ความคิดเห็นที่ 1 เราว่าเค้าก็ทำถูกแล้วนะคะ ชีวิตคนทั้งคน ในเมื่อคลอดออกมาแล้วไม่สามารถรับผิดชอบได้เค้าได้จนเติบโต อย่างน้อยก็รับผิดชอบพายังไปยังที่ๆเค้าสามารถจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ก็ยังดี เราเชื่อว่าคนที่เค้าเอาไปหย่อนลงตู้อย่างน้อยก็ยังมีสำนึกว่าเด็กก็เป็นคนตัวเล็กๆคนนึง การทำแท้งคือโยนความผิดให้กับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กไม่ได้ทำผิด คนทำผิดคือผู้ใหญ่ ก็ต้องรับผิดชอบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเลี้ยงไม่ไหว มีหน่วยงานแบบนี้มารองรับก็ดีมาก เด็กกำพร้า หรือเด็กที่เค้าเก็บไปเลี้ยง ไม่ใช่ว่าจะเติบโตมาสร้างปัญหาไปซะทุกคน หลายๆคน ก็เติบโตมาทำสิ่งดีๆมีประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แต่อันนี้ก็ไม่รวมเรื่องถ้าหากโดนข่มขืนมาแล้วจะทำแท้งนะคะ เพราะอันนั้นเรารู้สึกว่าจะถูกกฎหมาย สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นพวกรักสนุกล่ะก็อย่าเลย ตอนทำทำได้ แต่พอท้องขึ้นมาแล้วจะไม่รับผิดชอบ ในข่าวก็บอกว่าจำนวนผู้ที่ต้องการอุปการะเด็กมีมากกว่าจำนวนเด็กในศูนย์ เราว่าที่เค้าทำก็ถูกแล้วล่ะค่ะ จขกท ยังไม่เคยมีลูกใช่มั้ย? จากคุณ : I'm in awe เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 04:48:04

ความคิดเห็นที่ 2 จกขท ก็ยังวนอยู่กับการทำแท้งเสรีเหมือนเดิม ปีแล้วก็มาม่าไปรอบแล้ว ไม่เถียงเรื่องควรหรือไม่ควร แต่สังคมไทยที่ยังมีคนนับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ย่อมมีความเชื่อเรื่องบาปบุญ ใครจะสนับสนุนก็ทำไปเถิดครับ ผมเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีถึงจะเริ่มให้คนส่วนมากหันมายอมรับการทำแท้งเสรี จากคุณ : พฤกษาไร้สำเนียง เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 06:36:38

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าจขกท. คงจะได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือทางโลก มาเยอะมากแล้วนะครับ หันมาอ่านหนังสือทางธรรม เพื่อเรียนรู้กาย เรียนรู้ใจตัวเอง บ้างก็น่าจะดี "วิชาการทั้งหลายทางโลก ที่เราได้เคยเรียน เคยฟัง และเคยอ่านกันมา มิใช่แต่เพียงในภพนี้เท่านั้น ในภพก่อนๆ ที่เวียนว่ายตายเกิดกันมาจนนับไม่ถ้วนนั้น เราก็คงได้เคยเรียน เคยฟัง และเคยอ่านกันมามากแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะทำให้เราพ้นจากความทุกข์ พ้นจากความลำบาก หรือพ้นจากกิเลสไปได้เลย นี่แสดงให้เห็นว่า วิชาการต่างๆ เหล่านั้น ไม่ได้ทำให้เราเกิดปัญญาอันถูกต้องอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงแค่ความรู้ทางโลกเพื่อใช้ในการดำรงชีพไปภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง เท่านั้นเอง" ขอให้มีสัมมาทิฎฐิในพระพุทธศาสนานะครับ แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 55 06:49:24 จากคุณ : ทางปลอดภัยจากความตาย เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 06:47:15

ความคิดเห็นที่ 4 เค้าคงดูจากสถิติแล้วคิดว่ามันคุ้มและดีกว่า จากคุณ : LazyOx เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 06:53:19

ความคิดเห็นที่ 5 หลักวิทยาศาสตร์บอกว่า สเปิร์ม ไปเจอกับไข่แล้วฝังตัว จะเกิดเป็นตัวอ่อนขึ้นมา แต่คุณเชื่อหรือไม่ การเกิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ นอกจากหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ยังต้องประกอบไปด้วยวิญญาณที่จะมาเกิดด้วย... สำหรับการเกิดของมนุษย์ ยิ่งต้องการวิญญาณเพื่อมาเกิดโดยเฉพาะ จึงจะกลายเป็นตัวอ่อนได้ ผมพูดในแง่ศาสนาพุทธ โดยไม่ได้เอาหนังผีมาอธิบายแต่อย่างใด วิญญาณ คือ เจตสิกของจิตที่จะเข้ามาสู่การเกิดของคน ถ้าหากว่าไข่ผสมกับสเปิร์มแล้วเกิดตัวอ่อนจริง ทำไมไม่เอามาผสมกันข้างนอกแล้วเลี้ยงจนเป็นตัวอ่อนโดยไม่ต้องเอากลับใส่ท้องล่ะ... เรื่องการทำแท้งเสรีได้หรือไม่นั้น คือกติกาบ้านเมืองเท่านั้น แต่มันไม่ทำให้เวรกรรมหายไป เพราะเวรกรรม ใครทำคนนั้นรับไป และมันยังอยู่ไม่ว่าคุณจะได้รับการยกเว้นโทษในทางโลกหรือไม่ แต่ในทางธรรม คุณก็ยังมีโทษติดตามตัวอยู่ทุกห้วงวงเวียนแห่งกรรม จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 07:22:39

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าอยากจะออกตัวกระดิกหางทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะก็.. ไปรณรงค์ให้พวกเด็ก ๆ ที่จะเอากัน รู้จักป้องกันเหอะ.. การทำแท้งคือการฆ่าคนครับ.. อย่ามาบอกว่าเขาต้องก้มหน้าก้มตารับกรรม..มันคือการรับผิดชอบต่างหาก.. อย่าเพิ่งรีบปล่อยให้ความเสื่อมทราม..มันเข้ามาครอบงำกันให้มันมากกว่านี้เลย.. ไอ้พวกลูกที่พ่อแม่เต็มใจให้เกิด..มันก่อปัญหาสังคมซะมากกว่าด้วยซ้ำ เด็กแว๊นซ์ เด็กช่างกลตีกัน เด็กติดยา ลักเล็กขโมยน้อย มีพ่อแม่ก็ทั้งนั้น.. เพราะฉะนั้้นอย่ามาอ้างมัว ๆ ว่าถ้าเป็นเด็กที่แม่ไม่อยากให้เกิด...ทำแท้งไปเลยดีกว่า เพราะจะเป็นปัญหาสังคม..อย่าส่งเสริมให้มนุษย์มันด้อยความรับผิดชอบกันมากไปกว่านี้เลย โลกมันจะแตกเพราะมีคนแบบเจ้าของกระทู้เยอะ ๆ แบบนี้ล่ะ..แก้ปัญหาแบบมักง่าย ปัญญาอ่อน จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 07:38:23

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนนี้ในไทยก็ทำแท้งเสรีครับ แต่ยังไม่ถูกกฏหมายเท่านั้นเอง เหอ เหอ จากคุณ : IhateCopS เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 08:02:32

ความคิดเห็นที่ 8 ผมไม่เห็นด้วยกับทางทำแท้งเสรีแบบถูกกฎหมายครับ ควรคิดหาวิธีป้องกันที่ต้นเหตุมากกว่ามาจัดการในปลายเหตุ แม้ว่าจะเห็นใจในบางกรณีเช่นถูกข่มขืนแล้วท้องก็ตาม แต่ยังไงชีวิตๆนั้นก็เป็นชีวิตเหมือนกัน ถ้าอยากให้มีการทำแท้งเสรีก็อยากจะถามว่า เด็กในท้องนั้นทำความผิดอะไร ถึงได้รับโทษประหารแม้แต่จะยังไม่ได้เกิดก็ตาม ในแง่ของทางศาสนาพุทธ ทันทีที่ๆสเปิร์มและไข่ทำการปฏิสนธิกันเมื่อนั้น"จิต"หรือ"วิญญาณ"จะเข้ามาร่วมการปฏิสนธิด้วยทันที ดังนั้นจึงถือได้ว่า ตัวอ่อนนั้นเป็นมนุษย์แล้ว แม้ว่ากฏหมายทางโลกจะกำหนดให้ต้องมีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์จึงจะถือว่าเป็นมนุษย์ แต่สำหรับทางธรรมแล้วเมื่อมีจิตเข้ามาก็ถือว่าเป็นมนุษย์แล้ว ดังนั้นการทำแท้งแม้ว่าจะเป็นตัวอ่อนนั้นก็ตาม ก็ถือได้เท่ากับการฆ่าคนๆหนึ่งนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 55 08:10:39 จากคุณ : Kudo Kai เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 08:04:32

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับเรา สนับสนุนการทำแท้งเสรีเพราะอย่างน้อยก็ช่วยแก้ปัญหาเด็กถูกทิ้ง จริงอยู่ในประเทศเรามันผิดศีลธรรม แต่อย่าลืมว่าถ้าเด็กคลอดออกมาแล้ว และไม่เป็นที่ต้องการของใครๆก็ถูกทิ้งให้เป็นภาระของสังคม ที่ต้องเลี้ยงดูกันต่อไป หรือบางรายท้องแล้วปล่อยให้คลอดออกมา แล้วเลี้ยงตามมีตามเกิด เด็กก็ไม่มีคุณภาพอยู่ดี เพราะถูกเลี้ยงมาท่ามกลางความไม่รู้ ปล่อยให้เด็กอยู่กับร้านเกมส์ พอโตขึ้นมาหน่อยก็กลายเป็นเด็กส่งโพยบอล เด็กส่งเดินยา แล้วก็กลายเป็นคนติดพนันบอล ติดยา ไปในที่สุด ( อย่าบอกว่าเรามั่ว เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นแถวบ้านเราเอง เราเห็นอยู่ทุกวัน ) โลกนี้มันมีหลายด้าน เราไม่เถียง แต่ด้านที่เรายืนอยู่ในขณะนี้ คนยังไม่มีคุณภาพพอ เราคิดว่าสังคม ควรช่วยกันให้บางเรื่องมันยุ่งยากน้อยลง จากคุณ : ป้าด้วงค่ะ (ดอกดาวเรือง) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 08:35:58

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าทำอย่างนี้ ยิ่งเหมือนส่งเสริมให้กลุ่มเสี่ยงมีพฤติกรรมไม่ระมัดระวังมากขึ้นนะ ถ้าทำผิดแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ผู้ทำก็จะไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นสร้างภาระแก่ผู้อื่นขนาดไหน จากคุณ : Lovely Creature เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 08:45:24

ความคิดเห็นที่ 11 เราไม่ขอออกความเห็น เพราะยังมีสติปัญญาไม่พอ มันสลับซับซ้อน ไม่ตรงไปตรงมา แต่พวกที่คัดค้าน ก็ขอให้ทำเรื่องแก้ปัญหาเด็กถูกทอดทิ้ง แล้วก็เรื่องป้องกันการท้องให้มากๆ จากคุณ : นางฟ้า เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 09:16:10 A:210.213.59.165 X: TicketID:344124

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบ้างสิ เราไม่เถียงว่านี่เมืองพุทธไม่ควรทำอะไรที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม เพราะงั้นไม่ควรมีกฏหมายประกาศออกมาแบบชัดเจนเรื่องให้มีการทำแท้งแบบเสรี เพราะในความเป็นจริงคนที่ไม่พร้อมก็สามารถทำแท้งได้อย่างเสรีอยู่แล้วในหน่วยงานหนึ่ง ที่ทำกันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่คลีนิกเถื่อนอะไรนะคะ ถ้าไปถามนักศึกษาเราเห็นรู้จักกันทั้งนั้น เพราะทำโดยเจ้าหน้าที่แพทย์ ปลอดภัย มีขั้นตอนการตรวจทั้งก่อนและหลังอย่างละเอียด เพื่อสุขภาพที่ดีปลอดภัย และข้อมูลทุกอย่างก็เป็นความลับ เราว่าหลายๆท่านก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นสมาคม............... อะไรนะ จากคุณ : mt kob1 เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 09:19:35

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ^ สมาคมเนี่ย อยู่ห่างจากบ้านเราไป 2 ป้ายรถเมล์อ่ะ จากคุณ : ป้าด้วงค่ะ (ดอกดาวเรือง) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 09:31:24

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 15     อืม...ขอแจมด้วยบทความนี้ครับ //////////// ดิฉันไปทำแท้งมาเมื่อวานนี้คะ ... รู้สึกเจ็บไปทั้งกายและใจมากๆ คิดอยู่เสมอว่าไม่อยากเอาลูกออกเพราะยังไงคนเลวๆอย่าง ดิฉันก็ยังมีความรู้สึกของคนเป็นแม่อยู่บ้าง แต่เนื่องจากดิฉันยังต้องเรียนอยู่และยังเด็กมากๆ ไม่พร้อม แน่ๆที่จะรับภาระของผู้เป็นแม่ได้ ดิฉันจึงลองหาข้อมูลสถานที่รับทำ มาได้ 2 ที่คือ ที่สุขุมวิท 12 กับที่ คลองตัน ดิฉันได้ไปที่คลองตันก่อนปรากฏว่าข้อมูลไม่ตรงนะคะ ดิฉันท้อง ได้ 2 เดือนครึ่ง เค้าบอกมาว่าใช้วิธีเหน็บยาไม่มีวางยาสลบและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 17000 บาท ต้อง นอนที่รพ. ห้ามญาติมาเฝ้าและเยี่ยมด้วย ดิฉันจึงลองไปที่สุขุมวิท 12 ดู ก็ค่าทำอยู่ที่ 1,950 พนักงานทุกคนใจดีมากๆคะ ตอนที่ดิฉันเข้าไปในห้องทำแท้งจิตใจดิฉันแย่มากๆมือเย็น ตัวสั่น หูอื้อ ไปหมด พอคุณหมอเดินมา วูบนึงที่ดิฉันอยากหนีออกไปจากห้องนี้เหลือเกิน พอคุณหมอเริ่มลงมือ ดูดเอาลูกของดิฉันออกไป ดิฉันเจ็บปวดมากมันไม่ได้ปวดที่ร่างกายอย่างเดียวมันเจ็บทั้งจิตใจด้วย เพราะดิฉันคิดว่าดิฉันเจ็บแค่ไหนลูกของดิฉันก็จะเจ็บกว่าล้านเท่าดิฉันจึงยิ่งรู้สึกแย่จนเผลอสะอื้นออก มาจนคุณหมอดุเลยล่ะ ที่ดิฉันอ่านมามีคนบอกว่า เจ็บนิดเดียวเหมือนมีเมนบ้างล่ะ เจ็บแค่ไม่กี่นาทีบ้างล่ะ แต่สำหรับดิฉันมันอาจแค่ไม่กี่นาที ในความเป็นจริง แต่ในจิตใจของดิฉันนั้นมันนานมากๆ พอทำเสร้จพี่พนักงานก้ผยุงดิฉันไปที่เตียงแต่ ดิฉันหน้ามืดจนเป็นลมกลางทาง พี่พนักงานจึงเอาแอมโมเนียมาให้ดม ดิฉันจึงลุกขึ้นและเดินกลับไป พักที่เตียงได้ ระหว่างนั้นดิฉันทุกข์ใจมากที่สุดในชีวิตดิฉันได้ทำไปแล้วดิฉันฆ่าลูกตัวเองไปแล้ว ดิฉัน ทรยศต่อคำว่า"แม่" เด็กคนนั้นอุตส่ายอมมาเกิดในตัวดิฉันที่แสนเลวได้ แต่ดิฉันกลับไปฆ่าเด็กคนนั้น ตายเสียแล้ว แล้วแบบนี้ในอนาคตข้างหน้าเมื่อดิฉันพร้อมที่จะมีลูกบ้าง แล้วใครจะยอมมาเกิดกับ ดิฉันที่ทำร้ายลูกตัวเองได้ล่ะ ถึงก่อนที่จะไปทำแท้งดิฉันได้ไปทำสังฆทาน ขออโหสิกรรม และขอให้ ลูกรอเมื่อดิฉันพร้อม แต่มันก็ยังรุ้สึกแย่อยู่ดี พอถึงบ้านดิฉันร้องไห้ตลอดทั้งคืน ยังไม่หยุดเลยแม้กระทั่งตอนนี้ มันเอ่อล้นมาตลอด แม้ดิฉันจะทำใจเมื่อรู้ว่าท้องและต้องทำ แท้งอยู่มาแรมเดือน แต่ก้ยังรู้สึกไม่ดีมากๆในสิ่งที่ทำลงไป ดิฉันคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานซ้ำ ไปซ้ำมาตลอด ถึงในเวลานี้เค้าจะไม่ได้อยู่ในตัวของดิฉันแล้ว แต่เค้าก้ยังอยู่ในใจดิฉันเสมอ ดิฉันรู้ตัว ในสิ่งที่ทำไปมันเป็นบาปที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด แต่นี้คือบทเรียนอันมีค่ามากที่สุดของดิฉัน มันทำให้ ดิฉันเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างน้อยดิฉันก็เข็ดเรื่องsexไปอีกนาน และจำเรื่องเมื่อวานไปจนตาย ฝากถึงเพื่อนๆพี่ๆทุกคนนะคะ ถ้าจะมีsexก็คุมให้ดีๆด้วยนะคะถ้ามันพลาดแบบดิฉันไม่คุ้มเลยกับความสนุกแค่ไม่นานนั้น แต่ถ้ามันพลาดไปแล้วก็อย่าให้มีอีกซ้ำสองนะคะ ปล.ดิฉันเขียนเรื่องของดิฉันไว้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนที่กำลังจะไปทำ ถ้าพวกคุณพร้อมก็อย่า ไปทำเลยคะ ที่ดิฉันต้องทำเนี้ยเพราะอายุของดิฉัน ถ้าพ่อแม่รู้ว่าท้องขึ้นมา คนรักของดิฉันได้เข้าคุก แน่ๆ ในตอนนี้ดิฉันก็ได้แต่ทำบุญไปให้เค้า ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Forward Mail /////////// กฏหมายไทยห้ามการทำแท้งครับ โดยจะบัญญัติไว้ในประมวลกฏหมายอาญามาตรา มาตรา ๓๐๑-๓๐๕ ดังนี้ครับ มาตรา ๓๐๑ หญิงใด ทำให้ ตนเอง แท้งลูก หรือ ยอมให้ผู้อื่น ทำให้ตน แท้งลูก ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน สามปี หรือ ปรับไม่เกิน หกพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ มาตรา ๓๐๒ ผู้ใด ทำให้หญิง แท้งลูก โดยหญิงนั้น ยินยอม ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือ ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ถ้า การกระทำนั้น เป็นเหตุให้ หญิง รับอันตรายสาหัส อย่างอื่นด้วย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน เจ็ดปี หรือ ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ถ้า การกระทำนั้น เป็นเหตุให้ หญิง ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน สิบปี และ ปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท มาตรา ๓๐๓ ผู้ใด ทำให้หญิงแท้งลูก โดยหญิงนั้น ไม่ยินยอม ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน เจ็ดปี หรือ ปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ถ้า การกระทำนั้น เป็นเหตุให้ หญิง รับอันตรายสาหัส อย่างอื่นด้วย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปี ถึง สิบปี และ ปรับตั้งแต่ สองพันบาท ถึง สองหมื่นบาท ถ้า การกระทำนั้น เป็นเหตุให้ หญิง ถึงแก่ความตาย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ ห้าปี ถึง ยี่สิบปี และ ปรับตั้งแต่ หนึ่งหมื่นบาท ถึง สี่หมื่นบาท มาตรา ๓๐๔ ผู้ใด เพียงแต่ พยายามกระทำความผิด ตาม มาตรา ๓๐๑ หรือ มาตรา ๓๐๒ วรรคแรก ผู้นั้น ไม่ต้องรับโทษ มาตรา ๓๐๕ ถ้า การกระทำความผิด ดังกล่าวใน มาตรา ๓๐๑ และ มาตรา ๓๐๒ นั้น เป็นการกระทำของ นายแพทย์ และ (๑) จำเป็น ต้องกระทำ เนื่องจาก สุขภาพ ของ หญิง นั้น หรือ (๒) หญิง มีครรภ์ เนื่องจาก การกระทำความผิดอาญา ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๘๒ มาตรา ๒๘๓ หรือ มาตรา ๒๘๔ ผู้กระทำ ไม่มีความผิด ... จากหลักกฏหมายข้างต้น จึงเห็นได้ว่าการทำแท้งผิดกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หญิงที่ทำแท้งเอง หรือ คนที่ช่วยให้ทำแท้ง เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้น ตาม ม.๓๐๔ ๓๐๕ จากบทความตามกระทู้ ผมมีข้อสังเกตุของผมเอง ซึ่งน่าจะมีนักกฏหมายหลายๆท่านอาจคิดเช่นกันครับ ว่า ข้อยกเว้นความรับผิดตาม ม.๓๐๕ (ให้ทำแท้งได้เพราะเหตุผลด้านสุขภาพของหญิงที่ตั้งครรภ์-ให้ทำแท้งได้กรณีตั้งครรภ์เพราะถูกข่มขืน)เหมาะสมหรือไม่เพียงใด   น่าจะมีทางออกให้"การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์"มากกว่านี้หรือไม่ ปกติแล้ว ที่เคยได้ยินมา  เมืองไทยเราจะซิกแซกทำกันให้ถูกกฏหมายตามที่ผมอ้างมาครับ... มาตรา ๓๐๕ ถ้า การกระทำความผิด ดังกล่าวใน มาตรา ๓๐๑ และ มาตรา ๓๐๒ นั้น เป็นการกระทำของ นายแพทย์ และ (๑) จำเป็น ต้องกระทำ เนื่องจาก สุขภาพ ของ หญิง นั้น ... ^ ^ คือ หากมีการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และ ไม่อยากเอาเด็กไว้ เขาจะขอให้หมอ ทำใบรับรองให้ ประมาณว่า ถ้าปล่อยคลอดจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพื่อให้เข้าข้อยกเว้นตามม.305 ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ท้องสมบูรณ์ทุกอย่าง เพียงแต่เขาไม่อยากเอาเด็กไว้เท่านั้นเองครับ ...น่าจะมีทางออกให้กับหญิงสาวตามบทความข้างต้นหรือหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในชีวิตจริงบ้าง เพราะกรณีของเธอ(ตามบทความ)ถ้าถูกจับ เธอก้อต้องมีความผิดไปด้วยแน่นอน คิดแล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริง(ผมเชื่อนะว่าจริง) สังคมไทยเราก้อน่าเศร้าเหลือเกินครับ ปล. เรื่อง ให้ทำแท้งเสรี-ไม่เสรี มันมีขีดคั่นบางๆของมันอยู่ครับ ผมเห็นว่างั้น ที่อเมริกา เห็นบางรัฐให้ บางรัฐไม่ให้ ใช่มั้ยครับ จากคุณ : อุบลแมน     เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 53 23:51:15     http://topicstock.pantip.com/social/topicstock/2010/11/U9928917/U9928917.html จากคุณ : อุบลแมน เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 10:44:54

ความคิดเห็นที่ 15 เอะอะก็ทำแท้ง สมมุติไม่คิดเรื่องเวรกรรมอะไรนี่นะ ทางวิทยาศาสตร์เมื่อทำแท้งก็ต้องมีการขูดมดลูก เพื่อเอารกที่ติดค้างภายในออกมา ไม่งั้นก็ติดเชื้อตาย การป้องกันเรื่องการตั้งครรภ์ก็จะลดลง ท้อง ขูด ท้อง แล้วก็ขูดใหม่ ผู้หญิงก็จะมีลูกไม่ได้ ส่งผลถึงปัญหาครอบครัวในวันหน้า ผู้ชายลอยตัว ไม่เจ็บตัวอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายการทำแท้งก็สูงขึ้น รายได้ดีนี่นะ แล้วต่อไปใครจะเสียเงินไปทำ ส่วนข่าวตู้นี้ เป็นการช่วยเหลือเด็กที่คลอดแล้วมีอัตราการรอดที่สูงขึ้น เท่านั้นเอง ส่วนปัญหาสังคมมั้ย ถ้าทางศูนย์เลี้ยงดี มีพ่อแม่บุญธรรมที่ดี เด็กก็มีชีวิตที่ดีค่ะ ดีกว่าอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงแล้วเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆเสียอีก จากคุณ : SonGiiz* เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 10:47:33

ความคิดเห็นที่ 16        ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งเสรี เรื่องของเรื่องควรแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ จากคุณ : ฮัมซาบาหเรน (hamzabahrain) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 10:47:46

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบเรื่องแท้งเสรี ในประเทศพัฒนาแล้ว แผนที่มันเป็นอย่างงี้ครับ ที่มา เป็นวิกิ แต่ก็มีอ้างอิงอยู่นะ จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 11:19:35

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนเรื่องศาสนา... ผมพยายามไม่วิจารณ์ศาสนานะ เพราะศาสนามีหลายมาตรฐานเหลือเกิน...นับถือแบบ พอใจก็ยึดเหนี่ยว ไม่พอใจก็หยวนๆ... ส่วนเรื่องป้องกัน ก็ไม่ใช่ว่า ถูกกฏหมาย แล้วจะไม่ป้องกัน และมันก็เดิมๆ คนที่ป้องกัน ก็ยังป้องกันอยู่ดี คนที่ไม่ป้องกัน ก็ยังไม่สนใจอยู่ดี แต่กฏหมายนี้ จะช่วยแก้ปัญหาปลายเหตุได้ เพราะการแก้ที่ต้นเหตุ ไม่มีประสิทธิภาพพอในกรณีนี้ ส่วนเรื่องที่ทำกันใต้ดิน รึทำกันโจ่งแจ้งแบบเลี่ยงบาลี หลับตาข้างนึงลืมตาข้าง มันจะกลายเป็น"แหล่งหากิน" ของคนบางพวกไปอีกละ ในเมื่อจะทำ ก็ทำกันแบบสะอาดๆ โปร่งใสๆ มีคุณภาพสูงๆ ไปเลย ดีกว่ามาปิดๆบังๆ แล้วมีตรงนู้นไม่มาตรฐานตรงนั้นอันตราย จากขูดก้อนเลือดออก จะกลายเป็นชีวิตไปซะ... จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 11:26:24

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วย ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ สังคมเสื่อมยิ่งกว่าปล่อยเสรีซะอีก ดูอย่างที่วัดลาดพร้าวเป็นต้น ที่ผ่านมาหลายสิบปี เป็นแสนๆศพแล้วมั้ง จากคุณ : eager2be1 (eager2be1) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 11:27:13

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่ค่ะทั้งการทำแท้ง และตู้ทิ้งเด็ก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เราไม่เถียงค่ะ ประเทศเราต้องแก้เรื่องระบบการศึกษาค่ะ เพราะถ้าการศึกษาบ้านเราไม่ล้มเหลว ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศก็จะมีการศึกษา มีความรู้ และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ รู้ว่าการป้องกันการตั้งครรภ์สำคัญแค่ไหน เพราะนอกจากไม่ท้องแล้ว การป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย ช่วยเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ มีผัว-เมียคู่หนึ่งแถวบ้าน อายุ 15 ปีทั้งคู่ ตอนที่ยังไม่ท้อง เราบอกว่าน่าจะป้องกันไว้ก่อนนะ เดี๋ยวป้า ( ค่ะ เราอายุมากกว่าพ่อแม่เด็กทั้งคู่ค่ะ ) จะหาพวกถุงยางและยาคุมกำเนิดมาให้ เราก็ให้ไปนะ แต่อีกสักพักหนึ่งเด็กผู้หญิงบอกว่า 3 เดือนแล้วป้า คือเด็กไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการคุมกำเนิดน่ะค่ะ ผู้หญิงไม่ได้เรียนหนังสือ ผู้ชายเรียนยังไม่จบ ม.3 ไม่ชอบเรียน พอมีลูกต้องไปเป็น รปภ. ตามพ่อของเขา นี่คือสังคมของคนในเมือง ที่อยู่ใจกลางกรุงเทพเลยนะคะ จากคุณ : ป้าด้วงค่ะ (ดอกดาวเรือง) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 11:47:57

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งเสรี   คัดค้านสุดตัว มันบาป จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 11:55:22

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งครับ อยากให้คนไทยยอมรับความจริงของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้แม้จะป้องกันอย่างไร  มันก็เกิดขึ้นได้ ในสังคมเรามันมีเรื่องลับๆเยอะมาก เห็นอ่านผ่านตากระทู้ที่เกียวกับความลับของแต่ละคน เรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศมันอยู่ใกล้ตัวจริงๆ แก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องแก้ที่ผู้ชายครับ  ให้ระวังตัวเอง  ไม่งั้นก็ไปทำหมันซะ จากคุณ : Ramas เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 12:26:02

ความคิดเห็นที่ 23 จริงๆแล้วในปัจจุบันมีการทำแท้งกึ่งเสรีแล้ว (จะเรียกว่าเสรีก้ได้ เพราะทำได้แทบทุกกรณี ขอแต่มีเงินและความตั้งใจที่ผิด) ตามคห.14 มันมีกฎหมายเปิดชอ่งให้ทำได้ครับ และแน่นอนว่าหมอที่ทำก็ทำเป็นธุรกิจ จึงเหมือนเป็นการเปิดเสรีในการทำแท้งไปในตัว ก็อยู่ที่ตัวผู้หญิงและคนรอบข้างแล้วครับ ว่าจะยังให้โอกาสกับชีวิตที่เกิดมาหรือไม่ แต่อย่างในเนื้อข่าวของจขกท. ผมว่าดีครับ เป้นการแก้ไขปัญหาเรื่องทำแท้งไป และแม้จะไม่ได้เลี้ยง แต่9เดือนที่อุ้มท้องมามันก็ไม่ใช่แค่ถือกระเป๋าไปช็อปปิ้งซะหน่อยครับ ประเทศไทยก็ควรมีทั้งการรณรงค์ป้องกันการท้องเมื่อไม่พร้อม และการสนับสนุนผู้หญิงที่ต้องมีลูกเมื่อไม่พร้อมให้สามารถทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจครับ จากคุณ : I_AM_Y (I_am_y) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับเรานะ คิดว่ากฎหมายให้ทำแท้งเสรีน่ะ .. เป็นวิธีคิดที่ไม่ยุติธรรม ยังไงนะเหรอคะ เหตุผลหลักที่ใช้อธิบายคือ การเกิดที่ไม่พร้อม ก็จะเป็นภาระต่อพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่รับผิดชอบไม่ไหว ก็ปัดภาระให้สังคม ด้วยการเอาไปทิ้งขว้าง .. ทีนี้ "สังคม" คืออะไรคะ สังคมก็มีเราเป็นส่วนหนึ่ง การที่เขาเกิดมาแล้วทำให้สังคมเสื่อมถอยตรงไหน นอกจากรัฐต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการดูแลมากขึ้น .. แต่นี่ไม่ใช่เหรอคะ หน้าที่ของสังคม .. ช่วยเหลือกันในฐานะสัตว์สังคม.. หากแต่สังคมไทยที่งบประมาณเอาไปใช้เพื่อการก่อสร้างถนน ตัดแล้วตัดอีก ขุดแล้วถมขุดถม สร้างใหม่อยู่อย่างนี้แจกแท้บเล็ตเด็กประถม กู้มาแก้ปัญหาน้ำท่วม 3.3 แสนล้านทั้งๆ ที่ตอนนี้ประเทศก็หนี้ท่วมหัวแล้ว ฯลฯ  ... การพัฒนาสังคม ตามหลังการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้แทนที่จะพัฒนาสังคมกลายเป็นแก้ปัญหาสังคมอันเกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจแทน ถ้าอย่างนั้น ใครที่คิดว่าทำแท้งเสรีได้ ก็ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า "ตัวคุณจะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพต่อประเทศได้ยังไง" "การไม่มีทรัพยากรบุคคลเพิ่มขึ้นมานั้น ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่มันดีแค่ไหน ดียังไง" ซึ่งเราตอบคำถามนี้ไม่ได้ ตัวเรายังพัฒนาเองไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เราจึงคิดว่าการให้โอกาสให้มีการเกิด โดยไม่รองรับการทำแท้งเสรี เป็นเรื่องที่ควรทำค่ะ แทนที่จะให้ทำแท้งเสรีนะ เราคิดว่า การสนใจพัฒนาสังคมก่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและการบังคับใช้กฎหมาย ลงโทษผู้ไม่รับผิดชอบต่อลูกตัวเองอย่างนี้จะดีกว่าค่ะ ... แต่ทั้งหมดที่พูดมายาวเกินไปนี้ .. มันยังไม่ชัดเท่าคำว่า "บาป" ค่ะ ... เพราะฉะนั้น ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งเสรีค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 55 12:56:04 จากคุณ : แกงส้มผักบุ้ง เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 12:53:50

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าการจัดการทางสังคมที่หาทางออกให้กับทุกฝ่ายได้ คือคำตอบที่ถูกต้องแล้วครับ ไม่อยากเลี้ยงก็ไม่ต้องเลี้ยง คนอยากเลี้ยงมาเอาไป รัฐทำหน้าที่เป็นตัวกลางดูแลเด็กประสานงานให้ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์หมด โดยไม่ต้องทำแท้งพรากชีวิตใคร เด็กที่ได้ไปอยู่กับคนเลี้ยงดูที่ดี ก็เป็นทรัพยาการบุคคลที่มีคุณค่าในอนาคต ผมมองไม่เห็นว่า การทำแท้งเสรีจะดีกว่าระบบที่ในข่าวว่ามายังไง? ให้เหตุผลเพิ่มเติมได้ไหมครับ? และส่วนตัวประทับใจกับระบบที่ให้นักเรียนหญฺงที่พลากตั้งครรภ์ลาพักการเรียนได้ คลอดลูกแล้วสามารถยกลูกให้ผู้อุปถัมป์ไปเลี้ยง แล้วแม่กลับไปเรียนต่อ ไม่ต้องหมดอนาคต เด็กเองก็ไม่ต้องวัดดวงอยู่กับคนที่ไม่พร้อมจะเลี้ยง ทั้งนี้ทั้งนั้น การจัดการและหน่อยงานประสานที่พึ่งพาได้เป็นสิ่งจำเป็นครับ จากคุณ : Baritone เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 13:46:32

ความคิดเห็นที่ 26 ดูจากแผนที่แล้ว ประเทศที่ยังไม่อนุญาตให้ทำแท้งเสรี ส่วนมากจะเป็นประเทศมุสลิม เข้าใจว่าคงเป็นข้อห้ามทางศาสนาอิสลามด้วยกระมัง ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนมากเปิดโอกาสให้ทำแท้งเสรีนั้น จะมีประโยชน์อันใด หากพัฒนาได้แต่วัตถุ แต่จิตใจอาจจะไม่"พัฒนา" เหตุใดการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จึงยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ผมมองว่า เพราะมนุษย์ส่วนมากในสังคม ไม่มีศีลธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิตไงครับ ศีลห้าข้อทางพระพุทธศาสนานั้น รักษาง่ายครับ ท่านเพียงแค่รักษา "จิตใจ" ข้อเดียวเท่านั้น เมื่อท่านมีสัมมาสติ รู้สึกตัวได้อย่างมีสัมปชัญญะ อินทรียสังวรศีล จะเกิดโดยอัตโนมัติ  ไม่ต้องจงใจรักษา เมื่อท่านมีสติ มีศีลอัตโนมัติ ท่านที่รู้ว่าหากมีบุตรตอนนี้ จะไม่สามารถเลี้ยงดูให้ดีได้ ก็จะมีความยับยั้งชั่งใจ ที่จะไม่ผิดลูก ผิดเมียใคร หรือก่อนที่จะทำการสิ่งใด ก็จะรู้ผิดชอบ รู้ผลที่อาจจะตามมาเสมอ และก็จะไม่ต้องมาถกเถียงกันว่า ควรเปิดให้มีการทำแท้งโดยเสรี หรือไม่ ที่สุดแล้ว หากประเทศไทย ไม่เปิดโอกาสให้ทำแท้งเสรีโดยถูกกฎหมาย ก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นประเทศที่ไม่พัฒนา แต่อย่างใด ประเด็น เรื่องการทำแท้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบททางสังคม ที่อิงอาศัยความเชื่อ ความศรัทธาในหลักศาสนา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ   สังคมใดที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ เรื่องภพชาติ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ก็ไม่ต้องมาพิจารณาว่า ก้อนเลือด ก้อนเนื้อที่อยู่ในครรภ์มารดานั้น มีชีวิต มีวิญญาณ หรือไม่ จึงเปิดเสรีได้ง่ายกว่ามาก   จขกท. อาจจะต้องรออีกสัก ๒,๕OO ปีกระมังครับ จึงจะสมหวังให้ประเทศไทยมีกฎหมายทำแท้งเสรี เพราะถึงเวลานั้น จะเข้าสู่ช่วง "พุทธันดร" แล้ว แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 55 14:16:47 จากคุณ : ทางปลอดภัยจากความตาย เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 14:09:47

ความคิดเห็นที่ 27 เราว่าต่อไปนี้เด็กผู้หญิงทุกคนที่มีประจำเดือนแล้ว ต้องได้รับการฉีดยาคุมไปเลยดีไหม หรือฝังเข็มคุมกำเนิด จนกว่าจะจบปริญญา ทำการทำงาน หรือไม่ก็ให้เด็กผู้ชายที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ได้แล้ว จับทำหมันชั่วคราวให้หมด เหมือนกับการเกณฑ์ทหาร ต้องเกณฑ์ทุกคนอยู่แล้วถ้าไม่เกณฑ์ก็ต้องเรียน ร.ด. แต่นี่ถ้าไม่ทำหมันชั่วคราวให้มีโทษปรับ + จำคุก คุมประพฤติ เลยดีไหม จนกว่าเด็กผู้ชายจะเรียนจบปริญญาตรี หรือทำงานแล้วอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป ละเมิดสิทธิมนุษยชนแน่ๆเลยเรา แค่แนวความคิดที่ไม่มีวันเป็นไปได้ เราเห็นแฟนน้องชายเรา เค้าอยู่มหาลัย ปี1 น้องเรามาปรึกษาว่าแฟนเค้าฉีดยาคุมแล้วเมนส์ไม่มา จะท้องไหม เราก็ไม่รู้หรอก เรายังไม่เคยฉีดเลย แต่เด็กสมัยนี้  18 ก็ฉีดกันแล้ว เราว่าก็โอเคนะ รู้จักป้องกันตัวเองไว้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหา สมัยนี้อย่าไปห้ามให้คนไม่มีไรกันเลย เราว่ายากนะ จากคุณ : jeab_zazud เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 14:25:02

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ยุติธรรมกับเด็กที่ยังเกิดเลยซักนิด ยังไม่ทันได้เกิดก็ถูกตราหน้าแล้วว่า "โตขึ้นมาจะต้องเป็นปัญหาสังคม" 100% เลยหรือ ที่เด็กกำพร้า จะต้องโตมาเป็นปัญหาสังคม เขายังไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย คุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินเค้า? จากคุณ : ซินเดอเรล่า เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 14:28:46

ความคิดเห็นที่ 29 ผมคิดว่า..ถ้าแม่เด็กคนไหนที่คิดจะทำแท้ง..แล้วเราไปห้าม.. แล้วเกิดเด็กโตขึ้นไปแม่ทิ้งขว้างเป็นปัญหาสังคม..จะว่ายังไงกัน.. ถ้างั้น..เด็กที่พ่อแม่เต็มใจให้เกิด..แล้วเด็กก็ทำตัวเป็นปัญหาสังคมเหมือนกัน.. คงต้องจับประหารชีวิตให้หมด..เลี้ยงไปก็เปลืองทรัพยากร..ประหารไปเลยดีกว่า.. ผมมองว่ารณรงค์และแก้ปัญหากันไม่ถูกจุดหรือเปล่าครับ.. จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 15:24:27

ความคิดเห็นที่ 30 ทำแท้ง คือการฆ่าคน สนับสนุนให้ทำแท้ง เพราะเห็นว่าจะเป็นภาระ ทั้งๆที่ไม่มีใครบอกได้ว่าโตขึ้นมาเด็กจะดีหรือจะแย่ สู้เอาปืนมาไล่ยิงไอ้พวกเด็กแว้นซ์ซะไม่ดีเหรอครับ ปัญหาสังคมแน่แท้เทียว 1ชีวิตต่อ1ชีวิตเท่ากัน เด็กแว้นซ์นี่ไม่ใช่คนดีแน่นอนครับ ถ้าคุณฆ่าทารก(ที่ไม่รู้อะไรเลย)ได้ คุณก็ต้องฆ่าเด็กแว้นซ์(ที่ตั้งใจเลว)ได้ด้วยเช่นกัน ได้ประโยชน์มากกว่าอีก ยังไม่รวมถึงบุคคลากรด้อยคุณภาพในด้านอื่นๆอีก เช่น ฆาตกร ติดยา/ค้ายา พวกนี้คุณก็ต้องฆ่าให้หมดครับ อย่าได้ปล่อยไว้เพราะตั้งใจเลว แล้วคุณลองคิดดูต่อเถอะครับ สำหรับผู้ที่เห็นด้วยกับการทำแท้งเสรีถูกกฎหมาย จากคุณ : สมบูรณ์แบบ (ไหน?) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 18:27:48 A:58.8.37.246 X: TicketID:345804

ความคิดเห็นที่ 31 การทำแท้ง ไม่ใช่การฆ่าคนครับ ยังยืนยันคำเดิม แล้วเดี๋ยวก็จะวนประเด็นเดิม ศาสนาว่า... วิทยาศาสตร์ว่า... ศีลธรรม... ประโยชน์... ผลกระทบกับสังคม... http://topicstock.pantip.com/social/topicstock/2010/11/U9928917/U9928917.html รับรองว่า ไม่พ้นไปจาก สามร้อยกว่าความเห็นเดิมแน่ๆ... เพิ่มประเด็นอื่นด้วยก็ดีนะครับ จะได้คุยกันกว้างๆ ขึ้น... จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 02:33:24

ความคิดเห็นที่ 32 การทำแท้งไม่ใช่การฆ่าคน---มันก็เป็นเพียงความคิดเห็นและความเชื่อของจขกท. ตามทิฎฐิเฉพาะของตน ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความจริงเสมอไป หากแต่ในประเทศไทย ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งตามหลักศาสนาแล้ว การทำแท้ง คือการทำสิ่งมีชีวิตให้ตกล่วงไป ซึ่งผู้ที่ทำแท้งก็จะได้รับวิบากในทันที คือความเศร้าหมอง ความกังวลที่เกิดขึ้นในจิตใจทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ แต่ประเทศไทย ผู้คนส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ ทิฎฐิจึงไม่ตรงกับจขกท. เนื่องด้วยความเชื่อ ความคิด คนละอย่างกัน การจะให้ปรับเปลี่ยนอะไร โดยไม่พิจารณาว่าสังคมส่วนมาก เค้าเชื่อถือ เค้ามีทิฎฐิอย่างไร คงเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นจขกท. คงต้องอดใจรอ ให้ประเทศไทยมีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ จึงจะสมหวังในความคิดว่าการทำแท้งไม่ใช่การฆ่าคน และควรให้การทำแท้งเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย   อาจจะต้องรอไปอีกสัก 2,500 ปีน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 11:36:11 จากคุณ : ทางปลอดภัยจากความตาย เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:26:06

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท. เห็นว่าการทำแท้งไม่ใช่การฆ่าคน ผมเห็นว่าการทำแท้งเป็นการฆ่าคน ซึ่งมัน 100% Conflict ก็ป่วยการจะต่อความกันต่อไป *** บางคนชอบแก้ปัญหาโดยการหนีปัญหา จขกท. ว่ามั้ย จากคุณ : สมบูรณ์แบบ (ไหน?) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 14:52:37 A:58.8.37.246 X: TicketID:345804

ความคิดเห็นที่ 34 หากคิดว่าจะเลี้ยงเขาไม่ได้ก็อย่าทำให้เขาเกิดมาค่ะ ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ แทนที่จะมาสนับสนุนให้เด็กรู้จักการป้องกัน สอนการคุมกำเนิดหรือสอนเรื่องเพศศึกษาปลูกฝังค่านิยมให้เขาแบบถูกต้องกลับมาสนันสนุบการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทีนี้ล่ะคงปล่อยท้องกันสนุก พลาดก็ไม่เป็นไร ทำแท้งเสรีได้นี่นา เปิดให้ทำแท้งเสรีแล้วมันช่วยลดปัญหาเรื่องวัยรุ่นท้องก่อนวัยอันควร ลดปัญหาสังคมได้ยังไงบ้างเหรอคะไม่เข้าใจ มันจะส่งเสริมให้สภาพสังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีขึ้นจริงๆเหรอคะ ปัญหาสังคมแก้ง่ายแค่ทุกคนรักษาศีล 5 ข้อให้ครบ ทุกวันนี้ที่ยุ่งเหยิง วุ่นวายเพราะคนเรามันขาดศีล ขาดจิตสำนึกและขาดคุณธรรม แต่ก็อย่างว่าล่ะไม่อยากเอาเรื่องศาสนามาเกี่ยวเดี๋ยวจะมีคนมาแย้งอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ทางออกของปัญหามีมากมาย แต่ไม่คิดกัน เอะอะก็จะทำให้ถูกกฏหมายไปซะหมด เพราะมันคิดง่ายไง ปัญหาสังคมควรมีวิธีคิดในการจัดการปัญหาที่มันเหมาะสมและสมเหตุสมผลมากกว่านี้ หากทำแ้ท้งเสรีได้จริง คุณหมอทั้งหลายคงจะทำงานหนักมากขึ้นเพระาผู้หญิงจะเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ช่องคลอด และอวัยวะภายในมากขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของการทำแท้ง จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 16:22:40