Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“หมอไทยสมัยนี้ ไร้ "จรรยาบรรณ" ให้สังคมหรือว่าสังคมสมัยนี้ ไร้ "ที่ยืน" ให้กับเรากันนะ” ติดต่อทีมงาน

บทความนี้ยาวหน่อยนะคับ แต่รับรองว่าจะพยายามเขียนให้เห็นภาพ น่าติดตาม และไม่เบื่อไปซะก่อนนะคับ

เหตุผลที่หมอไทยในโรงบาลรัฐบาลและโรงบาลชนบทกำลังน้อยลงไป ทุกวันๆๆๆๆๆๆ

1. งานหนักมว้าก.......
วันก่อนอ่านเจอคำพูดประโยคหนึ่ง โดนใจเรามาก
"คนทั่วไปมักจะพูดกันว่า เป็นหมอ งานสบาย เงินดี แต่แปลกนะ ที่กลับไม่มีใครเคยได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกจากปากของคนเป็นหมอเลย"
เป็นประโยคที่อ่านแล้วเจ็บจี๊ดๆมาก

จิงคับ ภาพของอาชีพเราในมุมมองของคนอื่นๆ คือ งานออฟฟิศ นั่งโต๊ะ เงินเดือนเป็นแสนๆ
แล้วในความเป็นจริงล่ะ....
ถ้าเราบอกว่า อยากเห็นหมอวิ่งไปวิ่งมาตรวจคนไข้ไหม ลองไปดูตามโรงบาลชุมชนที่ขาดแคลนหมอดูสิคับ

ถึงตรงนี้ สิ่งที่เราทำได้คงเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจิงๆ กับการเป็นหมอของเรามาเล่าให้ทุกคนฟังนะคับ
เราเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ ปีแรกทำงานใช้ทุนอยู่ที่โรงบาลจังหวัด ตอนนี้ขึ้นปีที่สองออกมาอยู่โรงบาลชุมชน
โรงบาลที่เราทำงานตั้งอยู่ในจังหวัดขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่ตอนนี้ภาพรวมของจังหวัดถือว่าหมอขาดแคลนมากๆๆๆๆๆ
โรงบาลอำเภอในจังหวัดเรา มีหมอ 1-2 คนทุกอำเภอ (ยกเว้นโรงบาลอำเภอขนาดใหญ่ 90 เตียง อยู่อำเภอนึงที่มีหมอ 4 หรือ 5 คนนี่แหละ)
โรงบาลเพื่อนเราอยู่ติดถนนทางหลวงสายเอเชีย มีอุบัติเหตุ เมาหัวทิ่มแหกโค้งกันแทบทุกวัน หน้ายับ นอนแน่นิ่งกันมาบ่อยๆ มีหมอ 2 คนคับ ถามจิง คิดว่าเพื่อนเรา จะเอาอยู่ หรอคับ
โรงบาลที่เราอยู่ล้อมรอบด้วยภูเขา 360 องศา มีน้ำตกใกล้ๆ3 แห่ง ตอนเช้าๆอากาศเย็นสบาย หมอกลงยังกะอยู่ปายเลยทีเดียว อยู่ห่างจากถนนใหญ่ 30 กิโล และ  ไม่มีเซเว่นคับ
โรงบาลเราตอนนี้มีหมอ 2 คนคับ กับประชากรในอำเภอที่ต้องดูแลประมาณ 30,000 คน ถ้าถามว่างานหนักไหม ก็คงตอบได้ว่ารัดตัวคับ คือ
พอไหว ตรวจคนไข้ทั้งวัน และลาไปไหนแทบไม่ได้เลย ถ้าหมอคนนึงลา ก็แปลว่าอีกคนต้องดูคนไข้ทั้งโรงบาลคนเดียวนะคับ ถ้าให้ดีโรงบาลเรา ควรจะมีหมอซัก 3 คนคับ
บางทีไข้ ไอ เจ็บคอ ไข้ 39 c ก็ต้องฝืนไปตรวจทั้งๆอย่างนั้นล่ะ บางทีพี่พยาบาลยังแซวเลยว่า ไม่รู้ว่าหมอกับคนไข้ คนไหนดูอาการแย่กว่ากัน กันแน่
แล้วการเป็นหมอก็แปลว่าต้องอยู่เวรคับ คือโรงบาลนะคับ ไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม ก็ต้องมีหมอที่ตามได้ 1 คน ตลอดเวลาทั้ง 24 ชั่วโมงคับ โรงบาลเรามีหมอ 2 คนก็ต้องอยู่เวรเดือนละ 15 วันคับ
แล้วคำว่าอยู่เวรของเรา ไม่เหมือนอาชีพอื่นนะคับ ที่คนที่มาอยู่เวรกลางคืน คือคนที่ได้ไปนอนมาตอนกลางวัน
กลางวันเราก็ทำงานทุกวันตามปกติคับ 8 โมงเช้า - 4 โมงเย็นคับ แต่ 4 โมงเย็นถึง 8 โมงเช้า เรากับพี่หมอ อยู่กันคืนเว้นคืน คับ
แถมงานเราไม่ใช้โอทีนะคับ ที่คืนไหนนึกจะพักก็ลาหายไปได้เฉยๆ ถ้าเราคิดจะไม่อยู่เวร เราก็ต้องวางแผนหาหมอมาอยู่แทนล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วันแล้วคับ
ต่อให้สุดวิสัยแค่ไหน ถ้าไม่มีหมอมาแทน ก็ไปไหนไม่ได้นะคับ

ในช่วงกลางวัน เราเริ่มไปดูผู้ป่วยใน 8 โมง มีเต็มที่ 30 เตียงๆ นึงก็ 5-10 นาที เสร็จแล้วก็ไปดูผู้ป่วยห้องฉุกเฉินครับ แล้วก็ไปดูห้องคลอดคับ
บางวันมีคลินิกอุลตร้าซาวนด์ บางวันมีคลินิกโรคเรื้อรังคับ
แน่นอนครับว่า ผู้ป่วยนอกเป็นที่สุดท้ายที่เราไปถึง มองไปเห็นสายตาคนไข้กว่าร้อย ที่ส่งสายตาสงสัยว่าทำไมหมอมันมาเอาป่านนี้คับ
ระหว่างที่เรากำลังตรวจผู้ป่วยนอกอยู่ บางทีเราก็ถูกห้องฉุกเฉินตาม บางทีห้องคลอดก็ตาม บางทีผู้ป่วยในก็ตาม
ถ้าคุณยังไม่เคยเห็นหมอวิ่งไปวิ่งมาในโรงบาล เพื่อรีบไปตรวจคนไข้ ก็ลองมาดูได้นะคับ อิอิ
พอตกเย็น หลังจากตรวจคนไข้เหนื่อยมาทั้งวันเราก็อยู่เวรต่อคับ
ข้อดี คือ หมอที่อยู่โรงบาลชนบทจะไม่ต้องอยู่เฝ้าห้องฉุกเฉินตอนกลางคืนตลอดเวลา
เพราะ เค้ารู้ว่าเทพมาจากไหนก็อยู่ไม่รอดครับ หมอก็คนนะคับ ไม่นอนทั้งเดือน หมอก็ตายได้เหมือนกันนะคับ
เวรกลางคืนจึงสามารถให้พี่พยาบาลที่ผ่านการอบรมรักษาโรคทั่วไปตรวจแทนได้ แต่จะตามหมอเมื่อเป็นผู้ป่วยที่เป็นโรคที่เกินกว่าความสามารถที่พี่พยาบาลจะดูแลได้คับ
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะสบายทุกคืนนะครับ บางคืนเราอาจจะโดนตามทุกชั่วโมง หลับๆตื่นๆทั้งคืน เช้าก็ไปทำงานต่อก็มีคับ
บางครั้งเรายังแซวพี่หมอเล่นเลยว่า โรงบาลเรามีหมอ 2 คน แต่มีพี่ยามผลัดกันอยู่เวร 3 คนนะ (พี่ยามอยู่เวรเฉพาะกลางคืนด้วยคับ)
สรุปแล้วเดือนๆ นึงเราอยู่เฝ้าโรงบาลมากกว่าพี่ยามอีกนะเนี่ย ^^
(ไม่แปลกเลยที่มีใครบางคน จะชอบเรียกตัวเองว่า ยามเฝ้าโรงพยาบาล อิอิ)

ฟังดูเหนื่อยหรือเปล่าคับ แล้วถ้าเราบอกว่า
ตอนช่วงปลายปีที่ผ่านมา พี่หมอที่ทำงานด้วยกันกับเรามีเหตุสุดวิสัยต้องคลอดบุตร ลาคลอด 3 เดือน ล่ะคับ
ถามว่าผิดไหม ถ้าคนเป็นหมอจะป่วยได้ หรือญาติจะเสีย เพื่อนสนิทจะแต่งงาน บ้านจะน้ำท่วม หรืออย่างกรณีนี้ คือ พี่หมอจะคลอดลูกคับ
มันไม่ใช่ความผิดของพี่หมอเลยนะคับ ที่จะมีลูกซักคนหลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปี แล้วก็ต้องลาคลอดไป 3 เดือน ไอ้เราจะไปห้ามไม่ให้พี่หมอคลอดก็คงไม่ได้ใช่ไหมคับ
แต่ก่อนที่พี่หมอจะลาคลอด ก็ได้พยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่น้าคับ ติดต่อสาธารณสุขจังหวัด ขอหมอโรงบาลอื่นมาช่วย สอนงานการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้
แต่ก็อย่างที่เราบอกไปตอนแรกล่ะคับ ว่าโรงบาลข้างเคียงในจังหวัดเราก็ขาดหมอกันทั้งนั้น จะยืมหมอมาช่วยก็แปลว่า เค้าก็ต้องลำบากอีกเหมือนกันคับ
เราก็จะยืมหมอมาได้บ้าง แต่ไม่ตลอดคับ บางช่วงเราก็ต้องอยู่โรงบาลเองคนเดียวไปครึ่งเดือนทั้งอย่างนั้น อย่างช่วงคร่อมปีใหม่ที่ผ่านมา
เราอยู่โรงพยาบาลคนเดียว  10 กว่าวันรวดเลยน้าคับ เหนื่อยและล้ามากเลยคับ
ปัญหาของการเป็นหมอผู้เล่นตัวจริงคนเดียวของโรงบาลก็ คือ เราต้องเป็นทั้งหมอ และ ผอ.โรงบาลในคนเดียวกันคับ
จากที่บอกมาแล้วว่า งานหมออย่างเดียว เราก็วิ่งวุ่นทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ห้องฉุกเฉิน ห้องคลอด และต้องอยู่ 24 ชั่วโมงติดต่อกันคนเดียวไปเรื่อยๆ จนจะเป็นลมอยู่แล้ว
แต่เรายังต้องเป็นผอ.โรงบาลด้วยอีกต่างหากคับ ผอ.มือใหม่แกะกล่องเลยคับ
อยากให้เข้าใจว่าการเรียนหมอ 6 ปี เราไม่เคยเรียนงานบริหารน้าคับ จะงานพัสดุ ธุรการ การเงิน อะไร เราก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนทั้งนั้นล่ะคับ แต่อยู่ๆ ก็ต้องเป็นผอ.จำเป็น ขึ้นมากะทันหัน
โอ้ว พระเจ้าจอร์จมากคับ ความรู้สึก คือ เหมือนเอาช่างไม้มาตัดผม เอาหมอฟันมาสร้างบ้าน อะไรประมาณนั้นเลยคับ
มีคนเคยบอกว่า เอาหมอคนนึงไปเป็น ผอ. ก็เหมือนกับ "เสียหมอดีๆ ไปคนนึง แล้วได้ผู้บริหารห่วยๆ มาคนนึง" เราเห็นด้วยอย่างแรงเลยคับ
โชคดีที่พี่ๆ ในโรงบาลที่ทำงานด้วยทุกคน ซื่อสัตย์ นิสัยดี ยินดีช่วยเหลือ เราถึงรอดมาได้นะคับ
(แอบขำ ตอนเข้าประชุมกรรมการบริหารโรงบาลครั้งแรก พอเรานั่งแล้วทุกคนในห้องก็เงียบกริบ เราเลยต้องถามพี่ที่นั่งข้างๆว่าเป็นประธานการประชุม
เราต้องทำอะไรบ้างคับ พี่เค้าถึงบอกว่า หมอก็ว่าเริ่มไปทีละข้อตามเอกสารวาระประชุม นั้นล่ะ เราเลยเริ่มประชุมกันไปได้ 55)

ถามว่า การเป็นผอ.ต้องทำอะไรบ้าง วันๆนึงก็เซ็นเอกสารเป็น สิบๆแฟ้ม เซ็นเช็ค อนุมัติโครงการ (ต้องตรวจเอกสารก่อนอีก) แก้ไขปัญหาในโรงบาล (การฟ้องร้อง บุคลากรขัดแย้งกัน)
ไปจนถึงงานทั่วไปแบบเซ็นเบิกน้ำมันรถ ตรวจรับอาคารที่สร้างใหม่ จัดซื้อจัดจ้างเครื่องมือแพทย์เข้าโรงพยาบาล
เอ่อ เอาจิงๆ งานพวกนี้ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะต้องมาทำ พูดได้คำเดียวว่า เอ๋อรับประทานไปเลยคับ
ถามว่า เอาเวลาไหนมาทำ ก็ตอนพักกินข้าวเที่ยงไงคับ กับหลังตรวจคนไข้เสร็จสี่โมงเย็นไงครับ หรือบางวันเคลียร์ไม่ทันจิงๆ เราเอาเอกสารมาตั้งหลังห้องตรวจ
พอจังหวะที่คนไข้ที่ตรวจเสร็จหันหลังเดินออกจากห้อง ระหว่างรอคนไข้คนใหม่เดินเข้ามาถึงที่นั่งตรวจ มีเวลาดูเอกสารตั้งเกือบ สิบวินาทีเลยนะ จิงๆ
ช่วงที่มีหมอจากโรงบาลข้างๆมาช่วย ก็จะสบายกว่านี้หน่อยนะคับ แต่ก็วิ่งไปวิ่งมาทั้งวันอยู่ดีล่ะ
บางครั้งเราก็แอบลำบากใจ เวลาทำงานกลางวัน มี 8 ชั่วโมงเหมือนกันทุกวัน
แต่งานทั้งสองอย่างเป็นงานที่เวลาซ้อนทับและต้องทำในเวลาเดียวกันแต่ เราไม่สามารถทำทั้งสองอย่างพร้อมกันได้คับ
ถ้าเราเลือกที่จะไปเคลียร์งานบริหาร หรือ ไปประชุม
ก็เท่ากับทิ้งงานตรวจคนไข้ให้เพื่อนหมอที่มาช่วยจากโรงบาลอื่น คนไข้ที่รอตรวจก็ต้องรอนานขึ้น บางวันคนไข้ก็ล้นเลย ก็ดูเป็นหมอที่แย่อีก
แต่พอเราตรวจคนไข้ทั้งวัน ไม่ไปเข้าประชุมเลย หรือ อนุมัติเอกสารและเช็คไม่ทัน ก็กลายเป็นว่าเราเป็นผอ.โรงบาลที่แย่อีก
มันรู้สึกแย่นะ เพราะปกติเราเป็นคนที่ยอมรับไม่ได้ถ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำงานน้อยกว่าคนอื่น รับไม่ได้ถ้าคนอื่นจะรู้สึกว่าโดนเราเอาเปรียบ
คือ ปกติจะพยายามทำงานให้มากกว่าคนอื่นตลอดเวลา อยากให้คนที่ทำงานด้วยรู้สึกว่าทำงานสบาย
แต่พอเจออย่างนี้ ยอมรับว่า "เอาไม่อยู่" จิงๆคับ ถ้าเวลาทำงานกลางวัน มี 16 ชั่วโมงแม่มไปเลยดีมะ จะได้ทำงานทั้งสองอย่างได้เต็มที่ไปเลย
อย่าลืมนะ ว่าที่เราเล่ามา คือ 8 ชั่วโมง ที่เป็น "กลางวัน"
แล้ว "กลางคืน" ล่ะ ..... ก็อยู่เวรอีก 16 ชั่วโมงไงคับ
กลางเดือนมกราที่ผ่านมานี้ พี่หมอสงสารเรา กลัวเราจะไม่ไหว เลยไม่ลาคลอดต่อ กลับมาช่วยงานตรวจคนไข้ตอนกลางวัน
แต่ค่ำคืนเดือนมกรา 31 วันก็ยังเป็นชื่อเราอยู่เวรกลางคืนทั้งเดือนนะ อิอิ (เพื่อนเราถามว่า จะมีตารางเวรไปทำไมนะ 55)

ยัง.. ยังไม่หมดนะ ยังมีงานคุณภาพโรงบาลให้เราทำอีกต่างหาก เราเข้าใจนะ เราอยากให้โรงบาลของเรามีคุณภาพ แต่ถ้าเราต้องทำงานเอกสารอะไรๆมากขึ้นทั้งๆที่ตรวจคนไข้ไม่ทันอยู่แล้ว
มันจะทำให้โรงบาลของเรามีคุณภาพขึ้นจิงๆ หรือเปล่านะ คือ ในความเห็นของเรา ...
งานคุณภาพโรงบาลเป็นหลักการที่รัฐไปลอกมาจากเอกชน ซึ่งหมอและเจ้าหน้าที่มีเวลาเหลือเฟือ ครวจคนไข้วันละ 20-30 คน จะเขียนยืดยาวแค่ไหนก็ได้
แต่กับเราที่ตรวจคนไข้วันละ 100-200 คน มีเวลาตรวจคนไข้แค่ 3-5 นาทีต่อคน ยิ่งเราเขียนนานแปลว่า เรามีเวลาตรวจคนไข้น้อยลงนะคับ
คือ มันอาจจะมองเห็นเป็นชิ้นงานให้ตรวจสอบได้ดีอยู่หรอกคับ แต่เรารู้นะว่าหมอโรงบาลชุมชนทั่วประเทศคิดเหมือนกันจิงๆนะ ว่า
ที่จิงแล้วมันอาจจะทำให้คุณภาพการตรวจของเราแย่ลงด้วยซ้ำนะคับ
ก่อนที่จะเอางานคุณภาพลงมาทำจิงๆจังๆ แบบนี้ ช่วยเพิ่มหมอให้พอก่อนได้มั้ยคับ นะ นะ

2.  งานมันเป็นงานรับผิดชอบสูง ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองนะคับ
ขี้เกียจอธิบายมาก เล่าเรื่องจิงของเราให้ฟังเลยละกันจะได้เห็นภาพง่ายขึ้น

- ปีที่แล้วอยู่โรงบาลจังหวัด เคยมีอยู่วันนึง ไม่ได้กินข้าวเลย 24ชั่วโมง เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้น....
ข้าวเช้าไม่ได้กิน ปกติไม่กินอยู่แล้วกลัวเสียเวลานอน กะว่าตั้งเวลาปลุกแบบที่ว่าตื่น อาบน้ำแล้วไปทำงานเลย
ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กิน เพราะ ตอนกลางวันดูคนไข้ในอายุรกรรม 2 ชั้น 100 กว่าเตียงกลัวจะตรวจคนไข้ไม่ทัน
เพราะ 4 โมงเย็นต้องรีบไปอยู่เวรห้องฉุกเฉินอีก ก็เลยตรวจคนไข้ต่อเนื่องไปเลยไม่ได้พักเที่ยง
ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน เพราะ วันนั้นเป็นวันอะไรไม่รู้ คนไข้ห้องฉุกเฉิน 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนเยอะมาก ตรวจตลอดเวลา
ขนาดระหว่างเตียงลัดเวลาด้วยการวิ่งไปตรวจ ยังตรวจไม่ทันเลย
สรุปวันนั้นข้าวเช้า ได้กินโจ๊กหน้าธนาคารกรุงศรีฯ ตอนตีหนึ่ง(ของอีกวัน) คับ หิวโคตรๆ
(เดี๋ยวมีคนถามอีกว่าทำไม 24 ชั่วโมง คืนก่อนหน้านั้นก็ออกจากเวรไปกินตอนตี 1 เหมือนกันคับ)

- วันก่อน ขี่มอไชต์ออกไปกินข้าวแกงหน้าโรงบาลตอนเที่ยง ตักกินได้คำนึง พี่พยาบาลโทรมาบอกว่า "หมอ มีลุงอายุ 50+ปี ไปเดินเขาทำปืนลั่นเข้าหลังตัวเองด้านขวา ช็อค ความดัน 60/30"
คือ ถ้าเรากินต่อ คงไข้เราคงตายอะ ก็เลยทิ้งข้าว บึ่งมอไซต์กลับโรงบาล กว่าจะใส่ท่อปอด คุมอาการช็อค ส่งตัวโรงบาลจังหวัดเสร็จ ก็บ่ายโมงกว่า กลับไปอีกที มดขึ้นข้าวหมดเลย
ป้าเจ้าของร้านบอกว่า คนที่หมอทิ้งข้าวไปช่วย เป็นญาติป้าเอง แกเลยตักให้ใหม่ แถมข้าวเหนียวถั่วแดงถ้วยขนาดยักษ์พิเศษให้ด้วยถ้วยนึง ซึ้งใจดีจัง
ตอนนี้คุณลุงก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว ทำงานได้ปกติ วันก่อนยังเจอคุณลุงแกอยู่เลย อิอิ

- บางทีอยู่เวร เราก็กลับมานอนพักบ้านพักแพทย์ ปวดอึก็เลย เข้าห้องน้ำ กำลังนั่งอึ๊อยู่ พี่พยาบาลโทรตามแต่โทรเข้าเบอร์บ้าน
โทรศัพท์ก็อยู่ในห้องนอน จะไม่ รีบไปรับก็ไม่ได้ ไม่รู้เป็นผู้ป่วยโรคอะไร เกิดเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เดี๋ยวแย่เลย
ก็เลยขมิบตูดให้ขี้ขาดกลาง (จิงๆนะ) แล้ววิ่งออกไปรับโทรศัพท์ในห้องนอน ในสภาพล่อนจ้อน ท่อนล่างเปลือยเปล่า ไข่ห้อยโทงเทง >> บอกได้คำเดียวว่า อุบาทว์มาก 55

- ถ้าถามว่า เคยไม่ได้นอนติดๆกันเลยสูงสุด กี่ชั่วโมง ก็คงเป็นตอนเรียนปี 6 ออกไปฝึกงานจริง เคยไม่ได้นอนติดต่อกันประมาณ 60 ชั่วโมง
แต่ถ้าถามว่าเคยอยู่เวรติดๆกันมากที่สุดกี่วัน คำตอบคือ อยู่ 24 ชั่วโมงติดกัน 18 วัน 17 คืนคับ (ตอนเดือนมิถุนาปีที่แล้ว)
ถ้าถามว่า เคยหลับในไหม เคยเอาหูฟังแปะหน้าอกคนไข้แล้วหลับเผลอไปทั้งอย่างนั้นประมาณ 10 วินาทีคับ
เคยหลับไปทั้งที่มือกำลังเขียนชื่อตัวเองในใบรับรองแพทย์ที่เขียนให้คนไข้อยู่คับ
(ประเทศออสเตรเลียมีกฎห้ามหมอทำงานต่อเนื่องกันเกิน 8 ชั่วโมง เพราะ เค้าวิจัยแล้วว่า
หมอที่ทำงานติดต่อกันนานเกินไปจะมีระดับการคิดและตัดสินใจเทียบเท่ากับคนที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเหมือนคนที่กินเหล้ามาโดนเป่าจับอะ
สงสัยถ้าเราไปทำแบบนี้ที่ออสเตรเลียโดนโทษประหารชีวิตไปแล้วล่ะมั้ง)

- แฟนโทรมาร้องไห้กับเรา กำลังปลอบๆ อยู่ โทรศัพท์โทรตามเข้ามา เราก็ต้องบอกแฟนว่า "เดี๋ยวพี่รับโทรศัพท์ห้องฉุกเฉินแปบนะ เด๋วเสร็จแล้วพี่จะรีบโทรกลับ ขอโทษจิงๆนะ" แล้วก็วางหู
รู้สึกตัวเองเป็นแฟนที่แย่มากเลย ให้เวลาคนที่เรารักไม่ได้ในเวลาที่เค้าต้องการ เพราะ ต้องเป็นห่วงคนที่เราไม่รู้จัก แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่จะไม่รับโทรศัพท์ก็ไม่ได้ กลัวคนไข้ตายอีก
เคยแต่งกลอนให้แฟนด้วย
"รักจะมีแฟนเป็นหมอต้องทำใจ  ภาระงานอันยิ่งใหญ่ใช่ห่างเหิน หากเว้นว่างเวรน้อยใหญ่ให้อยู่เกิน อยากจะเดินเคียงข้างเธอทุกเวลา"  >> แอบเน่าหน่อยนะ อิอิ

- พ่อไปทำงานต่างจังหวัด ไกลจากโรงบาลที่เราทำงาน 500 กิโล วันนึงตอน 4 ทุ่ม โทรไปหาพ่อ เราถามพ่อว่าทำอะไรอยู่
พ่อเงียบไปและพูดว่า "อยากกระโดดน้ำตาย" จังหวะนั้นเราเครียดกินเลยคับ
ตอนนั้นอยู่โรงบาลคนเดียว ใจอยากจะบึ่งรถออกจากโรงบาลตอนนั้นเลย แต่จะทิ้งโรงบาลไปทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้ ถ้ามีคนไข้มาโรงบาลแล้วตาย เพราะ โรงบาลไม่มีหมอ ถ้าเราเป็นญาติ
เราจะรู้สึกยังไง สิ่งแรกที่ทำคือ โทรไปบอกแม่เตรียมตัวเก็บของ สิ่งที่สองที่ทำคือ ติดต่อพี่หมอ และหมอโรงบาลข้างๆ ขอหมอมาอยู่เวรแทนให้เร็วที่สุด คือ ตราบใดที่ยังไม่มีคนมาแทน
เราจะออกไปจากโรงบาลไม่ได้นะคับ โรงบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกที่คืออีก 30 กิโลนะคับ ตอนนั้นสติกระเจิงจิงๆคับ ทำอะไรไม่ถูกเลย
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หมอจากโรงบาลอื่นทุกคนที่มาช่วยผลัดกันอยู่เวรในวันที่เราไม่อยู่นะคับ
ขอบคุณที่ทำให้เรามีเวลาสละจากการดูแลคนที่เราไม่รู้จัก ไปช่วยชีวิตพ่อตัวเองคับ ขอบคุณจิงๆคับ

- โรงบาลที่เราทำงาน กับเมืองที่แฟนกับครอบครัวของเราอยู่ ถ้าเราอยากไปหา  เราต้องขับรถไปกลับ 200 กิโลคับ
ถ้าเราเกิดนึกคึก อยากไปกินข้าวเย็นกับแฟนในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ เราก็ต้องออกจากโรงบาล 4 โมงเย็นคับ ขับไป 100 กิโล กินข้าวเสร็จ ดูหนัง เที่ยงคืนขับรถกลับถึงโรงบาลตี1ครึ่งคับ
หรือถ้าวันไหนไปนอนบ้านอยู่กับครอบครัว ตื่น 6 โมงเช้า ขับรถกลับถึงโรงบาล 8 โมงทำงานต่อเลยคับ
อย่าลืมนะคับว่าเราอยู่เวรวันเว้นวัน วันที่เราขับรถไปกลับ 200 กิโล คือวันที่คืนก่อนหน้านั้นนอนไม่พอและคืนต่อไปจะนอนไม่พอนะคับ
(เพื่อนหมอรุ่นผมเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน เพราะ หลับในเนื่องจากขับรถหลังจากคืนที่อยู่เวร ขอให้เธอไปสู่สุคตินะคับ)

- งานเทศกาล วันหยุดความสุขสันต์ทั้งหลาย ไม่ใช่จะได้ไปกับเค้านะคับ
ปีที่ผ่านมา สงกรานต์เราก็อยู่เวรรวด 5 วันคับ ปีใหม่เราก็อยู่เวรรวด 16 วันคับ
วันที่ทุกๆคน ฉลองกันอย่างมีความสุข เรานั่งอยู่โรงบาลคับ รอเค้าฉลองเสร็จ เมาทะเลาะกัน ตีกัน ขับรถแหกโค้งกันมาคับ
คอนเสริตเพื่อชีวิต หรือ ร็อคๆ มาจัดในจังหวัด เราก็นั่งภาวนาคับ พวกมันจงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้ตีซึ่งกันและกันเลย เดี๋ยวลำบากเราอีก
วันที่คนเกือบทั้งประเทศได้พักผ่อน นั่งนับถอยหลังกับคนที่ตัวเองรัก กินเหล้ากับเพื่อนๆ คือ วันที่งานเรายุ่งมากคับ
วันปีใหม่ แทนที่เราจะไปหาพ่อแม่  กลายเป็นว่า พ่อแม่ต้องมาหาเราที่โรงบาลคับ
เฮ้ออออออ....

ถ้าให้เรานิยามล่ะก็ "หมอเป็นอาชีพที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองครับ จะกิน ขี้ เยี่ยว นอนก็ไม่เป็นเวลา และต้องสละเวลามีความสุขกับคนที่ตัวเองรักให้กับการดูแลคนที่เราไม่รู้จักครับ"

จากคุณ : ก็แค่หมอเซาะกราวคนนึง
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 16:11:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com