|
ความเดิมที่ยกมาจากกระทู้ที่ 2
ชีวิตหลังความตายของเรา เอ๊ย หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลก็ตกงานเป็นที่เรียบร้อย เพราะเกิดเรื่องก็ไม่มีใครไปแจ้งให้นายจ้างทราบเรื่อง พอเรากลับไปทำงาน ก็ปรากฏว่ามีคนทำงานใหม่แทนแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นหัวใจสลายเลย คงเปรียบอารมณ์เหมือนกับ ผู้หญิงที่กลับบ้านไป แต่เจอสามีนอนอยู่บนเตียงเรากับผู้หญิงคนอื่นน่ะค่ะ แหม โลกทั้งใบถล่มทลายเลย แล้วจะเอาเงินใหนใช้ จะไปอยู่ที่ใหน(ที่นั่นเค้ามีที่พักให้) เค้าก็เอาเสื้อผ้าเรามากองหน้าบ้าน ให้เราขนเสื้อผ้าออกเลยทันที
ณ ตอนนั้นคนแรกที่เรานึกถึงคือเพื่อนหญิงที่เราออกโรงปกป้องเค้า ที่เป็นเหตุให้หัวเราต้องมามีรอยเย็บ เหมือนตุ๊กตาที่ใยนุ่นเคยทะเล็ดออกมาจนทุกวันนี้ เพื่อนที่เราเอาชีวิตเราปกป้องมัน(จริงๆก็พูดให้ดูดีไปงั้น อยากทำตัวพระเอกเองนี่หว่า)มันกลับไม่แยแสใยดีอะไรเราเลย ไม่ถามสักคำว่าเป็นยังไงเจ็บมากมั้ย หรืออะไรทั้งนั้น กลับทำเป็นเรื่องธรรมดา ชิลล์ๆ ซะอย่างนั้น
เราเลยขอนอนพักอยู่ห้องของเพื่อนคนนี้ แต่ด้วยว่าเพื่อนคนนี้เค้าก็มีสามี(ชั่วคราว)เดี๋ยวเขาก็มา ปั่มปั๊มกันบ่อยๆ เป็นเหตให้เรารู้สึกเหมือน กขคง ของเขา เราเลยหอบเสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับของใช้นิดหน่อยออกมา
เชื่อมั้ย เราไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแบบนั้นเป็นเดือนๆ เราใช้วิธีไปนอนบ้านเพื่อนคนนั้นที คนนี้ที ค้างบ้านละคืนสองคืน พอพ่อแม่ของเพื่อนเริ่มเขม่นเราก็ขนสัมภาระ ระเห็จออกมาทันที ข้าวก็อาศัยกินของเหลือจากเพื่อน เพราะไม่เหลือเงินสักบาท เพื่อนๆก็ยังอายุน้อยๆ ส่วนใหญ่เค้าก็มีพ่อแม่เลี้ยง เค้าไม่สามารถจุนเจือเราได้แน่นอน
อย่างเพื่อนเราซื้อก๋วยเตี๋ยวมากิน เราก็รอเพื่อนกินอิ่ม หากไม่หมดเราก็ซดต่อ โดยไม่สนใจว่ามันจะปรุงอะไรไว้บ้าง มีครั้งนึงเพื่อนคนนึงมันชอบกินเผ็ด มันปรุงเผ็ดมาก เผ็ดจนมันกินเองไม่ได้(อีบ้าเอ้ย แต่ก็ดี เสร็จตู คริคริ)เราก็ซด ด้วยความหิว แต่ลืมว่าตัวเองเป็นคนกินเผ็ดไม่เก่ง โห่.. ให้ตาย น้ำมูก น้ำตา น้ำลาย ไหลมาบรรจบเป็นแม่น้ำมูลเลย แต่ก็กินจนหมดนะ
อย่างที่เล่ามาตั้งแต่ต้น ชีวิตเรากินไม่อิ่มมาตั้งแต่จำความได้ เพราะตอนที่เติบโตมาจากบ้านนั้นเค้าก้ไม่ให้เรากินจนเกินอิ่ม เค้าให้กินแค่ชามเดียว แต่ตักพูนๆได้ แต่กับข้าวเค้าจะตักให้ ทำให้เรากลายเป็นคนตละกะไปเลย (อาย) แต่ตอนนี้หายตละกะแล้วนะคะ แต่ผลที่พ่วงมาจากความอดอยากครั้งนั้นคือ ปัจจุบันกลายเป็นสาวอวบไปเลย ทั้งๆที่ตอนเด้กๆแห้งมาก เพราะพอโตมี พอมีกำลังทรัพย์เอง เรากินทุกอย่างที่อยากเลยค่ะ แพงก็จะกิน เราทดแทนสิ่งที่มันหายไปในช่วงชีวิตนึงน่ะค่ะ ปัจจุบันอยากกลับไปอดอยากอีกจัง อยากผอมเหมือนเดิมง่ะ ^ ^
อ่ะๆ กลับมาต่อหลังจากที่หาที่อยู่ที่นอนวนไปวนมาบ้านเพื่อนจนครบรอบวนกลับมาที่คนเดิมรอบที่สาม มุขนี้เริ่มใช้ไม่ได้ผลแล้ว ก็ประจวบเหมาะไปได้งานที่มีที่อยู่ที่พักพร้อม งานนั้นคือ มาร์คกี้ คนตั้งลุกสนุกเกอร์ ชีวิตเราวนเวียนอยู่ที่นี่หลายปีเหมือนกัน สนุกสนาน
ช่วงนี้ก็ลืมเรื่องการเรียนไปแล้ว มันเหมือนสนุกกับชีวิต ไม่ต้องคิดอะไร เจอเพื่อน เจอสังคม(ต่ำๆ) เจออบายมุขทุกอย่าง ลองได้ลองหมด แต่ไม่เคยติดอะไร เพราะเรารู้ว่ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีเลย เพื่อนๆที่มันติด เรานั่งถามมันทุกครั้ง ทำไมถึงติด มันรู้สึกยังไง เพื่อนมันบอกดี ทำให้ลืมดี เราก็ยังทำเข้าใจกับคำพูดมันไม่ได้มาจนทุกวันนี้
แล้วชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เรายังคงทำงานอยู่ที่โต๊ะสนุ๊กแห่งนี้ ด้วยความสนุกจนลืมวันลืมคืน ลืมแม้กระทั่งอนาคตตัวเอง จนเราอายุประมาณได้ 17 ปี
วันนึงเราถูกแคชเชียร์ของโต๊ะฯเป็นพวกสาวประเภทสองเรียกไปนั่งเฝ้าหน้าเคาท์เตอร์แทนหล่อน ร้อยวันพันปี หล่อนไม่เคยเรียกนะ วันนั้นก็แปลกใจอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเดียงสา(จิง จิ๊ง)ไม่ได้เอะใจอะไร ก็ไปนั่งแทนเค้า ซึ่งหน้าเคาท์เตอร์ก็คือลิ้นชักเก็บเงินของแคชเชียร์นั่นแหล่ะ
วันนั้นไม่มีแขกมาเล่นสนุ๊ก เป็นเวลาบ่ายๆเห็นจะได้ถ้าจำไม่ผิด พอเราไปนั่งปุ๊บ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนมาร์คกี้ด้วยกัน แม่บ้าน มาร์คเกอร์ หายไปพร้อมกันหมดเลย แต่เราไม่ได้เอะใจนะ มาคิดตอนที่มันผ่านมานานมากแล้วเพิ่งคิดได้อ่ะ แล้วเค้าก็กลับมาพร้อมๆกันหมด
แคชเชียร์นั่งประจำที่
มาร์คเกอร์+มาร์คกี้ สุมหัวประจำกลุ่ม
แม่บ้านเดินดูดผง(เครื่องดูดฝุ่นนะ หากคิดภาพตามตัวหนังสือมันจะขำ)
อิเตย(กระเทยควายใช้ให้เราไปเอายาดมในกระเป๋าเสื้อมันในห้องพักพนักงาน เราก็ไป(ตอนมันใช้ มันเรียกเราไปพูดเบาๆสองคน)
เว้นระยะประมาณ 20 นาที
อิเตย(กระเทยควาย): ว๊ายยย !!!! เงินหาย หายตั้งหลายพัน เป็นไปได้ไงเนี่ยย
อิแม่บ้าน: หะ หายได้ไง หาดีรึยังๆ ใหนๆๆ ช่วยหา
มาร์คเกอร์+มาร์คกี้: นั่นดิ หายได้ไง ก็ให้
เฝ้าให้ไม่ใช่หรอ
แล้วกล้องทุกตัวก็แพลนซูมมาที่เรา ,,,, นางเอกอย่างเราก็เข่าอ่อนแทบทรุดกับพื้นพรม(ดีไม่เจ็บเท่าดี)
เรา:หนูไม่ได้เอาไป ก็ให้หนูเฝ้าหนูก็เฝ้านี่ ยังไม่ได้ไปใหนเลย
อิเตย(กระเทยควาย: :-) กล้าสาบานมั้ย มะกี้ชั้นเห็นเธอเดินไปห้องพักน่ะ ไปทำอะไร ทุกทีไม่เห็นไปนี่
เรา: อ้า
. เออ ก็พี่ชะ
.
อิเตย(กระเทยควาย:พูดแทรกก่อนเราจะพูดจบ ป่ะ เราทุกคนไปค้นห้องมันกัน (ก็ ห้องรวมทุกคนนั่นแหล่ะ)
แล้วทุกคนก็เดินพาเหรดกันไป โดยเราเป็นจำเลยถูกลากไปด้วย ค้นไปค้นมา เจอเงิน2000บาทในกระเป๋านึง 700บาท ใต้ที่นอน 400บาทในกระเป๋าตังค์(อันนี้ของเรา)
อิเตย(กระเทยควาย: นี่ไง หลักฐาน แหม!!อิดอกร้ายจังนะเมิง เห็นเงินละอดใจไม่ได้รึไง
ตอนนั้นเราโครตอึ้งเลย ได้แต่น้ำตาไหล ตั้งแต่จำความได้เราจะร้องให้เพราะเจ็บทางร่างกาย เช่นโดนตี โดนน้าเอาแปรงซักผ้าเคาะตาตุ่ม โดนพ่อตบ โดนอากงเอาไม้กวาดฟาดกบาล หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นี่คือการร้องให้จะเป็นจะตายที่มาจากการอัดอั้นตันใจในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ แต่ถูกปรักปรำอ่ะ คือแบบ งง ชีวิตเกิดมา ละครก็ไม่ค่อยได้มีเวลาดูกับเขา มันมีมุขนี้ด้วย มุขแรกในชีวิตที่ถูกกระทำตั้งแต่ลืมตามาดูโลกเลย
เรายังใจสู้ สู้แบบจนหมาตรอก
เรา: หนูไม่ได้เอามาอ่ะ หนูนั่งเฉยๆ ไม่ได้ค้นเก๊ะพี่สักหน่อยอ่ะ พี่เอาหนูไปสาบานที่ใหนก็ได้ ไม่ได้เอาจริงๆ
อิเตย(กระเทยควาย: เดี๋ยวรอตำรวจมา ก็ไว้พูดกับตำรวจละกัน เลือกเอา จะยอมรับตรงนี้ หรือจะยอมรับสารภาพกับตำรวจ ยอมรับตรงนี้ก็จบ ยอมรับซะก่อนที่เจ้าของโต๊ะฯจะมา เค้าจะได้ไม่แจ้งตำรวจ
มีเสียงสมทบจากสมาชิกท่านอื่นแว่วๆมาในโสตประสาทที่วิ๊งๆของเราว่า รับเถอะๆ
เรา:หนูยอมรับแล้ว จะไม่ทำอะไรหนูใช่มั้ย(โง่อีก)
อิเตย(กระเทยควาย:ก็เก็บของออกไปเลย เจ้าของเค้าไม่อยากเห็นหน้าเธอหรอก เค้าไล่เธอออกแล้ว
เรา:อีกสองวันเงินเดือนจะออกแล้ว ขอเงินเดือนหนุออกหนูค่อยไปได้มั้ย
อิเตย(กระเทยควาย:อิหน้าด้านนนน!!!! ขโมยเงินเค้าแล้วยังจะเอาเงินเดือนเค้าอีกไม่เจียมตัวนะหล่อน
โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(คิดในใจ กุต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวเดนเพื่อนอีกแล้วหรอวะเนี่ย ต้องไปนอนตามโรงฯบาล ตามป้ายรถเมล์ ตามหน้าเซเว่นอีกแล้วหรอเนี่ย)โฮๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วชีวิตฉันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆอีกพักใหญ่ๆ
จากคุณ |
:
จขกท
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.พ. 55 01:41:42
A:115.67.0.147 X: TicketID:349624
|
|
|
|
|