ความคิดเห็นที่ 1 ขอแนะนำจากประสบการณ์ตัวเองนะคะ เคยเป็นพวกชอบซื้อแหลกเหมือนกัน แต่ตอนหลังพอเริ่มหันมาสนใจธรรมะมากขึ้น ความอยากตรงนี้ลดลงไปค่ะ คือเหมือนกับว่า เรามีสิ่งที่สนใจจริง ๆ มังคะ เรื่องอื่นเลยรองลงไป ถ้าอยู่เมืองไทยจะแนะนำให้ซื้อสลากออมสินค่ะ หรืออื่น ๆ ที่ทำให้เรามีเป้าว่า กี่ปี เราจะเก็บเงินให้ได้เท่าไหร่ เพื่อทำอะไร สุดท้าย ให้ออกไปเป็นอาสาสมัครค่ะ ดิฉันก็เป็นพวกประเภทมีชีวิตไปวัน ๆ เหมือนกันค่ะ คือตายตอนนี้ก็ไม่มีห่วงอะไร แต่ดิฉันคิดว่า ทุกวันนี้ที่อยู่เพื่อทำประโยชน์ค่ะ เผอิญอาชีพที่ทำอยู่เป็นอาชีพทำประโยชน์ให้สังคมอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกภูมิใจ แต่หากคุณไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ ไปหางานอาสาสมัครเพื่อสังคมสิคะ ที่ดิฉันแนะนำไป อาจไม่สามารถเพิ่มชีวิตชีวาและสีสันให้กับชีวิตคุณเจ้าของกระทู้ได้ แต่รับรองว่ามีความสุขค่ะ ลองดูนะคะ จากคุณ : ptira เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 05:49:35

ความคิดเห็นที่ 2 นิสัยซื้อแหลก.... ลองแก้ด้วย "เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ"   ลดได้เยอะเหมือนกันค่ะ จากคุณ : sakulna เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 07:06:47

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอครับ จากคุณ : FireFox_GTC เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 07:43:14

ความคิดเห็นที่ 4 ชนิดนี้เขาเรียก  ชีวิตที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง ขาดอย่างเดียว  อนาคต จากคุณ : rusifer เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 08:52:36

ความคิดเห็นที่ 5 ตั้งแต่โตมา รู้จักอะไรมากขึ้น ความคิดบวกๆไม่ค่อยมีแล้วค่ะ เหอๆๆ ^^ ขอท้าวความ ตอนที่ยังไม่โตได้ไหมคะ ?? เพราะเมื่อก่อน ชอบมีคนบอกว่า เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆ แต่เราก็ไม่เคยยอมรับนะ ว่าเรามองโลกในแง่ดี เพราะเราคิดว่า เราเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนดี แต่พอเราโตขึ้นมา โตขึ้นมา มาย้อนๆดูเมื่อก่อน เราก็เริ่มคิดเหมือนเพื่อนๆแล้วล่ะ ว่าเมื่อก่อน เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆจริงๆ >< --- ตอนนี้ เราก็เลย พอจะแยกออกแล้วล่ะ ว่าคนที่มองโลกในแง่ดี (คิดบวก) กับคนคิดไม่บวก มันต่างกันอย่างไร เราจะขอท้าวความ(เพราะตอนนี้ เราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วอ่ะ) เมื่อก่อน เราจะเป็นคนที่ ไว้ใจคนมากๆ เราชอบคิดว่า คนที่พูดโกหก ไม่มีในโลกความเป็นจริงหรอก มีแต่ในละคร (ตัวเราเอง ไม่เคยโกหกใครเลย แม้แต่นิดเดียว) เมื่อก่อน เราจะชอบคิดว่า คนๆหนึ่งจะมาขโมยของคนอื่นเนี่ย มันไม่มีในโลกความเป็นจริงหรอก มีแต่ในละคร (เพราะถึงจะมีในโลกความเป็นจริง เขาก็ต้องมีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น เช่น อาจจะไม่มีเงินกินข้าว ต้องขโมยไปช่วยแม่) เมื่อก่อน เราจะชอบคิดว่า สิ่งที่เป็นด้านลบๆอ่ะ พวกเรื่องไม่ดีอ่ะ ไม่มีในโลกความเป็นจริงหรอก ^^ มีแต่ในละคร ^-^ ที่เราคิดแบบนั้น เราเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบนั้น เพราะเราไม่เคยทำร้ายหรือคิดร้ายใครเลย ไม่เคยโกหก ไม่เคยลักขโมย และคนรอบๆตัวเรา พ่อแม่ พี่สาว และเพื่อนๆ ก็เป็นคนดีๆไม่เคยโกหก ไม่เคยคิดร้ายใคร ---- จนกระทั่ง เราเข้ามหาลัย เราเคยโดนเพื่อนทำร้าย(เรื่องผู้ชาย เราไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นนะ คนนั้นมาชอบเรา แล้วคนนั้นมันหล่อ ผู้หญิงชอบมันเยอะ) เราไม่อยากเชื่อเลยว่า จะมีเพื่อนแบบนี้ในโลกใบนี้ด้วย O.O เพื่อน ที่ทำร้ายเพื่อน เพราะ ผู้ชาย.. แล้วต่อๆมา ของเราหาย กล้องหาย เงินหาย มือถือหาย (เพราะเราเป็นคนที่ ไว้ใจคนมากๆ เราไม่เชื่อว่า คนที่ลักขโมยจะมีอยู่ในโลกความจริง นึกว่ามีแต่ในละคร) พอของเราเริ่มหายบ่อยๆ เราก็เริ่มรู้ว่า.. เออ มันมีในโลกความจริง จริงๆด้วย >< แล้วปีต่อมา เราก็โดน โกงเงิน ยืมไม่คืน หลอกให้เราไปฟัง Amway ซื้อครีม .. โห.. สารพัดจะโดนหลอก O.O เพื่อนๆบอกว่า เราอ่ะ เป็นคนที่ปฏิเสธคนไม่เป็น ก็เลยโดนหลอกง่าย ---- พอเรียนจบมา เราเริ่มชอบดูข่าวสารบ้านเมือง (เมื่อก่อน เราโลกแคบมากนะ ไม่ชอบดูข่าว) เมื่อก่อน เราไม่รู้จักคนในราชวงศ์เลย เรารู้จักแต่ พระเจ้าอยู่หัวกับพระราชินี (เราเคยเขียนเรียงความชนะเรื่อง พระเจ้าอยู่หัวด้วยนะ ^^ ประวัติของพระองค์ และพระราชกรณียกิจต่างๆ) แต่เราไม่รู้จัก ลูกๆหลานๆของพระองค์เลย จนเพื่อนเรา มาเล่าให้เราฟัง ว่า คนนี้เป็นลูกชาย คนนี้ลูกหญิง คนที่เท่านี้ เท่านี้ (เมื่อก่อนเราเคยได้ยินแต่ชื่อ แบบว่า ชื่อคุ้น แต่ไม่รู้จัก ฮ่าๆๆ ^^) เดี๋ยวคนจะหาว่าเรา โง่ สมัยก่อนเราเรียนเก่งมากนะ เรียนได้ 4.00 เลย ตอนมัธยม แต่มหาลัยไม่ได้หรอก ได้แค่ 3 ^^ แต่เราจะชอบพวกเรื่อง อวกาศ จักรวาล (เมื่อก่อนนะ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องทางโลกสักเท่าไหร่ ><) ต่อมา เราก็เริ่มดูข่าวการเมือง จากที่เฉยๆ ก็เริ่มดู (สงสัยมันแก่แล้วด้วย เลยเริ่มดูข่าว) แล้วตังแต่ดูข่าวการเมือง เราก็ไปตระเวนอ่านประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อนๆที่เรียนๆด้วยกันมา ใสๆซื่อๆ ก็มาเล่าให้ฟัง กว่าจะย้ายเข้าจังหวัดตัวเองได้ ต้องใช้เส้น ยัดเงิน เท่านี้ๆๆๆๆ ทุกวันนี้.. เรากลายเป็นคนละคนกับอดีตเลยนะ >< เรารู้สึกว่า คนขี้โกง คนทุจริต เรื่องชั่วๆ มันเยอะมากจริงๆ!! แล้วเราก็ เปลี่ยนไป ^^ กลายเป็นคนที่ มองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น (แต่ก็ไม่เชิงว่าร้ายไปซะทุกเรื่องนะ แค่มองในแง่ร้ายมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ.. เมื่อก่อนนี้ ไม่มีความคิดลบๆในสมองเลยล่ะ) อิอิ ^^ ป้าแก่แล้ว ชอบเล่าเรื่องสมัยก่อนย้อนหลัง โทษทีจ้าาา ยาวไปหน่อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ^^ จากคุณ : mooesha เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 08:55:37

ความคิดเห็นที่ 6 ฝากถึงคุณ จขกท นะคะ เราพูดจริงๆนะ ไม่ได้พูดเล่น เราอยากให้คุณ ศึกษา ธรรมะของพระพุทธเจ้า ประวัติของพระพุทธศาสนา แล้วคุณจะรู้ว่า พุทธ ไม่ใช่ศาสนา แต่.. เป็นสิ่งประเสริฐที่พระพุทธเจ้า ค้นพบ แล้วชีวิตคุณ จะมีค่า มีค่า มากกว่าที่เป็นอยู่นี้นะคะ ^^ แล้วถ้านั่งสมาธิได้ด้วยยิ่งดี ^_^ ถ้าคุณนั่งสมาธิด้วย จะได้เห็นว่า โลกนี้ มันไม่ใช่มีแค่โลกนี้ มันมีมิติอื่นๆ มันมีสิ่งที่อยู่ก่อนหน้าเรามาเกิด และมีสิ่งที่อยู่หลังจากเราตาย เราเรียกว่า สิ่งที่อยู่ก่อนหน้า และหลังจาก เพราะ... มันไม่ใช่แค่ นรก หรือ สวรรค์ มันซับซ้อนกว่านั้นมากๆ นรกสวรรค์ มันเป็นแค่ "ด่านแรก" ก่อนที่จะไปสู่ด่านต่อไป คนเราไม่ได้เกิดมา ภพชาติเดียว ตายไปเราจำภพชาติก่อนตายได้ แต่เราจะไปจำภพชาติอื่นๆได้ด้วย หลังจากที่เราผ่านชั้นนรกสวรรค์ ซึ่งมันซับซ้อน และคุณสามารถ เห็นสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง เมื่อคุณนั่งสมาธิ ค่ะ ^^ จากคุณ : mooesha เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 09:04:43

ความคิดเห็นที่ 7 การนั่งสมาธิ จะทำให้เรา ศึกษา ความจริง ได้มากกว่าการศึกษาวิทยาศาสตร์ค่ะ ^^ เพราะเราจะได้ไปรู้ ไปเห็น สิ่งที่อยู่ก่อนหน้าเราจะมาเกิด และสิ่งที่อยู่หลังจากที่เราตาย เราจะได้รู้ว่า เราเป็น"อะไร" มาเกิด"ทำไม" และเราตายแล้ว"ไปไหน" พระเจ้ามีจริงไหม จิตวิญญาณ คืออะไร ?? แล้วจิตกับกาย มันแยกจากกันได้จริงหรือ ??? --- จิตกับกาย มันแยกจากกันได้ แน่นอน 100% ค่ะ แล้วจิตของเรา เป็นตัวสั่งการทุกๆอย่าง ทุกๆการทำงานของร่างกาย และมันเปลี่ยนโลกของเราได้ มันเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราได้ คุณพิสูจน์สิ่งนี้ได้ ด้วยการ "นั่งสมาธิ" ครั้งแรกที่คุณนั่ง อาจจะได้แค่ 3-5 นาที เพราะมันทำยาก (การนั่งสมาธิ ให้ไปอ่านเองนะคะ วิธีนั่งสมาธิ เราจะไม่พูดตรงนี้) ครั้งต่อไป คุณอาจนั่งได้ 5-10 นาที พยายามนั่งให้ได้นานที่สุดเท่าทีทำได้ ทำติดต่อกันสัก 3-5 วัน แล้วเดี๋ยว คุณจะเริ่มมองเห็นแระ >< ถ้าตอนที่นั่งสมาธิ คุณกำลังจับลมหายใจเข้า หายใจออก อยู่นั้น ถ้าคุณเกิด ตกใจเสียงเข็มตก หรือตกใจเสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาอ่ะ นั่นแหละ คือ "ใกล้แล้ว" แล้วเดี๋ยวตอนจะนอน ตอนกลางคืน จิตจะเริ่ม.. นิ่ง(นิ่งกว่าปกติที่เคยเป็น) แล้วเดี๋ยวจะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น แล้วต่อๆไป คุณก็จะรู้ด้วยตัวเองว่า.. "มิติอื่นๆ มันมีอยู่จริง" มันไม่ได้มีแค่โลกวิญญาณนะคะ มันมีหลายๆโลก หลายๆมิติ ถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วจะมองเห็นเอง ดีกว่า หายใจทิ้งไปวันๆ มานั่งครุ่นคิด ชีวิตนี้ไม่มีแรงกระตุ้น ไม่รู้จะทำอะไร พวกวัตถุ ของใช้ที่อยากได้ ก็มีเงิน ซื้อได้หมดแล้ว ชีวิตนี้ ไร้แก่นสาร และไม่รู้จะทำอะไร เราว่า คุณเอาเวลาว่างๆนั้น ไปศึกษาธรรมะและนั่งสมาธิดีกว่า แล้วดูซิ ว่า พระพุทธเจ้า ค้นพบอะไร ?? เมื่อก่อน เราเรียนในห้องเรียน เราไม่รู้เลยนะ ว่าพระองค์ค้นพบอะไร ?? >< เรานึกว่า ค้นพบ อริยะสัจ ๔ แต่จริงๆแล้ว พระองค์ ค้นพบมากกว่านั้น และคำว่า อริยะสัจ๔ มันไม่ใช่แค่ การท่องจำ ไม่ใช่แค่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค แต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น (ซึ่งเมื่อก่อนเราก็ไม่เข้าใจ จนเราหลงเข้ามาศึกษาพระธรรมแบบไม่ได้ตั้งใจ แบบบังเอิญอ่ะ >< เราถึงได้รู้ว่า.. ลึกซึ้งมากๆ) และพระพุทธศาสนา ก้าวข้ามวิทยาศาสตร์ ไปไกล ไม่ติดฝุ่นเลย (เมื่อก่อนเราบ้า อวกาศและจักรวาลนะ เราเป็นเด็กวิทยาศาสตร์ หัวรุนแรงด้วย เพราะเมื่อก่อนเราไม่เชื่อเรื่องผีเลย เราเชื่อแต่วิทยาศาสตร์ และเราชอบ NASA และชอบศึกษาวิทยาศาสตร์มากๆ จนวันหนึ่ง เรานั่งสมาธิแล้วเรา ถอดกายทิพย์ได้ และหลังจากนั้น เราก็เห็นโลกอีกมิติหนึ่ง อีกมากมาย และเรารู้ด้วยว่า วิทยาศาสตร์ และ พระพุทธศาสนา เป็นเรือ่งเดียวกัน แต่ วิทย์ เป็นเหมือน subset ของพระธรรมอีกที และพระธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ไปไกลกว่าศาสนา ไกลแบบไม่ติดฝุ่น ไปไกลจนพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้มาบอกเราเกี่ยวกับวิทย์เลย แต่ท่านก็บอกไว้บ้างในบางเรื่อง แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แก่นสารของชีวิต ท่านไปไกลกว่าอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ แบบไม่เห็นฝุ่นเลยแหละ ><) นี่พูดจริงๆนะ นั่งสมาธิ แล้วจะเห็นเอง แล้วจะเข้าใจที่เราพูดไปทั้งหมด!! จากคุณ : mooesha เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 09:15:27

ความคิดเห็นที่ 8 Make yourself useful ka by being a volunteer. There're so many people in need of help. When u help them, i guarantee u'll feel good about yourself and u would like to do more good to others underpriviledged. I totally agree w/Khun Ptira and Khun Mooesha. Their advice is fruitful. Try it na ka. Good luck. จากคุณ : Hlong Hlong เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 09:46:47 A:58.8.29.63 X: TicketID:329794

ความคิดเห็นที่ 9 คห#7-8คะ นับถือค่ะ เราอายุมากแล้ว ยอมรับว่าเปนคนไม่นิ่ง เคยไปร่วมปฏิบัติจิต ก้อมีการเดินกรรมฐาน นั่งวิปัสนา บอกตรงๆว่านั่งแป๊บเดียว ปวดเมื่อย ใจจะขาด ต้องเปลี่ยนท่าไปมาตลอด ทำไมมันยากจริงๆ เวลานั่ง หูไม่นิ่งค่ะ ได้ยินระยะ5เมตรเลย ใจคิดนู่นนี่ อีกต่างหาก คงไม่มีบุญพอ จากคุณ : สว. เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 10:12:18 A:124.122.174.148 X: TicketID:298815

ความคิดเห็นที่ 10 นั่งสมาธิได้แต่รู้ ยังไปไม่รอด ต้องเจริญวิปัสนา จากคุณ : นะ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 10:55:45 A:122.155.36.150 X: TicketID:279065

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำ ขอน้อมรับและจะลองนำไปใช้คะ จากคุณ : kraithaisong เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 13:56:31

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วยังไง ??? มีงาน มีบ้าน มีรถ อีกไม่กี่ปีคุณตายมันก็เป็นของคนอื่นแล้ว ไม่มีเงินเก็บ ??? มีเงินเก็บแล้วไง ??? สุขภาพแข็งแรง ชีวิตมีความสุข ไม่มีเงินเก็บก็อยู่ได้ จุดหมายชีวิตมีแค่นี้หรือ ??? จากคุณ : เพ็ชรสามสี1 เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 14:06:15

ความคิดเห็นที่ 13 ศึกษาธรรมมะ ลองปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ท่านนับถืออย่สิครับ   อาจได้ข้อคิดดีๆ  ในการดำเนินชีวิต  ครับ จากคุณ : ประลองยุทธ์ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 14:24:27

ความคิดเห็นที่ 14 ลองทำกิจกรรมเพื่อสังคม อะไรก็ได้ซักอย่างดูครับ อาจจะไปเป็นอาสาสมัครให้กับองค์เพื่อคนยากไร้ เพื่อเด็ก หรือเพื่อคนชราอะไรก็ได้ซักอย่าง ถ้าคุณทำจนรับรู้ถึงหัวใจของงานแบบนี้ ...บอกได้เลยว่าที่จริงคุณคือผู้ได้รับ ในการทำกิจกรรมแบบนี้ จากคุณ : อมยิ้มอันใหม่ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 17:57:23

ความคิดเห็นที่ 15 คิดบวก คือ คิดแล้วหัวใจพองโต  คำไทยๆคือภูมิใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง เอาแค่นี้ก่อน.... ข้อที่ 1  ของอะไรที่ซื้อมาแหลก ให้ไปแจกคนอื่นบ้าง ถือว่าทำความสะอาดบ้าน ข้อที่ 2  แทนที่จะออกไปซื้อแหลก เอาเวลาไปบ้านพักคนชรา ไปคุยไปนั่งนานๆ ท่านจะได้มีความสุข   แล้วจะเริ่มคิดว่าเออ ที่มีอยู่ก็พอแล้ว เพราะประเดี๋ยวเราก็ชรา ของทั้งหลาย มันเกินตัวไปละ ข้อที่ 3  กลับมาเมืองไทยโดยด่วน มีคนเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ  และเมื่อคุณไปช่วยใคร แล้วหัวใจคุณจะพองโต ฝึกจิตให้ตนเองบ่อยๆ เมตตา=ปรารถนาทำให้ผู้อื่นเป็นสุข กรุณา= สงสารคิดช่วยให้พ้นทุกข์ มุทิตา=มีจิตยินดีในลาภยศ สรรเสริญสุขของผู้อื่น อุเบกขา=มีความเที่ยงธรรมและวางตัวเป็นกลาง จากคุณ : วันจัน เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 20:38:44

ความคิดเห็นที่ 17 สวดมนต์  นะครับ  บทไหนก็ได้ที่เราชอบ แล้วกลับมาเยี่ยมญาติไปดูวิถีชิวิตในชนบท แล้วจะรู้ว่าชิวิตเรายังมีสุขมากกว่าคนอื่น จากคุณ : ไทยเดิ้ง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 18:07:41