 |
ครับตอนแรกกะจะไม่ลงความเห็นเพิ่ม แต่พอดีเมือคืนดูรายการ"คุยนอกทำเนียบ" ที่ท่านดร.อดิสร(อ.จนิด้าหรือเอแบคไม่แน่ใจ) มาย้ำประเด็นนี้ และพยายามดีสเครดิตรข้อเสนอผม แล้วขมวดปมเพื่ออารักษขาฯไปตามชุดความคิดที่ดักดานอันเก่า?
ในลักษณะว่า สิ่งที่ผมนำเสนอนี้ ไม่ใช่ ?น้ำไม่ได้ถามหาห้องส้วม,ขาระบาย(น้องน้ำปีนี้ให้โจทย์ชัดจะจะขนาดนี้มันยังดักดาน) คือมันจะจะขนาดนี้ แต่เรายัง ดักดานงมโข่งกันได้ปัญญาอ่อนมาก เข้าใจว่าไม่ใช้ภาวะวิสัย(หลักวิชาการตรงมาตรงไป) แต่ติดอัตวิสัย(หรือเต๋าถ่วงชุดความดักดานอันเก่าเพื่ออารักษขาบนความีดกดานนั้น)
ผมไม่ปฎิเสธว่าผังเมืองหรือโซนนิ่ง คือตัวแปรหลักระดับต้นๆ ของปัญหาการบริหารจัดการน้ำ?(ในภาพรวม) แต่ไม่ใช่โจทย์น้ำปีนี้ ที่จะมีผลตามที่อ.คนนั้นชี้แจง จะต้องเป็นโจทย์น้ำแบบอื่น? หรือน้ำฝนพื้นที่ปกติ(ไม่ใช่น้ำเหนือไหลบ่าสะสมมวลน้ำมาระดับนี้) แม้ไม่ใช่ว่าปริมาณมวลรวมน้ำ ไม่ได้มากอย่างที่กระแสหลัก ให้ข่าว แต่เหตุที่มวลน้ำรวมทัพกันได้แล้วตีจุดยุทธศาสตร์แตก เพราะแนวตั้งรับแบบกทม.โมเดล(ปิดประตูเมืองหนีทัพอย่างเมืองหน้าด่านสำคัญหน้าที่กระจายกำลังพลมวลน้ำที่สุพรรณ) ต่างหากคือปัญหา
มวลน้ำในมวลรวมปี ต่างจากน้ำปีน้ำมาไม่มาก(แค่ต่างจากปีที่แล้วตรงที่เหนือตอนเหนือน้ำมากกว่าปีที่แล้วที่ลำปางแห้งแบบหน้าตั้งแต่ประมาณเดือนนี้) แต่ตรงนั้นมีขั้นบันได้น้ำจากระบบเขื่อน แม้เขื่อนเต็มก่อนเลยระบายมาก(บริหารผ่านเครื่องมือนี้ผิดจังหว่ะไม่ใช่เจตนา) แต่ เทียบมวลรวมน้ำปีน้ำมาก ก็ไม่ต่างมากของน้ำปีนี้สรุปว่า น้ำปีนี้แค่มากแบบปีน้ำมาก ไม่ได้มากเกินภาพที่สร้างทางสื่อกระแสสังคมเพราะต้องการโยนบาปให้ธรรมชาติ
แต่สาเหตุหลักๆคือกทม.โมเดล จนสะสมพลังมวลน้ำมาเรือ่ยๆๆๆๆๆๆ ไปอั้นขี้อั้นตดเขาเรื่อยๆๆๆๆ ไม่ให้แวะปั๊มอั้นมาพันกิโลฯผที่ออกได้เพราะขี้แตก อย่างประตูบางโสมสี หรือที่นครสวรรค์ แต่นั้นคือสาเหตุไปอั้นขี้อั้นตดจนสร้างมวลน้ำมหาศาลมันจึงขี้แตก จนสร้างเงื่อนไขแบบกองทัพได้ใจ
แต่ถ้าไม่ใช้กทม.โมเดล(กำแพงเมืองกันน้ำที่สูงบล็อกน้ำ) กระจายน้ำให้น้ำแวะปั๊มแวะเยี่วแวะขี้บ้างตามปั๊มสำคัญๆ ตามจังหว่ะน้ำปวดขี้? เช่นเมืองหน้าด่านหน้าที่กระจายมวลน้ำเพราะคือทางระบายน้ำในระบบทวารคือแนวทางสุพรรณ ไม่ใช่อั้นคนมาขี้แตกราดหัว(แนวตะวันตกปีนี้) หรือระบายออกทางผิวหนัง(แนวตะวันออกตามแผนปีนี้)
ไม่ใช่ระบายผ่านทวารมาแต่ต้น(กระจายมวลน้ำตามกลยุทธกระจายกำลังพลข้าศึกไม่ให้เข้าจุดรวมพล แบบเก้าทัพ)ความผิดพลาดหลักๆคือการใช้กทม.โมเดล คือปิดประตุเมืองหนีทัพเพราะใช้กลยุทธเดียวกับที่มั่นสุดท้ายที่เขาเน้นกำแพงเมืองสูงเพราะมีนัยยะเชิงกลยุทธสุดท้าย ไม่ใช่ให้เมืองหน้าด่านหน้าที่กระจายมวลน้ำ หรือตัดกำลังข้าศึก ไม่ให้เข้าจุดรวมพลตีเมืองหลวงได้แบบนี้
เหตุผลของเมืองหลวงแบบนี้มันจึงจะเอาไปใช้เป็นกลยุทธสำเร็จรูป"กทม.โมเดล"ตามเคืองมือหลักในการบริหารจัดการ(กัน)น้ำไม่ได้ นั้นคือเหตุผลที่มวลน้ำรวมตัวกันณ.จุดรวมพลได้จนเป็นกองทัพได้ใจ(ไม่ใช่ตัวแปรน้ำมากเกิน)
ผมจะขอตัดเข้าประเด็นโซนนิ่งและผังเมืองของอ.อดิสร จากโจทย์น้ำแบบนี้ ว่ามันต่างกันมาก กับชุดความคิดเดิมๆที่เป็นกับดักทางความคิดแบบนั้นเพื่อดีสเครดีตรข้อสเนอผม หรือการตั้งโจทย์น้ำจริงๆของน้ำปีนี้ ต่อการตอบโจทย์ให้ตรงจุด หรือข้อสอบ? แต่กระแสแบบนี้ของอ.ท่านนี้พยายามเบี่ยงเบน โจทย์น้ำปีนี้ที่จะจะมากว่าคืออะไร? น้ำให้ตอบโจทย์อะไร? แต่กระแสสังคมสื่อกระแสหลัก(แม้แต่กระแสรอง) มั่วตามกันหมด ไหลตามกระแสหรือกับดักที่ดีกดานอันนั้นหมดเลี่ยงบาลีหมด?
คือบทเรียนข้อทดสอบที่ต้องตอบจริงๆ ไม่พยายามที่จะนำเสนอหรือหาข้อมูลตามข้อเท็จจริงในโจทย์ที่ต้องตอบจริงๆ(มันกระทบโครงสร้างอำนาจโครงสร้างการตัดสินใจในสำนักคิดแบบบ้านเสาเดียวที่ผูกขาดเชิงโครงสร้างอำนาจและโครงสร้างการตัดสินใจ)
เพราะข้อเสนอผม มันสามารถหลุดพ้นปัญหานี้ได้เลย และลงมือทำได้เลยเพราะมันมีรูปธรรมแล้วทั้งการให้โจทยืและวิธีตอบโจทย์ที่ผมให้ แต่เพราะมันตีแสกหน้าของเก่าอย่างสิ้นเชิง(เพราะถ้าเปลี่ยนมันเปลี่ยนแบบหักหน้าของเก่าแบบจะจะเพราะมันเห็นภาพชัดมากในแบบนรกกับสวรรค์แล้วถ้านรกคือสิ่งที่ผูกขาด เท่ากับความชอบธรรมในการครอบงำดักดานพันธนาการอันเก่าจะเสียหายเสียความชอบธรรมทางสังคม)
เงื่อนไขแบบนี้ มันจึงมีทั้งนักวิชาการเต๋าถ่วง(แบบหลายสำนักรวมอ.ท่านนี้) สื่อกระแสหลัก ,กระแสรองเต๋าถ่วง รบ.นี้,ข้าราชการประจำ(โดยเฉพาะทหาร) เต๋าถ่วง ขาดภาวะวิสัย ต่อการตอบโจทย์ปัญหาน้ำปีนี้
จึงพยายามอารักษ์ขาความดักดานมุมน้ำเงินนี้ไว้(สังเกตุท่าทีดร.สุเมธฯณ.มุมน้ำเงินกับดร.โกร่งกางเกงแดง)ในนัยะทางโครงสร้างอำนาจที่ดักดานอันนี้ เพราะผังเมือง หรือโซนนิ่งสมมุติถ้าทำตามนั้น การย้ายนิคมฯ หรือหลายๆข้อเสนอเรื่องโซนนิ่ง(คุมกำเนิดการเกิดการตาย)
แต่เงื่อนไขคือมันเกิดไปแล้ว? แล้วการที่เราต้องบริหารอย่างที่ต้องเข้าใจเงื่อนไขพัฒนาการวิวัฒนาการ การขยายตัวที่เป็นภาคต่อจากการเกิด ที่คนเกิดแล้วต้องโตต้องมีชีวิตต้องโกออน? ไม่ใช่แนวคิดไม้ดัดฯ? คุมกำเนิดด้วยการฆ่าล้างผ่าพันธุ์ แบบสมัยยิว มันร้ายแรงระดับนั้น เกี่ยวกับแนวการย้ายนิคมฯเพื่อตอบโจทย์โซนนิ่ง หรือผังเมือง(เพราะผังเมืองถ้าตอบโจทย์จริงๆตามนั้นคือย้ายเมืองหลวง)
แต่มีสำนักคิดแบบบ้านเสาเดียว(สุดโต่งลงทางแคบมุดรูไปหายุคมนุษย์ถ้ำ) คือให้กลับไปหายุคเกษตรกรรม คือเปลี่ยนเมืองไทยกับไปตามแนวคิด"โอลไทยแลนด์" เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาน้ำ(มันบ้าดูหนังการ์ตูนหรือหนังแบ็คทูฟิวเจอร์มากไปจนเพ้อ)
เพราะมันมหาศาลมากในการหักดิบจากอุตฯไปหาเกษตรกรรมเพราะ GDP ไทย 80%คือภาคอุตฯเกษตรฯตอบโจทย์แค่สะท้อนวิถีชีวิตอัตลักษณ์ดั่งเดิม และถ้าแนวคิดนี้ถูกขยายผล(เป็นได้เพราะคือต้นแบบมุมน้ำเงินที่คุมเชิงโครงสร้างอำนาจการตัดสินใจไว้ถึง80%) ตามต้นตอแบบบ้านเสาเดียว(อนุรักษ์สุดโต่งลงทางแคบสมถะพอเพียง) ที่เถียงความจริงโลกยุคโลกาฯที่เราต้องปรับตัวให้อยู่ในระบบนิเวศน์โลก อย่าง"สมดุล"("พอดี" )ไม่ใช่"พอเพียง"(สมถะ)หรือ"คอเอียง"(เมืองไทยวาทะกรรมพอเพียงจริงๆมันไปทางคอเอียงหรือลำเอียงมากกว่า)ต่อทั้งด้านมืดด้านสว่างของโลกาภิฯมัน
ดังนั้นแทนที่จะตอบโจทย์เชิงผังเมือง หรือโซนนิ่งตามที่อ.ว่า? แต่คุณเพียง สร้างตามต้นในการออกแบบทางน้ำแบบการกระจายน้ำ และทางด่วนน้ำออกแบบระบบบริหารจัดการน้ำให้ครบสามก้อนเส้าหรือครบขา? ไม่ใช่ก้อนเส้าสองก้อนแบบนี้
เพราะถ้าตามต้นแบบผม นิคมอุตฯ แนวชุมชนฯที่คาดว่าต้องย้าย หรือเมืองหลวง(ที่ถ้าเอาจริงตามนั้นต้องย้ายตาม และหรือปรับวิถีชีวิตให้กลับไปสู่ยุคเกษตรกรรม(เพื่อตอบโจทย์ปัญหน้ำมิติเดียว) ล้มความคิดไปได้เลยเพราะมันตอบโจทย์นี้ไปแล้วในต้นแบบผม
มันบ้าเสียสติไปแล้ว(ทำยังกับสมัยเกษตรกรรมน้ำไม่ท่วม มันท่วมกว่านี้มันไม่เกี่ยวกับตรงนี้) เพราะหลักคิดแบบนี้เหมือนย้ายเมืองหลวงเพื่อหนีขี้(น้ำท่วม)กองเดียวปีเดียว? หรือแก้ปัญหาแบบคนเป็นหวัดคัดจมูก ตรงไหน?มันสูดหายใจไม่สะดวก ตัดมันออก(ตัดจมูกแก้ไขปัญหาขี้มูกไหล) มันเป็นชุดความคิดที่ไร้สาระมาก???
แทนที่คุณจะแก้ไข เชิงโครงสร้างการบริหารจัดการปัญหาน้ำในการออกแบบทางน้ำไหล? แก้จุดนี้นิดเดียว? เปลี่ยนประเทศไทยเลยครับ เพราะเนื้อหา ถ้าแก้ตรงจุดหรือ ต้นน้ำของปัญหาหรือดับปัญหาที่เหตุไม่ใช่มีดคือเครื่องมือบริหารจัดการได้ทุกเรื่อง เช่นถ้าไม่ตัดอวัยวะก็คือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยการตัดคอ???
ที่ใครติงว่างบมหาศาล ผมฟันธ.ว่าเอาแค่ความเสียหายที่มันแก้โจทย์ไม่ตรงปีนี้ปีเดียว สร้างโครงการต้นแบบเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยตามต้นแบบผม ได้สองชุด?(ความเสียหายปีเดียวนี่ละ) แล้วถ้าเทียบกับงบที่ตำน้ำพริกละลายฯ ผ่านความผิดพลาดมาหลายสิบปี(แล้วยังไม่ใช่ว่าจบปีหน้าปีไหนถ้ายังติดกับดักอันนี้ก็ยังตำน้ำพริกละลายแม่น้ำต่อไป)
และ,หรือ เทียบกับผลกระทบที่ต้องย้ายนิคมฯ(ความเชื่อมั่นเพราะเขาต้องมองว่าเมืองไทยจะปรับจากอุตฯ ไปหาโอลไทยแลนด์ๆไม่เอาพวกเขาแน่ๆ) ผลกระทบในการย้ายฐานผลิตหนีไปที่อื่น มหาศาล
นี่ไม่รวมสมมุติต้องย้ายกทม.(แม้กทม.ต้องคุมกำเนิดก็จริง) แต่วิธีคิดเพื่อตอบโจทย์น้ำปีนี้ให้ได้ ไม่ใช่แค่คุมกำเนิด? แต่ต้องฆ่างล้างเผ่าพันธ์(เวรคืนมหาประลัยวายวอด)จึงจะตอบโจทย์แบบนี้ของอ.ท่านี้ได้ (แต่ถ้าทำตามที่พูดในรายการไม่มีทางไม่ใช่โจทย์น้ำปีนี้)
นี่ไงครับ คุณแค่เป็นหวัดแต่ข้อเสนอในทางออกของพวกคุณคือให้ตัดจมูกทิ้ง เพราะเป็นหวัดหายใจไม่สะดวก? มันโง่ระดับนั้นจริงๆในข้อเสนอทางนี้ ทั้งที่ผมชี้ทางสว่าง ให้หลุดพ้นได้แล้ว นั้นคือการให้ยาลดน้ำมูก(ออกแบบขาระบายตามแนวคิดให้ครบก้อนเส้าสามก้อน) เพราะน้ำปีนี้ถามเรื่องนี้ ที่ต้องตอบไม่ใช่เลี่ยงบาลีไร้สาระแบบนักวิชาการเต๋าถ่วง ท่านนี้ เทียบผลกระทบระหว่างตัดจมูก เพื่อลดน้ำมูก(ไม่ใช่ว่าจบด้วยจะเละ?บานปลายแบบน้ำปีนี)
กับข้อเสนอให้ทานยาลดน้ำมูกของผม? ถ้าใครทหรือคนไทยคนไหน?ไม่เอาส้งทีนคิดหรือติดกับดักอันนั้น??? จะเห็นภาพว่านรกกับสวรรค์อยู่ตรงไหน น่ะฟายไท???
จากคุณ |
:
อะตอม (ขอชื่ออะตอม)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 พ.ย. 54 12:05:55
|
|
|
|
 |