ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี แฟชั่น อะไรต่อมิอะไรออกมาเยอะ ขึ้นอยู่กับคนเลือกใช้ในทางไหน บางคนใช้ไม่ถูกทางหรือใช้แบบเกินฐานะตัวเองก็ทำให้เกิดปัญหาที่ จขกท ว่ามาค่ะ เห็นด้วยนะที่ว่าควรใช้อย่างมีสติกัน โดยส่วนตัวเราก็ใช้บ้างแต่เน้นตอนเซล แต่จะไม่ใช้บัตรเครดิตเพราะทำให้เกิดความอยากได้หลายอย่างแล้วก็เป็นหนี้ มีตัวอย่างจากเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันเรียนจบสมัครทุกบัตรเครดิตช่วง 2 ปีแรกเธอเห่อ ใช้ไปใช้มาเป็นหนี้หลายแสนเหมือนต้องทำไม่ให้มีตัวตนเพราะกลัวทางบัตรโทรตามหรือมาเช็คอะไรประมาณนี้ค่ะ เอาเป็นว่าตั้งสติก่อนจะซื้ออะไร มีกำลังไหวมั้ย อย่าอยากได้ตามกระแสละกันค่ะ จากคุณ : taoratty เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:12:11

ความคิดเห็นที่ 2 เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจที่ดีสุดในโลกอยู่แล้ว ตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง ประเทศที่รวยกว่าเรา เช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ขนาดรวยเท่านั้นยังบอกว่าเศรษฐกิจถดถอยเลย ดั้งนั้นเศรษฐกิจที่ดีไม่ใช่ความรวย  แต่เป็นการบริโภคทรัพยากรน้อยที่สุดแต่มีความสุขมากที่สุด จากคุณ : starbless เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:19:04

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นเำพราะทำอะไรหรือยากทำอะไำรที่เกินกำลังและเกินฐานะตนเอง   พอถึงจุดเปลี่ยนก็หาทางออกไม่ได้ ไม่ได้เกี่ยวว่าชนชั้นไหนๆ เลยค่ะ    ทุกคนทุกฐานะ มีปัญหาทุกคน  ปัญหาก็มากน้อยแตกต่างกันไป  ขึ้นอยู่กับจังหวะการตัดสินใจ การหาทองออก ว่าใครจะมองทางออกอย่างไร    แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดๆ สามารถยึดถือและนำไปเป็นหลักปฎิบัตได้ทุกคนคือ  หลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  ที่พวกเีราได้ิยินได้ฟังกันมาตลอด เมื่อได้อานได้เห็นตัวอย่างแล้ว เราจะรู้ได้เลยว่า เป็นรูปธรรมที่เราสามารถทำได้จริงๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 12:20:40 จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:19:26

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ตัวเองครับ..ว่าพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ไหม สมัยผมเรียนชั้นประถมฯ มีวิชาที่ว่าด้วยศีลธรรมและจริยธรรมครับ (ไม่ทราบว่าสมัยต่อๆมายังมีเรียนอยู่ไหมนะครับ) แล้วอีกอย่างการพัฒนาประเทศโดยใช้เศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศนั้น ยิ่งส่งผลให้"สังคมวัตถุนิยม" เฟื่องฟูขึ้นอย่างที่ศีลธรรมตามไม่ทันครับ จะใหม่แก้ตอนนี้ เวลานี้ก็คงจะไม่ทันครับ เพราะเรื่องนี้ฯมันเน่ามาตั้งแต่รากแล้วครับ.. มีทางเดียวคือตัดต้นฯนี้ทิ้งอย่างเดียว แล้วปลูกใหม่ครับ.... ส่งเสริมและจัดให้มีแผนพัฒนาจริยธรรมและศีลธรรมแห่งชาติครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 12:20:34 จากคุณ : ทะลายร่างทะลวงใจ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:19:45

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ารู้จักคำว่าพอเพียง จะเพียงพอค่ะ จากคุณ : 18 นะไม่ใช่อายุแต่เป็นมงกุฏ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:19:57

ความคิดเห็นที่ 6 สองสามปีที่แล้ว  ผมเคยพูดกับเพื่อนว่า ต่อไปใครที่ทนกับเศษฐกิจไม่ไหว  ก็มีอยู่สองทางเลือก  1  ไปปล้นจี้  2ก็ต้องไปผูกคอตาย  เพราะทุกวันนี้คนเป็นหนี้เยอ่ะมาก ใช้จ่ายเกินตัว  หาเงินยากแต่ใช้ง่าย  ใช้เงิน1000มีค่าแค่ 100 แต่ตอนหาเงินหา100เท่ากับหา1000  ยิ่งปีนี้ยิ่งหาเงินอยากมาก  คนที่เงินเดือน20000ขึ้น  รู้จักใช้เงินก็รอด  ส่วนค้าขายตอนนี้หาเงินยากมาก  คนที่เงินเดือนสูงก็เป็นหนี้เยอะมากที่ไม่รอด  บางคนใช้บัตรเครดิตเกินตัว  ใหม่ๆก็ชําระเต็ม  ใครบริหารเงินเป็นก็รอด  ถ้ารู้จักเก็บเงินไว้ใช้ยามจําเป็น แต่พอถือไปนานใครไม่รู้จักเก็บเงิน  สุดท้ายแล้วพอเป็นหนี้ ก็ไม่รอด  ไหนค่าผ่อนบ้าน  ผ่อนรถ ค่าใช้จ่าย  แล้วเป็นหนี้บัตรเครดิตอีก  ถึงเงินเดือนสูงก็ไม่รอด  ผมอยากให้เพื่อนๆประหยัดรู้จักใช้เงินนะครับ  จะได้ไม่เดือดร้อนอยู่ได้สบาย จากคุณ : เฮงดี (เฮงดี) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:26:01

ความคิดเห็นที่ 7 กระทู้ดีมีสาระ มีมุมมองแต่ละท่านน่าสนใจโหวตให้ค่ะ จากคุณ : ป้าลายคราม เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:31:47

ความคิดเห็นที่ 8 ว่าแล้ว ... ก็เอามือถือตัวเก่าไป เปลี่ยนเป็น I PHONE 4S อุตส่าห์ไปเข้าคิวตั้งแต่ ตี 5 นะเนี่ย.... เด๋วผมจะตกเทรนด์  galaxy s2 ตัวเก่ามันนานแระ จากคุณ : LODI เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:32:14

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นเพราะนับวันคนเราห่างไกลจากธรรมชาติ และยิ่งห่างไกลจากธรรมะ มากขึ้นไปทุกที ภูมิต้านทานภัยพิบัติในชีวิต ก็ลดน้อยถอยลงไป สังคมก็เลยวุ่นวายเช่นทุกวันนี้แหละโยม จากคุณ : แสนเชิง เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:39:54

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงคิดจะเป็นโจร ก็เชื่อว่าจะยากมาก เอาหัวคิดไปริเริ่มงานสุจริตอาจจะรวยกว่าก็ได้ ทุกคนมีช่องทางที่ผีปันที่นาไว้ให้แล้ว คนอื่นอยู่ได้เราต้องอยู่ได้ จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:46:38

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดิการการรักษาพยาบาล การกำหนดราคาสินค้าตามค่าต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งรัฐต้องผลักดันให้เกิดความสมดุลกับคุณภาพชีวิตประชาชนก็สำคัญครับ เห็นด้วยในยามปกติที่เราจะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงครับ แต่บ้างครั้งเมื่อต้นทุนกับรายจ่ายมันทำให้พอเพียงม่ได้ ก็แสดงว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งก็เพราะเราไม่ได้ดำรงชีพอยู่แค่ตัวใครตัวมัน จึงต้องมีกลไกที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไปรอดด้วยครับ ส่วนความฟุ้งเฟ้อนั้นเป็นเพียงบางส่วนของสังคมครับ โดยสรุปแล้ว ผมว่าสังคมยังมีมาตรฐานให้กับคนที่เป็นชนชั้นกลางหรือชนชั้นล่างไม่ดีพอครับ จากคุณ : I_AM_Y (I_am_y) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:49:20

ความคิดเห็นที่ 12 การศึกษาไม่เพิ่มคุณธรรม/จริยธรรมในตัวคน จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:58:36

ความคิดเห็นที่ 13 คนชั้นกลางเป็นโจรก็เพราะไม่รู้จักความพอดี ชนชั้นกลางเป็นชนชั้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี สื่อ และข่าวสารได้มากกว่าชนชั้นล่าง ดังนั้นถ้าคนไหนหัวอ่อนก็ถูกสื่อครอบงำได้ง่าย ไอ้ที่ไปท่องเที่ยวในสถานที่สุดฮิตเอย ไปเข้าคิวซื้อไอโฟน ไปเข้าคิวรอร้านชื่อดังเปิดใหม่เป็นวันๆตามกระแสมันก็ชนชั้นกลางทั้งนั้นล่ะ เห็นอะไรมันบูมขึ้นมาหน่อยก็เฮโลกันไปตามมัน แล้วเงินในกระเป๋าก็หมดแต่ความต้องการก็ยังมีไม่จบสิ้น สุดท้ายก็กลายเป็นโจรเพราะหาเงินง่าย แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 13:56:52 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:06:59

ความคิดเห็นที่ 14 ความอยาก 555+ อยากได้ อยากมี อยากจะเป็น อยากสบาย อยากรวย เหมือน คนอื่นๆ กัน 555+ สุดท้าย ก็ หมด ดาก 555+ สุดท้ายก็เกิด คดีต่าง ถ้าละความอยากได้ พวกเรา สังคมเรา ก็ บรรลุ โสดาบัน แล้ว 555+ จากคุณ : Julia-RoboT.JR เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:07:25

ความคิดเห็นที่ 15 ง่ายๆ สั้นๆ........................... มักง่าย  ขาดความอดทน   หวังสบายทางลัด ครอบครัวขาดการเน้นย้ำจริยธรรม สักแต่เลี้ยงแบบรดน้ำอย่างเดียว ไม่เคยคิดจะใส่ปุ๋ยความดีในจิตใจ โลกเลยหมุนรอบตัวมันอย่างเดียว สนองความอยากของตน  ไม่สนว่าใครจะเป็นจะตาย อย่างไร น่ากลัวขึ้นทุกวัน จากคุณ : เจ้ากก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:12:21

ความคิดเห็นที่ 16 พวกพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน... จากคุณ : บัตรผ่านชั้น ๒ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:27:01 A:125.25.14.211 X: TicketID:282558

ความคิดเห็นที่ 17 จะกลายเป็นอาชกรหรือไม่ขึ้นอยู่กับสติ-สตังของแต่ละคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนชั้น จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:41:02

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมมนุษย์เราจึงกระทำความผิด  คำถามนี้ได้มีการค้นคว้าวิจัย  โดยนักกฏหมายมานานแล้วเหมือนกันครับ ถ้าใครเรียนนิติศาสตร์ คงได้เรียนในวิชาเลือก "อาชญาวิทยาและทัณฑวิทยา" ซึ่งมีนักกฏหมายในสมัยก่อน  ได้ค้นคว้าวิจัย  หาสาเหตุที่มนุษย์กระทำความผิดไว้หลายๆท่าน  ที่น่าสนใจ  มีดังนี้ครับ (ข้อมูลจาก กูเกิ้ล) //////////////////////////   ซีซาเร ลอมโบรโซ (ค.ศ. 1836-1909) บิดาแห่งอาชญาวิทยา มีชื่อในการก่อให้เกิดทฤษฎีว่าด้วยสาเหตุแห่งการกระทำผิดทางวิทยาศาสตร์ ตามทฤษฎีนี้ว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ร้ายโดยกำเนิดเป็นผู้ที่มีรูปลักษณะของพันธุ์มนุษย์ที่ยังไม่เจริญ จึงมีความโน้มเอียงไปในทางดุร้ายเยี่ยงสัตว์ชั้นต่ำ ผู้ร้ายชนิดนี้มีรูปกายเป็นที่สังเกตได้มาแต่กำเนิด เมื่อบุคคลเกิดมาพร้อมกับความโน้มเอียงเช่นนี้แล้วการที่จะหลีกเลี่ยงการเป็นอาชญากรจึงเป็นกรณีพิเศษ กล่าวคือจะต้องมีสิ่งแวดล้อมด้านสังคมดีมาแต่กำเนิด และเมื่อขณะยังเยาว์วัยอยู่ก็จะต้องได้รับการอบรมดีเป็นพิเศษ มิฉะนั้นก็หลีกจากอาชญากรไปไม่พ้น ผู้ร้ายโดยกำเนิดนี้ท่านลอมโบรโซอธิบายว่า 1. รูปร่างมีเค้าต่างกับมนุษย์ตามปกติ คือ กะโหลกศีรษะจุ 1101-1200 ซ.ม. ลูกบาศก์ มีคนร้ายมากกว่าคนดี ผู้ร้ายจำพวกนี้ เป็นผู้ร้ายลักทรัพย์ กะโหลกศีรษะจุ 1201-1250 ซ.ม. ลูกบาศก์ มักจะมีคนสติไม่สมประกอบ กะโหลกศีรษะจุ 1251-1300 ซ.ม. ลูกบาศก์ คนร้ายมากกว่าคนดี มีผู้ร้ายฆ่าคน เป็นส่วนมาก ลักทรัพย์มีน้อย กะโหลกศีรษะจุ 1401-1450 ซ.ม. ลูกบาศก์ จำนวนคนร้ายกับคนดีเท่ากัน กะโหลกศีรษะจุ 1451-1500 ซ.ม. ลูกบาศก์ จะมีคนร้ายมากกว่าคนดีนิดหน่อย กะโหลกศีรษะจุ 1501-1550 ซ.ม. ลูกบาศก์ จำนวนคนดีมากกว่าคนร้าย ลักษณะอย่างอื่นมี หูกาง หน้าผากแคบ จมูกรั้น ขากรรไกรยื่น 2. อาการภายใน มีเส้นประสาทแข็งไม่ตื่นเต้นถึงการยั่วยวน มีจิตใจเมินเฉยต่อ ศีลธรรม นอกจากผู้ร้ายโดยกำเนิดดังกล่าวแล้วท่านลอมโบรโซได้แบ่งแยกผู้ร้ายออกเป็น 4 ชนิด คือ ผู้ร้ายโดยเคยชิน ผู้ร้ายโดยเผอิญ ผู้ร้ายโดยโทสะหรือโมหะ และผู้ร้ายโดยมีจริตไม่สมประกอบ ในคำอธิบายเกี่ยวกับผู้ร้ายชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้ว ท่านลอมโบรโซ ซึ่งถึงแม้จะทำงานเป็นนายแพทย์ประจำกองทัพบกอิตาลี และมีความเชื่อด้านพันธุกรรมและด้านจิตวิทยาอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า สิ่งแวดล้อมด้านสังคมมีส่วนในอาชญากรรมด้วย       เอนริโก เฟอริ (ค.ส. 1856-1929) เป็นศาสตราจารย์สอนกฎหมายอาญาใน มหาวิทยาลัยแห่งกรุงโรม ได้อธิบายเหตุแห่งการกระทำผิดในทัศนที่กว้างกว่าลอมโบรโซ ท่านผู้นี้ว่ามีเหตุอยู่ 3 ประเภท ประเภทแรกสืบเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประเภทที่สองสืบเนื่องมาจากพันธุกรรม  และประเภทที่สามสืบเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมด้านสังคม เช่น ความหนาแน่นของพลเมืองสภาพเศรษฐกิจและสถาบันทางการเมือง ท่านได้อธิบายผู้กระทำผิดเป็นโรคจิตอย่างกว้างขวาง และรับรู้ ว่ามีผู้ร้ายโดยกำเนิดเช่นเดียวกับลอมโบรโซ ความคิดเห็นของท่านที่ได้รับความยกย่องก็คือที่ท่านเสนอแนะให้ใช้ “วิธีการเพื่อความปลอดภัย” แทนการลงโทษ ท่านว่าการลงโทษนั้นต่อต้านและป้องกันอาชญากรรมได้ภายในขอบเขตจำกัดเท่านั้น ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของนักอาชญาวิทยาที่เชื่อเหตุด้านสังคมจะต้องแสวงหาวิธีการอื่น ๆ เพื่อป้องกันอาชญากรรม  วิธีการเพื่อความปลอดภัยที่ท่านผู้นี้เสนอแนะคือ เสรีภาพในการค้า เสรีภาพในการเดินทางเข้าและออกจากประเทศ การเก็บภาษีให้เก็บตามความสามารถที่จะชำระ ปรับปรุงงานสาธารณประโยชน์ให้ดีขึ้น สงเคราะห์เด็กที่ถูกทอดทิ้ง และห้ามโฆษณาข่าวและภาพที่ยั่วยุให้เกิดอาชญากรรม ดังที่เคยปรากฏในหนังสือพิมพ์เป็นต้น     กาเบรียล ทาร์ด เป็นนักค้นคว้าชาวฝรั่งเศส มีชื่อเสียงเกี่ยวกับทฤษฎีการเอาอย่างว่าเป็นเหตุแห่งการกระทำความผิด อธิบายว่าอาชญากรรมเกิดในกลุ่มชนชั้นสูงก่อนแล้วชนชั้นต่ำก็เอาอย่างเป็นกฎของสังคม ท่านผู้นี้ไม่เชื่อว่ามีผู้ร้ายโดยกำเนิด ดับลิว.เอ.บองเกอร์ ท่านผู้นี้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจนายทุนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นเหตุอย่างหนึ่งของอาชญากรรม ท่านอธิบายว่าการขาดที่อยู่อาศัยหรือที่อยู่อาศัยคับแคบหรือไม่น่าอยู่การขาดการศึกษา ความยากจนเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากระบบเศรษฐกิจนายทุน จึงเป็นเหตุแห่งอาชญากรรม ////////////////////     จากแนวคิดของนักกฏหมาย-นักอาชญาวิทยา ที่มีชื่อเสียงข้างต้น  จึงเห็นว่า  มนุษย์เรา  อาจสามารถกระทำผิดและเป็นอาชญากรได้ทั้งนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย โดยสรุปอาจแบ่งออกเป็น อาชญากรโดยกำเหนิด  อาชญากรวิกลจริต  อาชญากรโดยอารมณ์( ปกติไม่ใช่คนเลวร้าย แต่เหตุที่ก่อความผิดเพราะอารมณ์อันร้ายแรง เช่น ความโกรธแค้น)      อาชญากรโดยโอกาส ( มีโอกาสเอื้ออำนวยให้ทำผิด หรือ อยู่ในสังคมที่ไม่ดีเลยทำผิดไปกับเขา)   ขอร่วมแสดงความเห็นเพียงเท่านี้ครับ     ปล. เพิ่มเติม  กรณีชนชั้นกลางกระทำความผิด  น่าจะเป็นกรณี  ที่  กระทำผิดเพราะอารมณ์(เกิดจากการบันดาลโทสะ หรือ ราคะจริต)  หรือ  กระทำผิดเพราะโอกาสเอื้ออำนวยให้กระทำความผิดหรือตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย    เสียมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 13:57:22 จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:51:26

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าตกงานตอนนี้ไม่ว่าจะพอเพียงยังไงก็แย่ครับ ของแพงจริงๆ เงินเก้บก้คงใช้ไม่ได้ตลอดแน่ งานใหม่ก้คงไม่ง่ายเช่นกัน ทำได้แค่ อดทน หรือ ทนอด จากคุณ : chet123654 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 13:54:54

ความคิดเห็นที่ 20 จะชนชั้น กลาง สูง ต่ำ โจรก็คือโจร จากคุณ : เวลาที่หายไป เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 14:10:48

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนน้อยมั้งครับ ที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจจริงๆ   ส่วนมากเท่านี่อ่านเป็นพวกติดการพนันทั้งนั้นเลยอะ จากคุณ : OSK29560 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 14:11:02

ความคิดเห็นที่ 22 อืม ผมว่าคนจบป.ตรีก็อาจไม่ใช่ชนชั้นกลางเสมอไปนะ ก็อาจเป็นแค่ชนรากหญ้าเท่านั้นแหละ เพื่อนผมหลายคนตามตามกระแส ตามแฟชั่น และวัตถุนิยม ถูกความโลภครอบงำจิตใจไปหมดแล้ว เห็นคนอื่นมีไอโฟน ก็อยากมีด้วย เห็นคนอื่นมีไอแพด ก็อยากมีด้วย เห็นคนอื่นมีไอพอด ก็อยากมีด้วย เห็นคนอื่นมีรถเก๋ง ก็อยากมีด้วย เห็นคนอื่นมีซัมซุงกาแลกซี่ ก็อยากมีด้วย คือผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนมากหรอก แต่เตือนๆบ้างแบบห่างๆ คือว่า ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เท่าไหร่ เช่น โทรศัพท์ มือถือ รุ่นไหนมาแรง รุ่นไหนเป็นที่นิยม อะไรยังไง ผมไม่รู้เรื่อง ไม่เคยสนใจเลย แต่เพื่อนหาว่าผมโบราณซะงั้น - - เเต่ผมเฉยๆ จากคุณ : - - เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 14:16:14 A:119.46.176.222 X: TicketID:343959

ความคิดเห็นที่ 23 ความโลภมีกันทุกชนชั้น  ว่าแต่จะแสดงออกมาอย่างไรเท่านั้นเอง จากคุณ : nAHMLeMoN เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 14:26:00

ความคิดเห็นที่ 24 ขอเพิ่มเติมอีกหนึ่งอาจนะคะ คือ อาจใช้ความคิดไม่พอ เราไม่รู้ว่าคนที่จี้ปล้นได้คิดทบทวนก่อนที่จะทำรึเปล่า คือ พร้อมแล้วใช่ไหมที่จะทิ้งชีวิตเดิมๆ(ที่น่าเบื่อ)ทั้งหมด แลกกับการหนีตลอดไป(ได้ความตื่นเต้นแทนความเบื่อ) หรือ คุกเป็นปีๆ (ได้ความกลัวแทนความเบื่อ) อย่างกับรายล่าสุด สถาปนิกจับน.ศ.เกษตร ทำไม่สำเร็จ(ไม่ได้เงิน 2 ล้าน) แต่ทำลายชีวิตสำเร็จไป 5 ชีวิต จากคุณ : goodji เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 15:14:27

ความคิดเห็นที่ 25 โทษนั่น โทษนี่... แต่ไม่เคยโทษตัวเอง ว่าเพราะอะไรทำไมถึงมาเป็นแบบนี้ คนเราไม่เคยหยุดสำรวจตัวเองว่าดีพอหรือยัง ไม่เคยหยุดคิดว่าทำดีหรือยัง หรือยังทำได้ไม่ดี กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ดีก็เผลอพลาดทำผิดไปแล้วค่อยมาสำนึกรู้ตัวเมื่อสาย ได้มีเวลามาหยุดคิดในตอนที่ชีวิตถูกจองจำ ลองย้อนกลับไปถามพวกเค้าทั้ง 5 คนดูตอนนี้สิ ... รับรองถ้าย้อนเวลาได้ก็คงไม่คิดจะทำ และคงจะหาทางออกอื่นแทน ถ้าหยุดคิด หยุดสำรวจตัวเองสักนิด ก็คงไม่เสียอนาคตทั้งหมดไปเช่นนี้กันหรอก... สรุปทุกอย่างอยู่ที่ตัวคนทั้งนั้น จะยากดีมีจน แทบไม่มีผลในการตัดสินใจที่จะทำเลว นอกเสียจากจิตใจฝักใฝ่ด้านเลวอยู่ก่อนแล้ว จึงจะลงมือทำได้โดยไม่ต้องคิดให้ยาก หากจิตใจถูกอบรมสั่งสอนและฝักใฝ่มาในด้านที่ดีมากกว่า ก็จะคิดแล้วคิดอีก ก็จะคิดมากจนกลัวและละอายในสิ่งที่กำลังจะทำหากมันผิด มันบาปต่อผู้อื่น สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำและหาทางออกอื่นที่ดีต่อไป... การศึกษามีแต่เหมือนไม่ช่วยอะไร เพราะจิตใจได้ฝักใฝ่ไปอีกทางแล้ว ถึงเลือกที่จะทำเช่นนั้น... จากคุณ : <<karas >> (<<karas >>) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 15:49:17

ความคิดเห็นที่ 26 คนจบ ป.ตรี ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนชั้นกลางเสมอไปนะครับ สมัยนี้บุตรหลานคนรากหญ้าจบ ป.ตรี กันเป็นส่วนมาก ต่อโทกันก็เยอะครับ เป็นเพราะวัตถุนิยม กับ ความฟุ้งเฟ้อบริโภคนิยม ลองดูโฆษณาในทีวีดิ มีสินค้าสักกี่ชิ้นที่ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย เหตุผลของโจรส่วนใหญ่ ติดหนี้การพนัน หรือไม่ก็ปล้นเอาไปเที่ยวเตร่ พอเที่ยวมากๆก็มีปัญหายาเสพติด จากคุณ : พวงไสว เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 15:56:44

ความคิดเห็นที่ 27 คห.18 น่าจะไปหว้ากอบ่อย ตอบแบบนี้ ชอบมากครับ จากคุณ : กะโหลกบางตายช้า เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 16:05:17 A:124.120.21.214 X: TicketID:343809

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าเพราะเป็นพวกจมไม่ลง ไม่ก็ติดหนี้บัตรเครดิตไม่ก็หนี้พนันบอล แล้วหาเงินมาจ่ายไม่ทัน ผมเคยตกงาน 2 ปี ตอนนั้นมีเงินเก็บแค่ 4 หมื่นบาท ใช้อย่างประหยัด 2 ปี 4 หมื่นยังเหลือๆเลย กินข้าวบ้าน ใช้มอไซค์ ไม่เที่ยวฟุ้งเฟ้อถ้าไม่จำเป็น วันนึงใช้ 100 นึงยังไม่ถึง แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 55 16:22:27 จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 16:21:51

ความคิดเห็นที่ 29 ลองไปยืนดูที่รับจ่ายบัตรจ่ายหนี้ทั้งหลาย แถวยาวยังกับขอส่วนแบ่ง แล้วไง ชอบกันนักเอาเงินอนาคตมาใช้กันก่อนนี่ กลายเป็นงูกินหางตัวเองฉิบ จากคุณ : เจ้ากก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 17:29:37

ความคิดเห็นที่ 30 มันไม่ใช่แค่ วิชาจริยธรรมหรอกครับ วิชาที่แทบไม่มีการเรียนการสอนเลยคือ วิชา การบริหารการเงินส่วนบุคคล ครับ จากคุณ : คุณชายเอก เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 18:05:22

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆแล้ว ก็เห็นด้วยกับ จขกทนะ แต่เรื่อง แฟชั่น การแต่งตัว เทรน เกาหลี ฝรั่ง  โทรศัพท์มือถือ ไอโฟน ไอแพ็ด หรือการมีรถของตัวเอง คอนโด เนี่ย มันกลายเป็นเรื่องภายนอกที่จำเป็น เพราะใครๆก็ชอบคนดูดี มีสไตล์  มันดึงดูดทั้งความเจริญในเรื่องงานและหลายๆอย่าง ลองคิดดู หากแต่งตัวเชยๆ ไม่มีมือถือ ไม่มีคอนโด หรืออะไรพวกเนี่ย ผู้หญิงเขาก็ไม่สนใจ  การเป็นคนดีแต่ภายนอกไม่ดึงดูดเนี่ย มันหมดยุคไปแล้วจริงๆ ผมเองก็เคยต่อต้านอยู่ แต่ตอนนี้ยอมแพ้แล้ว 2-3 วันก่อนเงินเดือน+โบนัสออก ก็ต้องไปซื้อเจ้า Gadget ที่ว่ารวมทั้งถอยป้ายแดงด้วย  ไม่ไหว  ไม่มีของพวกนี้สาวๆไม่มองจริงๆ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 20:06:36

ความคิดเห็นที่ 32 ป.ตรี เดี๋ยวนี้ ใครๆ ก็จบครับ จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:22:41

ความคิดเห็นที่ 33 เราสงสัยหนุ่มสถาปนิกที่ลักพาตัวแล้วฆ่าน่ะ คิดอะไรอยู่ เป็นสถาปนิกน่ะ มีดีอยู่กับตัว มีวิชาชีพที่คนอื่นไม่มีแล้ว ทำไมคิดสั้นอย่างนี้ จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:23:58

ความคิดเห็นที่ 34 อยู่ที่ใจ กำพืด สันดาน ชนชั้นสูงเลวๆเยอะแยะไป คนรากหญ้าดีๆก็มหาศาล เกี่ยวอะไรกับชนชั้นกลาง ป.ตรี บ้าบอคอแตก จากคุณ : alexiz เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:25:57

ความคิดเห็นที่ 35 รายได้ต่ำ แต่รสนิยมสูงน่ะค่ะ ดูออฟฟิศ เราเป็นตัวอย่างได้เลย จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 00:05:23

ความคิดเห็นที่ 36 ชนชั้นกลาง ส่วนใหญ่ ความสามารถ ในการเอาตัวรอด ต่ำ ครับ จบมาปุ๊บ ก็ไปสังกัด บริษัท ทำงาน เป็นลูกจ้าง คนอื่น... ไม่ได้เริ่ม จากศูนย์ งานต่ำ,งานสกปรก,งานใช้แรง ทำไม่เป็น เป็นแต่ จับปากกา กับคีย์บอร์ด นั่งเก้าอี้บุนวม ต้องมีห้องแอร์ คราวนี้ พอไอ้ที่ตัวเองสังกัด ไม่ให้อยู่ ออกมา ก็เหมือน ตัวเปล่า ไม่รู้จะไป ทางไหนดี จะไปขายเสื้อผ้า,ทำอาหาร,ขายขนม ก็ไม่เป็น ต้องไปเสียเวลาเรียน เวลาหัดใหม่ หัดไม่ไหว เพราะร่างกาย ไม่ให้ ชินกับการ อยู่ห้องแอร์,เฝ้าหน้าคอม,หยุดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ,เที่ยวทุกหน้าหยุดเทศกาล สิ่งที่ทนลำบาก รอได้นาน คือ ยืนรอซื้อ ไอโฟน หน้าห้าง ตอนเที่ยงคืน กับ รอคิว กินคริสปี้ครีม...พอสิ่งเหล่านี้ หายไป ก็ทำไม่ไหว เหนื่อยปานขาดใจตาย แล้วก็ล้มเลิก ไป พองานสุจริต แต่ต่ำพื้น ทำไม่ได้ ตัวเลือก ก็เหลือแค่ ไม่ขอทาน ก็เป็นโจร ไปลักเล็ก ขโมยน้อย ใจกล้าหน่อย ก็ก่ออาชญากรรมใหญ่ ฯลฯ บั้นปลาย ก็คุกตะราง เคยมีคน มาสมัครงาน ที่ร้าน ท่าทาง มีความรู้ บางคน จบตรี บางคน ปวช.แต่ทำงาน เสิร์ฟ แค่วันเดียว ก็เผ่นหมด คนหนึ่ง มื้อไ้ม้ขาวผ่อง นุ่มนิ่ม ขนาดอายุ 37 แล้ว(แก่กว่า ตูอีก) บอกไม่ชอบเปื้อนน้ำมัน,ไม่ชอบงานเลอะ ขนาดยังไม่ใช้ไปถูพื้น วันเดียวยังเผ่นแน่บ อีกคนมา นั่งเฉยๆ แต่งหน้า ครึ่งวัน โทรหาเพื่อน ครึ่งวัน พอให้วิ่งเสิร์ฟ หลายโต๊ะหน่อย วันถัดมา รีบโทรมาบอกแต่เช้าตรู่ ว่าแม่ป่วย ทำงานไม่ได้ แล้วก็ไม่มา อีกเลย จนทุกวันนี้ ครับ แค่ประสบการณ์ เล่าให้ฟัง เฉยๆ อยากบอกว่า ชนชั้นกลาง กทม.ยิ่งฉลาดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งขี้เกียจ และเลือกงาน มากขึ้น เท่านั้น ครับ จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 02:26:21