ความคิดเห็นที่ 1 อะไรที่ผ่านมาแล้วก็อย่าไปเครียคค่ะ ถึงเครียดไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ไม่อยากให้คิดว่าถ้าจะเรียนดีต้องเลิกทำกิจกรรมนะคะ เพราะตัวพี่(ขอแทนว่าพี่แล้วกันค่ะ)ก็ทำกิจกรรมของชมรมที่สังกัดเหมือนกัน ขอบอกว่าคุ้มมากๆ เพราะเราจะได้ประสบการณ์และเพื่อนพี่น้องอย่างที่ไม่ได้รับจากห้องเรียน เห็นหลายคนก็ทำกิจกรรมเหมือนกัน  แต่ยังได้เกรดดีๆก็มี ที่น้องต้องทำคือจัดสรรเวลาใหม่ค่ะ  จัดระเบียบชีวิตซะใหม่  แบ่งเวลาให้เป็น ปล.เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : ตงอี้ เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 00:30:23

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับผม เรียนจบ คือผลสำเร็จ เกรดแค่ผลพลอยได้ อย่าไปยึดติดกับเกรด ยึดติดมาก คิดมาก เครียดมาก สุขภาพกาย สุขภาพใจแย่ จากคุณ : แอ๊บแบ๊ว เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 00:30:57 A:125.25.76.60 X: TicketID:294750

ความคิดเห็นที่ 3 เพื่อนเรานั่งเรียนด้วยกัน แบบเรานั่งกลางเพื่อนขนาบซ้ายขวาได้เอ เราได้ซี แต่เราก็เฉยๆนะคะ เพราะเราไม่ทุ่มเทเอง เพื่อนเราอ่านหนังสือเยอะมาก เราอ่านแค่คืนก่อนสอบเงี้ย ถ้าไม่ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ก็คิดซะว่า ได้เท่านี้ก็ดีแล้วไปละกันค่ะ ^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (fern-eva) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 02:16:40

ความคิดเห็นที่ 4 บางคนทำกิจกรรมก็ได้คะแนนดีนะคะ แบ่งเวลาให้ถูก เลือกกิจกรรมที่เสริมสร้างความคิด และทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การเป็นผู้นำ หรือกิจกรรมบางอย่างก็ส่งเสริมสุขภาพร่างกาย แม้แต่การมีสมาธิที่ดี เราว่าคุณตั้งใจเรียนเพิ่มขึ้น จัดตารางชีวิตให้ดี ตั้งใจเรียนในห้อง และทบทวนสม่ำเสมอจะช่วยได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเลิกทำกิจกรรม จากคุณ : 0+0 เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 03:27:16 A:88.76.37.7 X: TicketID:324043

ความคิดเห็นที่ 5 ประสบการณ์ตรง จากคนที่ทำกิจกรรมมาก่อน........ คนทำกิจกรรม ถึงเกรดจะไม่ดี แต่อนาคตดีกว่าพวกเด็กเรียนทั้งหลายนะคะ เข้าใจว่า เด็กกิจกรรมจะรู้จักการติดต่อ สื่อสารกับคนอื่น มาตั้งแต่ตอนยังเรียนอยู่ค่ะ เลยสนับสนุนให้ลูกๆทำกิจกรรมค่ะ แต่การเรียนก็ขอให้เรียนพอเอาตัวรอดด้วยค่ะ อย่าทิ้งนัก......... ที่ทำงานพวกเกรดไม่ได้เรื่อง พวกตกรุ่น พวกเรียนพอผ่าน (ตัวเอง) เป็นระดับหัวหน้างาน ระดับผอ. ไปตามๆกัน ขณะที่นักเรียนเหรียญทองทั้งหลาย ยังเป็นลูกไล่ในหน่วยต่างๆอยู่ค่ะ.............. จากคุณ : ปุยปุย เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 05:47:41

ความคิดเห็นที่ 6 กิจกรรมเป็นสิ่งที่ดี ถ้ารู้จักแยกแยะ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับตัวเอง ในเมื่อหัวเราอาจจะไม่ได้เก่งเท่าเพื่อน เราจะทำตัวเหมือนเพื่อน 100% ไม่ได้นะครับ อันตรายสุด ๆ เราอาจจะให้เวลากับกิจกรรมน้อยลง แล้วเอาเวลาไปทุ่มกับการเรียนมากขึ้น แค่นี้หล่ะครับการเรียนดีขึ้นได้แน่ ๆ ลองไปคิดเอาครับ เรียนจบถ้าคุณทำแบบนี้อยู่นะครับ เพื่อนร่วมกิจกรรมคุณไปหางานทำได้ดี เรื่องทำกิจกรรมเป็นเพียบประสบการณ์และความฝัน เวลาไปสมัครงานเค้าดูผลการเรียนเกรดคุณนะครับ มันแสดงอยู่ในใบจบด้วยนะครับ ส่วนกิจกรรมมันแค่ส่วนหนึ่งที่เค้าจะดู แต่ไม่รู้สนใจหรือเปล่า ยิ่งคุณไปบอกความจริงกับเค้าว่า ชั้นบ้ากิจกรรมจนทำให้การเรียนเกรดไม่ค่อยดี แต่กิจกรรมสุดยอด อืมมมมมมมม ใครอยากจะรับคุณเข้าทำงานหล่ะครับ ปรับลำดับความสำคัญใหม่ครับ เรียนอันดับ 1 เพื่อน กับกิจกรรมอันดับหลัง ๆ เลยครับ จากคุณ : เต่าน้อย/taonoi_@hotmail.com (เต่าน้อย) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 07:45:31

ความคิดเห็นที่ 7 จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นทำไมล่ะครับ ขอให้ตั้งใจเรียนให้มากที่สุด และได้เกรดผ่านมาตรฐานก้พอแล้วครับ น้องเชื่อไหมสมัยพี่เรียนนะ มีเพื่อนคนหนึ่ง ชีไม่สนโลกเลย ใครจะยังไง ชีได้เกรด ไม่เคยเกิน1.8 สุดท้ายโดนไทร์ไปตอนปี3 แล้วก็ลงใหม่ เดี๋ยวนี้เพิ่งอยู่ปี4มั้ง เห็นบอกว่าได้เกรด2.13 มั้ง 55555+ ไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้แข่ง หรือเครียดอะไรกับใครเลย จากคุณ : อย่าเครียด เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 08:33:15 A:119.46.176.222 X: TicketID:350643

ความคิดเห็นที่ 8 เคยคิดจะเลิกทำกิจกรรมที่ทำอยู่แต่เลิกไม่ได้จริงๆ มันเป็นอีกสังคมที่รักไปแล้ว ^^ ---- แบ่งเวลาให้เป็น ถ้าเกรดยังแย่ แสดงว่าคุณให้เวลากิจกรรมมากเกินไป จากคุณ : แฮม (noopin) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 09:53:18

ความคิดเห็นที่ 9 เกรดไม่ได้ตัดสินชีวิตคุณนะ.. แต่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น มีโอกาสมีทางเลือกมากขึ้น ฉะนั้น ลดกิจกรรมซักนิด หันมาตั้งใจเรียนให้มากขึ้น น่าจะดีกว่า จัดเวลาให้ดีครับ จากคุณ : Red_Arsenal เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 11:05:24

ความคิดเห็นที่ 10 เกรดออกมาแล้ว คงแก้ไขอะไรไม่ได้ เมื่อตอนที่ลูกสาวคนเล็กเกรดตก เพราะทำกิจกรรมเยอะ ชนิดที่ไม่มีอาทิตย์ไหนเลยที่เธอได้เรียนเต็มที่ กลับบ้านทุ่มสองทุ่มตลอด เขาคงรู้แหละว่า เกรดต้องตกแน่ จึงมาบอกเราก่อน สงสัยกลัวแม่ตกใจ เทอมนั้นเกรดจาก 3.65 เหลือ 3.1 ตอนที่รู้เธอก็เสียใจเหมือนกัน ลูกส่ง sms มาบอก(ไม่กล้าโทร.) ขนาดทำใจไว้แล้ว เรายังถึงกับอึ้งเลยค่ะ หลังจากรับข้อความแล้ว เราไม่โทร.หาลูก(ลูกไปติวที่เชียงใหม่) ผ่านไปอีกวันก็ไม่โทร. จนลูกสาวคนโตที่ไปติวด้วยกันโทร.มา บอกว่า แม่ไม่โทร.หาน้อง...หน่อยเหรอ แม่ไม่โทร.มา มันเสียใจนะ เมื่อคืนเห็นมันร้องไห้ด้วย เราก็บอกว่าไว้ว่าง แม่จะโทร.หาน้องเอง แล้วเราก็ไม่โทร. จนพ่อเขาเข้ามาพูด บอกว่าโทร.หาลูกหน่อยสิ สงสารลูก ให้โอกาสเขาหน่อย ตอนที่เราโทร.ไป เราถามลูกว่า คิดออกรึยังว่าพลาดตอนไหน อันไหนมากไป อันไหนน้อยไป ให้ไปพิจารณาแก้ไขเอาเอง ซึ่งเขารับปากว่าเขาจะดึงเกรดขึ้นมาให้ได้ เทอมที่แล้วได้ 3.25 เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าเขาทำเต็มที่แล้ว เด็กเรียนชั้นสูงขึ้น มันก็ยากขึ้น เกรดตกก็เป็นเรื่องธรรมดา ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า ได้พยายามรึยัง ถ้าเต็มที่แล้ว ผลออกมาอย่างไร ก็ต้องยอมรับล่ะค่ะ ลองปรับตารางเรียนดูใหม่นะคะ ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ อย่าท้อล่ะ จากคุณ : เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:30:53

ความคิดเห็นที่ 11 ทั้งเรื่องเรียนเเละเรื่องกิจกรรม เป็นเรื่องของความรับผิดชอบแหละคะ ส่วนตัวก็ไม่ได้คิดว่าคนที่ทำกิจกรรมเยอะๆ จะได้เปรียบเสมอไปสักเท่าไหร่ (นอกจากคนที่เป็นคนทำกิจกรรมเป็นจริงๆ แบบที่ไม่ใช่แค่ไปอยู่ชมรม อยู่สังกัดตามๆเขาไป ไม่ได้ทำอะไรจริงจัง ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่แสดงถึงความสามารถสักเท่าไหร่) และคนที่เรียนเก่งๆ ก็คงจะไม่ได้ถึงขั้นแย่ในแง่ของทักษะประสบการณ์ในการทำงาน คือ พูดในฐานะที่ผ่านมา ทั้ง 2 รูปแบบ ก็เห็นที่เห็น เห็นในสังคมที่พบเจอ อย่างน้อยคนที่เรียนเก่ง ก็คงได้แสดงถึงความรับผิดชอบได้หล่ะนะ แล้วการเรียนสมัยนี้ก็คงไม่ได้แค่เรียนในหนังสือๆ อ่านๆท่องๆไปสอบเสียทั้งหมด ยิ่งปีสูงขึ้น (ขึ้นอยู่กับคณะสาขาที่เรียนด้วยนะ) ก็มีการเรียนการสอนที่เพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ ที่ไม่ใช่แค่ในตำรา นอกจากนั้น ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยใจคอส่วนตัว บุคลิกภาพก็ด้วย คือ ถามว่า มันไม่ได้ตัดสินที่ผลการเรียน หรือ การทำกิจกรรม เพียงอย่างเดียวหรอก และสำคัญที่ว่า เรารู้ศักยภาพตัวเองแค่ไหน ต่างหาก เพราะถ้ารู้ อย่างน้อยก็มีโอกาสพัฒนา (มีอยู่คนนึงเป็นประธานของสังกัดที่ทำกิจกรรม แต่ไม่เคยเข้าเรียน มาเรียนเฉพาะตอนมีนำเสนอ ตอนสอบ แต่เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี เพื่อนๆชอบและให้ความช่วยเหลือ คือ เวลามีงานกลุ่ม ประธานไม่ได้ช่วยอะไรหรอก แต่เพื่อนก็ใส่ชื่อให้ แบบนี้ถือว่า ดี เก่ง เจ๋ง ?) ยังไงก็ประเมินตัวเองใหม่ค่ะ ส่วนที่ผ่านก็ช่างมัน ประสบการณ์สอนตัวเองทั้งนั้น   การทำกิจกรรม ก็เสริมสร้างประสบการณ์ สร้างสังคมให้ได้ แต่ทำกิจกรรมคือต้องทำกิจกรรมเป็นจริงๆนะคะ ไม่เเบบนั้น ไม่นานก็ถูกพิสูจน์ได้ว่า ของปลอมอยู่ดี การตั้งใจเรียนตามศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ ก็เสริมสร้างประสบการณ์ สร้างสังคมให้ได้เช่นกัน และอาจจะเป็นอะไรที่ดีกว่าด้วย จากคุณ : BeNettY เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 15:15:15

ความคิดเห็นที่ 12 เราว่าคุณแบ่งเวลาให้กับการเรียนไม่พอมากกว่า เราก็เป็นเด็กกิจกรรมเหมือนกันรู้ว่ามันสนุกและมีความสุขยังไง แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องเข้าเรียน ไม่รู้มหาลัยคุณเป็นงี้มั้ย ว่าสามารถขาดเรียนแต่ละวิชาได้ไม่เกินเท่าไหร่ สำหรับเราตอนนั้นต้องห้ามขาดเกินสี่ครั้ง ถ้าขาดเรียนก็ต้องตามเก็บงานให้ทัน เอาเล็คเชอร์ของเพื่อนมาถ่ายเอกสารไว้อ่าน มันต้องขยันมากขึ้นจะบอกว่าเหนื่อยไม่ได้เพราะพ่อแม่ส่งเสียมาเรียนต้องเรียนให้จบ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 15:21:22

ความคิดเห็นที่ 13 สงสัยว่าวิชาที่เรียน คนรับสมัคร (เข้าทำงาน) เค้าไม่ค่อยมองเกรดเท่าไหร่ ส่วนมากเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานที่นั่น เอาแค่เรียนจบก็รับแล้ว..... (คนจบยังน้อยกว่างานค่ะ) พอมาทำงานจริง เลยมองออกว่าคนทำกิจกรรมมาได้เปรียบคนที่ไม่ได้ทำกิจกรรม อย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าสาขาที่เรียน มีคนจบมาปีนึงๆเยอะ (กว่างาน) คนรับสมัครเข้าทำงาน ก็ต้องมองเกรดก่อน อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าคนๆนั้นมีความรับผิดชอบค่ะ จากคุณ : ปุยปุย เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:24:53