ความคิดเห็นที่ 1 แต่ ก ก็พยายามฆ่า ข จริงๆ ก็ต้องโดนพยายามฆ่า ด้วยใช่หรือเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 12:22:50 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 09:53:26 จากคุณ : starbless เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 09:52:21

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่แล้วครับ ก็เป็นการพยายามฆ่า ไม่ต้องรับผิดในความตายของ ค น่าจะแบบนี้นะ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 10:25:35

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ถ้าพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๑ นาย ก กระทำการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดแล้ว นาย ก มีเจตนาร้าย ควรจะนำมาตรา ๘๑ มาปรับลงโทษ นาย ก มีความผิดฐานพยายามฆ่า ข จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 10:29:41

ความคิดเห็นที่ 4 โอ จริงๆ หรือคะ เนี่ยยยย ดิฉันไม่มีความรู้ด้านกฎหมายหรอกนะคะ แต่ที่ว่าก. จะลอยนวลโดยไม่รับผิดอะไรเลยเช่นนั้นหรือคะ แค่เปลี่ยนคนตายจากข เป็นค เท่านั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ สำหรับคนไม่รู้กฎหมาย พูดได้คำเดียวว่า เวรล่ะค่ะ สรุปว่าต้องปล่อยให้ข ตายก่อนถึงจะเอาก มาลงโทษได้ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 10:34:05 A:120.20.62.54 X: TicketID:166806

ความคิดเห็นที่ 5 สาระดีๆจากติวอาญาไทยจัสติสครับ ... จริงเหรอครับ  ขอเลขฏีกาหน่อยได้ไหมครับ เป็นไปได้เหรอเนี่ย เอ ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเจตนาโอนน่ะ แม้ว่าจะเปลี่ยนตัวจาก ข เป็น ค และถึง ก จะไม่รู้ว่า ค มาเปลี่ยนตัวกะ ข แล้วก็ตาม ก็ไม่น่าจะทำให้การกระทำของ ก กลายเป็นชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาได้ นอกจากนี้ ถ้าจะมองว่า ค ยินยอม แต่ความยินยอมในลักษณะนี้ ไม่เป็นข้อยกเว้นของกฎหมาย ยินยอมในทางแพ่งเท่านั้น และเท่าที่ไม่ขัดต่อศีลธรรมหรือความสงบเรียบร้อย ถึงจะถือเป็นข้อยกเว้นได้ เช่นเดียวกะคุณเอาปืนไปยิงเพื่อนที่อกหักรักคุดอยากตายอยู่แล้ว ถึงเพื่อนมันจะบอกว่ายิงเลยๆๆ  แต่ถ้ายิงจริง ก็คุกอยู่ดีครับ ไม่งั้นคงไม่ต้องมีกฎหมายการุณฆาตออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวหรอก อย่างไรก็ตาม รอฟังความเห็นท่านต่อๆ ไป ป.ล. ถ้าเอามาจากจูริส ขอเลขฏีกาด้วยครับ จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 10:42:08

ความคิดเห็นที่ 6 ยังไงก็โดนพยายามฆ่า และฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาอยู่ดีนิครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 11:24:05

ความคิดเห็นที่ 7 ตามที่ คห 6 ว่าไว้ถูกต้องแล้ว จากคุณ : ธ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 11:29:40 A:125.26.142.18 X: TicketID:279065

ความคิดเห็นที่ 8 กรณีนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะเจตนา ค.อยู่ในใจ ไม่มีใครรู้ว่าต้องการฆ่าตัวตายอยู่แล้ว อย่างกรณีที่ ก.จะฆ่า ข. แต่ ค.วิ่งมารับกระสุนแทน เพราะ ข.เป็นพ่อของ ค. แบบนี้จะปรับอย่างไร.. เพราะโดยปกติแล้ว การวิ่งเข้าหากระสุนเอง ก็ยังปรับเข้ากับ ม.๖๐ ได้ คือพลาด แม้ว่าผู้ตายจะเสี่ยงภัยเอง ก็ต้องถือว่าเป็นการกระทำโดยพลาดเช่นกัน เพราะพลาด ไม่ได้จำกัดว่า จะต้องไปถูกผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น ดังนั้นการที่ผู้อื่นวิ่งเข้าหาภัยเองก็ยังถือว่าพลาดอยู่ดี กรณีนี้ผมมีความเห็นว่า ก.ผิดฐานพยายามฆ่า ข. และ ผิดฐานฆ่า ค.ตายโดยพลาดครับ ครั้นจะบอกว่า ก.ไม่ต้องรับผิดต่อ ค. เพราะ ค.อยากตายอยู่แล้ว อันนั้นคือข้ออ้างของใครครับ ของ ก. หรือ ของ ค. จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 11:48:41

ความคิดเห็นที่ 9 คห.๖ ครับ ผมเห็นต่างกับคุณดังนี้ ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา คือ เดิมมีเจตนาทำร้ายมาก่อนโดยไม่มีเจตนาฆ่า แต่ผลของการทำร้าย ทำให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย จึงเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แต่การที่ จขกท ตั้งโจทย์มานี้ คือ ค.วิ่งมารับกระสุนเอง ดังนั้น ก.จึงไม่มีเจตนาทำร้าย ค. มาก่อนแต่อย่างใด จึงไม่เข้าฐานความผิดฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ครับ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 11:51:39

ความคิดเห็นที่ 10 จากกระู้ทู้นี้ครับ http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=1775642   และ http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=1774712 การวินิจฉัยเรื่องพลาด  ไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการกระืำทำและผลนะครับ เป็นคนละเรื่องกัน  เจตนาโอนก็โอนไป แต่ผลของการกระทำ มีเหตุแทรกแซง (คือคนอยากจะตายอยู่แล้ว)  มาตัดไปนี่ครับ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 11:55:00

ความคิดเห็นที่ 11 พยายามฆ่าโดนแน่ อีกกรณีทำไมไม่เป็นฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา แล้วเอาเหตุที่ว่า ผู้ถูกฆ่ามีเจตนาให้ฆ่าอยู่แล้วเพื่อลดโทษ แบบนี้จะถูกมั๊ย จากคุณ : BB เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 13:10:00 A:118.172.110.33 X: TicketID:318713

ความคิดเห็นที่ 12 ความเห็นของผม ก ต้องรับผิดต่อ ค แม้ว่า ก ไม่มีเจตนากระทำต่อ ค แม้ว่า ค ประสงค์จะฆ่าตัวตาย ผลที่เกิดคือ..ความตายของบุคคล อ้างว่าเพราะ ค จะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว จึงลดโทษ? ผมไม่เห็นด้วยนะครับ..แค่ว่าคนจะฆ่าตัวตายแล้วเราไปช่วยก็ยังผิดเลย เพราะ รู้ว่าถ้าทำแบบนี้ต้องมีคนตาย =  เจตนาประสงค์ต่อผลในความตายเหล่านั้น เรื่องเผากระท่อม ถ้าคาดหมายได้ว่ามีคนอยู่ในกระท่อมและต้องตายเพราะการกระทำของตน แน่นอนครับ..เหมือนกัน.. หรือแม้แต่วางยาพิษ ใส่ยาพิษไว้ในแก้วน้ำ รู้ทั้งรู้แน่นอนว่าใครมาซดดื่มซวบๆๆๆ ต้องตายแน่นอน เป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลได้ ก็ต้องรับผิดไปเต็มๆ ถูกผิดเช่นใด รบกวนชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : DramaLover เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:00:01

ความคิดเห็นที่ 13 ตกลงเป็นเรื่อง ยิง หรือเรื่อง เผา จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:06:23

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณน้าออด แต่ผมคิดว่า เอ๋ ค. มันจะวิ่งมารับกระสุนยังไงหว่าในความเป็นจริง กระสุนปืน ธรรมดา พวก กล๊อก ความเร็วต้นราวๆ ๖๐๐ เมตรต่อวินาที วิ่งยังไงให้ไปรับกระสุนแทนทันหว่า...... จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:09:51

ความคิดเห็นที่ 15 12#  ก ก็ผิดฐานพยายามฆ๋า ค ไงครับ แต่ไม่รับผิดในความตายของ ค คือแค่พยายามอะแหละ เพราะมีเหตุแทรกแซง เอาไปเทียบกับช่วยฆ่าเพื่อนไมไ่ด้ครับ เพราะไม่มีเหตุแทรกแซง เพื่อนอยากตาย เรายิงให้เพื่อน วิญญูชนรู้ดีว่ายิงแล้วจะตาย อันนี้ผิดฐานฆ่าผู้อื่นแน่ๆ 13# ทั้งยิงทั้งเผาครับ โจทย์ตุ๊กตาอย่างละข้อครับ 14#  โจทย์ตุ๊กตา ไม่ต้องเถียงโจทย์ครับ ให้ดูข้อเท็จจริงที่กำหนดแล้วเอามาตอบ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:35:08

ความคิดเห็นที่ 16 1.เหตุแทรกแซง ใช้กับกรณีหาความสัมพันธ์ของการกระทำและผลของการกระทำหรือเปล่าครับ  เช่น ก ยิง ข ไปแล้ว ข ดันตายด้วยเหตุแทรกแซง แล้วถึงจะต้องพิจารณาว่าเหตุแทรกแซงนั้นควรคาดหมายได้หรือไม่ ถ้าคาดหมายได้ก็ต้องรับผิด คุณไอซ์แมน ในละครหลังข่าวไงครับรับกระสุนแทนพระเอกนางเอก ป.ล. อย่าเครียดกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 14:41:36 จากคุณ : ทนายใหม่ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:40:49

ความคิดเห็นที่ 17 อืม เจออันนี้เข้าไป ถึงกะมึน ใครฟังบรรยายเทอมนี้ ช่วยยืนยันทีว่า อ.อุทัยสอนอย่างนี้จริงเหรอครับ ในส่วนแรกๆ ไม่ต้องไปสนใจนะครับ การกระทำมีเหตุฉกรรจ์ ดูหลักผลธรรมดา หรือเหตุแทรกแซงก็ถูกแล้ว ซึ่งต่างจากโจทย์ในกระทู้นี้ที่ จขกท. ยกมา แต่ให้ดูย่อหน้าสุดท้าย กรณีน้องสาววิ่งเข้ามารับกระสุน ไม่ต้องรับผิดจริงๆ หรือ เอ ใครมีฎีกาตัวเต็มๆ มั่งครับ อยากเห็นเหตุผลของแนวฏีกาตัวนี้ ว่า ให้เหตุผลไว้อย่างไร http://www.เฟสบุ๊ก.com/note.php?note_id=270122226351322 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:48:50

ความคิดเห็นที่ 18 ในทางทฤษฎี อาจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ อธิบายไว้ในกฎหมายอาญาภาค  ๑ (สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา พิมพ์ครั้งที่ ๘ หน้า ๑๘๘) "ถ้า ก. ยิง ข. แต่ ค.อยากตาย มิใช่เพื่อป้องกัน ข. ค.จึงถลันเข้าไปขวางและถูกกระสุนปืนตาย เป็นการกระทำพลาดก็จริง แต่ ก.ไม่มีความผิดฐานฆ่า ค. เพราะ ค.สมัครใจเข้ารับกรรมนั้นเองโดยไม่จำเป็น" จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 15:16:48

ความคิดเห็นที่ 19 จขกท กำลังพูดถึงทฤษฏีมูลเหตุที่เหมาะสม ตามหลักเรื่องความสำพันธ์ของการกระทำและผลอยู่ใช่ไหมครับ งั้นผมขอร่วมแสดงความเห็นดังนี้ ต้องแยกสองกรณีครับ กรณีแรก ก. จะฆ่า ข แต่ ค วิ่งมาโดนกระสุนเพราะอยากตายอยู่แล้ว ก เลยไม่ต้องรับผิด กรณีนี้เป็นเหตุแทรกแทรง เพราะ ค.วิ่งเข้าหาลูกปืนหลังจากที่ ก.ลงมือกระทำความผิด จะต้องนำหลักเรื่องผลธรรมดาตามทฤษฏีมูลเหตุที่เหมาะสมมาใช้ปรับกับข้อเท็จจริง ก.ยิง ข. ค.วิ่งเข้ามารับกระสุน หากจะให้วินิจฉัย การกระทำของ ก. ก็คือการกระทำโดยพลาดต่อ ค. นั่นเอง แต่ จะให้ ก. ต้องรับผิดในความตายของ ค. หรือไม่ ต้องวินิจฉัยเรื่องหลักความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลอีกต่อหนึ่ง ในกรณีนี้เกิดเหตุแทรกแทรงที่เกิดขึ้น ตามปรกติธรรมดาคนย่อมไม่วิ่งเข้าหากระสุนปืน ความตายของ ค. จึงไม่ใช่ผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้จากการกระทำของ ก. เพราะวิญญูชนทั่วไปย่อมคาดหมายไมได้นั่นเอง ดังนั้น ก. ไม่ต้องรับผิดตาม ๒๘๘ + ๖๐ แต่ถ้าข้อเท็จจริงเป็นว่า ค.เป็นบุตรของ ข. เห็น ก. กำลังจะยิง ข. ค.จึงวิ่งเข้าไปขวางกระสุนเพื่อป้องกันพ่อของตน ก็จะวินิจฉัยได้ว่า การกระทำของ ก. เป็นการกระทำโดยพลาดต่อ ค. และ ความตายของ ค. เป็นผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจาก ลูกย่อมวิ่งเข้าไปเพื่อปกป้องพ่อ เมื่อวิญญูชนทั่วไปสามารถเล็งเห็นได้ ก. ต้องรับผิดในความตายของ ค. และ ยังต้องรับผิดฐาน พยายามฆ่า ข. โดยเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ เพราะวัตถุที่กระทำต่อ อีกบทหนึ่ง ************************************************ ต่อมากรณีที่สอง ก. ต้องการเผากระท่อม ข. ค.ได้ยินจึงอาสาไปนอนในบ้าน ข. เพราะอยากตายอยู่แล้ว ต่อมา ค. โดนไฟคลอกตาย กรณีดังกล่าว "ไม่ใช่เหตุแทรกแทรง" ครับ เพราะ ค. ไปนอนในกระท่อม "ก่อน" การกระทำความผิด ตัวอย่างที่ สองนี้ จะต้องนำมาตรา ๖๓ มาใช้ เนื่องจาก การเผาโรงเรือนของ ก. มีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับโทษหนักขึ้นตามาตรา ๒๒๔ ซึงวางหลักว่า ผู้ใดกระทำความผิดฐานเผาโรงเรือนจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษ........ หากให้ผมวินิจฉัย......ก.เผาบ้าน ข. จน ค. ตาย ความตายของ ค. เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของ ก. และ เป็นผลธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากธรรมดาโรงเรือน ย่อมมีคนเป็นผู้อยู่อาศัย การที่เผาโรงเรือนวิญญูชนทั่วไปพึงคาดหมายได้ว่าอาจทำให้คนตายได้ ก. จึงต้องรับผิดต่อความตายของ ค. ไม่ใช่เรือ่งเหตุแทรกแทรก นะครับ ส่วนเรื่องที่ ก. มีเจตนาเผาโรงเรือนเพื่อฆ่า ข. แต่ ค. มาตายแทนนั้น ก.ก็มีความผิดฐานพยายามฆ่า ข.โดยเป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ และ ความผิดฐานฆ่า ค. โดยพลาดอีกฐานหนึ่ง เนื่องจากเจตนาฆ่าต่อ ข. ก็คือเจตนาฆ่าอันเดียวกันกับ ค. นั่นเองเพราะ เป็นเจตนาต่อคนเหมือนกัน  ส่วนจะรับโทษบทไหนก็เป็นเรื่องที่จะต้องปรับมาตรา ๙๐ ไปครับ อย่างไร รอความเห็นท่านถัดไปครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 15:41:39 จากคุณ : มารรังไข่อวตาร (ซาโนสุเกะ) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 15:34:40

ความคิดเห็นที่ 20  เดี๋ยวต้องไปค้นหนังสือมาเปิดอ่านซะแล้ว ยิ่งสงสัยในคำตอบก็ยิ่งอยากรู้   แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 15:47:52 จากคุณ : DramaLover เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 15:47:31

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนความเห็นที่ ๑๙ ยิง ข. เป็น ๘๐ ถ้าเผาโรงเรือนเป็น ๘๑ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 17:06:49

ความคิดเห็นที่ 22 ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ อธิบายไว้ในหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ พิมพ์ครั้งที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติม หน้า ๒๒๗ และ ๒๓๒ ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับอาจารย์จิตติ ในความเห็นที่ ๑๘ "ในกรณีที่ผลในบั้นปลายมิได้เกิดจากการกระทำของผู้กระทำโดยตรง แต่เกิดจากเหตุแทรกแซง ผู้กระทำจะต้องรับผิดในผลบั้นปลายก็ต่อเมื่อ เหตุแทรกแซง เป็นสิ่งที่คาดหมายได้ หากคาดหมายไม่ได้ ผู้กระทำก็ไม่ต้องรับผิดในผลบั้นปลาย" "แดงต้องการฆ่าดำ แดงยิงไปที่ดำ แต่เหลืองถลันวิ่งเข้าไปเพราะอยากฆ่าตัวตาย หากเหลือถูกกระสุนปืนของแดงตาย ต้องถือว่า แดงมีเจตนาฆ่าเหลือเป็นเจตนาตามมาตรา ๖๐ แต่แดงไม่ต้องรับผิดในความตายของเหลือง เพราะการที่เหลืองวิ่งเข้าไปหากระสุนปืนเป็นเพราะอยากตายเป็นสิ่งที่ผิดปกติธรรมดาถือว่าคาดหมายไม่ได้" จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 19:29:25

ความคิดเห็นที่ 23 ตามโจทย์ น่าจะสรุปคำตอบได้ว่า ในกรณี ยิง ก. ไม่ต้องรับผิดต่อความตายของ ค เพราะมีเหตุแทรกแซง ไม่อาจคาดหมายได้ ในกรณี เผา ก.ต้องรับผิดต่อความตายของ ค. เพราะเป็นผลโดยตรงที่คาดหมายได้ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 19:40:43

ความคิดเห็นที่ 24 ผมสงสัยใน คห ๒๒ ของคุณ boxxcatt ที่ยกมาว่า "แดงต้องการฆ่าดำ แดงยิงไปที่ดำ แต่เหลืองถลันวิ่งเข้าไปเพราะอยากฆ่าตัวตาย หากเหลือถูกกระสุนปืนของแดงตาย ต้องถือว่า แดงมีเจตนาฆ่าเหลือเป็นเจตนาตามมาตรา ๖๐ แต่แดงไม่ต้องรับผิดในความตายของเหลือง เพราะการที่เหลืองวิ่งเข้าไปหากระสุนปืนเป็นเพราะอยากตายเป็นสิ่งที่ผิดปกติธรรมดาถือว่าคาดหมายไม่ได้" --------------- แล้วเราจะสืบเจตนาเหลืองอย่างไรว่า ต้องการฆ่าตัวตาย ให้แดงไม่ต้องรับผิด เพราะเหลืองตายไปแล้ว เจตนาในใจไม่มีใครรู้(หรือมี) ผมเข้าใจหลักกฎหมายและทฤษฎีในเรื่องนี้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง โดยไม่ใช่คำถามในข้อสอบ เราจะสืบกันยังไง ให้แดงพ้นผิด...... ผมว่ามันน่าสนใจมากกว่านะครับ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 19:43:11

ความคิดเห็นที่ 25 ในทางปฎิบัติ ยากมาก ๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ที่ยกมาเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ก็ว่ากันไปตามข้อกฎหมาย แต่ความจริงยากที่จะได้เห็นการนำสืบพิสูจน์ความผิดเช่นนั้น เว้นแต่พนักงานสอบสวนจะขยัน ไปสอบปากคำมาได้ ถึงขนาดใกล้ชิดกับเหตุการณ์ ประจักษ์พยานให้ปากคำว่า เหลืองบอกหรือพูดเช่นนั้นก่อน ถลันวิ่งเข้าไป (ฮาๆๆๆๆ) ตัวอย่างที่ยกมา ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของ ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 20:13:36 จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:11:57

ความคิดเห็นที่ 26 ก ไม่ผิดฐานฆ่าผู้อื่น (นาย ข)มาตรา 288 ปอ. แต่ผิดฐานอื่นที่ทำให้นาย ค เสียชีวิต เช่นวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต จากคุณ : Tpon เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:25:34

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อครู่ผมไปเปิดดู เจอแล้วเหมือนกันครับ ในหนังสือของ ท่าน อ.เกียรติขจร แต่ของผมเป็นพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แฮ่ ๆ ผมเอาประเด็นนี้ไปพูดคุยทางเฟสบุ๊ค  มีความเห็นท่านหนึ่งมองว่า กรณีเผากระท่อม เป็นเรื่องสำคัญผิด ไม่ใช่เรื่องพลาด (ซึ่งจริง ๆ ผมไม่เห็นด้วย) แต่ความเห็นที่แตกต่างก็สามารถต่อยอดทางความรู้ได้อีกจากการพูดคุยครั้งนี้  ถือโอกาสขอบคุณ จขกท ที่เปิดประเด็นดี ๆ แบบนี้ให้ได้ขบคิดกันนะครับ ปล. สอบถามเป็นความรู้เพิ่มเติมครับ  ถึงประเด็นที่น้าออด ตั้งขึ้นมาเรื่องการสืบข้อเท็จจริง  หากเราใช้วิธีสืบว่า  เหลือง  ที่ตายไปมีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หนี้สิน  โรคภัยไข้เจ็บ โดนหญิงหักอกมา หรือนำสืบว่าก่อนหน้านี้ เหลือง เคยพูดกับคนใกล้ชิดว่าอยากตาย ฯลฯ  แบบ นี้พอจะช่วยให้แดง พ้นผิดได้ไหมครับ จากคุณ : มารรังไข่อวตาร (ซาโนสุเกะ) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:29:33

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่ากรณีเผากระท่อมน่ะเป็นเรื่องสำคัญผิดนะครับ คือโจทย์บอกว่าอาสามานอนแทน ข เลย ไอ้มือเผาก็นึกว่าเป็น ข เลยเผาซะ  อ้างว่าสำคัญผิดฆ่าผิดคนไม่ได้ ตาม ม.61 จากคุณ : แก้มอ้น เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:39:23

ความคิดเห็นที่ 29 ก ใช้หนี้เงินบางส่วน จะตกเป็นผู้ผิดนัดในหนี้ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้หรือไม่ จากคุณ : แก้มอ้น เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:43:03

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วใครจะรู้ล่ะว่า ค. อยากตาย ??? จากคุณ : เพ็ชรสามสี1 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 20:51:48

ความคิดเห็นที่ 31 ถึงความเห็นที่ ๒๗ น่าจะปรับเป็นเรื่อง ๖๑ มากกว่า ๖๐ นะครับ ในส่วนของผู้กระทำ จากคุณ : boxxcatt เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 21:31:46

ความคิดเห็นที่ 32 อืม ในทางปฏิบัติเหรอ เหมือนเคยมีกรณียายคนหนึ่งกระโดดจากรถเมลล์ให้รถยนต์ชนตาย แล้วคุณหมอชื่อดังคนหนึ่ง แกไปสืบมาได้ว่า ยายป่วยเป็นโรคร้ายอยากตาย เคยมีประวัติทำร้ายตัวเองหลายครั้ง แกก็เลยประสานตำรวจไปสอบปากคำลูกหลาน ก็ได้ความลักษณะเดียวกัน สุดท้ายคนขับรถก็เลยรอดไป เป็นกรณีนานแล้วครับ เกือบ 10 ปีแล้ว เลยไม่มีคำพิพากษามายัน  แต่น่าจะพอตอบคำถามเรื่องเจตนาภายในได้นะครับ พอจะเป็นแนวทางสืบว่างั้น จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 10:29:09

ความคิดเห็นที่ 33 และรู้ได้ไงว่าค.อยากตาย ถึงเดินไปให้รถชนตาย คนขับรถยังดดนข้อหาด้วยครับ จากคุณ : อ่อน (augaug) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 11:01:13