ความคิดเห็นที่ 1 พ่อของผู้ตาย ยกให้ผู้ตาย พ่อของผู้ตายยังอยู่ไหมครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:25:48

ความคิดเห็นที่ 2 ง่ายๆนะ.. จ้างทนายได้แล้ว ถามมา.... ตอบไป กลับไป มีข้อเท็จจริงเปลี่ยนอีก ตอบไปเดี๋ยวมีมาเพิ่ม เรื่องแบบนี้ความเสียหายมีมาก ลำพังจะถามในนี้โดยที่ไม่เห็นเอกสารใดๆเลย ตอบไปก็ได้ไม่ครบ อีกอย่าง คนถามจะถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย แต่ขอ้เท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น ไม่รู้ หรือ รู้ แต่บอกไม่หมด สรุป จ้างทนายได้แล้วครับ จบข่าว จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:36:08

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^                                 จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 17:13:04

ความคิดเห็นที่ 4 ตามความเห็นเรา คุณไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินตามสิทธิของคุณ ฝ่ายที่เสียหาย ต้องเป็นฝ่ายไปร้องต่อศาล ศาลจะพิจารณาเองว่า สิทธิเป็นของใคร ถ้าเป็นของเขา คุณก็ไปฟ้องร้องเอากับผู้ขายต่อไป จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 18:29:24

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม คห 4 ก็ดีนะครับ เพราะ ชื่อที่ดินนี้เป็น ของคุณแล้ว คุณก็ทำตาม คห 4 ได้นะครับ แล้วพอ ผู้เสียหาย เขาไปฟ้องร้อง ตอนนั้น คุณ ค่อยจ้างทนายก็ได้ ครับ ใจเย็นๆ ก่อนก็ได้ นะครับ 555+ เพราะ ชื่อในโฉนด ตอนนี้ ก็ชื่อคุณแล้ว โอนก็โอนที่ กรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ถ้า เขาจะฟ้อง คุณ เดี๋ยวหมายศาลมาติดบ้านคุณเองนะครับ 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 20:53:00

ความคิดเห็นที่ 6 ผมขอเรียนถามอีกสักเล็กน้อยครับ ว่า สินสมรส กับพินัยกรรม ที่ยกทรพย์สินให้ตกเป็นของหลานเลย อย่างไหนสำคัญกว่าครับ? จากคุณ : Staphylococcus aureus เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 21:13:30

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไม่มี ความรู้ ครับ อันนี้ ต้องถาม ทนาย ครับ 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 22:04:57

ความคิดเห็นที่ 8 มันไม่มีอันไหนสำคัญกว่า มันมีผลทั้งสองอัน ถ้าเป็นสินสมรส คือ ต้องแบ่งครึ่งก่อน ส่วนของผู้ตายครึ่งหนึ่ง สามีครึ่งหนึ่ง ผู้ตายยกให้หลานได้เฉพาะส่วนตน คือ ครึ่งเดียวเท่านั้น ไปยกให้ทั้งหมดไม่ได้ ยกเว้น ที่ดินดังกล่าว เป็นสินเดิม คือเป็นส่วนที่ผู้ตายได้มาจากมรดก (คือ ไม่ได้ซื้อมาระหว่างการสมรส) ที่ดินก็จะเป็นของผู้ตายทั้งหมด ยกให้หลานได้ทั้งหมด ถ้าศาลสั่งให้เป็นของเขา (โดยที่ที่ดินเป็นสินสมรส) แล้วคุณต้องการที่ดิน คุณก็อาจไปเจรจากับหลาน ขอซื้อส่วนที่เป็นครึ่งหนึ่งนั้น แล้วไปฟ้องคนขายเฉพาะส่วนที่คุณต้องจ่ายเพิ่มให้หลาน ปล. มาเพิ่มหน่อยนึง เพิ่งนึกออกว่า ที่ดินน่าจะเป็นสินเดิม หรือสินส่วนตัว เพราะไม่งั้นผู้ตายคงไม่สลักหลังว่า อนุญาตให้ผู้ขายอยู่ได้ไปตลอดชีวิต แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 07:17:01 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 54 06:58:45 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 06:53:10

ความคิดเห็นที่ 9 ให้ข้อแนะนำเตามข้อเท็จจริงที่คุณ..Staphylococcus aureus ..ให้มา เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นก่อนไปหาทนายความ 1.ที่ดินเป็นสินส่วนตัวของภรรยา ดังนั้นพินัยกรรมยกที่ดินให้หลาน จึงมีผลสมบูรณ์ หลานได้กรรมสิทธิ์ทันทีที่เจ้ามรดกตาย   และในฐานะเช่นนี้การได้ที่ดินของหลานจึงเป็นการได้มาซึ่งอสังหาในทางมรดก เมื่อยังไม่จดทะเบียน  จึงยังไม่สมบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ์ แต่หลานอยู่ในฐานะผู้มีสิทธิ์จดทะเบียนสิพธิ์ในที่ดินได้ก่อนคนอื่น  ซึ่งผลก็คือ หลานมีสิทธิ์ร้องต่อศาลเพื่อขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินระหว่างผู้จัดการมรดกกับคุณ..Staphylococcus aureus ..ได้ 2.บ้าน ที่สร้างขึ้น เป็นทรัพย์สินที่ไมระหว่างสมรส จึงตกเป็นสินสมรส    สามีจึงมีส่วนครึ่งหนึ่ง   ซึ่งส่วนนี้ภรรยาจะทำพินัยกรรมยกให้ใครไม่ได้      อย่างไรก็ตาม บ้านก็เป้นส่วนควบของที่ดิน ดังนั้นแม้หลานได้รับมรดกที่ดินและบ้าน ซึ่งเป็นส่วนควบ   แต่ส่วนของสามีในบ้านนั้นยังมีเหมือนเดิม และเท่าเดิม 3.ข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ว่า..ตราบใดที่สามี(ก็คือผู้ขาย) ยังไม่แต่งงานใหม่ ให้สามีมีสิทธิในการพักอาศัยได้ตลอดชีวิต.. ก็มีผลบังคับผู้รับพินัยกรรมที่ต้องให้สามีอยู่ได้ ไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในพินัยกรรมแต่อย่างใด 4.การขายโดยที่ดินของสามี ไม่เป้นโมฆะ  เพียงแต่อยู่ในฐานะที่จะถูกเพิกถอนได้  เมื่อเพิกถอนที่ดิน+บ้าน ก็กลับไปเป็นมรดก ซึ่งหลานก็มีสิทธิ์ในฐานะผู้รับพินัยกรรม  ส่วนคุณ..Staphylococcus aureus .. ก็มีสิทธิ์เรียกเอาเงินที่จ่ายไปคืน ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : สนเดียวดาย เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 14:36:03

ความคิดเห็นที่ 10 การตอบจะไม่ถูกต้องหากข้อเท็จจริงไม่กระจ่าง เรื่องนี้ต้องกลับไปอ่านพินัยกรรมให้ดีก่อนนะ อันนี้สำคัญ ให้ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินดูก่อนได้ เพราะถ้าเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างพินัยกรรมก็ต้องเอามาแสดงและเก็บสำเนาภาพถ่ายไว้ที่ในสารบบที่ดิน แต่ถ้าเป็นการร้องศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกโดยอ้างว่ามีพินัยกรรม ก็ต้องระบุไว้ในคำสั่งศาลแน่นอน และวิธีปฏิบัติกรณีโอนมรดกที่ดิน นั้นเจ้าหน้าที่ต้องถามว่ามีพินัยกรรมหรือไม่ หากมีก็ต้องทำตามพินัยกรรมก่อน หากพินัยกรรมยกให้หลานคนเดียว ก็ต้องทำการโอนให้หลานเท่านั้น จะไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ไม่มีเหตุอ้างว่าต้องจัดแบ่งมรดกเพราะ มีทายาทคนเดียวรับที่ดินแปลงนี้ หลานจะขายหรือจะทำอย่างอื่นต่อ ก็ต้องทำการโอนมรดกเป็นชื่อเขาก่อน เรื่องนี้ถ้าตีความจริงๆ สามีมีสิทธิอาศัยในบ้านต่อไป เขาก็มีสิทธิจดทะเบียนสิทธิอาศัยได้ และหลานคงขายไม่ได้หรอกเพราะถ้ามีคนอยู่ในบ้านคนซื้อก็ คงไม่ซื้อแน่ๆ เรื่องมันอาจเป็นสามีตกลงกับหลานแล้วว่าไม่อยู่อาศัยแต่ให้หลานขายไปเลย และรับเงินบางส่วนเป็นค่าตอบแทนก็ได้ (เขาไปตกลงกันเองไม่จำเป็นต้องบอกใครเลย) เรื่องราวมันเป็นได้หลากหลายอย่างที่น้าออดบอก (คือเป็นแบบร่วมมือกันโกงก็ยังได้) ส่วนเรื่องการจดทะเบียนขายนั้น คุณเป็นผู้สุจริตและเสียค่าตอบแทน ได้จดทะเบียนโดยสุจริตคุณจะต้องได้ตามที่จะทะเบียนซื้อมา แม้ว่าหลานจะอยู่ในฐานะผู้มีสิทธิจดทะเลเบียนได้ก่อนก็ตาม อันนี้มันเป็นข้อยกเว้นในกฎหมายแพ่งมาตรา 1300 "ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นอาจเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้ แต่การโอนอันมีค่าตอบแทน ซึ่งผู้รับโอนกระทำการโดยสุจริตนั้น ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนนั้นไม่ได้" จากคุณ : พนันได้ข้อเท็จจริงไม่ชัด เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 54 19:23:49 A:124.122.83.13 X: TicketID:328652