอยู่ตจว ปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาอย่างรุนแรง แล้วเรารับพฤติกรรมพวกเค้าไม่ได้ด้วย พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกมักไม่ต่าง ก็ไม่รู้จะไปโทษใคร แล้วลูกก็มีเป็นขบวน มันจะทำให้ประเทศเราล้าหลังค่ะ ในกทมมักไม่เห็น แต่ตจว มีทุกหย่อมหญ้า มีทุกหย่มหญ้าจริงๆ จนเครียด เพิ่งมีปจด ก็มามีลูกกันซะแล้ว มีเยอะแยะมากมาย แล้วคนดีๆมีคุณภาพน้อยมากเลยอ่ะค่ะ ถ้าเทียบเป็นสัดส่วน แบบนี้ประเทศเราจะเจริญได้อย่างไรล่ะคะ จากคุณ : แฟนตาแว่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:37:59

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านหลายความเห็นแล้วเพลีย ปัญหาระดับมหภาค ดันยกข้อยกเว้นมาอ้างกัน "ลูกคนจนบางคนยังดีกว่าลูกคนรวยหลายๆคนอีก" "การศึกษาไม่ได้วัดความเป็นคนดีเสมอไป" "ลูกคนจนบางทียังเรียนลูกกว่าลูกคนรวย" "ลูกคนรวยบางคนก็ติดยา ขายยา" จริงๆเรื่องระดับนี้ต้องวัดกันที่อัตราส่วนครับ อัตราส่วนที่ลูกคนจนจะเป็นขโมย "สูงกว่า" ลูกคนรวยลิบลับ อัตราส่วนที่ลูกคนจนจะเป็นติดยา ขายยา "สูงกว่า"ลูกคนรวยลิบลับ อัตราส่วนที่ลูกคนจนจะเรียนไม่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน "สูงกว่า" ลูกคนรวยลิบลับ อัตราส่วนที่ลูกคนจนจะเป็นโรคทางโภชนาการ "สูงกว่า" ลูกคนรวยลิบลับ อื่นๆ อีกมากมาย จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 00:39:43

ความคิดเห็นที่ 86 ส่วนที่ว่าคนมีอันจะกิน ทำงานจะไม่มีลูกนั่น ไม่จริงนะครับ เขาวางแผนกันที่จะมีเมื่อพร้อมจริงๆ เพราะการมีลูกซักคนเป็นภาระหน้าที่ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตครับ ถ้ามีแล้วเลี้ยงให้เป้นคนดีไม่ได้ "อย่ามีซะดีกว่า" จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 00:43:10

ความคิดเห็นที่ 87 ไม่รู้ว่ามีคนเคยคิดถึงประเด็นนี้มั้ย ก่อนอื่นตัดประเด็นการคุมกำเนิดออกไป คนจนมีลูกเยอะ เพราะเวลาคนจนท้องถึงยังไม่พร้อมจะมี ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ก็ไม่มีเงินไปทำแท้ง สุดท้ายก็ต้องคลอดเด็กออกมา ถ้าแม่คนไหนมีความเป็นคนก็เลี้ยงดูลูกตามกำลังของตน อดบ้างกินบ้างแต่ก็มีความสุขตามที่เป็น แต่ถ้าแม่คนไหนไร้ซึ่งความเป็นคนคลอดแล้วเอาลูกไปทิ้งก็เลวไม่ต่างจากคนที่ทำแท้ง แต่ในทางกลับกัน คนชั้นกลางหรือคนรวย ถ้าท้องตอนที่ยังไม่พร้อม ทางแก้ปัญหาของคนเหล่านี้ส่วนมากคือการทำแท้ง ยอมเสียเงิน ยอมทำบาปเพื่อรักษาอนาคตของตนเอง รักษาหน้าตาชื่อเสียงของตนเองและครอบครัว แต่ไม่ยอมรักษาคุณค่าความเป็นคน ป.ล ไม่ได้เหมารวมคนรวยและคนชั้นกลางทุกคนว่าไม่ดีนะค่ะ แต่คนไม่มีเงินก็คงไปทำแท้งไม่ได้ ส่วนคนจะรวยจะจนต่างก็เลี้ยงลูกได้แต่ตัวเท่านั้น พ่อแม่ชี้นำลูกได้ แต่บังคับให้ลูกทำไม่ได้ จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเอง คนมีการศึกษาแต่นิสัยแย่ก็มี คนจนจบ ป.๔ แต่น้ำใจ ระเสริฐก็มี คนสมัยก่อนเรียนน้อย ยังมีศีลธรรมเกรงกลัวบาปมากกว่าคนเรียนเยอะในสมัยนี้เลย การปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมจะเป็นตัวช่วยให้คนรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักอะไรควรไม่ควรปัญหาหลายอย่างคงเกิดน้อยลง จากคุณ : คนมีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 00:48:09 A:183.89.1.64 X: TicketID:326114

ความคิดเห็นที่ 88 เห็นด้วยกับ จขกท อย่างยิ่ง เคยดูสกู๊ปข่าวช่อง Channel News Asia ของสิงคโปร์เค้า เค้ามาทำสกู๊ปเรื่องลุงคนนึงที่ไปสอนหนังสือเด็กในสลัมคลองเคยทุกวัน ครูลุงบอกว่า สงสารเด็กเหล่านี้ที่ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เด็กบางคนสิบกว่าขวบแล้วแต่ยังอ่านเขียนไทยไม่ได้ ถึงแม้การศึกษาขั้นพื้นฐานจะฟรี แต่พ่อแม่ไม่ยอมให้ไปเรียนเพราะ "ไปเรียนก็ไม่ได้เงินกลับมา" ให้อยู่บ้านช่วยทำมาหากินดีกว่า ตัวเองได้ยินตกใจแทบตกเก้าอี้ อย่างนี้เค้าเรียกว่า "พ่อแม่รังแกฉัน" ของจริง ถ้าเด็กไม่ได้เรียนหนังสือ พอโตจะเอาความรู้ที่ไหนเพื่อไปทำงาน พอไม่มีงานทำก็ก่ออาชญากรรม ค้ายาเสพติด เล่นการพนัน เป็นปัญหาสังคมต่อไปเรื่อยๆเป็นวงจรอุบาทจ์ที่ไม่มีวันจบสิ้น พ่อแม่ที่ตัดอนาคตลูกประเภทนี้ไม่ต้องโทษสังคมหรือใครอื่นเลยคะ นอกจากตัวเอง เห็นแล้วเป็นห่วงอนาคตของชาติจริงๆ... จากคุณ : แนน (nannan-orra) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 05:23:11

ความคิดเห็นที่ 89 ทำไมบางความเห็นเหมือนไม่เข้าใจประเด็น ประเด็นหลักไม่ใช่ "ดี" หรือ "ไม่ดี" แต่ประเด็นหลัก คือ "พร้อม" หรือ "ไม่พร้อม" ต่างหาก เมื่อมีทั้งที่"ไม่พร้อม" โอกาสที่จะเลี้ยงดูได้ไม่ดีมันจะสูงกว่ามีเมื่อ"พร้อม" จากคุณ : Cantaloupe Addict เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 09:18:03

ความคิดเห็นที่ 90 สำหรับผม ไม่คิดจะมีลูกเลย ถ้ายังไม่พร้อม จากคุณ : รีคอนแมน02 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:07:23

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นด้วยกับ#89 ส่วนหนึ่งครับว่าพ่อแม่ควรจะมีความพร้อม   แต่นอกจากความพร้อมของพ่อแม่แล้ว สังคมที่ลูกเราจะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ เจริญเติบโต พัฒนาตัวเอง ควรจะมีความพร้อมด้วยที่จะคอยเป็นพี่เลี้ยง   ถึงพ่อแม่จะพร้อมแค่ไหน ถ้าพี่เลี้ยงไม่พร้อมมันก็แค่นั้น ก็เลยต้องย้อนกลับมาที่ความรักความเข้าใจ และความอบอุ่นภายในครอบครัว ซึ่งพอจะทำให้ปัญหาต่างๆในสังคมลดน้อยลงบ้าง แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 11:01:44 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:27:13

ความคิดเห็นที่ 92 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:30:51

ความคิดเห็นที่ 93 กลับมาดูเป็นกระทู้แนะนำไปซะแล้ว ยินดีที่เห็นจขกท.แก้ไขหัวข้อให้ชัดเจนในเจตนายิ่งขึ้นครับ ซึ่งเป็นเจตนาดี แต่ผมก็ยังเห็นแย้งในบ้างประเด็นอยู่ดี 555 เพราะผมไม่เห็นประโยชน์อะไร ถ้าเราจะยัดปัญหาสังคมที่เป็นภาพใหญ่ มาใส่มือของกลุ่มคนที่มีฐานะยากจน จริงอยู่ที่ความพร้อมย่อมดีกว่าความไม่พร้อมในการดูแลเด็กที่เกิดมาในสังคมแน่นอน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเขาเหล่านั้นแม้จะมีโอกาสก่อปัญหาในสังคมมากกว่าคนรวย ตัวเขาเองก็เป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน อย่างพ่อค้ายา กลุ่มมาเฟียเจ้าพ่อ กลุ่มคนพวกนี้ควรควบคุมมากกว่าคนจนมีลูกเยอะรึป่าว? อย่างบาง คห.ที่ดูเหมือนไม่เข้าใจ(รวมคห.นี้ด้วย) เพราะจขกท.พูดถึงปัญหาภาพใหญ่เชิงโครงสร้าง แต่กลับไปโฟกัสที่คนกลุ่มเดียวซึ่งมันแคบไปนะ อย่างคห.87ก็มีมุมมองที่น่าสนใจดีครับ ผมว่าปัญหามันมีหลายมิตินะครับ ไม่ใช่เฉพาะคนยากจนที่มีลูกเยอะอย่างเดียว แล้วเราจะคิดอย่างไรดี ที่บางรายการทางทีวีเซ็นเซอร์แม้กระทั้งการสาธิตวิธีการใช้ถุงยาง??? แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 10:51:54 จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:46:57

ความคิดเห็นที่ 94 ชอบ  ความคิดเห็นที่ 88  มากๆๆ ครับ ต้องโทษคนเป็น  พ่อ แม่  ด้วยนะครับ นั้น จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 10:58:58

ความคิดเห็นที่ 95 เป็นเรื่องที่แก้ยาก.... แต่ เข้าใจความหมายของเจ้าของกระทู้ครับ สาเหตุเพราะ มาตรฐานทางสังคมต่างกัน ถ้าจะนับจำนวนประชากรตามฐานะกันแล้ว คนรวยจะมีจำนวนน้อย รองลงมาคือชนชั้นกลาง และคนจนจะมีจำนวนที่มากที่สุด ส่วนจะกี่เปอร์เซ็นต์นั้นไม่สันทัด การแก้ปัญหาแบบให้มีผลโดยเร็ว เหมือนให้แก้กับคนจำนวนน้อย ย่อมทำได้ยากกว่า เวลาเราเอามาเปรียบเทียบแล้ว เราจะใช้มาตรฐานเดียวกันไม่ได้ อย่างกรณีที่มีคนบ่นว่า ไม่รู้จักสัมมาคารวะ ไม่รู้จักระเบียบวินัย เหล่านี้เป็นต้น ก็จะให้มีสัมมาคารวะ ระเบียบวินัยได้อย่างไร ก็ในเมื่อ มาตรฐานเขาไม่เหมือนกันกับคนที่พูดนะ ส่วนใหญ่คนที่พูดวิจารณ์ จะคิดถึงความพร้อมของตัวเอง เมื่อพร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ฐานวุฒิ ก็มีเวลาคิดรอบคอบมากขึ้น มาตรฐานก็ค่อยๆ เปลี่ยนที่ดีขึ้น ชีวิตที่ดีขึ้น จนถึงระดับหรูเลิศ มันต่างกันกับคนที่ หาความพร้อมในชีวิตไม่ ความยากจนทำให้เกิดความขัดสนหลายอย่าง ไม่มีเวลามานั่งนึกอะไรก่อนหลัง วางแผนอนาคตตัวเอง ทุกอย่างต้องปากท้องให้มีกินพอก่อน ระเบียบโน้น...นี้ ที่ว่ากันนะ ไม่ได้คิดในหัวอยู่แล้ว สัมมาคารวะ ก็ไม่ค่อยได้ใช้ในสังคมที่เขาอยู่กันหรอก เรานะ...เรียกร้องให้เขา ดูแลลูกและครอบครัวให้ดี แต่ถ้าตกอยู่ในสภาวะแบบเขา เราคิดว่าเราจะดูแลอย่างที่พูดได้ไม๊ สภาวะการณ์คนละอย่างกัน เลยการประเมินมาตรฐานก็ต้องต่างกันด้วย วิธีแก้ที่คิดว่าน่าจะทำได้ดี คือ รัฐบาลโดยกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งมหาดไทย กระทรวงพัฒน์และมนุษย์ กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงเทคโนฯ กระทรวงกีฬา กระทรวงสารธารณสุข ต้องร่วมมือสอดประสาน เอาจริงเอาจัง กับงานด้านทรัพยากรมนุษย์ ยกระดับมาตรฐานหลายๆ ด้านที่ได้กล่าวให้พวกเขา มันต้องใช้เวลา และเวลา และ แม้เวลามันจะนานแค่ไหน ก็ต้องทำ และ เมื่อหากปล่อยเฉยไป ปัญหาจะยิ่งบานปลาย และเมื่อมาตรฐานใกล้เคียงกัน ถ้าปัญหาลูกดกเกิดขึ้นอีก มันจะอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าจะโทษมาตรฐานสังคมกันแล้วล่ะครับ จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:06:28

ความคิดเห็นที่ 96 อาจจะเป็นเพราะ ไม่มีอะไรจะทำกันน่ะ ว่างไปมันก็เกิดอารมณ์เปลี่ยว จากคุณ : okaunkung เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:26:07

ความคิดเห็นที่ 97 ดิฉันเชื่อว่า คนที่มีการศึกษา ความรับผิดชอบชั่วดีของเขาจะมีมากกว่าคนที่การศึกษาน้อยแน่นอนค่ะ แต่เรื่องนิสัยคงเป็นเรื่องของกรรมและการเลี้ยงดูมากกว่าค่ะ จากคุณ : golfgaphappy เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:28:18

ความคิดเห็นที่ 98 คนระดับปานกลางถึงสูง  มีเงิน เรียนหนังสือ มีเพื่อน รู้ว่าที่ทำแท้งได้ไหนเมื่อท้อง มีเงินจ่าย แต่คนจนไม่มีเงิน เมื่อท้องแล้ว ก็ต้องเลยตามเลย จากคุณ : ม่องเท่ง เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:48:07

ความคิดเห็นที่ 99 เรา เข้าใจ จขกท. นะ คนไทย ต้องอ่าน หนังสือ เยอะๆ เพราะ ขนาด แค่กระทู้ ยังอ่าน กัน ไม่เข้าใจ คิด กันไป ไหน ๆ จขกท. เค้าก็บอก แล้วว่า เค้าไม่ได้ แบ่งชนชั้น วรรณะ ยังอุตสาห์ ลาก ให้ มันเป็น ดราม่า น้ำเน่า บางครั้ง เบื่อว่ะ อย่าให้ ชีวิต มัน รันทด นักเล้ย ต่าง กรรม ต่าง วาระ และ โอกาส ตั้งใจ ทำชีวิตเราให้ดี รู้จักเอื้อเฟือ เมตตา กับ คนที่แย่กว่า ไม่สร้างภาระ ให้สังคม พอแล้ว จากคุณ : มินนี่Mouse เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:49:45

ความคิดเห็นที่ 100 เป็นเพราะมักง่ายครับ อยากสนุกก็ทำ  ทั้งเด็กหรือแก่  การศึกษามีไม่มี  ก็มักง่ายได้  คนรวยคนจน ก็มักง่ายได้ เรื่องป้องกันไม่ต้องห่วง  ไม่ท้องหรอก  มันมีเทคนิค  ข้างนอกก็ปลอดภัยแล้ว ถุงอะไรวุ่นวาย  ไม่ได้อารมณ์  ลดโลกร้อนด้วย   ตามร้านสะดวกซื้อยังขอความร่วมมือ  งดใส่ถุงเลย พอท้อง ผู้ชายจะโวยวายก่อน  เธอทำไมไม่รู้จักป้องกัน  ยาคงยาคุมไม่รู้จักอ๊ะไง   ไปนอนกับใครมารึปล่าวก็ไม่รู้  ไปเอาออกซะจะได้ไม่มีปัญหา  เรายังไม่พร้อมด้วยกันทั้งคู่  ประชากรชายประเภทนี้เป็นส่วนน้อยมากๆในสังคมนะครับ   ผู้หญิง  ก็ต้องหาวิธีที่ง่ายที่สุด  และกระทบตัวเองน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเหมือนเดิม  เป็นประชกกรส่วนน้อยที่เป็นแบบนี้ ถ้าแต่งงานกันแล้ว  ก็เลี้ยงๆกันไป  ตามมีตามเกิด  หมาแมวยังเลี้ยงได้  คิดซะว่าเลี้ยงหมาเพิ่มอีกตัว เลี้ยงไม่ไหว  ก็เอาไปโยนให้ย่า ยายมันเลี้ยง  จะเลี้ยงเองก็ไม่มีเวลาคนหาเช้ากินค่ำ ปากคำพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียน  ก็มันโตแล้ว  หาเองอะไรเองมั่ง เรียนไปเสียเวลา  ออกมาทำงานเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่มั่งเหอะ พอลูกมีครอบครัว  ตัวพ่อตัวแม่ก็มาโวยวาย  แม่คนเดียว  เลี้ยงลูกเป็นสิบๆได้ ทำไมลุกสิบคนเลี้ยงแม่ไม่ได้ ลูกเค้าก็เรียนมาน้อย  จะไปทำงานดีๆ  เงินเดือนเยอะๆได้ยังไง  หรือจะให้ไปขายยาแก้ปวดตับ ก็พ่อแม่ไม่ได้ส่งให้เรียนสูงๆ  ทำได้แค่นี้ก็กินอยู่ในครอบครัวไปวันๆจะไม่พอยาไส้ ยังมาอ้อนทวงค่าน้ำนม  ถ้าหาได้เยอะๆ  มีเหรอ  ใครอยากจะเป็นคนไม่ดี ใครๆก็พูดเอาแต่ได้  มักง่ายคนละเล็กละน้อย ไม่เคยมีวินัยในชีวิต  โทษกันไปโทษกันมา  ปกป้องแต่ตัวเอง แล้วก็บ่มเพาะชีวิตใหม่ๆ  แบบมักง่ายกันต่อไป จากคุณ : COLORS (DBSK) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 12:22:31

ความคิดเห็นที่ 101 ทำไมคนฐานะยากจน อดมื้อกินมื้อ ถึงขยันทำลูกกันนัก มีหลายคำตอบครับ เท่าที่ผมนึกได้ หนึ่ง ทำงานเหนื่อย เขาก็หาทางผ่อนคลายด้วยการมีเพศสัมพันธุ์ เช่นเดียวกับเราๆท่านๆ แต่เนื่องจาก เขาต้องใช้กำลังแรงกายมาก เหนื่อยจัดๆ ก็มีเซ๊กซ์กัน หายเหนื่อย เอ๊ะหรือเหนื่อยมากขึ้น แต่มันมีความสุขมากกว่า ขยันทำลูก คงจะแปลว่า มีเพศสัมพันธุ์ถี่มากน้อย อันนี้ อาจจะไม่แตกต่างกันนักสำหรับคู่รักหลายๆคู่  เพราะหลายๆครอบครัวก็เหนื่อยจากการทำงานเหมือนกัน แต่วิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ เป็นปัญหา ผมเดาว่าถุงยางราคาแพง ยาคุม หรือขี้เกียจซื้อ เงินไม่มี เมื่อเทียบกับรายได้แล้วถือว่าแพงนะ เมื่อเราต้องมีเซ๊กซ์กันเกือบทุกวัน ซื้อถุงยางทุกครั้ง แพงนะคุณ ซื้อตามเซเว่น ยี่ห้อขี้เหร่สุดสองอันก็สามสิบบาทละ ใช้ได้สองครั้งเอง ใช้ซ้ำก็ไม่ได้  จะไปขออนามัยก็อาย มาบ่อยเกิน งั้นก็นับวันเอาละกัน งั้นก็หลั่งข้างนอก ให้เมียกินยาคุมก็ต้องกินทุกวัน การศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี ก็ยังมีพ่อแม่บางคนบังคับให้ลูกเลิกเรียนมาช่วยขายพวงมาลัย ช่วยทำไร่ไถนา ไม่ผิดหรอกครับเพราะทำตอนเลิกเรียน ผมก็เติบโตมาได้ด้วยทำไร่ทำนา แข็งแรง อีกอย่างทำให้ผมเห็นอกเห็นใจชาวนา จริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นภาระของใครนะ ที่เขามีลูกเขาก็เลี้ยงลูกโตได้ ด้วยที่นาของเขา สิ่งที่เห็น ด้วยตาผม ปัจจุบัน ชาวนาหนึ่งคนมีลูกไม่เกินสอง อย่างมากก็สี่คน ก็ไม่ถือว่ามากมาย เขาเลี้ยงได้ ส่วนคำว่าคุณภาพ อยู่ที่คำจำกัดความอีก คุณภาพแบบไหน อ่ะ อ่านออกเขียนได้ ถือว่ามีคุณภาพหรือยังหล่ะ คุณคงจะอยากกล่าวถึงคนยากจนในเมืองใช่ไหม กลุ่มนี้น่าสงสารมากกว่า ไม่มีเงินก็ไม่มีข้าวกิน อย่างที่คุณบอก แต่ชาวนา เขามีที่นามีเงินเขายังมีข้าวกิน วิจารณ์เรื่อง นโยบายลูกคนเดียว ไม่เห็นด้วย ไม่มีความจำเป็น เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ยุค มีคนแก่เต็มบ้าน แต่หลานไม่เต็มเมือง ไทยกำลังจะเป็นสังคมสูงอายุ มีแต่คนแก่ แต่เด็กเกิดใหม่น้อยลง เราจะไม่มีคนมาทำงานทดแทน แทนที่จะได้ภาษีเพิ่มจากคนวัยทำงาน แต่เราจะได้ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นและปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องมีโรคมาเกี่ยวข้อง เราก็ต้องเสียรายจ่ายไปกับค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก ดังนั้น บังคับให้มีลูกคนเดียวใจร้ายอ่ะ เหมือนลูกหมูเลย เลี้ยงยังไงให้ได้เนื้อเยอะๆ งั้นก็ต้องตอน   ตัดมันออกซะ  แชะ หน้าที่แกมีแค่นั้น จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 14:28:51

ความคิดเห็นที่ 102 ทำไมถึงขยันมีลูกกันจัง   (สังคมนั้นๆเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว) เท่าที่เห็นมาหมาดๆ น่ะ ... ไม่มีการวางแผนครอบครัว ไม่คุมกำเนิด จะมีก็มีเอง ลูกเกิดมาแล้วจะเลี้ยงไหวไหม ไม่คิดหรอก (เค้าคิดแบบนี้กันจริงๆ) ส่วนนึงมาจากรุ่นพ่อ แม่ ไม่ใส่ใจในความสำคัญของการศึกษา คิดแค่ว่า ทำไร่ทำนา ให้ช่วยทำงาน (ความคิดสมัยเก่า).. แล้วจะเรียนไปทำไมสูงๆ  โดยไม่ได้นึกว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสื่อความรู้ทำให้มีอาชีพที่เหมาะสมแก่ตัวเอง ทำมาหากินได้ โดยไม่ต้องเป็นอาชญากร ลักขโมย ขายยาบ้า ฯลฯ อีกทั้งยังมีแบบเด็กที่ยังไม่พ้น ม. ต้น ท้องตอนเรียน อันนี้เห็นกันบ่อยๆ ต้นเหตุ..วัยรุ่นบางคนก็มักง่ายเวลาจะ Futuring กัน(อันนี้ทั้ง ญ และ ช) นำมาซึ่ง ปลายเหตุ.. คลอดแล้วก็นำไปทิ้ง (ซึ่งบางคนเลือกที่จะทำแท้ง) จากคุณ : *~ atlot ~* เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 15:17:53

ความคิดเห็นที่ 103 เข้ามาอีกครั้ง  ตกใจอย่างยิ่ง  ที่มีบางคนให้ความเห็นว่า คนรวยมีลูกยาก   เพราะคนรวยมีเงินไปทำแท้ง  สรุปคือคนรวยล่อกันบ่อยแต่เอาลูกออก คนจนมีลูกมาก  เพราะคนจน ไม่มีเงินไปทำแท้งสรุปจำนวนล่อเท่ากัน  แต่ไม่มีเงินไปทำแท้ง คิดได้อย่างไร    และเอาอะไรมาคิด.....   คนรวยและมีการศึกษาสูง ๆ เขาจะคุมกำเนิดและคุมกำหนัด   เพราะมีเรื่องต้องทำเยอะมาก   รวยอยู่แล้ว   แต่ถ้าเกิดลูกมา  มีแต่เขาจะเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด    มีใครเขาจะไปทำแท้ง  คนที่ไปทำแท้งส่วนมากจะยากจน   และยังเรียนอยู่   พ่อแม่ไม่มีเวลา  หาเช้ากินค่ำ     คิดแบบนี้ดูถูกเพศแม่อย่างมาก  เอะอะก็คิดว่าคนเราจะทำแท้งง่าย ไ กันได้ทุกคน  หรือ    รับไม่ได้   กับความเห็นเชิงไม่สร้างสรรค์และย่ำยีผู้หญิงแบบนี้ เอาแล้วไง  กลายเป็นว่าคนรวย  เลวทรามสุด ๆ  ตรรกกะหาเหตุผลมาได้อย่างสุดยอด ลองไปที่คลีนิคทำแท้งแล้วลองสอบถามดูซิ  พวกเด็กสาวที่แฟนหนุ่มขี่มอไซค์แว๊นมารีดลูกนั้นกันโครม ๆ  นั้น พวกเธอเป็นลูกคนรวย    หรือเป็นลูกคนระดับยากจน    และเรียนจบชั้นใหน     เฮ้อ   อ่านแล้วเพลียยย............แถมอารมณ์ขึ้น จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 15:26:07

ความคิดเห็นที่ 104 ที่น่าเสียดายแทนทุกคนที่ออกความเห็นดีๆ เพราะว่ามันก็เป็นได้แค่ตัวอักษรบนโลกออนไลน์เท่านั้น ตราบใดสัดส่วนประชากร ที่มีความรู้ดียังเป็นทรงปิรามิดอยู่ (ยอดแหลมจำนวนประชากรที่ถูกผลิตออกมาอย่างมีคุรภาพและมีคุณประโยชน์ต่อสังคม / ต่อสัดส่วน ประชากรที่พ่อแม่ขยันผลิตโดยไม่สนใจว่าจะพร้อมหรือไม่พร้อมจึงกลายเป็นฐานใต้ปิรามิดที่ใหญ่ที่สุด) ประเทศไทยก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในอนาคตคงจะเหมือนการ์ตูน คห 49 ถึงเวลานั้นปัญญาชนผู้มีความรู้คงจะเหลือสัดส่วน 1 : 1 หมืน คนหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ? เฮ่อ เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลจีน เพื่อควบคุมประชากร แต่ละบ้านควรมีลูกได้คนเดียว ______________________________ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเมืองไทย แต่เมือ่ก่อนอเมริกาก็มีปัญหาพวกผู้อพยพ ชาวแม๊กซิกันและ คนลาว ชาวเผ่าเรฟูจี ชาวเมี๊ยนชาวม้ง(ที่อาศัยตามชายแดนไทย) แอบหัวใสใช้กฏหมายเลี้ยงดูเด็ก  ขยันผลิตลูกเป็นครอกๆ แต่ละเดืนอก็นับไปกี่หัวได้คนละ 500 USD ผลิตมา โหลก็ x10 ไป เดือนนึงก็ได้ 5000 ตอนนี้แอบสะใจที่ไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้แล้ว เพราะรัฐบาลเริ่มเข้มงวด หากเกินกว่าคนที่สาม ไม่มีให้แล้วนะจ๊ะ อยู่อเมริกาก็รำคาญพวกสาวแม๊กซิกันที่นอนอืดอยู่กับบ้านวันๆเอาแต่ผลิตลูกเหลือเกิน ไม่คิดจะออกไปทำงาน แอบกินภาษีสาวโสดอย่างเราที่ทำงานงกๆจ่ายรัฐหน้ามืด =  = จากคุณ : uka04 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 15:34:26

ความคิดเห็นที่ 105 อันนี้เรื่องจริง คนแถวบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร ออกจะหาเช้ากินค่ำด้วยซ้ำ พ่อแม่พยายามจะมีลูกผู้ชายให้ได้ (ตา-ยายก็อยากได้หลานผู้ชายเช่นกัน) ตอนนี้กำลังจะมีคนที่ 4 ยังไม่รู้ว่าจะชายหรือหญิง ส่วนเด็กหญิง 3 คนแรก เขาก็เลี้ยงดูตามอัตภาพ ไม่ได้ทอดทิ้ง แต่จะโตมาเป็นประชาชนที่มีคุณภาพหรือเปล่า นั่นอีกเรื่อง จากคุณ : xls_k เขียนเมื่อ ความคิดเห็นที่ 106 ว่างมั้งคะ ตกค่ำอยู่บ้านไม่มีอะไรทำก็ปิดไฟนอน ยิ่งคนต่างจังหวัด ไม่รู้จะไปไหน คนกรุงอยู่ กทม.ตกค่ำไปเที่ยวกลับเช้า  ไม่ก็เมากลับบ้าน ทำลูกไม่ไหว life style มันต่างกัน อีกอย่างเขาเลี้ยวลูกกันตามมีตามเกิด ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่มากมายเหมือนคนฐานะดีมีลูกน้อย พอลูกโตเดินได้ ก็ปล่อยออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านเองแล้ว พ่อแม่ไม่เสียเวลามาเฝ้า จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:18:28 ความคิดเห็นที่ 107 เคยรู้จักคนล้างจานร้านอาหารอยู่คนหนึ่ง  มีลูก 4 คน บ้านจนสุด ๆ พอคลอดลูกคนที่ห้า  หมอเสนอว่าจะทำหมันให้  ดันเหวี่ยงใส่หมออีกว่า ไม่ต้องมายุ่ง งงจนถึงทุกวันนี้เลย  เขาจะขยันผลิตลูกทำไม ในเมื่อจนแทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว อายุก็ไม่น้อยแล้วด้วย ปาเข้าไปสี่สิบแล้วอ่ะ จากคุณ : ตอกะจอ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:33:12 ความคิดเห็นที่ 108 เคยสงสัยเหมือนจขกท.เลยค่ะ เราคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับความคิดของคนพวกนี้ คนมีเงินมีการศึกษา เขามักจะอยากเลี้ยงลูกให้มีคุณภาพเลยไม่กล้ามีเยอะ แถมบางคนยังมียากมีเย็นซะอีก แต่กับคนที่การศึกษาน้อย มักจะไม่คิดอะไรยาว ๆ คิดแค่สนุก ๆ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ท้องกันหัวปีท้ายปี เห็นเด็กอายุระหว่าง 18-22 ปี ท้องกันเยอะมาก มีคนงานแถวบ้าน ลูกสาวเพิ่งอายุ 14 ก็ต้องจัดงานแต่งแล้ว เพราะท้องก่อน คลอดเสร็จก็ทิ้งลูกให้แม่ตัวเองเลี้ยง แล้วก็ไปเรียนโรงเรียนที่รัฐบาลอุดหนุนค่าเล่าเรียนให้ ทั้งบ้านอยู่กันเข้าไปได้ยังไงไม่รู้ 11 ชีวิต เด็กเล็ก ๆ เยอะแยะมาก จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 17:21:38 ความคิดเห็นที่ 109 พวกเขา นั้นไม่มีความรู้ทางด้านการคุมกำเนิดมากกว่าค่ะ   ท้องแล้วก็ไม่รู้ทำยังไงก็มีเด็กกันต่อไปค่ะ จากคุณ : ZERMODA เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 18:36:19 ความคิดเห็นที่ 110 ไม่ใช่แต่เฉพาะ "คนจน" ที่ขยันทำลูกกันหรอกนะคะ   รู้สึกจะขยันๆ กันทั้งนั้นน่ะแหล่ะ แต่ว่าคนจนความรู้น้อย  จึงไม่มีความรู้เรื่องคุมกำเินิดเท่าที่ควร ทั้งหมดทั้งมวล  น่าจะเป็นเรื่องของศึกษาซะมากกว่า่  เรื่องการยากดีมีจนม้างคะ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 54 18:43:16 จากคุณ : nAHMLeMoN เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 18:41:35 ความคิดเห็นที่ 111 อ่านกระทู้นี้ของ จขกท แล้วเราเข้าใจในเจตนารมณ์ ของ จขกท ค่ะ และเราเห็นด้วยกับ คห 66 บอกตามตรงเราอ่านกระทู้จบ และยังไม่ได้ อ่าน คห ด้านล่างเลย เราก็เข้าใจเป็นอย่างดี ที่เข้าใจถึงปัญหานี้ ก็ เพราะบ้านเราจน แต่โชคดีที่แม่เราเลือก เช่าบ้านในสภาพแวดล้อมที่ ดี ไม่ใช่สลัมแออัด แต่ก็นะความจนน่ะ แม้แต่จะส่งลูกเรียนจบ ม ต้น ยังไม่มีความสามารถเลย เราจบ ม. 2 ครึ่ง ซึ่งจริงๆแม่จะให้เรียนจบแค่ ป. 6 เอาอะไรคิดนะ แค่ ป.6 สุดท้ายเราต้องออกจากบ้าน เพราะ ปัญหาพ่อเลี้ยง-ลูกเลี้ยง ออกมาหางานทำในตลาด เป็นคนงานขาย ผ้าเมตร -ตัดผ้าเมตร เงินเดือน1100บาท ค่าเช่าหอหญิงสี่ร้อย เลิก จากงานที่ตลาด ก็ไปทำงานร้านอาหารตามสั่ง เก็บเงินอยู่สองปี ก็ เรียน ม.ต้นจนจบโดยการโอนผลการเรียน จากโรงเรียนเดิม ก็เรียนปี เดียว แล้วกลับมาเรียนภาคปกติ ม.ปลาย และเลิกทำงานขายผ้าเมตร ในตลาด แต่ยังคงทำงานที่ร้านอาหารตามสั่ง แต่ขอเจ๊กลับเที่ยงคืน เพราะต้องตื่นแต่เช้าไปเรียน เก็บเงินที่ทำงานร้านอาหารตามสั่ง สาม ปี รวมกับของเก่าอีก จบ ม ปลาย ต่อราม ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เรียนจนจบ จบมาหางานทำ มีงานทำ กว่าจะได้อยู่ในระดับแถวหน้า ก็หืดขึ้นคอ แต่ก็ทำได้สำเร็จเพราะความมุ่งมั่น และมีเป้าหมายใน ชีวิต ตอนออกจากบ้านอายุสิบห้าเอง ในใจนึกและเตือนตัวเอง อยู่ตลอดเวลาว่า เราเป็นเด็กครอบครัวแตกแยก เราหนีออกจากบ้าน เราจะต้องไม่เสียเด็ก เราจะต้องเลี้ยงตัวเอง เราจะต้องเรียนสูงๆ แม้ เวลาจะผ่านมาเนินนานแค่ไหน คำพูดที่พูดในใจเหล่านี้ เราก็จำได้ แม่นยำ ที่เล่ามานี้เราอยากบอกว่า สมัยก่อนมันไม่มีสิ่งล่อตาล่อใจ สังคมของเด็กสมัยเรา มันต่างจากเด็กในสังคมสมัยนี้ เราถึงเข้าใจ ปัญหาของกระทู้นี้ จากคุณ : jimmi1972 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:31:41 A:219.167.23.199 X: TicketID:273033 ความคิดเห็นที่ 112 เพราะมีโรงเรียนให้เรียนฟรี ไงคับ  คนรอบตัวเรามีทั้ง รวย และ จน  ฝั่งคนรวย จะมีลูกแค่ 1-2 คนเท่านั้น  สามีทำงานได้เงินเดือนเป็น แสน แต่ฝั่งภรรยา ก็ยังทำงานไม่ยอมออก กลายเป็น 2 คน รายได้ 2 แสน ต่อเดือน            ในขณะ ฝั่งคนจน สามีทำงานเดือนละไม่ถึง หมื่น ภรรยา ก็ทำ เดือนละ ไม่ถึง หมื่น 2 คนรวมกัน ยังไม่ถึง 2 หมื่น ด้วยซ้ำ  แต่กลับมีลูก ถึง 2 คน ทั้งๆ ที่สามี ก็ขี้เหล้า  ต้องกินเหล้า หรือ เบียร์ ทุกเย็น  หนักสุด  นี่ดัน ปล่อยให้ท้อง ที่ 3 อีก  ทั้งๆ ที่รู้ว่า ตัวเองแพ้ท้อง ถึง แพ้มากสุดๆ  เธอทำงานที่  ร้านเราเองคับ ฟังปัญหา เรื่อง สามีเธอมาตลอด คือ งาน ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง เอาเงินไปเล่น ตู้ ม้า หมด ไป 3 พัน (จะกินยังไม่มี)      เคยถามว่า แล้วมีลูกทำไมตั้ง 2 คน ไหนจะค่าเล่าเรียน  เธอ โม้ใหญ่เลย  ไม่ต้องเสียค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้านักเรียน  โรงเรียนวัด แจกหมด เธอไม่ต้องออกสักบาท เออดี  ฟรี อย่างนี้เอง  ถึงมีคน ที่ 3  และตอนนี้  เราให้เธอออกแล้วคับ  เพราะเธอเล่น มาทำงาน 1 วัน ลาแพ้ท้อง 6-7 วัน แล้วก็จะมาทำอีก 1 วัน แล้วก็หายไปอีก โดยไม่บอกกล่าว  กลับมาอีกที ก็บอกว่า ไปนอน รพ. เป็นแบบนี้ มา 4 สัปดาห์ติดๆ จนสัปดาห์นี้ หลังจากหายไป 7 วัน โดยไม่บอกกล่าว ก็กลับมาทำวันจันทร์ ได้ 1วัน  จนป่านนี้ ก็เงียบไปอีกแล้ว  ก็ไม่เข้าใจ  ถ้าแพ้ขนาดทำงานไม่ได้  แถม สามี ก็จน หาเช้ากินค่ำ ได้แค่ วันละ 300 บางวัน ก็ไม่ไปทำงาน   ยังจะอยากมีคนที่ 3 อีกเหรอ  กลายเป็น ตัวเองตกงาน สามี หาคนเดียว  ก็ไม่เอา  มาเล่าให้ฟังวันที่มาทำงาน(จันทร์) ว่า สามี จะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ตัวเอง  ขี้เกียจทำงานเลี้ยงลูกเมีย คนเดียว  ส่วนตัว เมีย ก็จะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ตัวเองเหมือนกัน พร้อมอุ้มท้องให้เป็นภาระ พ่อแม่อีก  ส่วน ลูก อีก 2 ที่กำลังเรียน จะทำไง ในเมื่อ บ้าน ของทั้ง 2 ฝั่ง อยู่ไกลจาก โรงเรียนที่เรียนฟรี เหลือเกิน  เราก็ไม่อยากใจร้ายนะ  แต่ขนาด สามีเธอ ยังไม่อยากเลี้ยงเธอเลย  แล้วเราจะเลี้ยงเธอทำไม   และ รู้สึก ไม่ดี ตั้งแต่ รู้ว่า เธอตั้งท้อง คนที่ 3 แล้ว  ว่า ปล่อยทำไม     มีลูกเมื่อพร้อมคับ   ถ้าไม่พร้อม  ก็ป้องกันได้   นี่ ลูกจ้าง หญิง อีกคน ก็บ่นๆ  ถ้าสามี ทำงานได้ เดือนละ  หมื่นห้า  เธอจะไม่ทำงานแล้ว  จะเลี้ยงลูกอย่างเดียว  เฮ้อออ  หมื่นห้า  เนี่ยนะ  จะพอกินเหรอ 3 ชีวิต  แล้ว เท่าที่มีลูกจ้าง มา ผญ ที่มีสามีไม่รวย มักคิดอย่างนี้จริงๆ  คือ  ถ้าท้อง จะไม่ทำงานแล้ว จากคุณ : NooPooK เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 19:57:55 ความคิดเห็นที่ 113 ถึง ค.ห ที่ 103 ไม่แน่ใจว่าคุณเขาใจหรือเปล่าว่าคนจน คนชั้นกลาง และคนรวยต่างกันตรงไหน แล้วคุณรู้สนนราคาที่เค้าตั้งราคาทำแท้งกันหรือเปล่า (ตอนมีกรณีวัดไผ่เงินข่าวก็สื่อให้เห็นว่าสนนราคาตั้งแต่ 4000 ถึง หมื่น และคนที่เข้ามาทำส่วนมาก ก็เป็นนักเรียน นักศึกษา วัยทำงานก็มี แต่น้อยมาก และส่วนมากก็เป็นพวกพอจะมีเงินทั้งนั้น) ลองนึกดูว่าคนจนจริงๆมันจะมีมั้ยเงินจำนวนเนี่ย จนคือจนหาเช้ากินค่ำ ส่วนเด็กแว้นเนี่ยมันลูกคนชั้นกลาง พ่อแม่มีปัญญาซื้อรถให้ลูก มีปัญญาหาเงินมาซื้อของแต่งรถ เราไม่ได้เหมารวมว่าคนชั้นกลางแะคนรวยเท่านั้นที่ทำแท้ง แต่บอกถึงความน่าจะเป็น และเป็นไปได้ คนรวยและคนจนมันก็มีอารมณ์ทางเพศไม่ต่างกันหรอก แล้วไอ่พวกที่ไปทำแท้งจริงมันก็พวกนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่อายุยังน้อยทั้งนั้น ตัวพ่อแม่หรือคนมีงานทำ น้อยคนที่มันจะคิดไปทำแท้ง แต่ไอ่พวกไม่พร้อมพวกนี้ต่างหาก มันทำแท้งตั้งแต่เรียน พอถึงเวลาอยากจะมีลูกจริงๆมันก็มียาก ไม่ได้เหมารวมอะไรทั้งนั้น และเจตนาจริงๆคืออยากให้ใส่ใจในการปลูกฝังศีลธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กๆรุ่นต่อๆไป มันจะได้ไม่ชิงสุกก่อนห่าม รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร และรู้จักยอมรับในผลของการกระทำ ถ้าท้องก็ต้องคลอดและดูแลลูกให้ดี จะมีจะจนก็ต้องเต็มที่ให้ความรักความเอาใจใส่ เด็กจะได้มีภูมิต้านทานทางโลก ไม่หันหน้าหนีพ่อแม่ไปทำเรื่องไม่ดี จากคุณ : คนมีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:20:37 A:14.207.155.9 X: TicketID:326114 ความคิดเห็นที่ 114 ความต้องการสืบพันธุ์ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกฐานะ แต่ที่คนจนๆ มักมีลูกเยอะ น่าจะเป็นเพราะ - ขาดความรู้ เรื่องวิธีคุมกำเนิด ที่ถูกต้อง(ส่วนวิธีการผลิตลูก อันนั้นรู้โดยสัญชาติญาณไง) - ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์ในการคุมกำเนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย แบบว่าบางบ้านถ้าทำการบ้านกันทุกวัน ก็ต้องซื้อหลายบาทหน่อย -_-" ส่วนคนฐานะปานกลาง ถึงมีเงิน คงซื้อได้สบายๆ ^^" จากคุณ : JiGGO InLove เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 21:32:45 ความคิดเห็นที่ 115 โดยส่วนตัว ไม่รู้เป็นไง ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการพัฒนาหรือแข่งขันทางเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มจำนวนประชากร อย่างที่บางความเห็นได้แสดงไว้  ต้องขออภัยที่เห็นต่างนะครับ   ขออนุญาตอธิบายความเห็น คือมันเหมือนการเล่นแชร์ลูกโซ่ ที่ต้องหาคนมารับกรรมต่อไปเรื่อยๆ การที่เราจะกลายเป็นสังคมคนชราในอนาคต ก็เพราะเป็นผลจากการเป็นสังคมของคนวัยก่อนทำงาน  วัยทำงาน มาก่อนหน้านี้ การที่เราจะผลิตเด็กขึ้นมาเพื่อดูแลคนแก่ วันหนึ่งเด็กเหล่านี้ก็จะกลายเป็นคนแก่  แล้วก็ต้องผลิตเด็กๆรุ่นต่อไปให้มากขึ้นไปอีกเพื่อมาดูแลคนแก่รุ่นนั้นอีก มีใครที่เกิดมาแล้วไม่แก่บ้างครับ   ถ้าหากเรามีการเพิ่มประชากรแต่น้อยแต่มีคุณภาพ   เหมือนครอบครัวที่มีลูกแค่คนหรือสองคน แต่มีคุณภาพ เลี้ยงพ่อแม่ให้สุขสบายได้   กับครอบครัวที่มีลูกห้าหกคนแต่ปล่อยให้พ่อแม่อยู่บ้านบางแค หรืออยู่ลำพังอย่างลำบาก เราควรจะเลือกแบบไหน ซึ่งทุกวันนี้ก็มีให้เห็นเยอะแยะ  ปัญหาไม่ใช่ ไม่มีคนหนุ่มสาวเลี้ยงคนแก่   แต่ปัญหาคือเรามีหนุ่มสาวที่ไม่มีคุณภาพเยอะแยะไปหมด  ที่ไม่สามารถแม้แต่จะช่วยตัวเองได้  เราจึงมีคนแก่ที่ถูกทิ้ง ถ้าคนของเรามีคุณภาพเราจะกลัวอะไรกับความแก่ครับถ้าแก่อย่างมีคุณภาพ  ถ้ามีเงินเก็บ จ้างพยายาบาลมาดูแลก็ได้ หรือมีทาญาติที่แข็งแรงทางเศรษฐกิจสักคนสองคนมันเกินพอแล้ว ถ้าหากเราจะมองว่าต้องมีแรงงานเพื่อแข่งขันทางเศรษฐกิจกับชาวโลก  เพื่อได้ภาษีมากๆ  ผมก็สงสัยว่าประเทศเล็กๆในยุโรปที่มีประชากรไม่มากแค่ไม่กี่ล้านคนแต่ละประเทศเขายืนหยัดอยู่ในโลกได้อย่างไรอย่างอย่างมั่งคั่ง เราเคยกลัวการว่างงาน  จะทำอะไรก็ไม่กล้าเอาเครื่องจักรมาใช้เดี๋ยวคนตกงาน ปัจจุบันกลัวไม่มีคนงาน ต้องจ้างต่างด้าว ทำไมไม่หาเครื่องจักรมาใช้ให้มากขึ้น จ้างคนแต่น้อยเท่าที่จำเป็นละครับ หรือว่ากลัวคนไทยตกงาน เพราะเลือกงานกว่า เล่นแก้ปัญหาแบบงูกินหางแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วมันจะไปจบตรงไหนล่ะครับ  ค่าแรงเขมรสองร้อยเราก็ต้องสองร้อยไปด้วยจนกว่าคนเขมรพม่าลาวทุกคนจะมีงานทำวันละสองร้อยหรือครับ  ค่าแรงเพื่อนบ้านขึ้นสูงกว่าเรา เราถึงจะขึ้นตามเขาไปได้หรือครับ วันนึง ทั้งไทยทั้งเขมรลาวพม่าก็ต้องแก่ไปด้วยกัน แล้วภาษีที่เก็บได้มากมันจะพอดูแลคนทั้งหมดไหมครับ ทรัพยากรเราก็น้อยลงไปทุกวันๆ  เราจะไปหาสมาชิกแชร์ลูกโซ่ที่ไหนอีก  มองไปทางไหนก็หาคนที่ล้าหลังกว่าเราน้อยลงไปทุกวันๆ จากเมื่อก่อนนี้มีมากมายเกือบทั้งทวีป ผมแค่อยากให้เราคิดถึงการทำอะไรที่คำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ  ไม่งั้นเราจะต้องตามแก้ปัญหากันไม่จบสิ้น  ถ้าเราจะผลิตหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดขึ้นมาทำงาน ดูแลคนแก่ได้ ผมเห็นด้วย  เวลาเจ้าของเสียชีวิต ก็ยกให้คนอื่นใช้ต่อได้ เพราะมันไม่ได้แก่ตามไปด้วย  ถ้ามันชำรุดมากก็โยนทิ้งไปได้  ไม่จำเป็นต้องหาใครมาเลี้ยงมันอีก  คนน้อยภาระก็น้อย ภาษีที่ใช้ก็น้อย แต่มีคุณภาพเก็บได้เป็นกอบเป็นกำ  ผมเห็นว่าถ้าประเทศไทยมีประชากรคงที่หรือลดลงบ้าง  คนที่เสียประโยชน์จริงๆมีเพียงกลุ่มเดียวคือ   นักการเมือง จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 22:14:26 ความคิดเห็นที่ 116 ประสบการณ์ ที่เจอมา ลูก ที่เลี้ยงพ่อแม่ ตอนแก่ ส่วนมาก จะเป็นลูก ที่ยากจน ที่สุด ครับ ส่วนพวกที่ตั้งตัว มีฐานะ การศึกษาสูง ส่วนใหญ่ ปีกกล้าขาแข็ง ไม่ก็แบ่งมรดกเรียบร้อยแล้ว ก็ปล่อยพ่อแม่ อยู่บ้านพัก คนชรา พวกผู้สูงอายุ ที่โดนทิ้ง แล้วออกทีวี ขอความช่วยเหลือ(ประจาน) อยู่บ่อยๆ ส่วนมาก ลูกหลาน มีอันจะกินทั้งนั้น พวกที่แว้น ซิ่ง กวนเมือง ส่วนใหญ่ ก็มีฐานะ ค่อนข้างดี... ซึ่งขัดกับความเห็น ของบางคน ว่า มาจากครอบครัวยากจน เพราะพวกมัน อย่างน้อยๆ ก็มีเงินซื้อรถ มีเงินประกันตัว เมื่อโดนจับ...โดยมี ป่าป๊า หม่าม้า มาร้องห่มร้องไห้ ออกทีวี ... บอกว่าลูกฉัน เป็นคนดี ไม่เคยทำเชี่ยไรผิดเลย...กวย บางคน เป็นลูกคนมีสี บีบตำรวจ ให้ปล่อยได้ ก็มี หึๆ ลูกคนจน ที่ไหน มีเงินซื้อรถ,มีเงินประกันตัวตอนจับ(วะ)? ส่วนตัว ก็ยังเชื่อ อยู่อย่างเดิม เงิน,ฐานะ,ความร่ำรวย ขุนลูก ให้เป็นคนดีมีคุณภาพ ไม่ได้ สิ่งที่จะสร้างลูก ให้มีคุณภาพได้ คือ การอบรม ของพ่อแม่ เท่านั้น ครับ ผมก็เห็นด้วย กับบางท่าน ที่บอกว่า ให้มีลูก ได้เมื่อมีฐานะ,มีเงิน เป็นวงเงิน หรือ เพดาน เท่าไหร่... ไม่รู้ พวกนี้ เอาอะไรคิด(ฟะ)? ความร่ำรวย เป็นอมตะ ตลอดกาล สำหรับชนชั้นกลาง เท่านั้นหรือ? รวยแล้ว อนาคน ไม่มีวันจน หรือไง? แล้ววันหนึ่ง มีลูกแล้ว เกิดถังแตก ล้มละลายขึ้นมา หมดปัญญา(ใช้เงิน)เลี้ยง แล้วจะเอามัน ไปยัดไว้ ที่ไหนดีล่ะ? พ่อแม่สมัยก่อน ยากจน แต่สร้างลูก ออกมาเป็นใหญ่ เป็นโต จำนวนไม่น้อย ก็มี อย่างที่ว่า แม่คนเดียว เลี้ยงลูกได้ 10 คน แต่ลูกคนเดียว(แถมรวยแล้วอีก ต่างหาก) ดันไม่มีปัญญา เลี้ยงแม่คนเดียว อย่างนี้จะเรียกว่าประชากรคุณภาพไหมเนี่ย? ลองยกตัวอย่าง ประชากรคุณภาพ ของชนชั้นกลาง ผู้ร่ำรวย ให้ดูเป็นตัวอย่างอีกคน ถ้าจะดี หมูแฮม ก่อเหตุ ชนรถเมล์อีกแล้ว คราวนี้ไม่หงิกโชว์ แต่โวยจะให้ตำรวจใหญ่มาเคลียร์ **** เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทำไมตำรวจถึงปล่อยตัวให้กลับ เหมือนก่อเหตุแล้ว ไม่มีผิดอะไรเลย  ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ หมูแฮม คยต้องคดีขับรถเฉี่ยวชน จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ  ทำไมถึงมาขับรถได้อีก  หรือว่าไม่ได้ถูกยึดใบขับขี่ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=232485 จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 23:35:20 ความคิดเห็นที่ 117 เรื่องปัญหาสังคมก็ต้องแก้กันไปครับ พร้อมๆกับเศรฐกิจมหาภาค   ถ้าขาดอะไรไปหรือมีบางอย่างอ่อนแอ มันก็เหมือนพายเรือในอ่างครับ  เถียงกันไม่จบ ตามความเห็นผมว่า "พอเพียงมันก็ดีกว่าขาดแคลน" เท่านั้น   ส่วนใครจะทำอะไรบนความพอเพียงหรือความขาดแคลนมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นความจริงที่ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหา เห็นด้วยล้าน%ครับ จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 00:02:20 ความคิดเห็นที่ 118 ส่วนเรื่อง ควบคุม ประชากร ก็พอเห็นด้วย แบบฝืนๆ แต่... ถ้าจะทำ ก็ต้องบังคับ อย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ว่า มีเงิน ก็มีลูกเท่าไหร่ ก็ได้ , ยากจน ก็ห้ามมี... อย่างที่บอก ว่า ลูกคนมีสตางค์ ก็ไม่ใช่ว่า จะเป็นคนดี ยิ่งสันดานเหียๆ แล้วมีมากๆ มันก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เพราะพวกนี้ ไม่ได้เลว โดยสันดาน อย่างเดียว แต่มันเลว + มีอำนาจ + มีเงิน เข้าไปด้วย scale ความอิ๊บอ๋ายจากการกระทำของพวกนี้ ใหญ่กว่า พวกลูกคน ไม่มีสตางค์ ไม่มีโอกาส เยอะ ครับ เพราะ ลูกหลานพวกไม่มีตังค์ ไม่มีเส้น เราสามารถ ใช้กฏหมาย บังคับได้เต็มที่... ไอ้พวกพวกมีตังค์,มีสี หลักฐานมีอยู่ ทนโท่... แต่เรากลับ ทำอะไรพวกมัน ไม่ได้เลย... อย่างที่เราเห็น เป็นข่าว กันบ่อยๆ ยิ่งพวกนี้ วันหนึ่งข้างหน้า โตมาเป็นเจ้าใหญ่นายคน(เพราะ เส้นสายพ่อแม่) หรือ มามีอำนาจรัฐ ไอ้พวกนี้ ยิ่งก่อความ อิ๊บอ๋าย ได้มาก เป็นทวีคูณ เข้าไปใหญ่ เพราะไอ้พวกนี้ ชีวิตมัน ไม่มีประสบการณ์ ลำบากเลย โตมา ก็มีคนปูพรมแดง ให้มัน ใช้ชีวิต อย่างสุขสบาย อยู่แล้ว ผิดกับไอ้พวก ลูกคนไม่มีตังค์ พวกนี้ แทบหมดโอกาส ไปเลย ถ้ามี ก็ต้องตั้งตัวเอง พวกนี้พอรวยแล้ว จะรู้ดี ว่าใช้ชีวิตอย่างไร ให้ปลอดภัย ไม่ทำให้คนอื่น เดือดร้อน จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 00:40:30 ความคิดเห็นที่ 119 จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว กระทู้นี้น่าจะให้รัฐบาลได้อ่านไม่ว่าจะสมัยไหนก็ตาม ไม่ว่าจะความเห็นไหน ก็ล้วนแต่อยากให้ประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นทั้งนั้น จากคุณ : คนมีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 01:31:26 A:183.89.177.64 X: TicketID:326114 ความคิดเห็นที่ 120 ถ้างั้นคงต้องแยกเป็น 3 ประเภท แล้วตามแก้ปัญหาทีละประเภทแล้วล่ะ 1. คนรวยมีอันจะกิน ต้องรณรงค์ให้มีลูกกันเยอะๆ เพราะมีเงิน มีคุณภาพ แต่เขาก็ไม่อยากมีกัน 2.เด็กแว้น พ่อแม่ฐานะปานกลาง มีลูก1-2คน ไม่เกินนี้ ทำมาหาเช้ากินค่ำ รักตามใจลูก เลี้ยงด้วยเงิน ถึงไม่มีจะเป็นหนี้ก็จะหามาให้ ไม่มีเวลาให้ เด็กมีโอกาสเสียคน ติดเพื่อนง่ายมาก 3.คนจน ประเภทนี้หนักสุด ไม่มีโอกาสทางการศึกษา เป็นชนชั้นแรงงาน โรงงาน ทำนา มีลูกเป็นขโยง คุมกำเนิดไม่เป็น หรือไม่รู้ไม่ชี้ ขี้เกียจคุม ปล่อยตามยถากรรม เด็กได้รับการเลี้ยงดูตามมีตามเกิด ใครใฝ่ดีก็ดีไป คนไหนติดยาเสียคน เป็นหัวโขมย ก่ออาชญากรรมก็เยอะแยะมากมาย น่าจะเริ่มปลูกฝังที่การศึกษาก่อนซึ่งพูดง่ายทำยาก ส่วนที่สำคัญ คนจนก็ยังเป็นแรงงานเพื่อพัฒนาชาติได้อีกเหมือนกัน เพราะประเภทที่ 1-2 คงไม่ทำงานชนชั้นกรรมกรอยู่แล้ว ถ้าขาดคนจนแรงงานเหล่านี้ไป เราก็ต้องจ้างต่างด้าวอีกเยอะขึ้นๆๆ ซึ่งน่ากลัวกว่า ควบคุมยากกว่าเยอะ เพราะจิตใจบางคนโหดเหี้ยม มีฆ่าปาดคออย่างทีเป็นข่าวเป็นต้น ซึ่งก็ต้องมานั่งแก้ปัญหากันอีกนะ จากคุณ : แฮมซาลามี่ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 02:41:05 ความคิดเห็นที่ 121 ควบคุมแบบจีน  เป็นวิธีที่รวดเร็วและให้ผลดีที่สุด จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 07:50:54 ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อคืนดูข่าวคุณวิลลี่ กันมั้ยคะ.. ภรรยาทำกิ๊ฟ 23 ครั้ง หมดเงินเป็น 10 ล้าน นับถือความอดทนของคุณเยลหลีจริง ๆ ค่ะ อึดจริง ๆ ทำไมคนรวยมีลูกยากจริง อะไรจริงวุ้ย..... จากคุณ : เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 09:36:38 ความคิดเห็นที่ 123 กระทู้นี้สุดยอดมากๆๆ ครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:24:38 ความคิดเห็นที่ 124 เห็นเหมือนเจ้าของกระทู้ครับ ประเด็นคือ การศึกษา และการวางแผนครอบครัว ไม่มีอยู่ในหัวของชนชั้นล่างหลายคน ชนชั้นล่างในที่นี้คือคนหาเช้ากินค่ำ ได้เงินวันชนวัน อยู่ในตลาดใช้แรงงานเป็นส่วนใหญ่ มีลูกเยอะเมื่อฐานะยังไม่พร้อมที่จะ เลี้ยงดูลูกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ที่ดีคือควรมีลูกไม่ให้เป็นทั้งภาระตนเอง และภาระแก่ลูกเมื่อลูกเติบใหญ่ด้วย คือควรจะพร้อมปัจจัยสี่ และพร้อมสั่งสอนลูกของตัวเอง อย่างน้อยพวกเขาก็ควรรู้จักการคุมกำเนิด ง่ายและสะดวกสุดก็คือใช้ยาคุม ยาคุมดีๆแผงละร้อยนิดๆเอง ฝ่ายหญิงก็คอยกิน ฝ่ายชายก็คอยเตือน สนุกได้ ไม่เป็นภาระ ทางแก้ คือ เลิกแอ้บแบ้ว แล้วเอาเพศศึกษามาสอนแบบแข้มข้นได้แล้ว ประชาสัมพันธ์เรื่องข้อเสียของการมีลูกหลานโดยที่ตัวเองยังไม่พร้อมไปด้วย จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 11:38:09 ความคิดเห็นที่ 125 ความแตกต่างระหว่างปริมาณกับคุณภาพ ที่เห็นได้ชัดคือ  บางประเทศส่งเสริมนโยบายเออรี่รีไทม์  บางประเทศมีแนวคิดขยายเวลาอายุเกษียณราชการ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 13:50:05 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:44:52 ความคิดเห็นที่ 126 จะจน รวย ก็คน และก็มีความต้องการทางเพศเช่นกันครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:08:31 ความคิดเห็นที่ 127 มีลูกแค่ 1-2 คน ก็เลี้ยงแทบไม่ไหวแล้ว มีหลายคน ก็อดๆอยากๆละครับ ผมคนนึงละที่เลี้ยงไม่ไหว จากคุณ : strongpower เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:12:20 ความคิดเห็นที่ 128 เห็นด้วยกับจขกท.ค่ะ ครั้งหนึ่งเคยได้รับจดหมายจากมูลนิธิอะไรซักอย่าง ขอให้ช่วยอุปการะเด็กๆ เดือนละไม่กี่ร้อย เพื่อให้เด็กมีอาหารและการศึกษาที่ดี ในแผ่นพับมีลงประวัติเด็กบ้านหนึ่งโดยย่อ  ประมาณว่าครอบครัวยากจน พ่อแม่อายุมากแล้ว หาเลี้ยงไม่ไหว  ตอนที่อ่านอึ้งนิดๆ พี่น้องสองคนอายุไม่เกิน 7-8 ขวบคนหนึ่ง   อีกคนไม่เกิน3-4 ขวบ  อายุพ่อกับแม่เยอะมาก มากจนไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีลูกได้อีก (จำไม่ได้ว่าอายุเท่้าไหร่ จำได้แต่ว่าเยอะจริงๆ เลยจำได้เคสน้องคนนี้ได้ไง) แอบคิดในใจก่อนจะอุปการะเด็ก  มูลนิธิพาตายายสองท่านนี้ไปทำหมันก่อนซะดีมั้ย  จะได้ไม่มีคลานตามกันมาอีก - -" จากคุณ : vanila007 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 15:21:36 ความคิดเห็นที่ 129 ชอบการ์ตูนคุณ Ice man ครับ ขออนุญาตเอาไปเผยแพร่ ในเฟสหน่อยนะครับ จากคุณ : อัณฑะโอฬาร (liverjim) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 17:32:15 ความคิดเห็นที่ 130 ต่อให้มีกฎหมายบังคับว่าให้ครอบครัวมีลูกได้แค่ 1 คน เหมือนกันเมืองจีน ผมก็คิดว่ายังบังคับใช้ไม่ได้ เพราะปัญหาทุกวันนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากการไม่รู้วิธีป้องกันการตั้งครรภ์ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่สนใจในผลลัพธ์ของสิ่งที่เขาทำขึ้นต่างหาก แล้วถ้าเกิดบางคนมันหลุดขึ้นมาจริงๆละ พวกเราจะยอมฝืนศีลธรรม จริยธรรมของสังคมเพื่อให้เขาไปทำแท้งเพื่อให้ถูกตามกฎหมายหรือเปล่า บางคนจะล่อกันที ก็ขี้เกียจใส่ถุงยาง ผู้หญิงก็ขี้เกียจกินยาคุม ลูกถึงได้ดกเป็นพวงเป็นช่อ แต่ในขณะบางคู่ล่อกันทุกวัน แต่ก็ไม่เคยหลุดท้อง ผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาแคร์กับผลลัพธ์ที่จะตามมาว่า ถ้ามีลูกแล้ว อาจจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากขึ้นก็ได้ เรื่องแบบนี้ผมว่าพูดยาก ถ้าเขายังไม่สำนึกในสิ่งที่เขาทำ จะเอาอะไรไปล่อก็คงไม่ได้ผล น่าจะมีกฎหมายจับผู้ชายทำหมันตั้งแต่แรกเกิด แล้วคิดค่าแก้หมันตอนโตแพงๆ แบบพอรวยแล้วค่อยมีลูกได้ อาจจะทำให้อะไรดีขึ้นก็ได้นะครับ ฮ่าๆ จากคุณ : Sirumkung เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 17:57:01 ความคิดเห็นที่ 131 ขอบอกว่า นานๆ จะได้อ่านกระทู้คุณภาพคับแก้วแบบนี้ครับ ^^ จากคุณ : Are Yoi เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:33:23 ความคิดเห็นที่ 132 ผมคิดว่าควรจะมีลูกน้อยๆ แล้วจ้างต่างด้าวมาเป็นแรงงานน่าจะดีกว่า จากคุณ : ระวีรุ่งสว่าง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 22:11:37 ความคิดเห็นที่ 133 เราก็ว่าจริงคะ เพราะเด็กกว่าจะโตเป็นคนดีได้ ไม่ใช่ว่าเลี้ยงส่งๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไรก็แค่ว่า ไม่ได้คุมกำเนิด กลับไปย้อนดูคนสมัยรุ่นพ่อ มีลูกเป็นสิบๆ ก็เห็นปู่ย่า เลี้ยงมาจนได้ดีทุกคน แต่ก็มีคนบางพวกที่คิดว่า ลูกเยอะๆจะได้ดูแลเราวันข้างหน้าได้สบายๆ ^^" จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 22:30:01 ความคิดเห็นที่ 134 คนมีบุญที่ทำดีตายไปก็จะได้เกิดกับคนรวย แต่เพราะไม่ค่อยมีคนทำดีคนรวยก็เลยไม่มีใครมาเกิดด้วยทำให้คนรวยไม่ค่อยมีลูก หรือมีลูกยาก  มีแต่คนบาปกัน ตายไปก็เลยพากันมาเกิดแต่กับคนจน ทำให้คนจนจึงมีลูกเยอะ เพราะคนทำบาปเยอะ55555(เกี่ยวไหมว่ะเนี่ย) แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 01:10:35 จากคุณ : สูตรคูณ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 01:09:49 ความคิดเห็นที่ 135 ผมขอว่าคนออกความเห็นหน่อยนะคับ ผมไม่ได้อ่านหมด แต่ผมเห็นเจ้า่ของกระทู้พูดในประเด็นมีลูก "เยอะ" ไม่ใช่ประเด็นว่า "เป็นคนดีหรือไม่ดี" แยกให้ออกนะคับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมีลูกเยอะ ในเืมื่อฐานะไม่ดี ผมรู้ว่าเค้าไม่มีการศึกษาเลยไม่รู้ว่าจะคุมกำเนิดยังไง ปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาิติญาณการขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีิวิต เพราะงั้นอยู่ที่รัฐบาลแล้วล่ะคับว่าจะต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:09:06 ความคิดเห็นที่ 136 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:19:31 ความคิดเห็นที่ 137 จ้องแต่เอา เมาแล้วล่อ จากคุณ : Mario A เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 13:39:42 ความคิดเห็นที่ 138 สงสัยรัฐบาลต้องออกแคมเปญฉีดยาคุมฟรีให้เด็กหญิงวัยเจริญพันธ์ละมั้ง เพราะถึงจะมีถุงยางแจกฟรี เราว่าผู้ชายก็ไม่ค่อยชอบใช้กันหรอก.. แล้วก็ต้องทำโฆษณารณรณงค์การมีลูกก่อนวัยอันควร / เมื่อไม่พร้อมให้มาก ๆ ๆ สลับกับช่วงละครหลังข่าวยิ่งดี อันนี้มันไม่เกี่ยวกับความรวยความจนนะ เพราะมันเกิดขึ้นในทุกระดับชั้นเลยในปัจจุบันนี้ แต่อย่างที่จขกท ว่าไว้คือมันมีแนวโน้มจะเกิดกับคนระดับล่างมากที่สุด ปัญหาก็คือเด็กที่เกิดมาไม่ได้รับสิ่งที่ควรจะได้รับในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างเพียงพอ (การศึกษาและความอบอุ่น) และที่สุดก็กลายเป็นภาระของสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จากคุณ : feewfaw เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 21:04:14 ความคิดเห็นที่ 140 สวัสดีค่ะ จขกท เองนะคะ เข้ามาดูอีกทีเป็นกระทู้แนะนำไปแล้ว ขอบคุณทุกคนนะคะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจเจตนาเราแล้วเนอะ ขอบคุณที่มีความเห็นและแนวทางดีๆ เข้ามาเยอะแยะเลย จขกท ลองมานั่งคิดๆดูแล้ว การบังคับให้มีลูกตามหลักทรัพย์ที่มีอาจจะขัดต่อหลักประชาธิปไตยและสิทธิส่วนบุคคลมากไปหน่อย ลองมาดู option ที่เบาๆลง ลองมาอ่านบางความเห็นในนี้พบว่าบางท่านยังไม่ทราบว่า มีการแจกถุงยางฟรีที่สถานีอนามัย ซึ่งถ้ามีการโปรโมทในจุดนี้มากๆขึ้นจากทางรัฐ อาจจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ เคยเห็นโฆษณา มีลูกมากจะยากจน สมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีอีกแล้ว ที่สำคัญคือปัญหาทางด้านทัศนคติ คนยากจนมักจะคิดว่ามีลูกเยอะๆเพื่อเอามาช่วยทำงานแล้วจะได้รวยขึ้น โดยเฉพาะถ้าให้ลูกไม่ต้องเรียนเลย มาช่วยทำงานอย่างเดียว ทีนี้เรากำลังคิดถึงการปรับหลักสูตรการศึกษา ให้มีวิชาที่ทำงานฝีมือขาย หรือทำสวนผักขาย มีรายได้ให้เด็กเอากลับบ้านไปทุกวัน (แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปเรียนทั้งวัน เรียนภาคทฤษฎีตอนเช้า ตอนบ่ายเป็นวิชาชีพแนวๆนี้) พ่อแม่จะอยากให้ลูกไปเรียนมากขึ้นไหม แล้วจะเลิกอยากมีลูกมากๆไว้ใช้แรงงานเองหรือเปล่า วิธีนี้น่าจะ win-win เพราะครอบครัวมีรายได้ และเด็กมีการศึกษา+วิชาชีพ เพื่อนๆคิดว่าแนวทางนี้น่าจะดีไหมคะ จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 23:21:13 ความคิดเห็นที่ 141 คืองี้ครับ คนจน  จนแล้วเครียด  การมีเซ็กซ์ก็เป็นวิธีการคลายเครียดอย่างหนึ่ง ลูกจึงเต็มบ้างไงล่ะครับ ประมาณว่า   ผัวเมีย จนๆคู่นึง  นั่งมองหน้ากัน ไม่มีเงิน เครียด ...ซั่มกันซะจะได้ผ่อนคลาย(ชั่วคราวก็ยังดี)  อ๊าาาา จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 01:16:36 ความคิดเห็นที่ 142 จขกท. เค้าบอกถึง "ส่วนใหญ่" บางคนมันก็ยังจะ "บางคน" ๆ ๆ ๆ อยู่ได้ ประสาท ... ประเด็นนี้เราถกกับเพื่อนบ่อยมาก พร้อมสอบถามโดยตรง ถามกันเสมอว่า "คนกลุ่มนี้เค้าคิดอะไอยู่ ? " คำตอบที่ได้คือ .... ไม่ได้คิด ค่ะ ... เค้าไม่คิดค่ะ มีลูก 1 คน บางคนต้องหาเหตุผลมากมาย คำนวณรายจ่าย รายได้ กันหน้ามืด แต่กับบางคน - อยากมี ก็มี .. แต่อยากหนะ เงินมีมั้ย จะเลี้ยงได้มั้ย ยังไงต่อ ... อันนี้ไม่รู้ ไม่ได้คิด - คุมกำเนิดมั้ย ? .. ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่มีเหตุผล - ทำหมันมั้ย ? .. ไม่เอา เดี๋ยวจะป่วย จะเป็นนั่นนี่ ๆๆ เค้าเชื่อกันว่าจะ .. บลา ๆๆ - แล้วจะมีทำไมเยอะ ๆ .. รุ่นพ่อรุ่นแม่เค้าก็มีกันเยอะ ยังเลี้ยงกันมาได้เลย ไม่เห็นเป็นไร (มันเหมือนกันป่ะ แต่ก่อนกับสมัยนี้) เค้าเป็นแบบนี้จริง ๆ ค่ะ เป็นแบบไม่ได้กวนประสาทนะคะ คือทัศคติเค้าเป็นแบบนี้ แนวคิดแบบนี้ เพราะเค้าโตมาแบบนี้ เค้าไม่รู้จริง ๆ ค่ะ อะไรจะดีกับเค้า การวางแผนชีวิตที่ดี ช่วยอะไรเค้าบ้าง จริง ๆ ตอนนี้ประเทศไทยอัตราการเกิดลดลงเยอะนะคะ .. มีแนวโน้มจะลดลงอีก แต่ปัญหาคือ อัตราส่วนของเด็กที่มีคุณภาพ ก็ยังน้อยกว่าเด็กที่ด้อยโอกาสอยู่ดี กลุ่มคนที่ต้องทำหน้าที่ พัฒนาประชากรเหล่าีนี้ ก็ ................. ถอนหายใจค่ะ ... จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 06:00:15 ความคิดเห็นที่ 143 เราว่านะมันเกี่ยวกับเรื่อง sex ในบางครอบครัวก็ไม่มีใครพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจจะกระดากปาก เป็นเรื่องน่าละอาย เลยไม่มีใครกล้าพูด กล้าคุย ง่าย ๆ ใครเคยนั่งยอง ๆ แล้วเอากระจกส่อง จิ๋ม มั่ง ?? จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 11:48:07 ความคิดเห็นที่ 144 ถ้าวิเคราะห์ แนวธรรมะ แสดงว่าคนทำกรรมชั่ว มีเยอะขึ้นทุกวัน ตามหลักกรรมที่ว่า คนที่ทำกรรมดี ย่อมไปเกิดในสถานที่ดี กรณีนี้เช่นกัน ทำไมคนรวยๆ มีพร้อมทุกอย่าง แต่มีลูกยากมาก บางคนเสียเงินเสียๆหลายๆล้านเพื่อให้ได้ลูก แต่ด้านคนยากจนลำบากข้นแค้น มีลูกหัวปีท้ายปี วิ่งกันยุบยับ นั่นก็เพราะ เด็กที่จะมาเกิด ที่มีบุญญา หรือเคยทำกรรมดี มันมีน้อยเหลือเกิน จากคุณ : กระท่อมชาวไร่ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 12:10:09 ความคิดเห็นที่ 145 #143  เยอะแยะ  ไม่งั้นเขาจะรู้หรือว่า มีไฝที่ลับ เป็นกาลกิณี ต้องไปตัดออก จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 14:05:54 ความคิดเห็นที่ 146 จขกท  ถ้าไม่คุมกำเนิดเฉพาะคนจน  ก็เห็นด้วยครับ ว่าเรื่องข้อเสนอล่าสุดของจขกท เรื่องเรียนวิชาชีพ ถ้าดูแค่หลักสูตรวิชาชีพชั้นสูงที่มีอยู่แล้ว อย่าง ปวช ปวส ยังเสื่อมความนิยมไปเรื่อยๆ เพราะคนไปต่อปริญญากันหมด  ถ้าเปลี่ยนค่านิยมสังคมให้ยอมรับการเรียนวิชาชีพมากกว่านี้ได้ ทางเลือกของจขกท ก็มีโอกาสมากขึ้นเป้นเงาตามตัว ตัวหลักสูตรด้านวิชาชีพที่มีอยู่เอง  ก็ด้วนๆ ไปเรียนแล้วอนาคตบางทีก็ตัน  อย่างเช่นจบ ปวสคอม ฯ ไปเรียนต่อ วิทยาคอมฯ ไม่ได้นะครับ  ไม่มีสถาบันไหนเปิดรับครับ ถ้าเรียนวิชาชีพแล้วเป็นที่ยอมรับ  มีอนาคต  อยู่ได้ ความเครียด  ความกดดันอันเป็นผลให้มามีกิจกรรม featuring ถี่ๆเพื่อผ่อนคลายก็น่าจะลดลง ปัญหาหนึ่งที่แก้ยาก ก็คือเมื่อเป็นคนจน แล้วบริการต่างๆที่ให้กับคนจน หรือการยอมรับต่างๆมันก็ลดถอยไปด้วย สถานการณ์ WIN WIN แบบที่จขกทพูดถึง มันจะไม่เกิดได้ง่ายๆครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 14:33:01 ความคิดเห็นที่ 147 ก็เขาไม่ได้รับการศึกษา ก็เลยไม่รู้จักคุมกำเนิด วางแผนครอบครัว ทำไร่ทำนา กลางคืนก็ว่างไม่รู้จะทำอะไร  ไม่เหมือนเราๆ วันๆงานทับตายหอบกลับมาทำที่บ้าน จากคุณ : Nattyam เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 22:03:46 ความคิดเห็นที่ 148 แค่วางแผนครอบครัว ใช้เวลาศึกษาไม่น่าเกิน3ชม.เลยนะ ไม่ได้รับการศึกษาน่าจะเป็นข้ออ้าง ความจริงคือไม่ใส่ใจตะหาก จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 54 22:59:39 ความคิดเห็นที่ 149 คนสมัยก่อนก็มีลูกเยอะ ยังแต่ต้นทุนการเลี้ยงลูกคงไม่เยอะเท่าสมัยนี้ เราว่าไม่ผิดที่คนมีลูกเยอะ (เราก็เลยไม่แสดงความเห็นว่าทำไมคนจนลูกเยอะ) และเราก็เห็นว่าชาวนากับคนขายพวงมาลัยก็ไม่ใช่คนด้อยคุณภาพ แต่มันคงผิดที่สังคมตั้งบรรทัดฐานของคำว่า"คุณภาพ"สูงเกินไปรึเปล่า ต้องได้เข้าโรงเรียนมั้ย เราว่าสมัยนี้การศีกษาไม่ได้มีแต่ในโรงเรียน การที่พ่อแม่ทำนา แล้วลูกทำนาต่อจากพ่อแม่ เราว่าไม่ได้ผิดตรงไหน เด็กโตมาก็มีอาชีพเป็นชาวนา ชาวนาก็เป็นอาชีพสุจริต แต่เพราะคนเราดูถูกอาชีพชาวนารึเปล่า ชาวนาก็เลยเป็นคนด้อยคุณภาพไป และอีกอย่าง เราไม่คิดว่าการศีกษาเป็นตัวชี้วัดคุณภาพคน คุณภาพคนอยู่ตรงไหนคะ ถ้าอยู่ที่ความเป็นคนดี การไม่ก่อปัญหาให้สังคม รู้ได้ไงว่าคนจนที่มีลูกเยอะๆ ลูกเค้าก่อปัญหาให้สังคมมากกว่าคนจนที่ลูกน้อย หรือลูกคนฐานะปานกลางถึงรวย คนขายพวงมาลัยตามสี่แยก เค้าอาจจะน่ารำคาญในสายตาบางคน แต่คิดจริงๆเค้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน นักการเมืองที่มาจากครอบครัวดีๆ อาจจะโกงเงินภาษีประชาชน แต่ดูดีในสายตาบางคน ก็ได้ ความเห็นเราคือ ไม่ได้เกี่ยวว่าจนไม่จน แต่เกี่ยวกับว่าพ่อแม่หรือครอบครัวใส่ใจอบรมลูกดีแค่ไหนมากกว่า คนจนไม่มีเวลาดูลูก ลูกก็อาจจะขโมยของ ติดยา ขายยา ฯลฯ คนรวยไม่มีเวลาดูลูก ลูกก็ติดยา ขายยา ขโมยของ แว้นรถ ขับรถชนอื่นตาย ฯลฯ มีลูกมากหรือน้อย ไม่สำคัญ จนรวย ไม่ใช่ปัจจัย สำคัญว่าใส่ใจดูแลอบรมให้มันทั่วถึง ให้เป็นคนดีของสังคม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอแระ จากคุณ : กวางดาวรักสันโดษ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 01:32:10 ความคิดเห็นที่ 150 อย่าบอกว่าวัยรุ่นไทยไม่รู้จักคุมกำเนิด ถุงยางรับได้ที่อนามัยทุกแห่ง ตามห้างห้องน้ำชายมีให้กดซื้อด้วยซ้ำไป แต่.... ผู้ ช จะบอกว่าใส่แล้วไม่ได้อารมณ์ ส่วนผู้ ญ จะบอกว่าใส่ถุงยางแปลว่าไม่ไว้ใจกัน ลงท้ายก็จบลงด้วยยาคุมหรือปล่อยนอก และ ตามมาด้วยการท้อง ไม่ก็ HIV หรืออาจจะทั้ง 2 อย่าง และอย่ามองว่าเรามีแต่คนจนกับคนรวย แว้นซ์สก๊อยน่ะชนชั้นกลางทั้งนั้น แต่เป็นกลางไปเกือบล่าง ( ขณะที่กลางไปเกือบบนจะเป็นอีกสังคมหนึ่ง พวกนี้จะเรียก " เด็กบรืน" คือแต่งรถใหญ่แข่งกัน เรื่องยาเรื่อง sex ก็มีไม่แพ้แว้นซ์สก๊อย แต่พวกนี้เล่น E เล่น Ice เพราะมันไฮโซและราคาแพงกว่ายาบ้าและกัญชาของพวกแว้นซ์ แถมถูกจับก็มีคนเคลียร์ให้เพราะบ้านมีเงิน ไม่เหมือนแว้นซ์สก๊อยถูกจับแล้วโดนประจานกันไม่รู้จบ ) คนพวกนี้เป็นผลิตผลของพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกไม่เป็น พ่อแม่ทั่วไปมักคิดว่าแค่ส่งให้ลูกเรียน + ให้เงินลูกใช้ไม่ขาดมือก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่จำเป็น ผลคือพ่อแม่กับลูกเลยมีเส้นแบ่งตลอด เมื่อลูกหาที่ปรึกษาในบ้านไม่ได้ ผลคือไปหากับเพื่อน ถ้ามีเพื่อนดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอเพื่อนไม่ดี ก็กลายเป็นอาชญากร เสียอนาคตเสียผู้เสียคนกันไป ( เคยดูวิ่งสู้ฟัด 5 ของเฉินหลงไหม? ภาคนี้ผู้ร้ายไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอาชีพ แต่เป็นแก๊งค์เด็กเกรียนที่เกิดจากพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกไม่เป็นทั้งหลายมารวมตัวกัน ) พอเกิดเรื่องก็มาโทษสังคม ท่านไม่ได้ดูตัวท่านหรอกว่า ท่านได้ผลักไสลูกท่าน ขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวท่านกับลูกมากไปหรือเปล่า? เรื่องแบบนี้ก็จะวนลูปไปเรื่อยๆ ครับ สำหรับประเทศกำลังพัฒนาแบบเราๆ จากคุณ : TonyMao_NK51 (TonyMao_NK51) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 20:28:19 ความคิดเห็นที่ 152 คุณ zenzen ไม่ทราบว่าเราไม่มีตรรกะยังไงหรือคะ ได้อ่านทุกคอมเม้นท์ของเราหรือเปล่า? ได้อ่านแนวทางที่เราพยายามเสนอบ้างไหม? แล้วตรรกะของคุณคืออะไร คุณคิดว่าไม่ควรมีการสนับสนุนให้คุมกำเนิดกับคนที่ไม่พร้อมรับผิดชอบชีวิตของเด็กที่เกิดมา? คุณคิดว่าการที่เด็กโตมาอดๆอยาก หรือบางทีถูกทิ้ง ไม่ได้เข้าเรียนหนังสือตามขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลกำหนดเป็นสิ่งดี? คุณไม่เห็นด้วยว่าเราควรมีแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ทั้งๆที่มันป้องกันได้? ดิฉันว่าคุณนั่นแหละค่ะ ที่ไม่เคยมีตรรกะอะไรในชีวิตเลย จากคุณ : maewfoo เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 54 22:47:36 ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com