|
โอ้..ขออภัยอย่างแรงกล้าท้าทาย..ที่หายจากหน้าจอไปสองวัน กลับมา..เห็น"รออ่าน...,รอจ้า,..รออยู่"..แค่เห็นลงชื่อรอ พ่ออย่างผมก็ผ่าวๆตรงตาแฮะ
รูปประกอบนั้น..ที่เอาตุ๊กตามาแทนตัวจริงเพราะ..บุคคลในข่าว-เอ๊ย.ในเรื่องตอนนี้สูง 182cm. เอามานอนไม่ได้ครับ หัว-ขาลากพื้น ฮ่าๆ
ซึ้งใจน่ะครับ ถึงลูกชายจะไม่ได้อ่าน มาเจอะชื่อเพื่อนพ้องน้องๆหลานๆในนี้ก็อุ่นใจ ที่ตรงนี้เหมือนกับศูนย์รวมน้ำใจที่มีให้กัน,เป็นกำลังใจคนกำลังต๊อแต๊ดีจริงๆ
.......................................................................................................... ลูกครับ ลูกเห็นไหมว่า ในสังคมไซเบอร์ที่ไม่เคยรู้จักหน้ากันเลย กลับมีความห่วงใยกัน ลูกกับพ่ออยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ห้องนอนห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว..ตอนดึกๆพ่อกลับเกรงใจที่จะเปิดประตูเข้าไปดูว่าลูกหลับหรือยัง
ไม่รู้พ่อท่านอื่นจะเหมือนผมไหม..ผมเป็นพ่อที่เห็นหน้าลูกก่อนแม่ของลูกเสียอีก ตอนแม่ออกจากห้องคลอด พ่อเห็นหน้าแม่แล้ว พ่อน้ำตาร่วงผลอยเลย แม่คงเจ็บ,คงอ่อนเพลียมาก..ก็ได้แต่ลูบหัวแม่ จูบเบาๆที่หน้าผาก...สงสารแม่จับใจ
พยาบาลมาบอกให้ไปรับลูก..พ่ออุ้มลูกก่อนแม่อีก พ่อจัดการทุกอย่างแทนแม่ตั้งแต่นาทีนั้นเลยละ
พ่อให้ลูกนอนคว่ำวันแรกนั้นเลย เตียงใกล้เห็นบอกว่า"ทำไมให้ลูกนอนคว่ำ..เดี๋ยวหายใจไม่ออกนะ"..พ่อตอบว่า"ไม่เป็นไรครับ..สันชาติญาณของคนหรือสัตว์ที่เกิดใหม่ ต้องปรับตัวเองได้ตั้งแต่คลอดออกมาเลย"
จริงๆแล้ว พ่ออยากให้ลูก"หัวสวย"..ชาวบ้านเรียก"หัวทุย"ไงครับ พ่อเอง เป็นลูกคนโบราณ..คลอดมาแม่ก็ให้นอนเปล แกว่งๆ ๆ กินนม..นอนหงายตลอด หัวเลยแบนตะแล๊ด(ท้ายทอย)
หลังกลับจากโรงพยาบาล พ่อดูแลลูกแทนแม่ตลอด เพราะอยากให้แม่นอนหลับให้สบาย...ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ถ้าลูกร้องหิวนมหรืออะไรก็ช่าง...พ่อจะลุกดูลูก,ชมนมให้ลูก..เช็ดอึ,เปลี่ยนผ้าอ้อม
ลูกรู้ไหมว่า...แม้แต่"อึ"ของลูก..พ่อก็จับมันด้วยมือเปล่าๆของพ่อนี่แหละ พ่อไม่เคยนึกรังเกียจ แขยงอะไรเลย(ปู่ของลูกสอนพ่อมาดี) ...บางทีพ่อกับแม่นั่งกินข้าวอยู่..ลูก"อื่อ-อึ๊"ออกมาข้างๆที่เรานั่งกินข้าว พ่อไม่มัววิ่งหาผ้าหรือกระดาษทิชชู่มาเช็ดหรอก...มือเพียวๆแหละ-จับก้อนน้อยๆนั้น ไปทิ้งชักโครก..เอาลูกไปล้างก้น..ล้างมือ-แล้วมานั่งกินข้าวต่อ
ทุกวันนี้..แม่ยังพูดถึง"พ่อจับขี้มือเปล่า"ให้ลูกสองคนฟัง..แม่ยังหัวเราะขำจนทุกวันนี้เลย ลูกเป็นหนุ่มแล้ว..ลูกจำไม่ได้หรอก,แต่น้องซิ(น้องแอ๊นท์-ลูกคนที่2..12ขวบ)แต่น้องงี้..."อ้วกกก!!ๆๆๆแหวะ...พ่อจับขี้ ฮ่า ๆ ๆ "..แซวพ่อทุกทีไป
ลูกครับ ความที่พ่อ อยากปลูกฝังนิสัยลูกให้เป็น"นักกีฬา",อยากให้ลูกร่างกายแข็งแรง ตอนลูกสองขวบกว่า..พ่อชอบพาลูกเดิน ๆ ๆ เดินเที่ยวในตลาด..เดินไกลๆ เดินนานๆ ..แต่ลูกก็เดินไม่ไหวอยู่ดี ต้องขี่หลังทุกที
ตอนลูกสองขวบครึ่ง...ตอนนั้นแม่ทำงานบริษัท พ่อต้องอยู่กับลูกตั้งแต่เช้าถึงเย็น พ่อเลิกบุหรี่ ด้วยการ"หักดิบ"..เพราะพ่อไม่อยากให้ลูกเห็นว่าเป็น"พ่อขี้ยา"และสงสารแม่ด้วย...เวลาพ่อสูบบุหรี่หน้าบ้าน ควันบุหรี่มันก็โชยเข้ามาหาแม่กับลูก..พ่อไม่ใช่"ฆ่าตัวเองหรอก..แต่ฆ่าแม่กับลูกด้วย"..พ่อจึง"หักดิบ"มันเด็ดขาด
พ่อต้องปรับสภาพของตัวพ่อเองอย่างฉับพลัน..พ่อต้อง"ออกกำลังกาย"เพื่อให้ลืมบุหรี่ให้ได้..ช่วงวันแรกๆพ่อเิดินออกจากบ้านไปคนเดียว-ฝากลูกไว้กับน้า..พ่อไปเดินขึ้นภูเขากลางเมืองภูเก็ต..วันแรกนั้น พ่อเกือบหัวใจวายตาย เพราะคนไม่เคยออกกำลังกายจริงจังมาก่อนเลย ตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงอายุ38ปี(เมื่อ19ปีที่แล้ว)..วันนั้นพ่อเดินขึ้นเขาไปแค่ ก.ม.เดียว พ่อเหมือนหายใจไม่ออก,เหมือนสูดอากาศได้ครึ่งปอด..เหนื่อยหอบแทบตาย
แต่พ่อก็ไม่ท้อไม่ถอย..เพราะพ่อตั้งใจแล้วว่า"พ่อต้องลืมบุหรี่ให้ได้อย่างเด็ดขาด..เพื่อแม่และลูก..จริงๆครับ..นั่นคือความตั้งใจจริงๆของผม ....มันเป็นช่วงเวลาที่ผมตั้งสติได้ ผมนึกถึงวันข้างหน้า วันที่ลูกเป็นวัยรุ่น..ผมจะอายุเท่านั้น-เท่านี้.....โห-ลูกอายุ 20ปี(สมมุติ)เราอายุ 58 ปี...ถ้าเรามัวหลงไหลบุหรี่และต้องกินเหล้า,นอนดึกอีกต่างหาก..เราจะมีสภาพเป็นไงหนอ....คิดครับ
ผมเดินขึ้นเขาออกกำลังทุกวันๆ เท้าเจ็บ เท้าแพลง,เคล็ด..เพราะรองเท้ากัด รองเท้าไม่เหมาะกับการเดินที่หนักเอาการ..แต่ไม่ใช่อุปสรรคเลย...ยิ่งเหงื่ออก-ยิ่งมัน ยิ่งมีกำลังใจ ที่จะต่อสู้กับ"ความอยากบุหรี่"
บางช่วงก็อยากให้ลูกรู้-เห็นว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญกับเรานะ...ก็เอาลูกไปเดินๆดู แค่เดินขึ้นไป ไม่กี่ก้าว..สำหรับเด็กสอง-สามขวบ..ก็ไม่เอาแล้ว-"พ่อ..อุ้ม"
ผมก็กลายเป็น"แบกน้ำหนัก"เพิ่มอีกสิบกว่ากิโล..เอาลูกขี่หลัง..กระเตงๆ เดินขึ้น-ลงเขาทุกวัน..จนพี่ ป้าน้า อา ที่เดินออกกำลังด้วยกันทุกๆเย็น..ตั้งฉายาผม"ซามูไรพ่อลูกอ่อน"ซะ....ฮากันไป
แต่กลับเป็นผลดีมากๆ กับร่างกายผม เพราะจากวันแรก เดินขึ้นไม่ไหว..ผมเดินทุกวันๆๆ ระยะทาง 2.5 ก.ม. 6 เดือนต่อมา..ผมสามารถ"วิ่งจ๊อกกิ้ง"ขึ้นอย่างสบายๆ
ผมทำสำเร็จ ผมชนะใจตัวเอง ชนะความอยากบุหรี่ได้ ผมชนะความเหนื่อยอ่อนจากการโหมออกกำลังกาย...ภายใน 1 ปี-คนหุ่นขี้ยาน้ำหนักแค่56ก.ก.(สูง179cm.)น้ำหนักผมขึ้นพรวดไป 10 ก.ก.เป็น65 ก.ก.(ถึงปัจจุบัน)..บางคนออกกำลังกายเพื่อ"ลดน้ำหนัก"(ผู้หญิง)แต่ผมมุ่งมั่นออกกำลังกายเพื่อ"เพิ่มน้ำหนัก"..เพิ่มพลัง เพิ่มสมรรถนะให้ตัวเองเพื่ออะไร?
เพื่อให้ผมมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง พร้อมที่จะดูแลครอบครัว,คอยเป็นเกราะป้องภัยอันตรายแก่ลูกๆอย่างเต็มที่
ด้านหนึ่งแห่งความภูมิใจ..เพราะผมมีแม่ของลูกที่เข้มแข็ง,ผมมีลูกที่ผมรักทะนุถนอม ผมดูแลเขาใกล้ชิดมาจนทุกวันนี้
และอีกด้านหนึ่งของความรู้สึก"กลัว"..กลัวลูกที่เติบโตเจริญวัยท่ามกลางสังคมที่กล่นเกลื่อนไปด้วยพิษภัยต่างๆนานา..ร้านเกมส์,อินเตอเนต,หรือแม้แต่โทรศัพท์..ที่ครูบอกตอนประชุมผู้ปกครองว่า.."เดี๋ยวนี้เด็กๆป.5ป.6 โหลดคลิปโป๊มาดูกันตรึม"..หรือ"เด็กม.1 แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ"....."เด็กหญิงม.2..มีท้อง ต้องออกโรงเรียนกลางคัน"
จากลูกตัวน้อยๆของเรา ที่นอนหนุนตักให้เราป้อนข้าว,ป้อนนม..ตามองเราแป๋วไร้เดียงสา พ่อกลัว..สายตาของลูกเหลือเกิน กลัวลูกจะมองพ่อเป็นคนแปลกหน้า..ที่คอยดุ,ว่ากล่าว,คอยสอน..เมื่อลูกไม่เก็บที่นอน,ลูกทำไมไม่ช่วยแม่ถูบ้าน-ล้างจาน,ช่วยแม่ซักผ้าซีลูก
ความรักของแม่..ที่ทุกวันนี้ ทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ลูกๆสบาย ซักผ้า,ซักถุงเท้า..ถึงแม้จะมีเครื่องอัตโนมัต-แต่ลูกใส่ถุงเท้าแบบไม่เกรงใจแม่เลย ..อยู่โรงเรียนลูกใส่ถุงเท้าเดินกับพื้นถนนเฉยเลย..แล้วแม่ก็ต้องใช้มือขยี้ถุงเท้าทุกวัน เพื่อให้ลูกใส่ถุงเท้าสีขาวๆ
กินข้าวเสร็จ ลูกก็วางจานโครมในซิงค์ล้างจาน..กองสุม พ่อก็ช่วยแม่ล้าง..ทั้งที่ใจจริงพ่อต้องการทำให้ลูกเห็นว่า.."เป็นลูกผู้ชายก็ทำงานบ้านได้"
พ่อสอนลูกว่า.."เราเป็นผู้ชาย..เราต้องช่วยเหลือผู้หญิงได้ ในหลายๆอย่าง..ช่วยแบ่งเบาภาระแม่บ้าง"...เขาก็ฟัง-ครับ ๆ..แต่ก็ไม่เห็นมีลูกคนไหนล้างจานซักวัน
.....เอ้ออ..ลูกครับ พ่อแสบตามาก..พ่อปั่นจักรยานขึ้รเขาชันๆได้วันละหลายสิบกิโล ขาพ่อแข็งแรง ปอดพ่อยอดเยี่ยม...แต่สายตาพ่อแย่นะครับ ตั้งแต่"ผ่าตา-สลายต้อกระจก-เปลี่ยนเลนตาเทียม"เมื่อสองปี...พ่อจ้องตัวหนังสือเวลานานๆแล้ว มันเบลอน่ะคะรับลูก
พ่อพักก่อนนะ ให้พี่ๆ ในห้องศาลาฯเค้าได้พักสายตา ไปอ่านกระทู้อื่นกันบ้าง บายนะลูกนะ
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 21:29:35
จากคุณ |
:
ตาสาน
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 54 21:20:49
|
|
|
|
|