|
ถ้าเอาตามข้อความข้างต้นว่า เราก็ถือว่าเนรคุณเหมือนกันค่ะ เอาทีละข้อนะ
1. พ่อแม่ป่วย มาดูแลไม่ได้ อ้างว่าไม่มีเวลา
ตอนแม่เราผ่าตัดลอกต้อ แม่อยู่ จ. อุตรดิดถ์ เวลาผ่าตัดต้องนอนที่ รพ. 2 คืน เราบอกให้แม่มาผ่าที่จ. ที่เราอยู่ เพราะญาติอยู่เยอะ ตัวเราค้าขายกับสามี ดูแลกันคนละแผนก ไม่มีลูกน้อง ยอดขายวันละเกือบแสน ก็คิดว่าถ้าแม่มารักษาที่จ. ที่เราอยู่ กลางวันจะให้ญาติดูแล ส่วนตอนเย็นปิดร้านแล้ว เราไปเฝ้าก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่แม่ไม่มา แม่บอกว่า แม่ชอบที่นี่เพราะแม่รู้จักเจ้าหน้าที่เยอะ ประมาณว่าผู้กว้างขวางว่างั้นเถอะ ตกลงเลยให้น้องสาว(ลูกป้าที่ว่างงานอยู่)ไปเฝ้า แบบนี้ เนรคุณมั้ย
2. เรามีเงินเลี้ยงดูลูก แต่ไม่มีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ พ่อแม่เรามีเงินรายได้ค่าเช่า 25,000.-/เดือน กินผักในสวน ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ เพราะมีที่นาเยอะ แถมเอาข้าวไปแจกให้ญาติ ๆ กินอีก ดังนั้นเราจึงไม่ได้ให้เงินเดือนพ่อแม่ค่ะ แต่ซื้อข้าวของเครื่องใช้จิปาถะให้ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ด้วย แบบนี้เนรคุณมั้ย
3. เราทิ้งพ่อแม่ไปอยู่กับลูกกับผัวได้ แต่เราทิ้งลูกทิ้งผัวไปอยู่กับพ่อแม่ไม่ได้ เราไม่ได้ทิ้งนะ แต่เดิมเราอยู่ด้วยกัน ต่อมาพ่อกับแม่แยกไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เพราะเขาชอบทำสวน ที่นาแถวนั้นราคาถูก แต่ถ้าอยู่กับเรา เราค้าขายทั้งวัน ไม่มีเวลาคุยกับพ่อกับแม่ เพราะค้าขายก็ต้องคุยกับลูกค้า ขนาดลูกเรายังเคยเปรย ๆ ว่า นี่ถ้าหนูไปโรงเรียนนะแม่ หนูได้กินข้าวไปสองมื้อแล้ว อยู่กับแม่ บ่ายสองโมงแล้ว ยังไม่ได้กินซักมื้อเลย ดังนั้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ เราจึงต้องเตรียมพวกขนมปัง ผลไม้ นมไว้ให้ในตู้เย็น ให้ลูกหากินเอาเอง แต่ถ้าพ่อกับแม่มา เขาก็ไม่ได้กินแบบที่เรากินนะ 6 โมงเช้า เขาต้องได้กินข้าวแล้ว ในขณะที่เราต้องรีบแต่งตัวให้เสร็จ แล้วไปส่งลูกไปโรงเรียน แล้วรีบกลับมาเปิดร้าน ข้าวเช้าอย่าหวังได้กิน ตอนแวะซื้อกาแฟเย็น ก็ต้องติดแซนวิชมาด้วย แล้วรีบกินกันในรถ เพราะยังไม่ทันเปิดร้าน ลูกค้าก็มารอแล้ว อย่างงี้จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลพ่อแม่กันเล่า
ถามว่ากลัวกรรมตามทันมั้ย ไม่หรอก เพราะเราไม่ได้คาดหวังจากลูกมากมาย เป็นพ่อแม่เดี๋ยวนี้ ต้องใจกว้าง พอลูกเรียนจบ เขาก็ต้องทำงาน(ซึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน) แล้วก็มีครอบครัว ยิ่งถ้าเขาเป็นลูกน้องคนอื่น ตอนพ่อแม่ป่วยแม้ว่าเขาจะอยากมาเยี่ยม มาเฝ้าไข้ เขาจะทำไ้ด้ตามใจตัวเองหรือ เกิดพ่อแม่ป่วยต้องอยู่ รพ. เป็นอาทิตย์ เจ้านายเขาจะให้ลามาเฝ้าหรือ ขืนทิ้งงานมา กลับไปเจ้านายยื่นซองขาว ลูกตกงาน แต่ได้ชื่อว่าลูกกตัญญู คนเป็นพ่อเป็นแม่จะภูมิใจได้หรือนั่น
ถ้าเราอยากเป็นลูกกตัญญู เราก็ต้องปิดร้านไปเฝ้าพ่อแม่ ทิ้งกิจการให้ใครดูล่ะ เราขายของอยู่คนเดียวเหรอ ไม่มีเรา เขาก็ไปซื้อที่อื่น บางทีอาจเสียลูกค้ารายนั้นไปตลอดกาลเลยนะ ตอนแม่เราเข้า รพ. เรากับครอบครัวก็ไปเยี่ยมตอนเย็นนะ แต่ไม่ได้นอนเฝ้า
อยากเป็นลูกที่ดีนะ แต่มันก็ยากจริง ๆ ค่ะ พ่อแม่แต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน บางคนได้พ่อแม่ที่ใจร่มเย็น ก็โชคดีไป แต่ของเราก็ว่าจะเลวร้ายอะไรนักหนา เพียงแต่เรารู้สึกเครียดเวลาที่อยู่ใกล้ท่านน่ะ นิสัยเราต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริง ๆ พ่อเราห้ามแม่เราดูสื่อบันเทิงทุกชนิด ให้เปิดแต่ข่าวเท่านั้น ข่าวทีวีหมด เปิดข่าววิทยุ เป็นอย่างนี้ทั้งวันทั้งคืน พ่อชอบแนะนำอาชีพนี่นั่นนั่นนี่ ถ้าใครไม่ทำตาม ก็ว่าโง่
ส่วนแม่เรา เป็นคนประหยัดมากกกกก เราหาเงินได้ก็อยากใช้ซื้อความสุข ไปเที่ยวตจว.บ้าง ต่างประเทศบ้าง แต่การจะไปแต่ละครั้ง ต้องโกหกว่าไปสัมมนาบ้าง บริษัทส่งไปมั่ง ถ้าไม่งั้นก็จะโดนข้อหาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีก เราเบื่อนะ ที่ต้องมานั่งโกหก ทั้ง ๆ ที่นั่นมันก็เงินที่เราหามาได้เองแท้ ๆ จะใช้เงินตัวเองยังต้องโกหกคนอื่นอีก
แต่เราไม่ได้แคร์หรอก ว่าคนข้างนอกจะมองเรายังไง ขี้เกียจอธิบายน่ะ ตัวเราต้องรู้เองสิ ว่าเราทำได้แค่ไหน เราพยายามพอรึยัง
บั้นปลายชีวิต ถ้าลูกจะไม่ดูแลเรา ก็คงสุดแล้วแต่เวรแต่กรรมล่ะค่ะ เราเองกะพึ่งพาลูกให้น้อยที่สุด เวลาไม่สบาย ไม่หวังให้ลูกมานั่งมานอนเฝ้าหรอก(ยกเว้นตอนใกล้ตายนะ) เงินทองก็ไม่ได้อยากได้ เพราะส่วนของเราก็พอมี
ถ้าไม่หวังกับลูกมาก ก็คงไม่ผิดหวังหรอกค่ะ เพราะเท่าที่ดูมา ลูกกับเราผูกพันใกล้ชิดกันมาก เขาคงไม่ทิ้งเราหรอก
เราเชื่อของเราอย่างงี้นะ
จากคุณ |
:
เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ)
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.พ. 55 16:46:28
|
|
|
|
|