ความคิดเห็นที่ 1 ใครทาลึ่งจะขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ 13% อีกฟ่ะเนี่ย... จากคุณ : ข้างบูรพา เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:42:36

ความคิดเห็นที่ 2 ระบบข้าราชการไทยทำให้เมืองไทยล้าหลัง จากคุณ : เพ็ชรสามสี1 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:42:57

ความคิดเห็นที่ 3 สนับสนุนตามที่ จขกท.ว่าครับ ข้าราชการจะได้มีเงินเดือนสูง ๆ + ได้ค่าล่วงเวลา + ค่าโน่น ค่านี่ ที่พนักบริษัทฯ ได้รับ เหมือนพนักงานบริษัทเอกชนมั่ง จากคุณ : แอ๊บแบ๊ว เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:56:30 A:125.27.127.15 X: TicketID:294750

ความคิดเห็นที่ 4 ได้สวัสดิการด้านอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว แถมยังทำให้คนในระบบติดนิสัยสร้างหนี้ ที่จริงมันน่าจะล่มไปนานแล้วนะ ระบบที่ทำมห้คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นเนี่ย จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:03:27

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยครับ และดีครับ และจะดีมากด้วยถ้าจะยกเลิกระบบเงินเดือนข้าราชการ แล้วยึดโยงเข้ากับดัชนีราคาเหมือนเงินเดือนภาคเอกชน เลิกเอาเกียรติ ศักดิ์ศรี มาเป็นข้ออ้างในการกดเงินเดือนข้าราชการอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ขอให้จ่ายตามศักยภาพที่เป็นจริง ตามทักษะและค่าแรงในตลาดแรงงาน ได้ไหม ข้าราชการตาดำๆ ขอร้อง เพราะถ้าเอาคุณภาพคนในระบบราชการ มาเปรียบเทียบกับแรงงานในภาคเอกชนแล้ว เชื่อว่า ภาคราชการไม่ได้ด้อยศักยภาพกว่าเลย แต่ค่าตอบแทนต่างกันมหาศาล เช่นคนจบเอกเศรษฐศาสตร์จาก IVY League ถ้าเข้าทำงานเอกชน อย่างต่ำๆ ว่ากันที่หกหลัก จะหกหลักสูง กลาง หรือต่ำ ก็ไปว่ากันอีกที แต่ถ้าเข้าทำงานราชการ เอาไปเลย หมื่นต้นๆ แค่นั้นแหละ แล้วที่เหลือไปเอาตอนเกษียณ เป็นความมั่นคงในระบบราชการ แม้ว่าตอนรับราชการ ข้าวอาจจะจานละ 5 บาท แต่ตอนออกจากราชการรับเงินบำนาญแล้ว ตอนนี้เจอเข้าไป 35-40 บาท แต่ยอดเงินไม่เพิ่มขึ้น fixed มาตั้งแต่รับราชการ แล้วระหว่างยังไม่เกษียณ เอ็งก็ไปหาวิธีการอยู่รอดเอาเองแล้วกัน ว่าจะสร้างบ้าน สร้างรถ สร้างสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างไร จากเม็ดเงินเท่าหอยมดกะเกียรติยศ ศักดิ์ศรีที่สมมติให้ ใครหน้ามืดหน่อย ก็ไปโกงบ้านกินเมือง เข้าคุกหมดอนาคต อนางอไปก็เยอะ ใครยังพอมีความยับยั้งชั่งใจหน่อย ก็กู้เท่านั้นที่ครองโลก กู้มันทุกช่องทาง หมุนเงินมือเป็นระวิงยิ่งกว่านายแบงค์ เพื่อเป็นค่านมลูก ค่าเช่าบ้าน ค่ารถเมลล์ ค่าโน่นนั่นนี่ สารพัด แล้วก็ยังไม่วาย โดนคนที่รู้ที่เข้าใจแค่งูๆ ปลาๆ มาจิกกัด แดกกันอีกว่าดีแต่กู้ ไม่ให้กู้ จะให้โกงหรือไง หือ เขาไปกู้บนเตียงนอน หรือบนโต๊ะกินข้าวของใคร ฤา หรือได้ช่วยจ่ายดอกเบี้ย จ่ายเงินต้น ให้เขา ถึงได้เดือดร้อนกันนักหนา ครับ สรุปโดยรวม ปฏิรูปซะทีก็ดีครับ ใครศักยภาพน้อย ก็เอาออกไป ใครทักษะ และศักยภาพดี มีเซอร์วิสมายด์ ก็ดึงเข้ามาในระบบ ล่อด้วยค่าตอบแทนเท่าเทียมกับเอกชน เหมือนสิงคโปร์หรือนิวซีแลนด์ แล้วยกเลิกระบบบำนาญไปเลยก็ได้ ขอเลือกเก็บออมเอาเองระหว่างเส้นทางก็ได้ อยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ระบบราชการ กะรัฐสวัสิดิการ หรือโครงสร้างสวัสดิการข้าราชการ กะความเป็นรัฐสวัสดิการ เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง  ลองไปศึกษาดูดีๆ นะครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากเป็นรัฐสวัสดิการ ลองคิดเรื่องเก็บภาษีร้อยละ 40-50 หน่อยนะครับ ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา.... ของฟรีไม่มีในโลกครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 14:12:08 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:05:38

ความคิดเห็นที่ 6 หัวใจของงานราชการ  น่าจะเป็นเรื่อง  "การให้บริการแก่ประโยชน์สาธารณะ" นั่นคือ  การบริการนั้นๆ  จะต้องต่อเนื่อง หยุดไม่ได้  และต้องให้ประชาชนเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดหรือไม่ต้องเสีย  เช่น  การแพทย์   การศึกษา  การคมนาคม  การยุติธรรม ถ้าผลักดันให้ระบบดังกล่าวเป็นภาคเอกชนไปทั้งหมด  การเป็นเอกชนคือ  ต้องมีรายได้ ต้องมีกำไรขาดทุน และอย่างแย่ที่สุดคือ เอางานไปต่อรองเรียกร้องทางการเมือง  เช่น  การนัดหยุดงานต่างๆเพื่อขู่รัฐบาลให้ยอมตามข้อเรียกร้อง   เป็นต้น ดังนั้นความจำเป็นที่จะต้องมีระบบข้าราชการจึงยังต้องมีอยู่  เพื่อรักษาการบริการสาธารณะต่างๆให้ต่อเนื่องและเพื่อความมั่นคงของรัฐ ปัญหาจึงไม่ใช่อยู่ที่การยกเลิกระบบข้าราชการ  ปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการระบบข้าราชการต่างหาก   ว่าจะทำอย่างไร  ข้าราชการจึงจะทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงครับ ซึ่งเท่าที่ดู  หลังรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐  ได้มีการปรับปรุงระบบราชการเป็นอย่างมาก  ยกตัวอย่างง่ายๆ  เช่นการทำบัตรประชาชน  ใครที่ทันยุคก่อนปี ๒๕๔๐  ไปทำบัตรจะต้องได้บัตรเหลืองก่อนแล้วรออีกร่วมสามเดือนกว่าจะได้บัตรตัวจริง   เจ็บไข้ได้ป่วยหาหมอทีก็แสนแพงต้องพึ่งยาหมอตี๋(ร้านขายยา)  เข้าโรงเรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายเปิดเทอมทีพ่อแม่ผู้ปกครองเข้าคิวที่หน้าโรงจำนำกันยาวเหยียด... ในความเห็นส่วนตัว  จึงเห็นว่า  ระบบราชการยังจำเป็นต้องมีอยู่เพื่อรักษาการบริการประโยชน์สาธารณะให้ต่อเนื่อง แต่คงต้องค่อยๆแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ   แต่ถ้าจะยกเลิกไปเลยโดยยังไม่เห็นทางไหนหรือระบบใดที่จะเข้ามาแทนที่ได้ดีกว่า ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:15:12

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ลองมามีเงินเดือนน้อยๆแบบข้าราชการดูละว่าจะพอกินมั้ย  อยู่เอกชนก็เงินเดือนดีแล้วจะมาอะไรอีก  บ้าบออะไรนัก จากคุณ : บ้าเอ๊ย (อ้วนมึน) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:22:12

ความคิดเห็นที่ 8 555555555 จากคุณ : Soboi เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:35:13

ความคิดเห็นที่ 9 เอกชนเงินเดือนมากกว่าข้าราชการ 2-3 เท่า ถ้าเทียบกับตอนที่สตาร์ทเท่ากัน อีกอย่างนึงถ้าท่านอยากให้เป็นเหมือนเอกชนก็จะกลายเป็นอย่างที่ท่านอุบลแมนพูดนั่นแหละ และการทำงานจะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ การที่มีรัฐ มีข้าราชการ เพื่อบริการและทำประโยชน์ให้แก่สาธารณะโดยที่ค่าตอบแทนแต่ละเดือนนั้นน้อยนิด เทียบกับเอกชนแล้ว พูดง่าย เดี่ยวนี้เอกชนสตาร์ทที่ 10000+ แต่รัฐยังแค่ 8300 แถมเอกชนเงินเดือนขึ้นครั้งแรกภายใน 3 เดือน ส่วนรัฐ ถ้าเป็นลูกจ้างก็ 1 ปีนั่นแหละคับ ขึ้นครั้งนึง ส่วนข้าราชการนี่ขึ้นปีละ ครั้ง หรือว่า 2 ครั้งผมก็จำไม่ได้ แต่ก็น่าจะ 2 ครั้ง ผมเคยทำเอกชน และตอนนี้ทำงานให้รัฐอยู่ เพราะงั้น ผมรู้คับ ว่ามันลำบากแค่ไหนกับเงินเดือนอันน้อยนิด ถ้าผมยังทำเอกชนอยู่ ป่านนี้ผมเงินเดือน 20000+ ไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังแค่ 7935 บาทเอง แถมเป็นฐานเงินเดือนเก่าด้วย หน่วยงานอื่นๆปรับไปเป็น 83xx หรือ 91xx กันแล้ว ทำไมผมยังแค่ 7935 อยู่เลยล่ะคับ นี่แหละคือความแตกต่างระหว่างรัฐกับเอกชน ส่วนตัวผมมองว่า เงินบำนาญนั้นเหมือนกับเงินที่ทดแทนให้เมื่อเทียบกับเอกชนมากกว่า ยกตัวอย่าง ผมทำงานรัฐตั้งแต่อายุ 22 กับคุณที่ทำงานเอกชนตั้งแต่อายุ 22 สมมุติว่าเกษียณพร้อมกันตอนอายุ 60 ในเวลา 38 ปี คุณคิดว่ารับเงินเดือนไปแล้วเท่าไหร่ เทียบกับข้าราชการคิดว่าจะได้เท่ากับคุณมั้ย ตอนนี้ผมทำงานอยู่สาธารณสุขจังหวัด อยู่ฝ่ายประกันสุขภาพ คนที่นี่พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า ประกันสังคมไม่ดี และระบบประกันสุขภาพเดี๋ยวนี้ี เทียบเท่ากับของข้าราชการแล้ว ผมอยากให้ศึกษาดูนะคับ เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพถ้วนหน้าน่ะ รักษาฟรีตั้งหลายโรคแล้ว จำได้ว่ายันมะเร็งเลย โรคไตก็อยู่ในระบบนี้ด้วย พูดได้ว่า โรคสมัยก่อนที่ไม่อยู่ในข่าย เดี๋ยวนี้อยู่ในข่ายรักษาแล้วคับ จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:39:01

ความคิดเห็นที่ 10 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากเป็นรัฐสวัสดิการ ลองคิดเรื่องเก็บภาษีร้อยละ 40-50 หน่อยนะครับ ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา.... /// การเก็บภาษีต้องทำแบบเก็บแบบอัตราก้าวหน้าเหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนจะทำ แต่..... มันไปกระทบคนมีอันจะกินค่อนค้างเยอะเลยทำยากกกก (ประเทศไทย) จากคุณ : ลูกจ้าง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:40:03 A:122.154.51.2 X: TicketID:327717

ความคิดเห็นที่ 11 เห้นด้วยครับ อย่างคุณอุบลแมน : ปัญหาจึงไม่ใช่อยู่ที่การยกเลิกระบบข้าราชการ ปัญหาอยู่ที่การบริหารจัดการระบบข้าราชการต่างหาก ในหัวข้อดังกล่าวข้างต้นจะไปเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ของคุณ Sieghart : แต่ทุกวันนี้ก็ยังแค่ 7935 บาทเอง แถมเป็นฐานเงินเดือนเก่าด้วย หน่วยงานอื่นๆปรับไปเป็น 83xx หรือ 91xx กันแล้ว ทำไมผมยังแค่ 7935 อยู่เลยล่ะคับ จากข้อความดังกล่าวข้างต้นบ่งบอกถึงความนิ่งเฉย ทำตัวไม่รู้ร้อนของหน่วยงานบางหน่วยงานที่ไม่ใส่ใจกับความเป็นอยู่ของบุคคลรอบข้าง (เหมือนสำนวนที่ว่าข้าราชการไทย ทำงานเช้าชาม เย็นชาม) เพิ่มเติมนิดหน่อย : ในเรื่องของการบริหารจัดการงบประมาณก้อเหมือนกันหากปีนี้ใช้งบน้อยปีหน้าจะตัดงบออกไปให้น้อย งงงงง จริง ๆ กับระบบราชการ หน่วยงานราชการบางแห่งพอจะสิ้นปีงบประมาณเมื่องบยังเหลืออยู่ก้อจะรีบใช้ให้หมด ๆ ไปเพราะกลัวว่าหากใช้งบไม่หมดปีหน้าก็จะโดนตัดงบประมาณ เช่น ไปซื้อ หิน ซื้อดิน มาทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร จากคุณ : ลูกจ้าง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:57:03 A:122.154.51.2 X: TicketID:327717

ความคิดเห็นที่ 12 ระบบราชการในบางเรื่อง สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ผมว่ายังจำเป็นนะ เพียงแต่มันต้องมีการพัฒนา เปลี่ยนแปลงระบบให้ดีขึ้นเท่านั้นเอง แต่มันฝังรากลึกมายาวนานมากแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยนแปลงระบบนี้ได้ การรับเข้างาน ลูกท่านหลานเธอ สมัครงาน การประเมินเงินเดือน ด้วยความสามารถอย่างแท้จริง ถ้ามีใครกล้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงและพัฒนาระบบนี้ได้ สุดยอดมาก จากคุณ : เขียนบน 3310 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 14:59:00 A:124.121.173.186 X: TicketID:324249

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่า คุณลูกจ้างศึกษาข้อมูลบ้างดีไหม ก่อนจะวิจารณ์น่ะครับ เพราะอ่านหลายๆ ความเห็นแล้ว ขอโทษที่ต้องบอกตรงๆ ว่า เหมือนไม่รู้อะไรเลย การเก็บภาษีต้องทำแบบเก็บแบบอัตราก้าวหน้าเหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนจะทำ แต่..... มันไปกระทบคนมีอันจะกินค่อนค้างเยอะเลยทำยากกกก (ประเทศไทย) ^ ^ คนส่วนน้อย อุ้มคนส่วนมากไม่ไหวหรอกครับ การเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าน่ะดีครับ เกิดความเป็นธรรมในการกระจายรายได้ระหว่างชนชั้น เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์มหภาคดีครับ แต่การที่จะนั่งรอ หรืออิจฉา คนที่เขามี ที่เขาสร้างตัวมาจากสองมือ จนมีวันนี้ แล้วบอกว่าเขาต้องจ่ายแพงกว่า มากกว่า เพื่ออุ้มคนส่วนใหญ่เอาไว้ ถ้าคิดแบบนี้  การไต่บันไดทางสังคมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย และเป็นการคิดบน logic สามล้อรอถูกหวยโดยแท้ ในหัวข้อดังกล่าวข้างต้นจะไปเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ของคุณ Sieghart : แต่ทุกวันนี้ก็ยังแค่ 7935 บาทเอง แถมเป็นฐานเงินเดือนเก่าด้วย หน่วยงานอื่นๆปรับไปเป็น 83xx หรือ 91xx กันแล้ว ทำไมผมยังแค่ 7935 อยู่เลยล่ะคับ จากข้อความดังกล่าวข้างต้นบ่งบอกถึงความนิ่งเฉย ทำตัวไม่รู้ร้อนของหน่วยงานบางหน่วยงานที่ไม่ใส่ใจกับความเป็นอยู่ของบุคคลรอบข้าง (เหมือนสำนวนที่ว่าข้าราชการไทย ทำงานเช้าชาม เย็นชาม) ^ ^ ^ หน่วยงานของคุณ Sieghart คงมีลักษณะแตกต่างกะหน่วยงานที่ได้ปรับขั้น ไม่งั้นก็ต้องได้ปรับเหมือนกัน การจะปรับฐานเงินเดือน ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรอกครับ ไม่เกี่ยวกะเช้าชามเย็นชามเลยสักนิด เพราะเรื่องแบบนี้ มีคณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ มี ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักอยู่ ถ้าจะปรับ จะแก้ ต้องทำทั้งระบบ ถ้าปรับบางหน่วย หน่วยนั้นต้องมีลักษณะแตกต่างจากหน่วยอื่น พิเศษกว่าหน่วยอื่นๆ จนมีกฎหมายพิเศษของตัวเองในเรื่องนี้ได้ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 17:13:04 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 15:29:11

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับ จขกท ตามนั้นเลย สวัสดิการระหว่างที่ยังไม่ปลดเกษียณจะดีเท่าไหร่ก็ดีไป ถือซะว่าในฐานะที่ทำงานให้รัฐ แต่ระบบบำนาญน่าจะทำไม่ต่างจากประกันสังคม ไม่ใช่ก้อนใหญ่ยักษ์ขนาดเกือบเท่าเงินเดือนก่อนเกษียณอะ จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 16:10:13

ความคิดเห็นที่ 15 เฮอๆๆๆ ข้าราชการถึงเงินเดือนน้อย แต่ยังมีโอกาสเติบโตมนหน้าที่ มีค่าตำแหน่ง มีสวัสดิการเพียบ หลังเกษียณยังมีกินอีก แต่พนักงานราชการ หมดโอกาส เงินเดือนน้อย แถมสวัสดิการดันไม่มีให้ จะไม่ยิ่งไปกว่า ข้าราชการอีกเหรอ งานราชการมันเกี่ยวกับผู้คนมากมาย พอมีคนทำงานช้า กินใต้โต๊ะ เลยทำให้เห็นกันชัดเจน คนโกงก็หัวหน้าทั้งนั้น ลูกน้องธรรมดาๆ ยากมีได้ที่ไหน นอกจากทำงานหลังคตหลังงอ จะปรับระบบราชการให้เป็นเหมือนเอกชน ยากมากแค่เงินเดือนก็ไม่รู้เท่าไร งานราชการที่ต้องมาดูแลไม่ไช่นอ้ยเลยนะ จะทำเป็นเอกชน ให้ไปดูโครงสร้างหน่วยงานราชการกันก่อนไหม เอาง่ายๆทำอย่างไรไม่ให้ อยต โกง ไม่มีโบนัส ไม่มีศึกษาดูงาน(จริงเขียนงบเพื่อขอไปเที่ยวมากกว่า ดูงานจริงๆ หายาก) แค่นี้งบไปพัฒนาหมู่บ้านเหลือเฟือ จากคุณ : KK เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 16:12:34 A:110.164.90.6 X: TicketID:196509

ความคิดเห็นที่ 16 สนับสนุนความคิดคุณลูกหมีเขี้ยวยาวฯ เจ้าของกระทู้ยังต้องหาข้อมูลมาอ่านและศึกษาเกี่ยวกับรัฐสวัสดิการอีกเยอะ จากคุณ : เขียนบนกระดานชนวน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 19:54:25 A:194.103.203.254 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าราชการก็เงินเดือนไม่น้อยนะครับ เป็นพนักงานต่างๆก็เงินเดือนไม่กี่พัน นอกจากทำกับเอกชนใหญ่ๆ หรือจบจากสถาบันดีๆ ศักยภาพคนก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก จะรับราชการหรือภาคเอกชน แต่ระบบมันไม่อำนวย และสอบเข้าได้แล้วเลิกจ้างได้ยากกว่าเอกชนเยอะ เอาเป็นว่า งานไหนดี งานไหนชอบก็ไปสอบไปทำซะ จากคุณ : แสนสุขสมนั่งชมวิหค เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 08:47:10

ความคิดเห็นที่ 18 อยากให้ จขกท. เข้ารับราชการดู อยู่ให้ได้จนเกษียณนะ แล้วค่อยมาวิจารณ์ใหม่ อีกที รับรอง คนจะฟังอีกเยอะ จากคุณ : ยอดชาย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 13:38:11 A:203.114.122.25 X: TicketID:238745

ความคิดเห็นที่ 19 ระบบสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ก็ยังมีการก้ำกึ่งอยู่มาก ในส่วนของราชการ และ เอกชน บริษัทเอกชนบางแห่ง start เงินเดือน ต่ำกว่า ข้าราชการก็มีนะคะ ไม่ใช่ว่าทำงานเอกชนแล้วเงินเดือนจะเยอะเสมอไป นอกซะจากไปทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ นั่นแหละค่ะ ถึงจะหมื่นขึ้น ยิ่งบริษัทรอบนอก ต่างจังหวัดด้วยแล้ว ยังห่างไหลเงินหมื่นนัก เฮ่ออออ เพลียจริงๆ !! จากคุณ : KkedJK117 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 15:54:49

ความคิดเห็นที่ 20 เอาอย่างนี้ เงินเดือน ข้าราชการประเภทนั่งแต่ในห้องแอร์เปิดแต่ตำรากฎหมาย นี่ลดลงมาให่เท่าข้าราชการพลเรือนทั่วไปจะได้ไหม จากคุณ : เอาแค่เนี๊ย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 21:34:53 A:122.155.36.140 X: TicketID:279065

ความคิดเห็นที่ 21 อย่าอิจฉา ข้าราชการ  เลยครับเขาสอบเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะเป็นได้ จากคุณ : im626 เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 14:03:37