ความคิดเห็นที่ 1 คนเรียนนิติศาสตร์ ที่สำเร็จคือ จบปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิตแล้วก็มีความรู้ทางกฎหมายครับ ที่เหลือนอกจากนั้นมันเป็นเรื่องชีวิตแต่ละคนแล้ว อยากจะเป็นนิติกร เป็นผู้พิพากษา เป็นอาจารย์ ก็ตามแต่ชอบ จากคุณ : gagigunggai เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 09:22:32

ความคิดเห็นที่ 2 ประมาณว่าจากคนธรรมดากลายเป็นท่านมั้ง จากคุณ : แห้วกับใบบัวบก เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 09:26:53

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่รู้นะคับ บางคนชอบเป็นทนาย บางคนชอบผู้ผู้พิพากษา บางคนชอบเป็นอัยการ บางคนอยากเป็นอาจารย์ ผมได้คุยกับท่านทั้งหลายมาก็เยอะนะคับ ต่างคนต่างมีเหตุผลที่ว่า คนที่เป็นทนาย ชอบเป็นทนายเพราะว่าไม่อยากอยู่กับที่ ชอบเข้าสังคม ชอบที่จะได้พบปะผู้คน คนที่เป็นผู้พิพากษา ก็ไม่มีอะไรหรอก โดยทั่วไปนะ บางคนก็อยากมีอำนาจ บางคนก็คุณธรรมสูง(คงรู้นะ) คนที่เป็นอัยการ บางคนก็บอกว่าเพราะเงินดี บางคนก็บอกว่าสอบผู้พิพากษาไม่ได้ซักที ก็เลยไปสอบอัยการ ก็เลยได้ คนที่เป็นอาจารย์สอนนิติ บางคนบอกว่าไม่อยากเป็นผู้พิพากษา ไม่อยากเป็นทนาย เพราะว่าสงสารคนอื่น ทำใจตัดสินคนผิดหรือช่วยคนผิดไม่ได้ หรือสงสารคนที่ถูกเอาเปรียบทางแพ่ง ประมาณนั้นน่ะคับ เพราะงั้น ไม่เกี่ยวหรอกว่าทุกคนต้องเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาเสมอไปน่ะ ส่วนตัวผม อยากเป็นผู้พิพากษาคับ จากคุณ : Sieghart เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 09:38:01

ความคิดเห็นที่ 4 การประสบความสำเร็จ คือ ได้ทำงานที่ชอบ และมีความสุขกับงานที่ทำ จะรู้ว่า มีความสุขไหม ก็ต้องลองทำดู ดังนั้น คุณก็ต้องขยับก้าวไปเรื่อยๆ ตามครรลองที่เห็นว่า เหมาะกับนิสัย แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 10:07:11 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 10:05:14

ความคิดเห็นที่ 5 บางคนใช้ความรู้ ช่วยส่งเสริมทางธุรกิจ... จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 11:08:42

ความคิดเห็นที่ 6 เรียนจบปริญญาตรี  มีวุฒิเป็นนิติศาสตร์บัณฑิต.....มีหนทางเลือกหลายอย่างหากต้องการก้าวหน้า  โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งแต่เรียนเน ฯ เพื่อสอบผู้ช่วยฯ  หรืออัยการ  เท่านั้น..............เช่น 1. สมัครทำงานตามวุฒิที่ตนมี  ทั้งงานราชการ ได้เกือบทุกกระทรวง  ทบวง  กรม  ที่มีในประเทศไทย ( เช่น  สมัครสอบเข้ารับราชการเป็นนายตำรวจ  หรือนายทหาร    หรือเป็นปลัดอำเภอจุดสูงสุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัด   หรือปลัดกระทรวง ฯ   หรือเป็นนักการทูต  จุดสูงสุดคือเอกอัครราชทูต  ฯลฯ  ) หรือ  ตามบริษัทเอกชน  เช่น ธนาคารต่างๆ  หรือ  มีอาชีพส่วนตัวเป็นทนายความ ( ต้องผ่านการอบรม ฯ โดยสอบให้ได้แล้วตีตั๋วทนาย ฯ  ) ........  หรือ............... 2. เรียนต่อ เพื่อสอบให้ได้เป็น เนติบัณทิต  ซึ่งเจาะลึกในกฎหมายแพ่ง  และอาญาทั้งสาระบัญญัติ  และวิธีสบัญญัติ ....... หากต้องการมีอาชีพเป็นนักฎหมายในรูปแบบตุลาการ  อัยการ  ฯลฯ ..... หรือ 3. เรียนต่อปริญญาโท  หรือถึงเอก เพื่อเจาะลึกในกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งให้เก่ง  และช่ำชองชำนาญเชี่ยวชาญในกฎหมายนั้นๆ  ....เช่นกฎหมายมหาชน ...กฎหมายภาษีอากร...กฎหมายระหว่างประเทศ....กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา.....................ฯลฯ   หากต้องการมีอาชีพเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย   หรือ  ..ที่ปรึกษากฎหมาย...หรือนิติกร .....หรือ  หรืออาจเรียนต่อระดับปริญญาโท - เอก  ในสาขาอื่นๆ  ที่มิใช่กฎหมายก็ได้  เช่น  รัฐศาสตร์     เศรษฐศาสตร์   อักษรศาสตร์  นิเทศก์ศาสตร์  ฯลฯ 4.  เอาปริญญาบัตรใส่กรอบให้ดี  แล้วติดฝาบ้าน  ไว้ที่ห้องรับแขก สำนวนภาษาเก่าแก่ของไทย...เขาว่า "กฎหมายเป็นเสมือนยาดำ.......ต้องมีสอดแทรกอยู่ในทุกสังคม" สุดท้าย...แนะนำให้นิดหนึ่ง.......หากท่านต้องการทุนเรียนต่อในระดับสูง ๆ ให้หาทางสอบเข้าทำงานในตำแหน่ง " นักการทูตปฎิบัติการ"  ของกระทรวงการต่างประเทศให้ได้.....เพราะเมื่อเข้าไปแล้ว  จะมีทุนสารพัดทุน  ไม่ว่าของรัฐบาลไทย  หรือของนานาชาติ มากมาย  หลากหลายประเภท ให้ท่านไปเรียนต่อสาขากฎหมาย  หรือสาขาอื่นๆ  ที่ท่านชอบ  ( มีหลายคนที่ได้รับทุนถึง 3 ทุนพร้อมกันในขณะเดียว  จึงต้องตัดสินใจเลือกเอาว่า  จะไปทุนใด ) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 11:47:32 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 11:33:01

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆแล้ว เด็กที่เรียนนิติ ลึกๆแล้วส่วนมากอยากเป็นผู้พิพากษา กันทั้งนั้น แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ก็คงจะค้นหาตัวเองเจอแล้วว่า เมื่อเรียนจบไปแล้ว ความสามารถ ของตนเองที่มีอยู่ ควรจะไปทางใด ที่เหมาะกับตัวเอง จากคุณ : เจ้ากก เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 13:48:06

ความคิดเห็นที่ 8 *-*    ขอตอบด้วยรอยยิ้มนะคะ ขอตอบจากหัวข้อกระทู้นะคะ    เราคิดว่าจะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่การได้เป็น ผู้พิพากษา  อัยการ   แต่ประเด็นสำคัญคือคุณสามารถนำวิชาความรู้ที่ได้เรียนมา มาสร้างอาชีพมาหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้หรือไม่มากกว่านะ     ปล.คนเราหน่ะมันไม่เหมือนกัน    บางคนก็เรียนเพื่อรู้แล้วไปประกอบอาชีพ บางคนก็มุ่งหวังความมั่งคั่งจากอาชีพ จากคุณ : บัวใส เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 14:10:22

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ จะนำไปเป็นแนวทางในการตัดสินใจในอนาคตครับ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:06:08 A:110.164.93.102 X: TicketID:336073

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนนี้เงินเดือนผมมากกว่าสองอาชีพนี้ด้วยซ้ำ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:24:59

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่จำเป็น  อัยการ  ผู้พิพากษา นั่งฟังแต่คนทะเลาะกัน จะเป็นโรคเครียด โรคประสาทได้ง่ายๆ จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:22:41

ความคิดเห็นที่ 12 เราไม่อยากเป็นผู้พิพากษาค่ะ เพราะนิสัยเราไม่ค่อยเข้ากับงานเท่าไหร่ เราชอบหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุดค่ะ จริงๆ น่าจะไปเป็นตำรวจมากกว่า แต่ด้วยชอบฟังเรื่องราวของคนด้วย (ไม่ได้อยากรู้อะไรนะคะ แค่มีคนมาชอบปรึกษาปัญหา ด้วยบ่อยๆ) เลยคิดว่าอัยการหรือทนายน่าจะ ok กว่า แต่ตอนนี้กำลังมองตำแหน่งนัก กม. ประจำองค์กรที่ทำเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์อยู่ค่ะ คิดว่าถ้าจบโทแล้วน่าจะไปอยู่ตรงนั้น อย่างนั้นจะตรงกับที่ต้องการมากที่สุด ส่วนคุณ...ถ้าคิดว่าทำงานทางไหน หรือทำอะไรแล้วคุณมีความสุขที่สุด ก็ทำเลยค่ะ อย่าให้นิยามของคำว่าสำเร็จของใคร มากำหนดชีวิตคุณเลย จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:28:20

ความคิดเห็นที่ 13 ความสำเร็จของคนเรียนนิติ คือเรียนจบแล้วรู้กฎหมาย และใช้กฎหมายนั้นเพื่อความถูกต้อง ไม่ใช่เอาไปช่วยคนเลว แค่นั้นครับ จากคุณ : พลังแหง่ความฝัน (พลังแห่งความฝัน) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:56:29