แชร์ประสบการณ์โดนยัดเยียดให้ซื้อประกันทางโทรศัพท์...ภัยเงียบของสังคมที่เรียกว่าTelemarketting หรือTelesale
|
 |
สวัสดีคะ
ดิฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆที่พอเรียนจบทำงานมีเงินเดือนปุ๊บก็อยากมีบัตรเครดิตเอาไว้ผ่อนสินค้าหรือซื้อตั๋วคอนเสิร์ตทางอินเตอร์เน็ตได้สบายๆ
ก็เลยสมัครบัตรเครดิตต่างๆไว้แบบหว่านๆ เพราะกลัวโดนปฎิเสธเนื่องจากพึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน
ปรากฎว่าตอนนี้ได้บัตรเครดิตมาสามใบแล้วคะ(ไม่น่าโลภเลยเรา)
ของไทยพาณิชย์ กสิกร แล้วก็เคทีซี
วันเวลาผ่านมาได้เดือนนึงก็ชื่นมื่นดีไม่มีปัญหาอะไร
แต่ในเย็นวันที่24ธันวาคมนี่สิคะ เป็นต้นกำเนิดมหากาพย์ประกันภัยนรกแตกของดิฉัน เนื่องจากเช้าวันนั้นต้องแหกขี้ตาตื่นไปสอบTOEICแต่เช้า บ่ายบึ่งกลับมาเรียนขับรถ แล้วตอนเย็นก็ต้องมานั่งจัดเหล่าบิ๊กอาย(คอนแทคเลนส์)ที่พึ่งสั่งมาใหม่มากมายลายตาไปหมด ทำให้สติสะตังค์เหลืออยู่ไม่ค่อยครบเท่าไหร่ ขณะกำลังง่วนจัดของอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์เบอร02โทรเข้ามา ก็รับไปแบบไม่คิดอะไร
ตอนแรกมันก็ฝอยใส่แบบไม่หยุดหายใจ(จริงๆ)ก่อนเหมือนให้เราเข้าใจว่ามันมาจากมาสเตอร์การ์ดหรืออะไรทำนองนี้ แต่เอาเป็นว่ามาจากบัตรเครดิต และตอนนี้มีโปรโมชั่นประกันภัยออมทรัพย์ของบริษัทเจนเนอราลี่(ไม่เห็นจะเคยได้ยิน) ซึ่งลิ้งกับทางบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดโดยตรง ทำให้เราไม่ต้องตามจ่ายค่าประกันเองแต่จะตัดจากบัตรเครดิตเราเลย บลาๆๆ(ราวกับให้ผิวหนังหายใจแทนจริงๆ) แล้วนางก็ถามข้อมูลนู่นนี่ เช่นชื่อ ที่อยู่ วันเกิด รหัสบัตรประชาชน เลขที่บัตรเครดิต เราก็เข้าใจว่านางเช็คข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตนผู้รับสิทธิ์(ตอนนั้นมันบอกอย่างนี้) พอเริ่มถามคำถามสุขภาพเราถึงพึ่งเริ่มเข้าใจว่ามันกำลังขายประกันเราอยู่ ทีนี้เราก็เริ่มวางบิ๊กอายและฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น เราก็เริ่มย้อนถามถึงเงื่อนไขและรูปแบบของประกันอย่างจริงจัง มันก็รัวใส่ว่ายอดเงินประกัน200,000บาท จ่ายเดือนละ2,880บาท ครบปีมีเงินคืนให้ก่อนเลยปีละหมื่น เราก็อืมๆออไป พอมันบอกว่าให้พูดว่าตกลงเพื่อยอมรับสิทธิ์ เราก็ไฮ้อะไรนะ จะให้ตกลงเลยได้ไง มันก็ยัดเยีดให้พูดสุดๆแบบประกันจำเป็นอย่างนู้นอย่างนี้
ตอนนั้นคุยมาชั่วโมงกว่าๆแล้ว เราเบลอและเหนื่อยมาก มันก็ยังไม่ยอมวาง เอาแต่จะให้เราพูดตกลงๆ เราก็เลยบอกไปว่า ไอ้ที่ตกลงนี่ไม่เกี่ยวกับการซื้อขายประกันใช่ไหม เป็นแค่การตกลงรับข้อมูลเอกสารมาศึกษานะ มันก็บอกว่าใช่ๆ เราก็เลยบอกว่า ตกลงจะรับเอกสารข้อมูลประกันมาพิจารณา แต่ยังไม่ได้หมายความว่าจะซื้อนะ มันก็น้ำเสียงรื่นเริงขึ้นมาทั้งทีก่อนจะยอมวางไป
ทีนี้พอวางปุ๊บเราก็เริ่มตาสว่าง เลยมาเปิดเน็ตถามคนในบอร์ดสยามว่าอย่างนี้จะอันตรายไหม คนที่ห้องสยามก็บอกว่าไม่ได้นะ อย่างนี้แปลว่าเราได้ตอบตกลงทำประกันไปแล้ว จะต้องรีบยกเลิกโดยด่วน เราก็ใจเสียแล้ว รีบโทรติดต่อกลับเบอร์บริษัทTelesaleก็ไม่มีใครรับสายเสียแล้ว
(เป็นอีกกลยุทธหนึ่งที่ฉลาดมากของบริษัทนรกพวกนี้ โทรมา6โมงเย็นวันเสาร์ พอวางสายปุ๊บเราจะโทรกลับไปยกเลิกก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะมันชิ่งปิดออฟฟิสไปแล้ว แถมยังติดวันอาทิตย์อีกวันหนึ่ง ซึ่งทำให้เรายกเลิกได้ช้าออกไปอีก)
เช้าวันอาทิตย์เลยรีบโทรเข้าcall centerของบัตรเครดิต แล้วบอกเขาไปว่าโดนมิจฉาชีพโทรมาถามข้อมูลส่วนตัว พนักงานเขาเลยอายัดบัตรให้ แต่เขาก็บอกว่ามันมียอดเข้ามาแล้วนะตอน6โมงเย็นเมื่อวาน
(ห่านเอ้ย กรมธรรม์อะไรก็ยังไม่เห็น ตัดเงินเราไปได้ไง)
เราก็เลยแจ้งให้เขาตั้งพักหนี้ไว้ พนักงานเขาก็โอเคๆ
พอเย็นหน่อยก็โทรไปที่บัตรเครดิตอีก(สลับกับโทรหาบริษัทนรกนั่น) เริ่มแจ้งปัญหากับเจ้าหน้าที่ให้ละเอียดขึ้นว่าเราได้โดนหลอกให้ทำประกันไป จะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไรบ้าง ทางบัตรเขาก็บอกว่าการแจ้งอายัดบัตรเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะพอเปลี่ยนบัตรใหม่ มันก็จะมาตามเก็บเงินกับบัตรใหม่เราได้อีก เราต้องไปแจ้งยกเลิกกับทางประกันให้ได้ก่อนวันจ่ายเงิน ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องจ่าย แต่ถ้าตั้งพักยอดไว้ เราก็จะไม่ต้องจ่ายในรอบบบิลนั้น ถ้าเขาพิสูจน์ได้ว่าเราได้ยกเลิกกับทางประกันแล้วจริงๆ เขาก็จะลบยอดนี้ไปให้ แต่ถ้าเรายังทำการยกเลิกประกันไม่ได้ เราต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มนับจากวันที่การตั้งพักหนี้ถูกอนุมัติ
เราเลยบอกว่างั้นขอไปลุยกับทางประกันก่อน แล้วค่อยติดต่อมาใหม่
(บอกได้เลยว่าเป็นวันคริสต์มาสที่ดาร์คที่สุดในรอบยี่สิบสามปีที่ผ่านมา)
แล้วพอวันจันทร์ก็รีบโทรจิกไปที่ไอ้บริษัทTelesale โทรไปตั้งแต่8โมงเช้า กว่าจะโทรกลับปาเข้าไปบ่ายสอง มันก็เข้าอีหรอบเดิมๆที่หลายๆคนโดน คือ เรื่องมันออนไลน์ไปแล้ว ยกเลิกไม่ได้ ต้องรอกรมธรรม์มาถึงจะทำเรื่องยกเลิกได้
(กฎหมายประเทศไทยจงเจริญ ไอ้ตอนทำทำไมงั้นง่ายยิ่งกว่าเคี้ยวข้าว แต่พอจะยกเลิกที่ยากเย็นยิ่งกว่าประดิษฐ์ระเบิดนิวเคลียร์อีกเนี่ยยยย)
เราก็ได้ งั้นเอกสารมาเมื่อไหร่เราเจอกันแน่
หลังจากนั้นสองวันเราก็ยุ่งอยู่กับการสอบใบขับขี่และไปสัมภาษณ์งานใหม่ ทำให้ไม่มีเวลาเดินเดินเรื่องต่อ
แต่พอวันพฤหัส(29ธันวา)ทางบริษัทประกันโนเนมนั่นมันก็ติดต่อมานำเสนอประกันตัวอื่นๆ เราก็เสียงแข็งใส่ว่า จะยกเลิกอยู่เนี่ย(โว้ย) มันก็บอกว่างั้นต้องไปติดต่อกับcall centerของบริษัทเอง(เจริญ...) เราก็จิ้มเลย โทรไปcall centerของประกัน แจ้งยกเลิก มันก็บอกว่าได้รับเรื่องไว้ให้แล้ว ให้จดเลขที่กรมธรรม์เราไว้ เวลาติดต่อมาจะได้สะดวก
(บร๊ะ แค่ไม่กี่วัน เลขที่กรมธรรม์ออกแล้ว เร็วเกิ้นนนน)
อีก5วันทำการจะมีเจ้าหน้าที่โทรไปสอบถามข้อมูล(อะไร?)เพื่อยกเลิกกรมธรรม์ ถ้าไม่มีใครโทรไปให้โทรมาสอบถามได้(แน่สิะยะ)
แล้วหลังจากนั้นเราก็นอนร้อนใจไปอีกสี่วันที่เหลือของการหยุดปีใหม่ เป็นการฉลองปีใหม่ที่มีอาการเหมือนคนบ้า เดี๋ยวก็สนุกสนานเฮฮา เดี๋ยวก็เครียดแตกเรื่องประกัน พอวันที่สามก็รีบโทรไปใหม่ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว พร้อมกับแอบวีนใส่ประกันไปว่าตอนนั้นไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะซื้อ แล้วทำไมมามั่วกันแบบนี้ มันก็เริ่มหงุดหงิดใส่ เสียงขุ่นๆกลับมาว่า เรื่องนี้ต้องไปคุยกับทางผู้ขายเอาเอง ส่วนเรื่องยกเลิก ยังไงก็ต้องโทรมาใหม่วันที่10มกรา เราก็อยากจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์
พอวันที่4มกราก็มีกรมธรรม์ส่งมา(อิพวกยัดเยียดนี่เร็วดีเหลือเกิน) เราก็โทรไปปรึกษาคนรู้จักที่ขายประกันว่าทำยังไงดี เขาก็บอกให้เราส่งกรมธรรม์กลับไปพร้อมหนังสือแจ้งยกเลิกกรมธรรม์(เหมือนจดหมายธุรกิจอ่ะแหละ พิมพ์เองเขียนเองเลยคะ แล้วอ่านให้พี่ที่เป็นคนขายปรักันฟังเขาบอกว่าใช้ได้แล้ว) และต้องส่งแบบบริการลงทะเบียนตอบกลับ เพื่อที่เราจะได้มีใบเหลืองจากไปรษณีย์ยืนยันว่าเอกสารได้ส่งถึงบริษัทแล้วอย่างแน่นอน เราก็จัดเต็มครบชุด พอเช้าวันที่5ก็โทรไปแอ๊บแบ๊วใส่call centerบริษัทประกันว่าได้รับกรมธรรม์ จะต้องทำอย่างไรบ้าง มันก็บอกให้เราส่งเอกสารกลับมาที่แผนกบริการกรมธรรม์
(ร่างจดหมายขอยยกเลิกประกันไว้เผื่อสำหรับแผนกนี้แล้ว แบบว่าถ้ามันให้ส่งไปแผนกไหนอิฉันมีให้หมดแหละเจ้าคะ เพราะหลังจากวันที่โดนโทรมาขาย ก็ไปสืบข้อมูลของบริษัทtelesaleกับบริษัทประกันมาหมดว่าอยู่ที่ไหน มีแผนกอะไรบ้าง เผื่อต้องลุยถึงรังมันน้องก็จะทำ!!!)
แต่รอบล่าสุดที่โทรไปนี่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่คนเดิมรับ(โทรไปบ่อยจนจะเป็นญาติกันอยู่แลัว) พอบอกชื่อ สกุล แล้วก็เลขที่กรมธรรม์ เขาก็บอกเหมือนเดิมว่าได้รับเรื่องไว้แล้วนะ ยังไงก็ต้องรอดูวันที่10ว่าจะยกเลิกได้ไหม
ตอนนี้เรื่องของเราก็ยังไม่จบ เพราะพึ่งส่งเอกสารไปเมื่อวันพฤหัส ตอนนี้ใบเหลืองตอบกลับก็ยังไม่มา เดี๋ยวว่ายังไงวันที่10นี้จะโทรไปจิกที่บริษัทประกันอีกรอบ ถ้าเฉไฉล่ะก็ แม่ลุยถึงออฟฟิสแน่ ลางานก็ลางาน ขอแค่ได้ลุยเป็นพอ อย่างไรเสียตัวตายแต่ขอให้ได้ใบยืนยันการยกเลิกประกันมาเพื่อทำให้บัตรเครดิตฉันพ้นมลทินเป็นพอ จะให้แฟกซ์เราห็พร้อม แฟกซ์มาได้เลย ไม่กลัว ขอแค่มีใบมายืนยันว่าได้ยกเลิกประกันแล้วเท่านั้นแหละ
ใครที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนช่วยแนะนำหน่อยเถอะคะ ว่ามีอะไรที่เรายังทำได้อีกเพื่อมัดไม่ให้ไอ้บริษัทประกันมันทำเฉไฉยืดเรื่องการยกเลิกประกันไปอีก
เราควรต้องติดต่อกับไปปรึกษาอะไรเพิ่มเติมกับทางธนาคารไหม แบบว่าต้องคอยโทรเช็คเรื่องยอดไหม เพราะตั้งแต่ได้มายังไม่ได้ใช้บัตรซื้ออะไรเลยนอกจากที่โดนยัดประกันเส็งเคร็งมาเนี่ย
(ว่าจะโทรหาคปภ.ก็ยังไม่ได้โทรสักที นี่ถ้ามีเวลาและทุนทรัพย์อยากจะฟ้องร้องไอ้พวกทำนาบนหลังคนแบบนี้ให้มันขยาดไปเลย แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เอาตัวเองให้รอดจากการจ่ายเงินค่าเบี้ยให้ได้ก่อน)
แล้วถ้าเราต้องจ่าค่าเบี้ยประกันไปก่อนหนึ่งงวดจริงๆมันจะส่งผลอะไรต่อการแจ้งยกเลิกประกันของเรามั๊ย ถ้าอย่างนั้นจะได้fightไม่จ่าย
ใครที่เคยเจอและแจ้งยกเลิกได้มันต้องมีเอกสารอะไรจากบริษัทประกันเพื่อเป็นหลักฐานในการยกเลิกบ้างคะ
และที่สำคัญ ถ้ามันไม่ยอมแจ้งไปที่ธนาคารว่าเรายกเลิกแล้ว เราสามารถติดต่อส่งเอกสารหลักฐาน เช่น สำเนาหนังสือขอยกเลิกประกัน ใบเหลืองที่ยืนยันว่าทางบริษัทประกันได้รับหนังสือแจ้งยกเลิกของเราแล้ว ใบยืนยันการยกเลิกของบริษัทประกันพวกนี้ไปยืนยันกับธนาคารได้หรือเปล่าคะ ว่าเราได้แจ้งยกเลิกไปแล้วจริงๆ
ขอขอบคุณทุกเม้นล่วงหน้านะคะ เหนื่อจริงๆกับการต่อสูกับพวกทำนาบนหลังคนพวกนี้ ไม่รู้ทำกันได้อย่างไร ไม่ละอายใจ หรือละอายต่อบาปบ้างเหรอ เด็กพึ่งเริ่มทำงาน เงินเดือนๆละหมื่นกว่าบาทนั้น เงิน2880บาทมันไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะ เราสามารถใช้ได้เป็นอาทิตย์
อย่างไรเสียถึงธุรกิจพวกนี้จะซื้อกฎหมายเป็นพวกได้ แต่ผลกรรมไม่เคยรับเงินใต้โต๊ะจากใคร มันจะพุ่งใส่คนที่ก่ออย่างแม่นยำไม่เคยพลาดเป้า พวกนี้ตลอดชีวิตจะต้องอยู่ร้อนนอนร้อน เงินทองกองล้นฟ้าก็หาความสุขใจไม่เจอ เพราะในเบื้องลึกสุดๆของสามัญสำนึกต้องรู้อยู่แก่ใจว่าได้เงินมาจากการหลอกลวงคนบริสุทธุ์ สร้างความทุกข์ให้ผู้อื่น
สาธุ!!!
| จากคุณ |
:
akanishi_kaeru 
|
| เขียนเมื่อ |
:
7 ม.ค. 55 00:37:20
|
|
|
|
