 |
สวัสดีครับทุกท่าน ครั้งแรกที่เห็นเอกสารฉบับนี้ก็ไม่อยากวิจารณ์และเผยแพร่ให้ทีมงานในศูนย์อ่าน ไม่ใช่ต้องการปิดเรื่องแต่หากเป็นเพราะคิดว่าเรามิควรตอบแทนการทำงานของทีมงานอย่างตั้งใจ ด้วยความปรารถนาดีตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ด้วยวิธีการเช่นนี้ และไม่ว่าผู้เขียนจะเป็นใคร แต่ผู้เขียนมีเจตนาไม่เปิดเผยตนเองให้ใครได้อธิบาย เจตนาต้องการเพียงแค่ความสะใจที่ได้ด่าและไม่เคยคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดี คือ คณะกรรมการที่จัดตั้งศูนย์ นักศึกษาและอาสาสมัครเข้าใจว่า ความภูมิใจในการทำความดี คงไม่สูญเสียไปกับกระดาษแผ่นเดียว ในฐานะที่ข้องเกี่ยวกับการทำศูนย์นี้ อยากเล่าเรื่องศูนย์พักพิงให้ฟังกันเพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดทำศูนย์พักพิงมากกว่ามานั้งถกเถียงกับกระดาษครับ ๑. ศูนย์พักพิงนี้เปิดขึ้นในขณะที่หลาย ๆ ศูนย์ไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไป เป็นที่ชัดเจนว่าบริเวณที่ไปรับ (บางแก้วฟ้าและพุทธมณฑล) เป็นจุดเสี่ยงต่อการท่วมสูง อย่างไรก็ตามการที่ประชาชนไม่ออกมาศูนย์พักพิงอื่นเป็นเพราะทุกคนคิดว่าศูนย์ฯเดิมจะเอาอยู่และอยากอยู่ใกล้บ้าน อำเภอขอร้องกันอยู่หลายวันครับ และแล้วสิ่งที่เกิดขึ้น คือ การอพยพขณะน้ำท่วม ซึ่งลำบากมาก ๒. จังหวัดนครปฐมกำหนดให้มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นศูนย์พักพิง การช่วยเหลือด้านข้าวสารและอาหารแห้งเบื้องต้นสำหรับการเปิดศูนย์ คงไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการสำรองงบประมาณไว้เพื่อใช้ในการเตรียมศูนย์ ค่าอาหารจากกระทรวงพัฒนามนุษย์ (พม.) กว่าจะมาก็สัปดาห์ที่สอง และเปลี่ยนนโยบายในการให้งบเป็นการทำกับข้าวมาส่งในสัปดาห์ที่สามและสี่ อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยศิลปากรขอรับการช่วยเหลือในสัปดาห์ที่สองเท่านั้น เพราะงบประมาณที่ได้รวมกับการช่วยเหลือจากภาคประชาชน (แม่ค้าตลาดปฐมมงคล, เนื้อหมูจากคุณนิตยา, โรงน้ำแข็งที่ให้น้ำแข็งเกร็ดในราคาประหยัดและน้ำแข็งยูนิคสำหรับดื่มฟรี ผู้บริจาคต่าง ๆ เป็นต้น) ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถจัดการอาหารทั้งสามมื้อให้กับผู้พักพิงตลอดเวลาหนึ่งเดือนเต็ม โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากกระทรวง พ.ม. อีกเลย ๓. โชคดีของทีมงานที่คิดตั้งศูนย์ฯโดยอาศัยหน่วยงานพื้นฐานของมหาวิทยาลัยทำให้การรับบริจาค (เฉพาะเข้าศูนย์ฯ) เป็นไปอย่างมีระบบและโปร่งใสตรวจสอบได้ ทำให้ประเด็นที่เขียนในจดหมายเป็นประเด็นที่ผมไม่หนักใจ แต่ที่ผมหนักใจคือการบรรยายถึงผู้ที่มาช่วยงานโดยไม่ให้เกี่ยรติและไม่เคารพในจิตอาสาใด ๆ เลย เจ้าหน้าที่ อาจารย์ นักศึกษาที่มาช่วยงานส่วนใหญ่ยังคงต้องทำงานตามปกติ และมาช่วยทำงานกลางวันบ้างและกลางคืนบ้างให้กับศูนย์พักพิง ตลอดเวลาหนึ่งเดือน บางคนถึงขั้นมาขออนุญาตลาพักไม่ใช่เพราะกลัวจะโดนว่า แต่กลัวว่าจะไม่มีใครดูแลผู้พักพิง เด็ก ๆ ไปเที่ยวงานองค์พระยังกังวลว่างานที่ศูนย์จะเรียบร้อยดีหรือไม่ สิ่งเหล่านี้มิได้แสดงความฉลาดหรือโง่ ตำแหน่งสูงหรือต่ำแต่แสดงจิตใจที่สูงส่ง จนผมคิดว่าเราควรคารวะในส่วนนี้ ๔. สำหรับเงินเก้าแสนผมว่าผู้ที่รู้เรื่องนี้ทราบดีว่าได้รับมาเพื่อดำเนินการทำกิจกรรมและถอดองค์ความรู้ในการการจัดกิจกรรมศูนย์ฯ เงินที่ได้มาต้องไดัรับการตรวจสอบอยู่แล้ว หากเหลือก็คืน ทำให้ผมไม่ค่อยเป็นห่วงในเรื่องนี้ และก็ต้องยอมรับว่าเงินดังกล่าวช่วยให้การจัดกิจกรรมภายในศูนย์ฯ มีความสะดวกสบายมากชึ้น อย่างไรก็ตามการใช้เงินดังกล่าวก็ต้องใช้ให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้เสนอไว้ มิอาจจะนำมาแจกจ่ายให้ใครตามอำเภอใจใครได้ ประเด็นที่น่าคิดคือกิจกรรมที่เราทำให้กับผู้พักพิงมีความหลากหลายกระจายตามความสนใจและคิดว่าผู้พักพิงได้อะไรไปไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้การอบกล้วยด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การให้คำปรึกษาด้านสถาปัตย์เกี่ยวกับบ้านที่น้ำท่วม การให้ผู้พักพิงมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม การอบรมการทำขนมปัง การสานตระกร้า เด็กนักศึกษามาสอนจับผ้าให้เป็นดอกไม้ประดับสถานที่ การให้คำปรึกษาด้านวัคซีนให้กับคุณแม่ การช่วยกันปั้น EM Ball การสัมมนาเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและโทษของขยะพลาสติก การทำเสื้อโดยการมัดย้อม เป็นต้น เป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้พยายามถ่ายทอดองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยเพราะผู้ที่เข้ามาในศูนย์นี้เป็นผู้พักพิง ไม่ใช่ผู้อพยพ ๕. การบริหารการเดินทางกลับของผู้พักพิง เริ่มจากการสอบถามถึงแนวทางการกลับหรือย้าย ตั้งแต่ต้นสัปดาห์สุดท้าย โดยทางคณะกรรมการและคนทำงานที่ศูนย์พยายามหาทางออกให้กับผู้พักพิงทุกคนจนวันสุดท้าย การจัดเตรียมของที่จำเป็นสำหรับการกลับบ้าน (ไม่อยากใช้คำว่าถุงยังชีพ) ให้กับทุกครอบครัว การจัดการรถส่งในทุก ๆ กรณี รวมทั้งการประสานงานทุกศูนย์ที่เป็นไปได้ตามเหตผลของแต่ละครอบครัว ก็ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ทำจนได้ทางออกที่ดีที่สุดบนข้อจำกัดของแต่ละครอบครัว สิ่งที่ทีมงานประทับใจคือคำกล่าวขอบคุณ กลอนทุกบท เพลงทุกเพลง ที่ผู้พักพิงมอบไว้ให้ก่อนจากกันทำให้น้ำตาซึมได้ทีเดียว ต้องขอโทษที่ผมชี้แจงไม่ชัดเจนแต่อยากแชร์ประสบการณ์ผมกับผู้อ่านกระทู้มากกว่า รายละเอียดของศูนย์เข้าไปดูได้ที่ www.flood.su.ac.th เพราะอย่างที่บอกครับ สำหรับคนทำงานที่ศูนย์ตลอดเวลาที่ผ่านมา คำว่า "จิตอาสา" ไม่จำเป็นต้องถามและวัดกันอีกต่อไป เพราะทุกคนได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ วันนี้ขอแค่นี้ก่อนนะครับ
จากคุณ |
:
ศราวุธ ภู่ไพจิตร์กุล
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ธ.ค. 54 22:50:46
A:110.49.225.174 X: TicketID:341098
|
|
|
|
 |