Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
>>ข้อคิด<<>>วันพุธ<<>>Love is to forgive, not to forget<< ติดต่อทีมงาน

Love is to forgive, not to forget

    นี่คือคำพูดที่พระเอก Woody Harrelson พูดกับนางเอก Demi Moore ในหนังเรื่อง Indecent proposal
ซึ่งเป็นคำพูดที่ประทับใจผมจนถึงทุกวันนี้
    และผมจะนึกถึงทุกครั้งเวลาที่ผมมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา มันทำให้ผมยอมง้อเธอก่อนเสมอ
ไม่ว่าเธอจะถูกหรือผิด

    ผมคิดว่าในเมื่อคนเราอยู่ด้วยกันแล้ว
    ก็ควรจะยอมรับและยอมให้อภัยกันได้ในทุก ๆ เรื่อง (ย้ำ)

    "... ผมในฐานะผู้ชายเข้าใจเป็นอย่างดี เรื่องการถูกทำร้ายความไว้เนื้อเชื่อใจมันเจ็บปวดขนาดไหน"
    ผมเคยประสบมากับตัวเองกับภรรยาคนปัจจุบัน

    ผมเคยถามเธอว่าเธอเคยผ่านผู้ชายมาหรือเปล่า เป็นการถามเล่น ๆ ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะผมไม่ถือเรื่องนี้
ผมโตเมืองนอกครับเลยถือเป็นเรื่องธรรมดา
    ที่ถามก็เพราะอยากรู้ว่าหญิงไทยยังคงเป็นแบบสมัยก่อนหรือสมัยใหม่ เธอก็ตอบตามตรงว่าเคย
และถามว่าผมยังรักเธอไหม
    ผมก็หัวเราะและตอบว่ามันเกี่ยวกับรักด้วยหรือรักก็รักเหมือนเดิมสิ ไม่เห็นแปลกเลย ถามเล่น ๆ อย่าไปซีเรียส
แล้วเราก็แต่งงานกัน

    2 ปีผ่านไป ผมก็ได้พบความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมถึงกับต้องลาออกจากงาน และไปบวชเลย
    เธอเคยทำแท้งครับ ผมเพิ่งทราบจริง ๆ เธอไม่เคยบอกเลย ผมก็ไม่เคยติดใจสงสัยอะไร แม้เธอจะไม่ได้
โกหกผม แต่เธอปิดบังผม
    ที่ผมรู้เพราะมีครั้งหนึ่งที่ผมดีใจนึกว่าเธอท้องเลยพาไปตรวจครรภ์ หมอก็คุยเรื่อยเปื่อยว่ายังไม่ท้องหรอก
    และมีประโยคหนึ่งที่ผมสะดุดคือหมอพูดว่า...
    "ดีแล้วที่สงสัยว่าจะท้องแล้วรีบพามาตรวจ เพราะมดลูกที่เคยผ่านการบำบัดพิเศษมาแล้ว หากท้องอีก
อาจเป็นอันตรายเพราะเสี่ยงกับทั้งแม่และเด็กมาก ๆ ถ้าท้องก็รีบพามาตรวจ รับรองว่าหมอจะดูแลเป็นพิเศษ
เพราะหากแม่และเด็กได้รับการดูแลภายใต้แพทย์อย่างสม่ำเสมอก็จะไม่มีปัญหา"

    (หมอท่านนี้ไม่ทราบอะไรมาก่อนครับ เพราะพึ่งมาตรวจกันครั้งแรกตามคำแนะนำของผู้ใหญ่
หมออาจจะเดาเอาว่าผมรู้แล้ว)
    ผมก็งง ๆ ทีแรกนึกว่าเธออาจจะเคยประสบอุบัติเหตุ กระทบกระเทือนต่อมดลูกหรืออาจเคยเป็นเนื้องอก
แล้วผ่าตัด
    ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยถามภรรยาระหว่างขับรถกลับบ้านว่า...

    "มดลูกเคยมีปัญหาใช่ไหม"
    ผมถามเพราะห่วงน่ะครับ ไม่ได้สงสัยอะไรเลย
    แต่เธอตกใจทันทีและร้องไห้ออกมา ขอโทษขอโพยที่ปิดบังมาโดยตลอดและเล่าเรื่องทั้งหมด
    (เธอคงนึกว่าผมรู้แล้วและมาถามเอาเรื่อง)
    ผมก็อึ้งเลยครับ

    2 ปีที่ผ่านมานี่ผมเป็นควายหรืออย่างไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น
    เธอบอกว่าสมัยเรียนเมืองนอกเธอเคยมีเพื่อนชายชาวญี่ปุ่นและอยู่ด้วยกัน (ซึ่งอันนี้รู้อยู่แล้วไม่ถือครับ)
ต่อมาก็ห่าง ๆ กันไป
    เธอมารู้ตัวว่าท้องก็หลังจากเพื่อนชายคนนั้นกลับประเทศไปแล้ว
    เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจึงขอ Drop เรียน และย้ายเมืองเพื่อไม่ให้ใครรู้ และไปทำแท้งที่ต่างเมือง
แล้วจึงกลับมาเรียนต่อ
    คนรอบข้างก็ไม่มีใครสงสัย เพราะเธอบอกว่าย้ายไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบ Thesis
จะมีก็แต่ครอบครัวเท่านั้นที่รู้ เพราะแม่บินตามมาเฝ้าพยาบาลเธอด้วย

    กลับมาถึงบ้านเธอก็ร้องไห้อ้อนวอนขอโทษ ถึงกับกอดแข้งกอดขากราบเท้าอย่าให้เราแยกกัน
    ผมในตอนนั้นมึนตื้อเพราะช็อค ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย จำได้แค่ว่าตัวลอย ๆ เดินไปเก็บเสื้อผ้า
และขับรถออกจากบ้านไป
   
    ผมไม่รู้จะไปไหนก็เลยติดต่อเพื่อนที่อยู่แถบอีสานขอพักด้วยสักระยะ เพื่อนก็ตกลงเพราะเห็นว่า
ผมคงมีทุกข์มา และก็ไม่ได้ว่าอะไร
    ผมเลยจัดแจงลาออกจากงานและไปอาศัยบ้านเพื่อนครับ

    สักพักผมก็ทนไม่ได้ครับ เลยไปบวชที่วัดแถว ๆ นั้น เพื่อนก็ถามว่าแล้วทางบ้านทางภรรยารู้หรือเปล่าว่าบวช
    ผมก็บอกว่ามีปัญหากันนิดหน่อย แต่ทางนั้นทราบแล้วว่าผมอยู่ที่นี่
    (จริง ๆ ผมไม่ได้บอกใครเลยครับ)

    เวลาผ่านไป ผมก็เริ่มสงบลง
    เมียผม และครอบครัวผมคงทราบจากเพื่อนว่าผมมาบวชอยู่ที่นี่ ก็ตามมาโน้นน้าวให้กลับบ้าน
    แม่ก็มาขอร้อง แต่ตอนนั้นผมต้องการสงบครับ
    ผมก็ตอบว่าถึงเวลา จะกลับไปจัดการทุกอย่างเอง ขออย่าให้ทุกคนเป็นห่วง
    เมียผมเองก็เพียรอ้อนวอนจนอ่อนใจ และทำใจจึงกลับไป ผมบวชเรียนอยู่เกือบปี

    อยู่มาวันนึงเจ้าอาวาสก็เรียกเข้าไปคุยว่า "เมื่อยามมีทุกข์ก็ได้มาผ่อนทุกข์ของตนเองแล้ว
บัดนี้เห็นว่าสงบลงและมีสติขึ้นมาก คุณจะเห็นควรกลับไปบรรเทาทุกข์ให้คนข้างหลังหรือไม่
อาตมาไม่ได้ขับไล่เพียงแต่แนะนำ สุดแล้วแต่การตัดสินใจเถิด"
    ผมเองก็มีสติขึ้นจากการบวชว่า ผมหลบมาคนเดียว นี่ผมปลงทุกข์ของตนแล้ว แต่คนข้างหลังคงยังมีทุกข์
ผมเลยสึกครับ

    พอสึกแล้วก็พักอยู่บ้านเพื่อนอีก 2-3 วัน นั่งสมาธิทุกคืน เมื่อมีสติก็คิดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนครับ
    เธอเป็นภรรยาที่ดีของผมมาตลอดไม่เคยบกพร่อง
    เป็นห่วงเป็นใย ช่วยเหลือ
    ตั้งแต่สมัยเป็นแฟนเคยดีอย่างไร
    แต่งแล้วก็ยังดีเหมือนเดิมทุกประการ
    ผมเลยกลับบ้านครับ
    ก็หวั่น ๆ อยู่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง และจะพร้อมกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่

    เมื่อถึงบ้านและพบเธอ เธอดูซูบไปมาก ใบหน้าหมองคล้ำ และไม่แสดงอาการอะไรนอกจากถามผม
เหมือนทุกครั้งที่ผมกลับบ้านว่า...
    เหนื่อยไหม
    หิวหรือยัง
    จะอาบน้ำก่อนหรือทานข้าวก่อน
    เธอเตรียมกับข้าวไว้แล้ว
    (ผมมารู้ทีหลังว่าตั้งแต่ผมจากไป เธอยังคงทำกับข้าวรอผมทุกวัน เพราะเผื่อวันใดผมกลับมา
จะได้มีอาหารพร้อม ไม่ต้องนั่งหิวรอ)
    ผมน้ำตาไหลเลยครับ พูดไม่ออก คว้าเธอมากอดและขอโทษ ครั้งนี้ผมลงกราบเท้าขอโทษเธอ
เหมือนครั้งที่เธอเคยกราบอ้อนวอนผมมาก่อน
    เพราะผมรู้สึกว่าผมทำร้ายของล้ำค่าของผมได้อย่างไร

    ผมปล่อยให้เธอจมอยู่กับความทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว โดยผมหนีไปหาความสงบคนเดียวได้อย่างไร
    ผมเป็นสามีที่เห็นแก่ตัวมาก ๆ
    เธอไม่โกรธเลย ยิ้มรับผม
    เราต่างกอดกันร้องไห้ทั้งคืนโดยไม่พูดอะไรเลย มันสื่อกันด้วยความรู้สึกน่ะครับ
    ไม่มีคำต่อว่าจากปากเธอแม้แต่คำเดียว
    ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา

    ตอนนี้เราก็กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วครับ
    เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 4 ปีแล้ว
    ตอนนี้เธอท้องแล้วครับ ผมอัลตร้าซาวนด์แล้ว ผมกำลังจะมีลูกชายครับ ผมดีใจมากและทุกวันนี้ก็ภูมิใจมาก
ที่มีศรีภรรยาคนนี้มาเป็นแม่ของเจ้าตังค์ (แอบตั้งชื่อไว้ก่อนน่ะครับ แบบว่าเห่อ)
    เราสองคนไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องนั้นอีกเลย มีเพียงแต่ว่าทุกสัปดาห์จะไปวัดด้วยกันและทำบุญตักบาตร
แผ่เมตตาให้แก่ลูกคนแรกของเธอครับ

    ผมเล่ามานี่ก็เพื่ออยากให้คุณคิดได้และเข้าใจว่า หลังพายุ ถ้าเราผ่านมันไปได้ หลังจากนั้นก็คือท้องฟ้า
ที่สงบและสดใส
    ผมไม่สามารถรับรองได้ว่าทุกท่านจะโชคดีเหมือนอย่างคู่ผม
    แต่ผมขออวยพร
    ผมมั่นใจว่าวันหนึ่งทุกคนต้องผ่านพ้นความทุกข์ไปได้ และพบกับสิ่งที่ดีงามครับ...

--------------------------------------------------------------------------

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกท่าน..วันนี้วันพุธ..ก็มีเรื่องดี ๆ มาฝากกันเช่นเคย..เอ๊ะ..หรือไม่ดีอ่ะ..อิอิ..  haha
จากบทความที่จั่วหัวไว้ต้นเรื่อง..หนังเรื่อง  Indecent proposal  นั้น..ถ้าใครยังไม่เคยได้ดู
แนะนำเลยครับ.. เป็นหนังรักที่ให้ข้อคิดแก่ชีวิตคู่ได้เป็นอย่างดีเลย..รักกันแล้วย่อมอภัยกันได้ทุกอย่าง..

"ถ้ามีคนเสนอเงินให้คุณ ล้านนึง (ล้านเหรียญ) แลกกับการอยู่กับแฟนคุณเป็นเวลา 1 คืน คุณจะยอมหรือไม่ ?
...เป็นบทเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ครับ...

หนังเรื่องนี้..ใครดูแล้วไม่หลั่งน้ำตา..มาเตะตรูดผมที่ปราจีนได้เลยครับ.. yuck

จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 00:43:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com