Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"แพะทางสังคม" อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ คนดี ท้อใจ.. ติดต่อทีมงาน

ยาวหน่อยนะครับ...........เรื่องจริง ที่เกิดกับผม.. ผมมีบ้านเช่าเป็นห้องแถว 4ห้อง ห้องริมสุดเขาเป็นร้าน โทรศัพย์มือถือ มีอยู่วันหนึ่ง เขาและครอบครัวจะเดินทางเข้า กทม. แล้วภรรยาเขาได้ทำกระเป๋าสะพายหล่นจากรถ เขาไม่รู้ตัว จนเขาเิดินทางออกไปได้ประมาณ 15 นาที ..
 
 ในเวลาที่เขารู้ตัวว่าทำกระเป๋าตังหล่น เขาก็ได้โทรมาหาผมว่า ให้ช่วยวิ่งไปดูกระเป๋าให้หน่อยว่าตกอยู่หน้าบ้านเขา ผมในเวลานั้นกำลังนั่งเ่ล่นเน็ตอยู่ในบ้าน(นั่งเล่นอยู่ก่อนที่เขาไปอีกคือไม่ได้ออกไปมองหน้าบ้านเลย) พอผมวิ่งออกไปก็ได้เห็นโทรศัพย์มือถือ ตกอยู่1เครื่อง ผมก็บอกเขาซึ่งถือสายอยู่

 "ผมเจอโทรศัพย์ครับไม่เจอกระเป๋า" เขาก็วานให้ผมช่วยเดินหาบริเวณนั้นผมก็เดินหาก็ไม่เจอ ผมบอกให้เขารีบกลับมา พอเขากลับมา ผมก็ช่วยเขาหากระเป๋ารอบบ้านเลย ก็ไม่เจอ สรุปว่าหายแน่ๆ เพราะ ห้องแถวนี้มีคนพลุกพล่านเข้าออก เพราะมีทั้งร้านเกมส์ ร้านขายหมู และบ้านผมเป็นร้านค้า
 
 ทรัพสินย์ ที่หายเขาบอกว่า มีทั้่งเิงินและทอง ซึ่งเขาจะเอาติดตัวไม่ไว้บ้าน เวลาออกไปธุระ รวมมูลค่ากว่าแสนบาท ภรรยาเขาร้องไห้ใหญ่เลย ผมยังนึกเสียใจเลยว่า ผมมัวแต่นั่งเล่นเน็ตในบ้านไม่ค่อยออกมาดูหน้าร้าน เผื่อจะได้เห็นตอนของหล่น จะได้ช่วยเก็บไว้ทัน

 หลังจากของหายได้ 1วัน ทางสามีคนของหาย ได้ไปเอากล้องวงจรปิด ของร้านค้าฝั่งตรงข้ามเยื้ัองๆกัน มาเปิดดูแต่โชคร้ายที่โดนต้นไม้บังจนไม่เห็นคนที่หยิบกระเป๋าได้ ผมก็ช่วยเขาดูว่ามีใครเข้าออกจุดเกิดเหตุบ้าง

 เวลาผ่านไปได้ 5วัน ผมจำเป็นต้องไปบ้าน ภรรยา ซึ่งจะมีงานบวชญาติ ที่ในตัวเมือง พอผมได้ไปถึงบ้านภรรยา ในเวลาประมาณ 2ทุ่ม สามีของผู้ของหาย ได้โทรมาหาผม บอกว่า "เขาได้หลักฐานใหม่ให้ช่วยไปดู ผมก็บอกว่าไปไม่ได้ ต้องอีก 2วันถึงไปได้เพราะติดงาน...

 ต่อมาอีกชั่วโมง แม่ผมโทรมา่บอกว่า "เกิดเรื่องแล้วให้รีบลงมาเรื่องของหาย ผู้ต้องสงสัย คือผม... ผมก็ต้องรีบกลับด่วนเดี๋ยวนั้นเลย..

 ภรรยาผมร้องไห้ใหญ่เลยไม่เคยเจอเหตุการแบบนี้แถมต้องทิ้งงานบวชกลับไปเคลียตัวเองให้บริสุทธิ์

 ตลอดเวลาที่ผมขับรถกลับผมก็คิดในใจและก็ปลอบภรรยาตลอดว่า คงเป็นไปไม่ได้อาจจะเข้าใจอะไรผิดหรือ สื่อสารกันผิดเพี้ยน เรารู้ตัวว่าเราบริสุทธิใจ และไม่ใช่คนที่เอาของเขาไป

 พอถึงบ้าน ผุ้ของหาย ก็มีญาติผองพี่น้องของผู้ของหาย อยู่กัน ราว6-7คน และมีแม่กับพ่อผมด้วย รอที่จะคุยกัน พอถึงที่ สิ่งแรกที่ผมเจอคือแม่ผม ให้ผมเดินไปหาเขาแล้ว ก็บอกกับผมอย่างหนักแน่นว่า "บอกกับแม่ตรงๆ อย่าโกหกแม่มองตาแม่ ลูกอยากให้แม่ตายไหม ถ้าลูกเอาไปบอกกับแม่เลยว่าเอาไป เพราะแม่สาบานไว้แล้วว่า ถ้าลูกไม่พูดความจริง ขอให้แม่ตาย ภายใน 3วัน7วัน"....(ซึ่งตอนหลังถึงรู้ว่าแม่แค่ขู่ไม่ได้สาบานจริง)

 ผมถึงกับอึ้งไปเลย ไม่รู้ว่า ก่อนหน้าที่ผมมาถึง คุยอะไรกัน อารมณ์ไหนกันมาก่อน.. แต่ผมก็ตอบไปอย่างหนักแน่นว่า "แม่ไม่ต้องกลัวแม่ไม่เป็นอะไรแน่นอน เพราะผมไม่ได้เอาของเขาไปจริงๆ"

 "แม่ผมยิ้มแล้วก็พูดว่า นี่สิ ลูกแม่"...

 ต่อจากนั้นผมก็ได้หันมาคุยกับ คนสามี ว่าเรื่องเป็นอย่างไร เขาเล่าว่า หลังจากที่ผมได้เิิดินทางออกจากบ้านไปบ้านภรรยา ได้มีคนที่ทำงานไปรษณี โทรมาบอกว่าได้เปิดตู้เจอกระเป๋าตังของเขา อยู่ในนั้นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมออกไปบ้านภรรยาซึ่งอยู่ในอ.เมือง ของก็ถูกส่งที่ อ.เมือง เปิดดูเจอแต่บัตรต่างๆและก็เบอร์โทรติดต่อเลยโทรมาบอกให้ไปรับ

 เขาบอกว่าเป็นหลักฐานอย่างดีในการเปรียบเที่ยบ ลายนิ้วมือของคนร้าย เขาบอกว่าทางตำรวจถามว่า "ใครเจอโทรศัพย์ที่ตกอยู่เป็นคนแรก" คนนั้นเป็นผู้ต้องสงสัย อันดับ1 รวมทั้งบุคคลต่างที่อยู่ในกล้องวงจรปิด และผุ้ที่อยู่ไกล้จุดเกิดเหตุ รวม 5คนด้วย

 เขาบอกว่าขอเราช่วยให้ความร่วมมือในการให้ลายนิ้วมือกับตำรวจที่ โรงพักด้วย ผมก็ตอบว่า ได้...

 แต่..เรื่องไม่จบแค่นั้น...ภรรยาเขาบอกว่า เพื่อความสบายใจของเขา เขาอยากให้ผมช่วยทำการ จุดธูปสาบานว่า ไม่ได้เอาของของเขาไปจริงๆ.. ผมก็อึ้งไปเลยที่อึ้งก็เพราะว่า ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือ สาบานเพื่อ อะไร เขาบอกว่าเพื่อให้เขาสบายใจ ว่าเรากล้าสาบาน เขาบอกว่าจะให้ ผู้ต้องสงสัยทุกคนสาบานเหมือนกัน ...

 เรื่องก็เริ่มจะโกลาหลขึ้นมาเมื่อ แม่ผมเขาเสียงดังขึ้นมาว่า จะต้องให้สาบานทำไม ในเมื่อหลักฐานทางกฎหมายก็มี เราก็จะให้ความร่วมมือ ....

 ในตอนนั้นก็เริ่มถกเถียงกัน .. ทางแม่ของผู้ของหาย พูดออกมาว่า "จะให้ทุกคนทำเหมือนกัน ใครคนไหนไม่กล้า "สาบาน" แสดงว่า "คนนั้น" เป็นคนเอาของไป

 และก็ตามด้วย พี่สาวของผุ้ของหาย ซึ่งเป็น "ร่างทรง" ก็เริ่มมีเหมือนเข้าทรง แล้วตะโกนขึ้นว่า "ถ้า-ึงเป็นลูกผู้ชายจริง ถ้า-ึงไม่ได้เอาไปจริง-ึงต้องกล้า สาบาน".....
   
 ก็โกลาหลกัน พักหนึ่ง จนผมต้องยอมทำ ทั้งที่ไม่อยากทำ..... เพราะอะไรผมถึงไม่อยากสาบาน ลองฟังความคิดผมนะ...

 "การสาบาน"ผมไม่เชื่อว่าจะจับคนกระทำผิดได้ 100 เปอร์เซนต์ ลายนิ้วมือ เปอร์เซนต์เยอะกว่า"

 "การผิดคำสาบาน(เอาไปแล้วว่าไม่เอา) แล้วจะให้มีอันเป็นไปต่างๆนา ..ผมเชื่อว่า คนเรา มันมีโอกาส ที่จะ "ซวยกันได้" เช่น ผมซึ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าผมไม่ได้เอาไป สาบานวันนี้ วันพรุ่งนี้ผม ป่วย หรือ หมา หมู งู ตุ๊กแก กัด ผมก็จะถูก กล่าวหา ว่า พูดผิดคำสาบานนั้นซิ..

 "การสาบาน น่าจะเกิดขึ้นได้ และพอรับได้ต่อเมื่อ เรื่องทางตำรวจ จบแล้ว ไม่สามารถ หาตัวคนร้ายได้ ต่างหาก ควรจะทำตอนนั้น"

 สุดท้ายผมก็ ยอมสาบาน ต่อหน้า ศาลที่อยู่บ้านเขา โดยมี ผู้ของหาย กำกับประโยคคำสาบานด้วย ว่า ต้องให้ตาย "ภายในสามวันเจ็ดวัน"............

 ...............

 ...................
 
 ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,




 " สาบานเพื่อความสบายใจของเขา "..............  แล้่้วใจผมหล่ะ..ใจแม่ผม ใจพ่อผม ..ใจภรรยาผมหล่ะ...  หรือ พวกผมไม่มี "หัวใจ"

.................................................................
                   ทั้งหมดคือเรื่องจริง "ผมขอสาบาน"

................................

 เรื่องยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ... มีคลิปเสียงตอน โกลาหล ตอนสาบานด้วย... ถูกใจช่วยโหวตนะครับ

  กำลัง อัพ คลิปเสียงอยู่

 
 

จากคุณ : dragonjack
เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 16:47:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com